:: ความน่าจะอ่าน 2020 ::
ปี 2020 เริ่มต้นขึ้นแล้ว และแม้ช่วงวันหยุดกำลังจะสิ้นสุดลง แต่เรายังมีหนังสือดีๆ ที่อยากชวนให้ทุกคนได้อ่านกัน (หรืออย่างน้อยเก็บไว้ในลิสต์หนังสือที่ ‘น่าจะอ่าน’ ในปี 2020 ก็ยังดี)
เพราะนี่คือหนังสือที่เหล่า contributor ของ 101 รวมทั้งสิ้นกว่า 40 ชีวิต มาช่วยกันแนะนำ โดยเราให้แต่ละคนเลือกหนังสือ 1 เล่ม ที่คิดว่าเหมาะสำหรับวาระเปลี่ยนผ่านจากปี 2019 สู่ปี 2020 พร้อมเหตุผลสั้นๆ ว่าหนังสือเล่มนั้นน่าสนใจอย่างไร
1. AI Superpowers : China, Silicon Valley, and the new world order
Kai-Fu Lee เขียน
จัดพิมพ์โดย HACHETTE BOOK GROUP USA
แนะนำโดย อาร์ม ตั้งนิรันดร
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเ ทคโนโลยีชื่อดังของจีน และเป็นหนังสือที่โด่งดังมา กด้วยในโลกตะวันตก พูดถึงความสำคัญของ AI จากมุมมองของจีน
หลี่ไคฟู่ ตั้งคำถามว่าจีนมีความได้เป รียบอะไรบ้างในการพัฒนาเทคโ นโลยี AI (เช่น ปริมาณข้อมูล วัฒนธรรมผู้ประกอบการ การส่งเสริมจากรัฐบาล ฯลฯ) และชวนให้เราขบคิดเกี่ยวกับ อนาคตของ AI อันได้แก่ ผลกระทบต่อตลาดงาน รวมทั้งผลกระทบจากการแข่งขั นระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยี
นอกจากนี้ในตอนท้ายของเล่ม ผู้เขียนยังเปิดใจเกี่ยวกับ ประสบการณ์ชีวิตในช่วงที่เข าป่วยหนัก ว่าได้สอนอะไรให้กับตัวเขาใ นเรื่องคุณค่าของความเป็นมน ุษย์และคุณค่าของ AI
2. Authoritarianism and the elite origins of democracy
Michael Albertus และ Victor Menaldo เขียน
จัดพิมพ์โดย Cambridge University Press
แนะนำโดย เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์
การวางหมากทางการเมืองก่อนก ารลงจากอำนาจของเผด็จการ เป็นสิ่งที่ผู้นำกองทัพของช ิลีวางแผนเตรียมการไว้เป็นอ ย่างดี เพื่อสงวนบทบาทของตนในรัฐบา ลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ องค์ประกอบของสมาชิกรัฐสภาท ี่มีผู้นำกองทัพเข้าไปนั่งอ ยู่เป็นจำนวนไม่น้อย รวมถึงองค์กรทางการเมืองต่า งๆ เหล่านี้เปรียบเสมือนการวาง ยาทางการเมืองไม่ให้เกิดระบ อบประชาธิปไตยเสรีนิยมอย่าง แท้จริง ท้ายที่สุดก็นำมาสู่การลุกฮ ือของประชาชนอีกครั้งในปีนี ้ เพื่อมุ่งหวังการถอกรากถอนโ คนซากเผด็จการที่ยังหลงเหลื ออยู่
หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จ บ ผมรู้สึกเหมือนไทยกำลังเดิน ตามแบบชิลีอย่างไม่ผิดเพี้ย น
3. My brother’s husband
Gengoroh Tagame เขียน
สำนักพิมพ์ Dex Press
แนะนำโดย เอกศาสตร์ สรรพช่าง
ต้องบอกว่าเป็นหนังสือการ์ต ูนที่น่าจะให้เด็กๆ มัธยมบ้านเราได้อ่านเสียด้ว ยซ้ำ เพราะมันส่งเสริมความเข้าใจ อันดีในเรื่องความหลากหลายแ ละการอยู่ร่วมกันของคนในสัง คมที่แตกต่างกันได้อย่างละม ุนละไมมาก
มังงะเรื่องนี้ได้รับรางวัล ทั้งจากในญี่ปุ่น (Excellence Prize จาก Japan Media Art Festival) และ Will Eisner Comic Industry ในสหรัฐอเมริกา บ้านเราแปลออกมาแล้วสองเล่ม โดยสำนักพิมพ์ Dex Press ชวนอ่านเลยครับ
สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ
4. Elastic: Flexible Thinking in a Time of Change
Leonard Mlodinow เขียน
แนะนำโดย ติณห์นวัช จันทร์คล้อย Eyedropper Fill
2019 เป็นปีที่พยายามมองหาระบบระ เบียบ และสร้าง ‘สูตร’ ในการทำงานสร้างสรรค์ แต่ทันใดนั้น หนังสือเล่มนี้ก็เข้ามาบอกว ่าการมีสูตรอาจเป็นกับดัก เพราะสมองของเราถูกออกแบบมา ให้ขี้เบื่อ หิวสิ่งใหม่ น้ำลายไหลกับความท้าทาย และกระหายความเปลี่ยนแปลงเป ็นทุน
การมีสูตร, แพทเทิร์น หรือรูทีน ทำให้สมองอยู่ในอาการคอมฟอร ์ต ยิ่งปลอดภัย น้ำย่อยแห่งความคิดสร้างสรร ค์ยิ่งไม่ไหล
กลับกัน, การพาสมองไปเจอปัญหาไม่ซ้ำ ดีลกับข้อจำกัดใหม่ทุกวัน เผชิญกับแพทเทิร์นความคิดที ่มีลวดลายไม่คงที่ สร้าง ‘สูตรที่ไม่มีสูตร’ เพื่อให้สมองได้ใช้ท่าไม้ตา ยที่ชื่อ ‘Flexible Thinking’ หรือ ‘ความคิดแบบยืดหยุ่น’ อยู่เสมอ คือวิธีที่จะทำให้ความคิดสร ้างสรรค์ของเรากระฉูด
ขอมอบความคิดไร้กระบวนท่าเพ ื่อเตรียมรับความเปลี่ยนแปล งในปี 2020 เป็นของขวัญให้ผู้อ่านทุกท่ านครับ
5. ตามฝูงปลาออกไป
ปราชญ์ อันดามัน เขียน
จัดพิมพ์โดย ผจญภัยสำนักพิมพ์
แนะนำโดย อิสระ ชูศรี
อาร์น เนส (1912 –2009) นักปรัชญาภาษาชาวนอร์เวย์ ผู้ออกจากมหาวิทยาลัยมาอุทิ ศชีวิตเพื่องานอนุรักษ์ธรรม ชาติในแนว ‘นิเวศวิทยาเชิงลึก’ กล่าวถึงความสำคัญของประสบก ารณ์ทันทีทันใดในธรรมชาติ ซึ่งยังไม่ทันถูกกำหนดโดยคว ามคิด การใช้เหตุผล และวัฒนธรรม เพราะมันจะทำให้เราตระหนักไ ด้ว่าตนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของ ธรรมชาติ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงทรัพยากร เพื่อประโยชน์ของมนุษย์แต่ล ำพัง
เมื่อพลิกอ่านหนังสือรวมบทก วี ‘ตามฝูงปลาออกไป’ ของนักพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแว ดล้อม ผู้กลายเป็นจิตรกรและกวีในน ามแฝง ‘ปราชญ์ อันดามัน’ ผมรู้สึกถึงความพยายามในการ จำลองประสบการณ์แบบทันทีทัน ใดในธรรมชาติผ่านจินตนาการท ี่กรองเป็นถ้อยคำ ซึ่งเชิญชวนให้ผู้อ่านสลัดต ัวเองออกจากพันธนาการของ ‘ความเป็นมนุษย์’ และกาละเทศะที่จำกัดเราไว้ต รงนี้ในปัจจุบัน แล้วโลดแล่นไปสู่ความเป็นชี วิตอื่นๆ ในที่อื่นและเวลาอื่น
เมื่อลองทำแบบนั้น เราอาจจะเกิดประสบการณ์ที่ช ่วยให้เราตระหนักถึงขนาดและ บทบาทที่แท้จริงของมนุษย์ใน ฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของธรร มชาติ
“เขากลับมาจากมหาสมุทร
ลำตัวมีแต่เพรียงหอยเกรอะเก าะเต็ม
จมูกไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อ เขาหายใจด้วยเหงือก
เขาเหมือนปลาตีนยักษ์
ผู้คนแตกตื่น
ปลาประหลาดคลานอยู่บนหาด
เขาเอ่ยด้วยภาษาปลา
แต่ไม่มีใครรู้ฟัง”
– บางส่วนจาก “กลายเป็นปลา (2)”
6. This Is Not Propaganda: Adventures in the War Against Reality
Peter Pomerantsev เขียน
จัดพิมพ์โดย Faber & Faber
แนะนำโดย อิสร์กุล อุณหเกตุ
สี่สิบปีหลังจากนักเขียนผู้ เป็นบิดาของ Peter Pomerantsev ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ถูกเ จ้าหน้าที่ KGB ควบคุมตัว โลกใบนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่ างมหาศาล
การเซ็นเซอร์แบบในยุคสงคราม เย็นหมดไป ผู้คนล้วนมีเสรีภาพในการแสด งความคิดเห็น แต่เสรีภาพดังกล่าวกลับกลาย เป็นเครื่องมือใหม่ในการจัด การข้อมูลข่าวสาร ซึ่งไม่ใช่แค่ในรัสเซียเท่า นั้น หากแต่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโล ก
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไป ‘ผจญภัย’ ด้วยการพบปะผู้คนมากหน้าหลา ยตา ตั้งแต่เกรียนอินเทอร์เน็ตใ นมะนิลา นักต่อต้านคอร์รัปชันในเม็ก ซิโก จนถึงผู้ริเริ่มไอเดีย Cambridge Analytica และชวนเราคุยประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องเสรีภาพในการแสดง ความคิดเห็นกับข่าวปลอมในโซ เชียลมีเดีย วิธีการบ่อนทำลายชื่อเสียงข องนักเคลื่อนไหวผู้เป็นปฏิป ักษ์ต่อรัฐบาล และโกหกคำโตของนักการเมืองเ มื่อรู้ว่าข้อเท็จจริงไม่ใช ่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
“เมื่อข้อมูลข่าวสารคืออาวุ ธ เราทุกคนก็อยู่ในสงคราม” คือคำโปรยบนปกในของหนังสือเ ล่มนี้ และเมื่อเราต่างอยู่ในสงครา ม การจัดการข้อมูลข่าวสารจึงม ิได้เป็นเพียงแค่ ‘การโฆษณาชวนเชื่อ’ ดังที่เคยเป็นมา
7. How Fear Works: Century of Fear in the 21st Century
Frank Furedi เขียน
จัดพิมพ์โดย Bloomsbury
แนะนำโดย จันจิรา สมบัติพูนศิริ
ความกลัวเป็นอารมณ์ขั้นพื้น ฐานของมนุษย์ ถ้ามนุษย์หยุดกลัว เราคงเผชิญภยันตรายต่างๆ โดยมิได้คิดว่าจะระวังหรือป ้องกันภัยเหล่านี้ได้อย่างไ ร เอาเข้าจริงแล้ว ความกลัวเป็นแรงขับเคลื่อนอ ารยธรรมของมนุษย์ ศาสนาหลักๆ ของโลกพัฒนาจากฐาน “Thou shalt fear”
ใน How Fear Works นักปรัชญาเลื่องชื่ออย่าง Furedi ชี้ให้เห็นประวัติศาสตร์ร่ว มสมัยว่าด้วยความกลัว ในยุคที่พระเจ้ายังไม่ตาย ความกลัวมีศูนย์กลางและทิศท าง คือเรารู้ว่าจะกลัวอะไร/ ใคร รวมถึงกลัวเพื่ออะไร ด้วยเหตุนี้ความกลัวจึงจำกั ดอยู่ในเรื่องทางจิตวิญญาณส ูงสุด แต่ในเรื่องทางโลกมีคุณค่าอ ีกชุดกำกับความกลัว เช่น ความกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปก ป้องชุมชน หรือกล้าเปลี่ยนสังคมแบบพลิ กฟ้า เป็นต้น
Furedi ชี้ว่านับแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ความเป็นสมัยใหม่ทำให้คุณค่ าทางจิตวิญญาณถูกตั้งคำถามม ากขึ้น ผลประการหนึ่งคือศูนย์กลางข องความกลัวเสื่อมสลาย เป้าหมายของความกลัวมีลักษณ ะกระจัดกระจายและไร้ทิศทางม ากขึ้น
มนุษย์ในยุคสมัยใหม่ถูกบอกใ ห้กลัวเชื้อโรค อุบัติเหตุ อาชญากรรม อาหารการกิน การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง อนาคตที่เราไม่รู้ ฯลฯ
ท่ามกลางการกระจายอำนาจของค วามกลัว ความกระวนกระวาย (anxiety) เป็นสิ่งคู่ชีวิตมนุษย์ เรากล้าเสี่ยงต่อความไม่แน่ นอนน้อยลง และมักไม่อยากให้เกิดการเปล ี่ยนมากนัก เพราะการเปลี่ยนแปลงมากับคว ามไม่แน่นอนและความเสี่ยงต่ อภยันตรายที่เราไม่รู้
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พูดถึง ความกลัวในบริบทการเมืองโลก มากนัก แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าสำคัญอย่ างยิ่งต่อการทำความเข้าใจกร ะแสอนุรักษนิยม รวมถึงอำนาจนิยมการเมืองโลก ขณะนี้ หากปราศจากการฉวยใช้ประโยชน ์จากการแพร่กระจายของความกล ัว กระแสการเมืองเช่นนี้คงยากท ี่จะได้ใจมวลชนผู้ถูกบอกให้ หวาดกลัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อว ัน
8. Futuration เปลี่ยนปัจจุบัน ทันอนาคต
สันติธาร เสถียรไทย เขียน
สำนักพิมพ์มติชน
แนะนำโดย จิรัฐิติ ขันติพะโล
สวัสดีปีใหม่ผู้อ่าน 101 ในโอกาสปีใหม่นี้ ผมขอแนะนำหนังสือ ‘Futuration เปลี่ยนปัจจุบัน ทันอนาคต’ โดย ดร.สันติธาร เสถียรไทย ให้เข้ากับบรรยากาศแห่งความ เปลี่ยนแปลง
ปี 2019 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งการปะทะ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เราเห็นการปะทะกันเกิดขึ้นอ ย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ไม่ว่าจะเป็นในระดับประเทศ หรือระดับโลก
เราเห็นสหรัฐฯ ปะทะกับจีนทางเศรษฐกิจ ด้วยการทำสงครามการค้า เราเห็นคนอังกฤษปะทะกันทางค วามคิด เรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพ ยุโรป เราเห็นคนรุ่นใหม่ในฮ่องกง ปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐบนท้อ งถนนเพื่อต่อต้านรัฐบาลจีน และเราเห็นการปะทะกันทางการ เมือง เพื่อสร้างประชาธิปไตยในประ เทศไทย
ทศวรรษที่ 2010 กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ทำไมเรายังต้องเถียงเรื่ องความจำเป็นของประชาธิปไตย การค้าเสรี และความร่วมมือกันทางเศรษฐก ิจอยู่อีก
ผมเจอคำอธิบายที่น่าสนใจในเ ชิงเศรษฐกิจของเรื่องนี้ อยู่ในหนังสือ Futuration
ดร.สันติธาร บอกว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทา งเทคโนโลยี ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้ งที่ 4 ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งตามโลกไ ม่ทัน ตกขบวนรถไฟแห่งโลกาภิวัฒน์ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ต าม คนส่วนหนึ่งเป็นเหยื่อของคว ามเหลื่อมล้ำ ส่วนหนึ่งขาดโอกาสทางการศึก ษา ทำให้ไม่มีทักษะที่จำเป็นใน การปรับตัว
ในหนังสือมีการอ้างถึงผลการ ศึกษาของธนาคารโลก ว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คนที่รวยมากอยู่แล้วจะยิ่งร วยขึ้น คนที่ฐานะยากจนมาก ก็มีฐานะดีขึ้นอย่างก้าวกระ โดด เช่น จีน แต่คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คือคนที่มีฐานะปานกลางถึงสู ง ที่แม้ไม่ยากจนข้นแค้น แต่ก็ไม่รวยมากพอที่จะได้รั บประโยชน์อย่างเต็มที่จากกา รพัฒนาเศรษฐกิจบนโลกเสรี คนเหล่านี้มักกระจุกตัวในบร ิเวณเดียวกันคือ เมืองที่เคยรุ่งเรืองจากยุค อุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันไม่เหลือความรุ่ งเรืองแบบในอดีตแล้ว
ความไม่พอใจของคนที่ถูกทิ้ง ไว้ข้างหลังจำนวนมาก ก่อตัวเป็นกระแสต่อต้านโลกา ภิวัฒน์ เพื่อหยุดหรือชะลอการเปลี่ย นแปลงที่กำลังมาถึง เป็นที่มาของการโหวตเลือกปร ะธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสนับสนุนให้เกิดเหตุการณ ์ Brexit
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มน ี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การอธิบายป รากฏการณ์ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี ที่กำลังท้าทาย ‘คน’ เท่านั้น แต่ผู้เขียนยังได้เสนอมุมมอ งที่มีต่อการศึกษา วิธีคิด และทักษะที่จำเป็นแห่งอนาคต สำหรับรับมือกับโลกใบใหม่ เปลี่ยนความกลัวที่มี ให้เป็นความกล้า เพื่อสร้างอนาคตให้กับตนเอง แม้ว่าโลกจะเปลี่ยน หรือปะทะกันอย่างรุนแรงแค่ไ หนก็ตาม
9. วรรณกรรมที่แท้จริงน่ะ ต้องใช้คอมพิวเตอร์เขียนเท่ านั้นไม่รู้เหรอ
ร เรือในมหาสมุท เขียน
สำนักพิมพ์ พะโล้ (Palo Publishing)
แนะนำโดย จิตรทัศน์ ฝักเจริญผล
นวนิยายไลท์โนเวลฉบับนี้ จินตนาการถึงโลกที่ปัญญาประ ดิษฐ์พัฒนาจนมีบทบาททดแทนอา ชีพของนักเขียน
หน้าที่ของมนุษย์เหลือแค่ดู และบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์นั กเขียนให้คอยผลิตงานเขียน หรือคอยอัพเกรดคอมพิวเตอร์ เพิ่มหน่วยความจำ เพิ่มหน่วยประมวลผล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไลท์โนเวลเล่มนี้สนใ จเป็นพิเศษคือพัฒนาการทางคว ามคิดความรู้สึกนึกคิด รวมทั้ง ‘อารมณ์’ ของปัญญาประดิษฐ์ที่ทำหน้าท ี่เป็นนักเขียน ปัญญาประดิษฐ์ที่ทำหน้าที่เ ขียนนวนิยายที่ซับซ้อนย่อมม ีความคิดที่ลึกซึ้งไปด้วย
นอกจากจะพาเราจินตนาการไปกั บความคิดของปัญญาประดิษฐ์แล ้ว ไลท์โนเวลที่อ่านเพลินแต่ไม ่ ‘เบา’ เลยเล่มนี้ ยังพาเราไปสัมผัสกับประเด็น น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างสร รค์ การประกวด การเรียนรู้และปรับตัวอีกด้ วย
10. Super Continent: The Logic of Eurasian Integration
Kent E. Calder เขียน
จัดพิมพ์โดย Stanford University Press
แนะนำโดย จิตติภัทร พูนขำ
วันนี้ การหวนคืนของการแข่งขันทางภ ูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นโจทย์ใ หญ่ของคนที่ศึกษาการเมืองระ หว่างประเทศและการต่างประเท ศ การถือครองอำนาจทางทะเลแบบด ั้งเดิมกำลังถูกท้าทายด้วยก ารก่อตัวของมหาอำนาจใหม่ และการสะสมกำลังอำนาจทางบกใ นพื้นที่ใจกลางของยูเรเชีย ทฤษฎีพื้นที่ใจกลาง (Heartland theory) เคยเสนอว่า ผู้ใดกุมอำนาจพื้นที่ยูเรเช ียได้ นั่นหมายถึงแนวโน้มที่จะครอ งอำนาจนำในการเมืองโลก
หนังสือ ‘Super Continent: The Logic of Eurasian Integration’ ของ Kent E. Calder จึงมีความโดดเด่นมากในห้วงย ามของการพลิกโฉมภูมิรัฐศาสต ร์โลก รวมถึงความตึงเครียดระหว่าง สองมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐอเ มริกากับจีน
ผู้เขียนนำเสนอยูเรเชียในฐา นะ ‘อภิมหาทวีป’ (Super Continent) ที่กำหนดชะตากรรมทางภูมิรัฐ ศาสตร์ของการจัดระเบียบโลกแ ละระเบียบภูมิภาคอย่างลึกซึ ้งและรอบด้าน ทั้งยังวิเคราะห์เจาะลึกปัจ จัยทางประวัติศาสตร์ช่วงยาว ปัจจัยเชิงกระแสความคิด (ที่เขาเรียกว่า Silk Road Syndrome) ปัจจัยภูมิเศรษฐศาสตร์ (เช่น ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากร เทคโนโลยี ทุน การเงิน และโครงสร้างพื้นฐาน) รวมทั้งปัจจัยมหาอำนาจและปั จจัยการเมืองภายใน ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการ บูรณาการทางเศรษฐกิจการเมือ งและความมั่นคงในยูเรเชีย ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ ของจีน สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชียของรั สเซีย หรือองค์การความร่วมมือเซี่ ยงไฮ้ในเอเชียกลาง
หนังสือ Super Continent ช่วยเปิด ‘อภิมหาเกม’ ทางภูมิรัฐศาสตร์และการบูรณ าการในยูเรเชีย ทั้งในระนาบของทฤษฎี และเชิงประจักษ์ อย่างเป็นระบบ ทั้งยังชวนเปิดประเด็นถกเถี ยงใหม่ๆ ให้แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้ อยอีกด้วย
11. Lolito
Ben Brooks เขียน
แนะนำโดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
ด้วยภาระงานเขียน งานสอน และการติดซีรีส์ ทำให้ชีวิตช่วงหลังผมอ่านหน ังสือน้อยลงอย่างน่าละอาย จึงขอมักง่ายแนะนำหนังสือที ่ตัวเองแปลครับ (ฮา) เนื่องจากช่วงนี้เป็นบรรยาก าศของการใคร่ครวญถึงทศวรรษ 2010 ที่กำลังจะผ่านไป เลยทำให้นึกขึ้นได้ว่านิยาย เรื่อง ‘Lolito’ ของ Ben Brooks อันว่าด้วยเด็กหนุ่มกับสาวแ ก่ที่เจอกันในห้องแชท ดูจะเป็นเรื่อง ‘เชย’ ไปแล้วสำหรับยุคนี้ ยุคที่มีแอปพลิเคชั่นนัดเดต หาคู่ที่รวดเร็วทันใจจนเหลื อเชื่อ
Lolito ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2013 ถูกแปลเป็นภาษาไทยปี 2015 ความน่าสนใจคือรีวิวจากเว็บ Goodreads ไม่ค่อยมีแบบกลางๆ จะเป็นเกลียด 1 ดาว หรือชื่นชม 4-5 ดาวไปเลย นิยายเรื่องนี้มีความเฉพาะด ้านภาษา เต็มไปด้วยการพร่ำบ่นของตัว ละครอย่างกักขฬะ คำแสลงแบบชาวอังกฤษ มุกตลกที่ล้ำเส้นความถูกต้อ งทางการเมือง (PC) จนเรียกได้ว่าเป็น ‘The Catcher in the Rye เวอร์ชันต่ำตม’ ที่ตัวละครเป็นเด็กเกรียนแล ะเอาแต่เมาเหล้า
อีกสิ่งที่นึกถึงจากหนังสือ เล่มนี้คือความตายของสื่อสิ ่งพิมพ์ เนื่องจากสำนักพิมพ์ที่ตีพิ มพ์ Lolito ภาคภาษาไทยได้ม้วยมรณาไปแล้ ว แม้ตัวเองจะเป็นผู้แปลก็ยัง ไม่ทราบเลยว่า ณ ตอนนี้จะหาซื้อหนังสือได้จา กไหน
อย่างไรก็ดี แม้หลายสิ่งจะแปรผันผ่านไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแ ปลงและสะท้อนผ่าน Lolito คือความงี่เง่าอย่างแสนเจ็บ ปวดของเหล่าหนุ่มสาว ที่กาลต่อมาได้แต่เฝ้าถามตั วเองว่า “ฉันเคยทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นเหรอ” แต่มันก็เป็นประสบการณ์ล้ำค ่าด้วยเช่นกัน
12. จีน-เมริกา : จากสงครามการค้า สู่สงครามเทคโนโลยี ถึงสงครามเย็น 2.0
อาร์ม ตั้งนิรันดร เขียน
สำนักพิมพ์ Bookscape
แนะนำโดย กรรณิการ์ กิจติเวชกุล
ปีนี้เป็นปีที่อ่านหนังสือเ ล่มน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่จำเป ็นกับงานจริงๆ แทบไม่ได้อ่านหนังสือที่นอก เหนือจากงานเลยฉะนั้นเล่มที ่ขอเลือกแนะนำคือ จีน-เมริกาฯ
ผู้เขียนเขียนหนังสือได้อ่า นง่ายแล้วก็สนุกมากๆ ทั้งที่เป็นเรื่องความสัมพั นธ์ระหว่างประเทศที่ละเอียด อ่อน นอกจากนี้ยังให้มุมมองที่น่ าสนใจ เพราะมีนักวิชาการและผู้เชี ่ยวชาญจำนวนมาก ที่เมื่อบอกว่าเชี่ยวชาญในเ รื่องจีน ก็มักจะออกแนวโปรจีนหรือวิต กจริตกับจีนมากจนเกินไป แต่คนที่จะมองจีนอย่างลุ่มล ึกและตั้งรับอย่างมีชั้นเชิ งได้แบบนี้ หาตัวจับได้ไม่ง่ายนัก หนึ่งในนั้นคืออาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร
13. อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์
แนะนำโดย กษิดิศ อนันทนาธร
ผมขอแนะนำหนังสือ ‘อนุสรณ์ วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์’ ครับ เพราะเห็นว่าเป็นหนังสืองาน ศพที่น่าอ่าน ‘ที่สุดแห่งปี’ นอกจากรูปภาพหายากจำนวนมากแ ล้ว ข้อเขียนต่างๆ ในเล่ม ก็สะท้อนถึงความคิดและเล่าเ รื่องชีวิตของผู้ตายได้เป็น อย่างดี
อ่านจบแล้วจะรู้จักเธอมากกว ่าการเป็นลูกสาวของรัฐบุรุษ อาวุโส และการเป็นลูกสะใภ้ของศรีบู รพา นอกจากนี้ยังได้รับพระเมตตา จากกรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานคำไว้อาลัยมาลงในห นังสือเล่มนี้ด้วย
มีไฟล์ให้ดาวน์โหลดอ่านฟรี ที่นี่
14. สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อั งกฤษ
ปรีชา พิณทอง เขียน
แนะนำโดย แมท ช่างสุพรรณ
หลายวันก่อนมีเหตุการณ์ทำให ้ผมต้องย้อนมองกลับไปในความ ทรงจำว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในความรับรู้ได้อย่ างไร มีเรื่องราวมากมายที่รอคอยอ ยู่ในนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมหยุดนิ่งแ ละใช้เวลานานในการเพ่งพิศคื อมโนทัศน์ของอีสาน อีสานในความหมายของตัวเอง อีสานที่เคยเกิดขึ้น เป็นอยู่ และสืบไป
อีสานแรกๆ ในความทรงจำคือกลิ่นใบย่านา งจากอาหารแปลกตาในห่อข้าวขอ งเพื่อนที่ต้องโยกย้ายมาจาก ถิ่นฐานบ้านเกิด รสของปลาร้าครั้งแรกที่เรีย นรู้ในวัยประถมจากรถเข็นขาย ข้าวเหนียวไก่ย่างในโรงเรีย นที่ผู้ปกครองทำงานอยู่ คนงานพูดจาภาษาอื่นที่มารับ จ้างในสวนข้างบ้าน และสืบเนื่องต่อมาถึงกลุ่มเ พื่อนเหล้าเพื่อนเรียนในมหา วิทยาลัย คนงานที่เคยอยู่ในปกครอง และใครต่อใครทั้งหลายที่เลื ่อนเลยมาในชีวิต
การอ่าน ‘สารานุกรมภาษาอีสาน-ไทย-อั งกฤษ’ ด้วยเหตุที่เกิดจากการระลึก ถึงความหลัง ทำให้เห็นภาพที่เคยเห็นในคว ามทรงจำชัดเจนขึ้น การอรรถาธิบายในแต่ละคำทำให ้ทัศนียภาพของภาษาในความคิด เปลี่ยนแปลงไปตามภูมิทัศน์ข องถ้อยคำ บางครั้งก็หวนให้คิดถึงความ งามตาที่เกิดขึ้นจากฤดูกาลท ี่เปลี่ยนแปลง บางครั้งก็ทำให้ในใจมีแต่คว ามยกย่องมอบให้แก่ผู้จัดทำ บางครั้งก็ทำให้มองความเป็น อื่นด้วยความหมายใหม่ และหลายครั้งก็อยากให้ใครต่ อใครใส่ใจในความหมายของถ้อย คำที่เป็นอื่นมากกว่านี้
สารานุกรมเล่มนี้เปรียบเสมื อนจุดพบพานของกระแสลมต่างทิ ศที่ทำให้เห็นความงดงามในคว ามต่างของภาษา ทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของกา รปวารณาตัวเพื่อสร้างสะพานใ นการไปมาหาสู่
และทั้งหมดคือเหตุผลของการเ ลือกหนังสือเล่มนี้
15. โอลีฟ คิตเตอริดจ์ Olive Kitteridge
Elizabeth Strout เขียน
อิศรา แปล
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
แนะนำโดย นรา
เป็นหนังสือที่พูดถึงความเป ็นไปของชีวิต ความซับซ้อนของชีวิต ความยากของการมีชีวิต ความสุขและความทุกข์ในการใช ้ชีวิต และความพยายามที่จะมีชีวิตแ ละทำความเข้าใจชีวิต
16. การงานที่รัก (A Job to Love)
The School of Life เขียน
กัญญ์ชลา นาวานุเคราะห์ แปล
สำนักพิมพ์ The School of Life Press
แนะนำโดย ภาคิน นิมมานนรวงศ์
ผมไม่แน่ใจว่าคนเราต้องรักง านที่เราทำขนาดไหน ผมเชื่อด้วยซ้ำไปว่าความรัก กับการทำงานไม่ใช่ของคู่กัน และถ้าใครมีโอกาสได้ทำงานที ่รัก ก็เป็นเพราะโชคและโอกาสที่ค นจำนวนมากในโลกใบนี้ไม่มี และอาจไม่มีทางมี
ทว่าต่อให้ไม่ได้รู้สึกรัก แต่เราพอจะมีความสุขกับงานท ี่เราทำได้หรือเปล่า? ต้องมีความสุขมากแค่ไหน? เราจะหางานแบบนั้นเจอได้อย่ างไร? และเป็นไปได้ไหมว่าเราจะเกิ ดตกหลุมรักสิ่งที่เราทำอยู่ เข้าสักวัน?
‘การงานที่รัก’ พาเราเดินสำรวจความคิดและคว ามสัมพันธ์ของเรากับการงานท ี่ไม่ได้เพียงทำเพื่อหาเลี้ ยงชีวิต แต่กลับกลายเป็น ‘ชีวิต’ ของใครหลายคนโดยไม่ทันระวัง หนังสือชวนคิดถึงคำถามข้างบ นด้วยด้วยท่าทีที่ไม่ได้สั่ งสอน ทั้งยังพยายามเข้าอกเข้าใจส ถานการณ์ชีวิตที่หลากหลายแล ะไม่ได้ง่ายนัก
จุดเด่นคือหนังสือไม่ได้ให้ คำตอบสำเร็จรูป แต่ชวนเราตั้งคำถาม นอกจากนั้นยังนำเสนอเครื่อง มือบางอย่าง คือแบบฝึกหัดที่สอดแทรกอยู่ ในแต่ละบท ซึ่งน่าจะช่วยให้เราหยุดพัก ทบทวน และพูดคุยกับตัวเองบ้างในเว ลาที่จำเป็น
17. American Bar : The Artistry of Mixing Drinks
Charles Schumann เขียน
จัดพิมพ์โดย Abbeville Press
แนะนำโดย ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์ (ลุงเฮม่า)
ทำไมถึงควรอ่าน หากคุณดื่ม หรืออยากจะดื่มให้มันด่ำกว่ าที่เป็นอยู่ตอนนี้ โลกของสุรานั้นใหญ่โตกว้างข วาง และแสนรื่นรมย์ (ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักคร องสตินะ จะได้ไม่เจ็บตัว) ลุงชาร์ลส์ ชูมัน เป็นนายบาร์รุ่นปู่ ผู้ซึ่งดูเก๋ามาก บาร์ของเขาชื่อ American Bar เป็นหนึ่งในตำนานบาร์
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่อง ของบาร์ แต่เป็นเหมือนคู่มือสำหรับค นที่สนใจเรื่องเหล้าและเครื ่องดื่ม มีตั้งแต่สุราประเภทต่างๆ ข้อมูลเบื้องหลังชนิดอ่านแล ้วจำไว้โม้ วิธีการชงเหล้า ไปจนถึงสูตร cocktail นับร้อย ซึ่งทั้งหมดเป็น classic cocktail ซึ่งอยู่คู่โลกมาห้าสิบปีขึ ้นไป
ถ้าสนใจเครื่องดื่ม ก็ต้องเริ่มที่ classic cocktail ก่อน จากนั้นจะสร้างสรรค์พิสดารอ ย่างไรก็เรื่องของคุณ และหนังสือเล่มนี้เสนอพื้นฐ านของเครื่องดื่มได้ดีที่สุ ดเล่มหนึ่ง จริงอยู่ว่าเดี๋ยวนี้เรามีข ้อมูลเรื่องเครื่องดื่มในออ นไลน์มากมาย แต่ข้อได้เปรียบของหนังสือค ือกระบวนการคิดและระบบของข้ อมูล ซึ่งแน่นปึ้กกว่า
18. On Fire: The Burning Case for a Green New Deal
Naomi Klein เขียน
จัดพิมพ์โดย Simon & Schuster
แนะนำโดย เพชร มโนปวิตร
ปี 2019 เป็นปีที่ขบวนการสิ่งแวดล้อมระดับโลกกลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของเยาวชน Climate Strike นำโดยสาวน้อย Greta Thunberg ที่พากันออกมาแสดงพลังกดดันผู้นำให้ลงมือแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หนังสือ On Fire เล่มนี้รวบรวมบทความทั้งเก่าและใหม่ต่างกรรมต่างวาระของ Naomi Klein ในช่วงปี 2009-2019 โดยมีบทความ ใหม่ที่เน้นถึงความจำเป็นและโอกาสในการผลักดัน The Green New Deal แผนปฏิรูปเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เป็นความหวังสำคัญในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเปลี่ยนผ่านไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ปัญหาโลกร้อน จะว่าไปก็เป็นบททดสอบสำคัญของมวลมนุษย์ว่าจะเอาชนะความโลภอันไม่สิ้นสุนของตัวเองได้หรือไม่ จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิกฤตร้ายแรงให้กลายเป็นโอกาสในการปฏิวัติระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ผุพัง เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับธรรมชาติให้กลับคืนมาได้ทันเวลาหรือเปล่า
แม้แนวโน้มการเมืองในช่วงที่ผ่านมาของนานาประเทศ ดูจะสวนทางกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง และทำให้ความหวังริบหรี่ลงไปทุกขณะ แต่ก็ยังมีหลายเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมาที่ทำให้เราไม่หมดหวังเสียทีเดียว โดยเฉพาะการได้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่
แก่นกลางแนวคิดของ Naomi ยังคงเน้นอธิบายว่าทำไมทุนนิยมจึงเป็นรากของปัญหาทั้งปวง ซึ่งนำไปสู่การเมืองแห่งความโลภและความฉ้อฉล นโยบายต่างๆ ในนามของการพัฒนาจึงมุ่งไปที่ผลประโยชน์ระยะสั้น ผลประโยชน์ของพวกพ้อง
แม้โทนของหนังสือเล่มนี้จะเป็นแนวคิดนักกิจกรรมฝ่ายซ้าย แต่ตรรกะเหตุผลของเธอก็น่ารับฟัง ผมคิดว่า Green New Deal เป็นแนวคิดที่น่าสนใจมาก และความจริงทุกประเทศควรจะต้องมี เพราะมันคือการเปลี่ยน ‘ความฝันสู่โลกที่ดีกว่า’ ออกมาเป็นแผนปฎิรูปที่มีความเป็นไปได้
โลกที่เลือกข้างธรรมชาติ และส่งเสริมความเท่าเทียม มันคือความหวังในการขับเคลื่อนทางสังคม อ่านเพื่อเติมไฟ ไม่ให้ดับมอดไปเสียก่อนขณะที่ยังต้องเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง
19. His Dark Materials
Philip Pullman เขียน
จัดพิมพ์โดย Yearling
แนะนำโดย พีเทอร์ ไมตรี อึ๊งภากรณ์
I confess I read so much technical stuff on trade and Brexit these days that most of the books I read are escapist. Highly recommended examples include: John Le Carré (proving that we can’t escape Brexit after all), Kate Atkinson’s Jackson Brodie novels (she has a brilliant writing style), Simon Mawer ’s The Girl Who Fell from the Sky and sequel Tightrope (you have to read both), Ian Rankin’s Rebus books (for a flavour of Scotland), and the Montalbano novels of Andrea Camilleri, who died in July (for a completely different flavour of Sicily).
However in 2020, I’m going to reread Philip Pullman ’s His Dark Materials trilogy . The recent BBC/HBO series of the first book, Northern Lights (see trailer ), sparked a discussion in the family about whether the various strands in the trilogy tie together logically.
Irrespective of that debate, Pullman’s amazing imagination and knowledge have produced an incredible mix of fantasy, science, theology and politics , in a devastating attack on organised, authoritarian religion – in fact anything authoritarian but particularly religion, which is why the first movie version was toned down for American audiences. Thankfully the TV series hasn’t done that.
The trilogy was first published as a series of books for older children, but it’s a good read for adults too. As one commentator put it, children’s books normally focus on a small, narrow world. These books are about huge multi-universes. Definitely not a ‘101’ world!
And now a much darker series, the Book of Dust , is being published, which Pullman himself says might be more suitable for adults. Re-reading the original series is good preparation. I hope there’s a Thai translation.
Here’s a game for family and friends who know the books: what would your daemon be?
20. The Internationalists: How a Radical Plan to Outlaw War Remade the World
Oona A. Hathaway และ Scott J. Shapiro เขียน
จัดพิมพ์โดย Simon & Schuster
แนะนำโดย พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
ผมชวนอ่าน ‘The Internationalists: How a Radical Plan to Outlaw War Remade the World’ ครับ
หนังสือเล่มนี้พยายามเล่าให ้ฟังถึงประวัติศาสตร์โลกก่อ นและหลังการลงนามสนธิสัญญาส ันติภาพที่กรุงปารีส เมื่อปี 1928 ที่เป็นความพยายามของนานาชา ติในการทำให้สงคราม ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการตัดสินความขัดแย้งระหว ่างประเทศ กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายระห ว่างประเทศไป
แม้สนธิสัญญาดังกล่าวจะไม่ไ ด้ทำให้สงครามหายไปจากโลก (เกิดสงครามโลกครั้งที่สองไ ม่กี่ปีหลังจากนั้น) แต่ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแป ลงของระเบียบโลกอย่างมีนัยส ำคัญ อ่านแล้วได้คิดหลายเรื่องว่ าสันติภาพที่เรามีอยู่ในปัจ จุบัน มีบริบทในประวัติศาสตร์อย่า งไร
21. The New Silk Roads : The Present and Future of the World
Peter Frankopan เขียน
จัดพิมพ์โดย Bloomsbury Publishing
แนะนำโดย ปิติ ศรีแสงนาม
หนังสือเล่มที่ 2 ในชุด The New Silk Roads โดยศาสตราจารย์ทางด้านประวั ติศาสตร์ Peter Frankopan แห่งมหาวิทยาลัย Oxford ที่บอกเล่าเรื่องราวของการก ลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งของปร ะเทศมหาอำนาจแห่งเอเชียด้วย มุมมองภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิ จ มุมมองสหสาขาวิชาที่จับเอาท ั้งเรื่องราวในทางประวัติศา สตร์ รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่ างประเทศ การขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเท คโนโลยี ที่จะเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐก ิจโลกไปตลอดกาล
ผู้เขียนเริ่มต้นเรื่องราวโ ดยการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ทางเศรษฐกิจจากยุโรปสู่ตะวั นออก ในบท ‘The Roads to the East’ ก่อนที่จะบอกว่า แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การเดินทางไปตะ วันออก หากแต่เป็น ‘The Roads to the Heart of the World’ และแน่นอนว่าที่จุดศูนย์กลา งของโลกนั้น ถนนทุกสายกำลังมุ่งสู่ปักกิ ่ง ‘The Roads to Beijing’ และสถานการณ์นี้ทำให้มหาอำน าจเก่าอยู่เฉยไม่ได้ ดังนั้นจึงเกิด ‘The Roads to Rivalry’ ก่อนที่หนังสือจะจบลงด้วยบท สรุปแห่งอนาคต ในบทที่ว่าด้วย ‘The Roads to the Future’
แม้หนังสือจะออกมาตั้งแต่ปี 2018 อันทำให้ข้อมูลส่วนใหญ่ในหน ังสือเป็นข้อมูลระหว่างปี 2015 (หลังจากหนังสือเล่มแรกในชุ ด The New Silk Roads: A New History of the World ตีพิมพ์) จนถึงปี 2017 แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือว ิธีการคิดวิเคราะห์ และเทคนิคการเล่าเรื่องของผ ู้เขียนต่างหากที่น่าสนใจแล ะทำให้เราต้องอ่าน
22. 1984
George Orwell เขียน
รัศมี เผ่าเหลืองทอง และ อำนวยชัย ปฏิพัทธ์เผ่าพงษ์ แปล
สำนักพิมพ์สมมติ
แนะนำโดย พลอย ธรรมาภิรานนท์
“What is more important to you, privacy or security?” คือคำถามที่ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น ตัวแทนจากประเทศไทยได้รับใน รอบ 5 คนสุดท้ายในการประกวด Miss Universe 2019 ซึ่งจุดประกายการถกเถียงกัน อย่างเข้มข้นในโลกออนไลน์
หนังสือเรื่อง ‘1984’ หรือชื่อไทยคือ ‘หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่’ น่าจะเป็นหนังสือที่ใช้อ่าน ประกอบการตอบคำถามและข้อถกเ ถียงดังกล่าวได้ดีเล่มหนึ่ง เป็นนวนิยายดิสโทเปีย ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1949 และเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายข อง George Orwell ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ‘Animal Farm’ ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแนะนำให้อ่าน
‘1984’ เล่าเรื่องเขตการปกครอง Airstrip One ในปี 1984 ซึ่งอยู่ในภาวะสงครามมาอย่า งยาวนาน ทำให้การสอดส่องดูแลของรัฐบ าลอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งจำเป ็นอย่างยิ่งที่จะนำมาซึ่งคว ามมั่นคง (ซึ่งคลุมเครืออย่างยิ่งว่า เป็นความมั่นคงของใครกันแน่ )
ตัวเอกของเรื่องคือ Winston (วินสตัน) ชายผู้ทำงานใน Ministry of Truth หรือกระทรวงแห่งความจริง จะพาเราไปหาคำตอบว่า เพราะเหตุใด 2 + 2 จึงมีค่าเท่ากับ 5 เพราะเหตุใดพรรครัฐบาลจึงมี สโลแกนว่า “Who controls the past controls the future: who controls the present controls the past” (ผู้ควบคุมอดีตย่อมควบคุมอน าคตได้ และผู้ควบคุมปัจจุบันย่อมคว บคุมอดีต) และการสอดส่องดูแลด้วยเหตุผ ลเพื่อความมั่นคงนั้น ต้องแลกด้วยอะไรบ้าง
23. The Beatles Lyrics
Hunter Davies เขียน
จัดพิมพ์โดย Little, Brown and Company
แนะนำโดย ปกป้อง ศรีสนิท
คนในศตวรรษที่ 20 คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือ ไม่เคยได้ยินเพลงของ The Beatles การมีอยู่ของ The Beatles ได้รับการจัดให้เป็นเหตุการ ณ์สำคัญอย่างหนึ่งของศตวรรษ ที่ 20
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้เ ล่าที่มาของเพลงต่างๆ ของ The Beatles และแสดงเนื้อเพลงที่เขียนด้ วยลายมือจริงของสมาชิกของวง เรียกได้ว่าเป็น museum ฉบับกระเป๋าของ The Beatles อย่างแท้จริง
The Beatles ให้ข้อคิดของการเป็น teamwork เพลงของพวกเขาเป็นตำนานและเ ป็นอมตะเพราะการทำงานเป็นที มที่ลงตัว แม้เมื่อพวกเขาแยกวงและทำงา นเดี่ยว ซึ่งสร้างเพลงดีๆ ออกมาอีกมากมาย แต่ผมว่าก็ไม่เหมือนสมัยเป็ น The Beatles
24. The Man Who Solved the Market
Gregory Zuckerman เขียน
จัดพิมพ์โดย Portfolio / Penguin Random House
แนะนำโดย พงศ์ศักดิ์ เหลืองอร่าม
เรื่องราวของ Jim Simons อดีตศาสตราจารย์ด้านคณิตศาส ตร์ ที่ผันตัวเองจากโลกวิชาการม าเป็นนักลงทุน และก่อตั้งบริษัท Renassiance Technologies ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากก ารลงทุนได้สูงอย่างมหัศจรรย ์ โดยมีพื้นฐานความเชื่อว่ารา คาสินทรัพย์ในตลาดการเงินมี รูปแบบที่ซ่อนอยู่ และสามารถค้นพบได้ด้วยวิธีก ารทางคณิตศาสตร์และสถิติขั้ นสูง
หนังสือเล่มนี้เขียนให้กับผ ู้อ่านโดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีความรู้คณิต ศาสตร์มาก่อน เมื่ออ่านจบอาจทำให้เกิดคำถ ามว่า ความรู้เศรษฐศาสตร์การเงินย ังจำเป็นมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในยุคแห่ง Big data และ Machine learning
25. ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ : วิวัฒนาการรัฐไทย
กุลลดา เกษบุญชู มี้ด เขียน
สำนักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน
แนะนำโดย ประจักษ์ ก้องกีรติ
เป็นหนังสือเกี่ยวกับกำเนิด และการเสื่อมสลายของรัฐสมบู รณาญาสิทธิ์ราชย์ที่ดีที่สุ ด ทั้งลึกซึ้ง รอบด้าน ไขความกระจ่างและทลายมายาคต ิเกี่ยวกับปมปัญหาในประวัติ ศาสตร์ไทยหลายประเด็นอย่างห นักแน่น
ฉบับแปลเล่มนี้มีความพิเศษท ั้งภาคผนวกและเอกสารชั้นต้น ที่เพิ่มเติมเข้ามา เป็นหนังสือสำคัญและเหมาะกั บยุคสมัยนี้—ยุคสมัยที่อดีต หวนคืนมาบรรจบและทับซ้อนกับ ปัจจุบันอย่างพิศวง
การอ่านเล่มนี้จึงไม่เพียงช ่วยให้เข้าใจอดีต แต่ช่วยส่องสว่างให้เข้าใจป ัจจุบันอย่างกระจ่างชัด
26. The Canterville Ghost – A Christmas Carol
Oscae wilde, Charles Dickens เขียน
วิภาดา กิตติโกวิท แปล
แนะนำโดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่น่ าจะหาอ่านฉบับสมบูรณ์ได้ยาก เรื่องแรกเขียนโดยออสการ์ ไวลด์ เรื่องหลังเขียนโดยชาร์ลส์ ดิ๊กเก้นส์ แปลโดยวิภาดา กิตติโกวิท นักแปลที่ฝากฝีมือไว้มากมาย รวมทั้ง ‘เหยื่ออธรรม’ กับ ‘สงครามและสันติภาพ’ ฉบับสมบูรณ์ สำนักพิมพ์คนบ้าหนังสือ ค.ศ. 2019 ลำพังชื่อนักเขียนสองท่านแล ะนักแปล ไม่อ่านก็สมควรเก็บเข้าตู้
หลายคนน่าจะได้อ่านฉบับย่อห รือดูหนังคริสตมาสแครอลมาแล ้ว รู้เรื่องของสครู้จและปีศาจ คริสตมาสสามตน แต่จะไม่มีครั้งใดที่เรารู้ จักสครู้จมากเท่านี้ คำพรรณนาเรื่องตัวเขาในหนัง สือเล่มนี้ละเอียดลออมากกว่ าที่เห็นในการ์ตูนหรือภาพยน ตร์หลายๆ เรื่อง มากเสียจนน่าจะเชื่อได้ว่าเ กินเยียวยาแต่คริสตมาสเยียว ยาได้ทุกสิ่ง
ส่วนผีแคนเตอร์วิลล์ เป็นเรื่องขำขันเสียดสีระบบ ทุนนิยมที่แผ่ขยายไปสามโลกร วมถึงโลกหลังความตายด้วย เมื่อชาวอเมริกันได้ไปอยู่ใ นคฤหาสน์เก่าแก่ของขุนนางอั งกฤษ เท่ากับเปิดโอกาสให้นักเขีย นได้ล้อเลียนอังกฤษไปด้วยใน ตัว และถ้าคิดถึงว่าหนังสือนี้ต ีพิมพ์ตั้งแต่ก่อนปี 1900 จึงน่าสนใจยิ่งว่าหนังสือเล ่มนี้ล้ำยุคเพียงใด
27. Gender and the Path to Awakening: Hidden Histories of Nuns in Modern Thai Buddhism
Martin Seeger เขียน
จัดพิมพ์โดย Silkworm Books
แนะนำโดย สนิทสุดา เอกชัย
สมัยก่อนผู้หญิงไทยบวชพระไม ่ได้ อย่างมากก็เป็นแม่ชี หรือปฏิบัติธรรมที่บ้าน แม้กระนั้นก็ยังมีแม่ชีและอ ุบาสิกาหลายท่านปฏิบัติดีปฏ ิบัติชอบจนเชื่อกันว่าสำเร็ จขั้นอรหันต์ เมื่อเสียชีวิตอัฐิกลายเป็น พระธาตุ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Prof. Martin Seeger สอนไทยศึกษาที่ University of Leeds เคยบวชเป็นพระในไทยจนได้นัก ธรรมตรี เป็นผู้ที่เปิดเผยว่าคนที่เ ขียนหนังสือธรรมะเล่มดังที่ เชื่อว่าเป็นบทสนทนาของเกจิ อาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์นั ้น แท้จริงเป็นผู้หญิง คือ คุณหญิงใหญ่ ดำรงธรรมสาร นอกจากท่านแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังเล่าประวั ติชีวิตของแม่ชีและอุบาสิกา อีกหลายท่าน ท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหน อ่านหนังสือเล่มนี้ดู จะเห็นพลังทางจิตวิญญาณของผ ู้หญิงที่อยู่เหนืออุปสรรคท ั้งปวง
28. The Secret of Our Success
Joseph Henrich เขียน
จัดพิมพ์โดย Princeton University Press
แนะนำโดย สันติธาร เสถียรไทย
โจทย์ใหญ่ในยุค 2020 ที่กำลังจะมาถึงคือ “บทบาทของมนุษย์คืออะไรในยุ คแห่ง AI (ปัญญาประดิษฐ์)” แต่ก่อนจะตอบคำถามนั้นได้ เราต้องรู้ว่าอะไรที่ทำให้ม นุษย์พิเศษและต่างจากสัตว์อ ื่น อะไรคือ secret sauce ของปัญญามนุษย์ และเราจะสร้างเสริมมันได้อย ่างไร
หนังสือเล่มนี้ใช้ทั้งชีววิ ทยา สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ มาช่วยหาคำตอบว่าเราจะสร้าง “สังคมที่มีปัญญา” ได้อย่างไร
29. The Complete Persepolis
Marjane Satrapi เขียน
แนะนำโดย ชินธิป เอกก้านตรง
Persepolis เป็นเรื่องราวของประเทศอิหร ่านในยุคปฏิวัติอิสลาม สงครามกับอิรัก ความสูญเสีย และการอพยพ
Satrapi (ผู้เขียน) เล่าเรื่องราวของเธอตั้งแต่ สมัยยังเป็นเด็กไร้เดียงสาท ี่ไม่รู้ว่าการแบ่งแยกและทำ สงคราม เกิดขึ้นเพื่ออะไรและเหตุใด จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่วัยข บถ พร้อมด้วยน้ำเสียงเสียดสีแล ะความตลกร้าย
จริงๆ หนังสือเล่มนี้ออกมาตั้งแต่ ปี 2000 แล้ว ไม่เสียดายที่ใช้เวลาอ่านพร ้อมละเลียดเบียร์รวดเดียวจบ เสียดายที่เพิ่งมาได้อ่านตอ นนี้นี่แหละครับ
30. Opposing the Rule of Law: How Myanmar’s courts make law and order
Nick Cheesman เขียน
จัดพิมพ์โดย Cambridge University Press
แนะนำโดย สมชาย ปรีชาศิลปกุล
ประเด็นปัญหาชวนคิดร่วมสมัย ประการหนึ่งของสังคมที่ล้มล ุกคลุกคลานกับวังวนของระบอบ ประชาธิปไตยและเผด็จการ ก็คืออุดมการณ์ทางการเมืองท ี่นำเข้าจากโลกตะวันตกมักจะ ถูกดัดแปลง ต่อเติม ลดทอน ให้มีความหมายที่แตกต่างไปจ ากที่เป็นอยู่ในดินแดนต้นกำ เนิดอย่างสำคัญ และในหลายครั้งก็อาจแปรเปลี ่ยนไปในลักษณะที่เป็นด้านตร งกันข้ามเสียด้วยซ้ำ
‘Opposing the Rule of Law: How Myanmar’s courts make law and order’ เขียนโดย Nick Cheesman แห่ง Australian National University ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 2015 อธิบายถึงความหมายของ Rule of Law (หลักนิติธรรม, หลักกฎหมายเป็นใหญ่ ในภาคภาษาไทย) ที่ถูกอธิบายและตีความด้วยอ ำนาจของฝ่ายตุลาการในสังคมพ ม่าให้กลายเป็นเรื่องที่เน้ นความสำคัญของ ‘ความสงบเรียบร้อย’ มากกว่าการคำนึงถึงหลักการท างกฎหมายในแง่มุมอื่นๆ
งานชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าฝ่า ยตุลาการก็เป็นส่วนหนึ่งของ สังคมการเมือง และสามารถจะกลายเป็นสถาบันท ี่ทำหน้าที่รับใช้ระบอบการเ มืองแบบอำนาจนิยมได้โดยไม่ย ากลำบาก
สำหรับผู้คนและนักกฎหมายในส ังคมไทยจำนวนหนึ่งที่ยังคงม ีความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าอำนาจตุลาการเป็นเรื่องข องการใช้เหตุผลทางวิชาการที ่เป็นกลาง ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำหรือ อิทธิพลของอุดมการณ์ความเชื ่อใดๆ หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยช น์ที่อาจช่วยเปิดหูเปิดตาให ้ได้เห็นโลกของความเป็นจริง ว่าไม่ได้เป็นเยี่ยงนั้น และจะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ ้นหากหันกลับมาตรวจสอบฝ่ายต ุลาการในสังคมไทยบ้าง
31. Burmese Days
George Orwell เขียน
แนะนำโดย สมชัย สุวรรณบรรณ
ผมขอแนะนำนวนิยายเรื่องแรกข อง George Orwell พิมพ์ครั้งแรกปี 1932 เป็นเรื่องความเลวร้ายของกา รใช้อำนาจกดขี่ประชาชนในอาณ านิคมเอเชียใต้ ซึ่งตอนนั้นรวมถึงพม่าด้วย ทำให้เราเข้าใจสภาพปัญหาที่ กำลังเกิดขึ้นในพม่า และเหตุการณ์โรฮิงญาในปัจจุ บัน และเข้าใจเรื่องลึกๆ ที่ว่าทำไมจึงเกิด Brexit
32. GRIT : สิ่งที่ต้องมี เมื่อคุณไม่มีแต้มต่อในชีวิ ต
Angela Duckworth เขียน
จารุจรรย์ คงมีสุข แปล
สำนักพิมพ์ วีเลิร์น
แนะนำโดย โสภณ ศุภมั่งมี
ที่จริงปีที่ผ่านมาเป็นปีที ่มีหนังสือดีๆ ออกมาเยอะมาก แต่เล่มนี้ผมอ่านแล้วรู้สึก ผูกพันเป็นพิเศษ ในประโยคแรกๆ ของหนังสือที่ผู้เขียนบอกว่ า “รู้ไหม ลูกน่ะไม่ได้เป็นอัจฉริยะ” พออ่านประโยคนั้นปุ๊บก็รู้ส ึกจุกไปนิดหนึ่ง เพราะเมื่อก่อนตอนเป็นเด็กๆ ผมก็มักจะบอกตัวเองแบบนี้เส มอ อาจเพราะสังคมที่เติบโตขึ้น มานั้นมักยกยออัจฉริยภาพและ พรสวรรค์ คนที่อยู่กลางๆ อย่างผมจึงมีความคิดฝังอยู่ ในหัวมาว่าตัวเองคงเป็นอะไร ไปไม่ได้มากไปกว่าอะไรกลางๆ ในสังคมแห่งนี้
แต่โชคดีที่ผมเป็นเด็กที่ค่ อนข้างทรหดเอาเรื่อง ไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่ายๆ หาทางทำทุกอย่างเพื่อให้บรร ลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ และหนังสือ ‘Grit’ เล่มนี้ก็ทำให้รู้สึกว่ามัน มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนั บสนุนรองรับจริงๆ ว่า “ความทรหดอาจสำคัญกว่าพรสวร รค์” ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนและฝึก กันได้
ผู้เขียนได้รับรางวัลแมคอาเ ธอร์ เฟลโลว์ชิพ ที่มักถูกเรียกกันว่า “เงินทุนสำหรับอัจฉริยะ” ซึ่งเป็นรางวัลที่คุณไม่สาม ารถสมัครเองได้ ต้องให้เพื่อนร่วมงานของคุณ เสนอชื่อเข้ารับรางวัล เธอเขียนเอาไว้ว่าถ้าเธอย้อ นเวลากลับไปได้ เธอจะบอกกับพ่อตอนนั้นว่า “พ่อบอกว่าหนูไม่ได้เป็นอัจ ฉริยะ หนูจะไม่เถียง เพราะพ่อรู้จักคนมากมายที่ฉ ลาดกว่าหนู แต่หนูอยากบอกอะไรกับพ่ออย่ างหนึ่ง หนูจะโตขึ้นแล้วรักงานของหน ูมากเหมือนกับที่พ่อรักงานข องพ่อ หนูจะไม่เพียงมีงานทำเท่านั ้น แต่จะมีสิ่งที่ใจเรียกร้องใ ห้ทำ หนูจะท้าทายตัวเองทุกวัน และเมื่อหนูล้ม หนูจะลุกขึ้นใหม่ หนูอาจไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุ ด แต่หนูจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นคนที่ทรหดที่สุด”
นี่คือหนังสือที่อยากแนะนำใ ห้อ่านสำหรับการเริ่มต้นปีใ หม่ เพราะกุญแจสู่ความสำเร็จอาจ จะไม่ใช่พรสวรรค์ การศึกษา หรือฐานะ แต่เป็นอะไรที่เรียบง่ายและ ทรงพลังอย่าง ‘ความทรหด’ – ขอให้เป็นปีที่ทรหดครับ
33. ไกลกะลา : A Life Beyond Boundaries
เบเนดิกท์ แอนเดอร์สัน เขียน
ไอดา อรุณวงศ์ แปล
สำนักพิมพ์อ่าน
แนะนำโดย ศุภชัย เกศการุณกุล
เราได้รู้จักทฤษฎี และหนังสืออันลือลั่นของอาจ ารย์เบเนดิกท์ แอนเดอร์สันตอนเรียนอยู่ปาร ีส เพื่อนส่งมาให้อ่าน ตามจริงเราเข้าใจไอเดียที่อ าจารย์นำเสนอ แต่ไม่เข้าใจโดยละเอียดนัก เพราะอ่านในฐานะที่จะเข้าใจ สังคม ไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดใ นฐานะนักมานุษยวิทยา แต่ก็ทึ่งในมุมมอง การวิเคราะห์เชื่อมโยงและกา รอธิบาย
พอได้มาอ่านประวัติของอาจาร ย์ที่เขียนด้วยน้ำเสียงไม่เ ป็นนักวิชาการ แต่เป็นเหมือนผู้อาวุโสนั่ง อยู่ใต้ต้นไม้ในสวนเล่าให้ค นสนใจได้ล้อมวงเข้ามาฟัง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สนุก สนานไปกับชีวิต การเรียนรู้ และการคลี่คลายของอาจารย์ แม้บางบทตอนจะพูดเรื่องแวดว งวิชาการ ก็อ่านข้ามๆ ไปบ้าง
หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกเพลิ ดเพลิน สะกิดตัวเองให้มองโลกกว้างข วางขึ้น ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ทำให ้อยากทำงานที่ทำอยู่อย่างลง ลึก และอยากไปเห็นอินโดนีเซียใน สายตาของอาจารย์เบเนดิกท์ แอนเดอร์สัน บ้างในวันหนึ่ง
34. The Great Gatsby
F.Scott Fitzgerald เขียน
แนะนำโดย ศุภมิตร ปิติพัฒน์
“So we beat on, boats against the current, borne back ceaselessly into the past.”
ประโยคลงท้ายในนวนิยายจากทศ วรรษ 1920 อันจับใจคนอ่านตลอดกาล และอีกตอนหนึ่งในท้ายบทที่ 6 ที่ขอยกมาแทนเหตุผลที่เสนอเ ล่มนี้เป็นหนังสือ ‘น่าจะอ่าน’ รับปี 2020 ครับ
“You can’t repeat the past.”
“Can’t repeat the past?” he cried incredulously. “Why of course you can!” … “I’m going to fix everything just the way it was before,” he said, nodding determinedly. “She’ll see.”
He talked a lot about the past, and I gathered that he wanted to recover something, some idea of himself perhaps …
Through all he said, even through his appalling sentimentality, I was reminded of something—an elusive rhythm, a fragment of lost words, that I had heard somewhere a long time ago. For a moment a phrase tried to take shape in my mouth and my lips parted like a dumb man’s, as though there was more struggling upon them than a wisp of startled air. But they made no sound, and what I had almost remembered was uncommunicable forever.
35. UNTOUCHABLES
Narendra Jadhav เขียน
แนะนำโดย ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก
เหตุผลที่เลือกเล่มนี้ เพราะคิดว่า “หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้กำ ลังใจใครหลายคนที่อาจท้อแท้ กับปีที่ผ่านมา เพราะมันบอกเล่าเรื่องราวขอ งคนธรรมดาซึ่งอยู่ในวรรณะต่ ำสุดของสังคมอินเดียที่ฝันอ ยากให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดีข ึ้น ที่สำคัญมันช่วยคลายความสงส ัยของใครหลายคนเกี่ยวกับระบ บวรรณะของอินเดียได้เป็นอย่ างดี”
36. Grandma, I Want a Penis
ดุษฎี ฮันตระกูล เรื่องและภาพ
แนะนำโดย ธนาวิ โชติประดิษฐ
จัดพิมพ์เนื่องในนิทรรศการ ‘They Talk’ ที่บางกอก ซิติซิตี้ แกลเลอรี่
“My name is Pia, and I want a penis.
So I can play pee pee fencing with my two brothers.”
หนังสือเล่มเล็กบางขนาดกระช ับมือ บนปกสีส้มสดมีภาพลายเส้นแบบ เด็กๆ รูป ‘จู๋’ หลากหลายขนาดและสายรุ้งเล่ม นี้ เป็นเรื่องราวของ Pia เด็กหญิงที่เฝ้าคอยให้ Grandma ซื้อจู๋มาให้จากตลาดทุกวันอ าทิตย์ เพื่อที่จะ “attach it to my vagina, and use it as a pee pee sword”
‘Grandma, I Want a Penis’ อยู่ระหว่างการเป็นหนังสือน ิทาน หนังสือเพศศึกษาสำหรับเด็กเ ล็กว่าด้วยความแตกต่างของอว ัยวะเพศชายและหญิง หนังสือที่ชวนให้คิดถึงความ เลื่อนไหลของเพศสภาพ (ที่จะหักมุมกลับในตอนท้าย) และหนังสือว่าด้วยการเลี้ยง ดูเด็กในหัวข้อการให้สัญญาแ ละการรักษาคำพูดของผู้ใหญ่
แต่ละหน้ามีข้อความภาษาอังก ฤษเพียงหนึ่งประโยค กับภาพประกอบลายเส้นทั้งสีแ ละขาวดำดูน่ารัก ชวนให้อ่านเปิดอ่านจนถึงหน้ าสุดท้ายที่ความเป็นเด็กน้อ ยไร้เดียงสาได้จางหายไป เพื่อเปิดทางให้ความทะลึ่งท ะเล้นที่มีแต่ผู้ใหญ่ที่เข้ าใจได้เข้ามาแทนที่
37. มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ
ภรณ์ทิพย์ มั่นคง เขียน
สำนักพิมพ์ อ่าน
แนะนำโดย ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
เราจึง “เข้าใจได้แค่นี้แหละ” – บทความปริทัศน์ “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ ” โดย ภรณ์ทิพย์ มั่นคง
ความจริงหนังสือที่ผมเลือกเ ล่มนี้ “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ ” ได้รับการแนะนำและยอมรับว่า เป็นหนังสือยอดเยี่ยมไปแล้ว มากพอสมควร แต่ผมเพิ่งอ่านจบ จึงขอถือโอกาสนี้พูดอะไรเล็ กน้อย ถึงความคิดและความรู้สึกที่ ได้จากการอ่านครั้งนี้
เริ่มจากความหมายนัยของตัวเ ล่ม ซึ่งเป็นหนังสือเล่มเล็กด้ว ยขนาดพ๊อกเกตบุ๊ก แต่หนามากๆ ด้วยความยาวทั้งหมด (รวมภาพบันทึกลายมือเขียน 4 สีอีกหลายหน้า) 852 หน้า ทำให้หนังสือเล็กๆ เล่มนี้หนักมากเป็นพิเศษ กระทั่งเมื่อเข้าใจว่าจุดปร ะสงค์เพื่อทำให้เหมือนพระคั มภีร์ไบเบิลที่ผู้เขียนนับถ ือ จึงกระจ่างและทำให้ลดความหน ักลงไปบ้าง
ประเด็นต่อมาคือเนื้อหาสาระ และความคิดที่ถูกจดจารเอาไว ้อย่างละเอียดและเต็มไปด้วย ชีวิตชีวา ไม่ใช่แต่เฉพาะของผู้เขียนเ ท่านั้น หากแต่ครอบคลุมไปถึงบรรดาผู ้ต้องขังสตรีทั้งหมดในทัณฑส ถานหญิงแห่งนั้นแทบครบถ้วนห มด เรียกว่าเป็นบันทึกของมวลชน สตรีในคุกได้ ทว่าผู้เขียนก็เตือนไว้แต่ต ้นว่า “นี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ ้นในคุกนั่นหรอก และคุณก็น่าจะเข้าใจได้ว่าเ ราเขียนทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในคุกตลอดสองปีเป็นหนังสือไ ม่ได้หรอก แม้เราจะจำมันได้แม่นทุกราย ละเอียดก็ตาม”
“มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ ” ของภรณ์ทิพย์ มั่นคง เล่าถึงสภาพที่เป็นจริงภายใ นคุกโดยผ่านชีวิตและการกระท ำทั้งหลายของผู้ต้องขังและน ักโทษบางคน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลา ย ทำให้เห็นภาพและความจริงของ คุกสมัยโลกาภิวัตน์ว่าเป็นอ ย่างไร โดยรวมๆ แล้วผมมองเห็นสภาพและโครงสร ้างของสังคมไทยทั้งหมดถูกหล อมรวมและขับให้เด่นออกมาในบ างมิติ รวมถึงสะท้อนความคิดของคนใน สังคมอย่างแหลมคมและเจ็บแสบ ยิ่งกว่าละคร เพราะมันเป็นเรื่องจริงและค นจริงๆ
มีคนเคยศึกษาและบอกก่อนแล้ว ว่า หน้าที่และบทบาทอันสำคัญยิ่ งของคุกคือการใช้อำนาจ แน่นอนเพราะคนที่ถูกส่งให้ม าเข้าคุกคือคนที่ทำความผิด หรือพูดแบบทางการไทยคือคนที ่หลงทาง คุกจึงต้องมีหน้าที่หรือพัน ธกิจ (แบบหน่วยงานที่ต้องระบุให้ ดูดี) ในการทำให้คนคุกกลายเป็นคนด ีหรือรู้ทางที่ถูกต่อไป
ผลงานของคุกมีการศึกษามากมา ย ไม่จำเป็นต้องมาสาธยายอะไรต ่อไป สรุปจากการวิจัยศึกษามาทั่ว โลกต่างได้ผลการศึกษาเหมือน กันคือไม่ประสบความสำเร็จ ผลงานที่คุกทำได้ดีโดยที่ไม ่อยู่ในพันธกิจคือการทำให้น ักโทษและผู้ต้องขังกลายเป็น คนที่เชี่ยวชาญและมีทักษะรอ บด้านขึ้นในการทำความผิดต่อ รัฐและเจ้าทรัพย์ได้มากขึ้น กว่าเก่า
สัจธรรมประการแรกที่นักโทษต ระหนักและเรียนรู้คืออำนาจอ ยู่ที่ไหน มันทำงานอย่างไร เพื่อที่จะหาทางหลบเลี่ยง หลีกลี้ และสลายมันลงไป การทำลายหรือต่อต้านอำนาจใน คุกโดยตรงๆ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้หรือไม่ ควรทำเ พราะในที่สุดจะไปไม่รอดและจ ะถูกลงโทษหนักกว่าเดิมอย่าง มาก การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และกระทั่งสามารถกำกับทำให้ มันเป็นเครื่องมือของเราได้ ต่างหาก ที่ตื่นเต้นและให้ความหมายแ ก่ชีวิตที่ไม่รู้อนาคตได้ต่ อไป
“เมื่อติดคุก เราต้องเรียนรู้ให้เร็ว ต้องรู้ว่าศูนย์กลางอำนาจอย ู่ที่ไหน เมื่อรู้แล้วชีวิตก็ง่ายขึ้ น” จากนั้นผู้เขียนก็เริ่มต้นเ ล่าถึงชีวิตประจำวันตั้งแต่ ตื่นนอน กินข้าว ทำงาน พัก ทำงาน อาบน้ำ กินข้าวแล้วนอน เป็นกิจวัตรประจำวัน ท่ามกลางกิจกรรมที่ไม่มีอะไ รแปลกประหลาดจนคิดไม่ถึงว่า จะมีอะไรให้เขียนถึง
ผู้เขียนมีสายตาและความคิด ซึ่งสะท้อนโลกทัศน์และปรัชญ าชีวิตชุดหนึ่งที่ทำให้มองเ ห็นว่ากิจกรรมประจำวันอันแส นธรรมดานั้นเต็มไปด้วยสีสัน ความต้านตึง กระทั่งความขัดแย้งปะทุออกม าได้ เพราะผู้ต้องขังทุกคนเป็นคน และมีเลือดเนื้อจิตใจ ประกอบกันเป็นอารมณ์และความ คิดที่เข้ากันหรือต่างกันได ้ เมื่อถูกบีบคั้นจากสภาวะแวด ล้อมและกายภาพที่จำกัดและกด ทับตลอดเวลา การเอาตัวรอดจึงเป็นภาวะธรร มชาติอันแรกๆ ของคนในคุกไป
สิ่งที่เกิดเป็นประจำในชีวิ ตประจำวันคือของหาย ทั้งๆ ที่ข้าวของก็ถูกจำกัดและห้า มมีในเรือนจำก็เยอะ เช่น ของมีคม ของมีค่าทั้งหลาย เหลือแต่อุปกรณ์สำหรับยังชี พ เช่น ช้อน ชาม เสื้อผ้า ขนมนมเนย สบู่และขัน เหล่านี้หายได้เป็นปกติ แม้เสื้อใน กางเกงใน ก็ต้องมีกุญแจเวลาตาก รายละเอียดในกิจกรรมที่ขอยื มศัพท์นักมานุษยวิทยามาใช้ก ็คือ มันเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่ง หรือเป็นอาวุธของคนที่อ่อนแ อหรือคนที่ถูกพรากเอาเสรีภา พและชีวิตของเขาไป ที่หนังสือเล่มนี้จาระไนไว้ อย่างพิสดารและมีอารมณ์แสบน ั้น ทำให้อ่านได้อย่างวางไม่ลง
อีกด้านหนึ่งที่เป็นด้านตรง ข้ามกับบรรดาผู้ต้องขัง คือฝ่ายผู้มีอำนาจและหน้าที ่ ผู้เขียนเล่าวิธีการทำงานแล ะสัมพันธภาพระหว่างเจ้าหน้า ที่กับผู้ต้องขังอย่างเต็มไ ปด้วยความรู้สึก กิจกรรมหลักที่ต้องทำทุกวัน และวันละหลายครั้งคือการ “นับยอด” มันคือการนับจำนวนสมาชิกทั้ งหมดของพื้นที่นั้นๆ เพื่อทำให้มั่นใจว่าไม่มีใค รหลบหนีหรือหายไปจากสายตาขอ งเจ้าหน้าที่ได้ มันคือการควบคุมอย่างหนึ่ง รวมไปถึงการมีระเบียบกำหนดเ วลาในการอาบน้ำ กินข้าว เยี่ยมญาติ ทุกเรื่องต้องมีลักษณะการคว บคุมในตัว เพื่อไม่ให้สมาชิกสามารถหลบ เลี่ยงหรือถ่วงเวลาในการทำก ิจกรรม
ที่น่าสนใจคือการเอาผู้ต้อง ขังบางคนมาข่วยเจ้าหน้าที่ท ำงาน ในนั้นจึงมี “แม่” มากมาย ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ที่เจ้าหน้าที่มอบหมายให้คุ มผู้ต้องขังคนอื่นๆ มีคนทำงาน ช่วยงานต่างๆ ในเรือนนอน เรือนทำงาน ที่สะท้อนความเป็นไทยยิ่งคื อบรรดาแม่พี่เลี้ยงคนทำงานท ั้งหลาย เวลาพูดกับเจ้าหน้าที่ซึ่งต ้องเรียกว่า “คุณ” นั้น ต้องคุกเข่าและคลานอยู่บนพื ้น จนหัวเข่าและตาตุ่มด้านและส ีดำ ส่วนตูดก็เป็นรอยดำเป็นวงๆ
จากนั้นก็เกิดเครือข่ายของแ ม่และพี่ที่ช่วยให้ผู้เขียน ดำรงชีวิตและความปลอดภัย ไปถึงการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ ชีวิตประจำวันไว้ได้พอประมา ณ สิ่งค้นพบใหม่สุดคือนวัตกรร มของคุกไทย ได้แก่อาหาร จะด้วยการที่ทัณฑสถานนี้เป็ นหญิง ทำให้กิจกรรมเรื่องการหาและ ทำอาหารกลายเป็นงานที่หลายค นถนัดและเต็มใจจะทำก็ได้ แต่ผู้เขียนเชื่อว่ามันมาจา กการที่ความคิดสร้างสรรค์เม ื่อถูกกดขี่ จึงต้องหาทางทำใหม่ ด้วยข้อห้ามและข้อจำกัดจึงเ อาเท่าที่มี ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมในอาหา รแต่ละมื้อแต่ละวันที่ไม่เห มือนเดิม
ในระหว่างบรรทัดนี้เองที่ผู ้เขียนสอดแทรกและแสดงความคิ ดความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนร ่วมทุกข์ในคุก ไปถึงจินตนาการของเธอต่อสัง คมในอุดมคติ ผู้เขียนเติบโตและบ่มเพาะทา งศรัทธาและความเชื่อในศาสนา คริสต์ ทำให้มีวิธีคิดแบบทวิวัจน์ (dialogue) ซึ่งเธอเปรียบเปรยว่าเป็น “ปีศาจน้อย” กับ “นกน้อย” ในตัวเอง เจ้าปีศาจเป็นตัวแทนของอารม ณ์และความรู้สึกทางโลก ส่วนนกน้อยเป็นตัวแทนของควา มเป็นอุดมคติและจินตนาการขอ งโลกหน้า
วันที่เข้าคุกเธอกล่าวว่าเจ ้านกน้อยถูกพรากออกไปจากหัว ใจด้วย หมายความว่าวันเวลาแห่งการฝ ันถึงโลกในอุดมการณ์ได้ถึงท างตันแล้ว ต่อไปคือการผจญภัยในโลกใหม่ ที่มีแต่เจ้าปีศาจเป็นเพื่อ นคิด
แต่ในความเป็นจริง เมื่อเธอก้าวข้ามอุปสรรคและ เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของอำ นาจนั้นแล้ว กลับช่วยสร้างการสนทนาให้กล ับคืนมาอีก เจ้าปีศาจน้อยไม่อาจดำรงอยู ่เพียงฝ่ายเดียวได้ในท่ามกล างการเคลื่อนไหวต่อสู้ที่เป ็นจริงของเธอ เสียงแห่งมโนธรรมที่มาจากพร ะผู้เป็นเจ้าจึงดังออกมา
…“หากมนุษย์เกิดมาเพื่อรั กและปฏิวัติ ไยพระองค์จึงให้มนุษย์ลุ่มห ลงในความรักมากกว่าการปฏิวั ติ” ปีศาจถาม “ไม่มีเหตุอันใดที่เราจะต้อ งเกรงกลัวความรักหรือการปฏิ วัติของมนุษย์ เพราะสุดท้ายมนุษย์จะล้มเหล วทั้งกับความรักและการปฏิวั ติ มนุษย์จะจมปลักอยู่กับการห้ ำหั่นกันเอง ไม่ว่าในนามเราหรือนามพระเจ ้าองค์ใหม่ที่พวกเขาสถาปนาข ึ้นมา อย่างสิทธิมนุษยชน สันติภาพ มนุษยธรรม” คือคำตอบของพระบิดาที่สร้าง ความเจ็บปวดเคืองแค้นให้แก่ เจ้าปีศาจ
เจ้าปีศาจหลั่งน้ำตาให้กับช ะตากรรมของโลกใบนี้
“เธอโกรธพระบิดาไหม” ฉันเอ่ยถามเบาๆ
“ไม่ พระองค์คือพระบิดาฉัน วันหนึ่งฉันจะร้ายกาจให้ได้ อย่างพระองค์ ไม่มีมนุษย์หรือปีศาจหน้าไห นจะร้ายกาจเท่าพระผู้สร้างอ ีกแล้ว มนุษย์น่ะอย่าได้เทียบ” ปีศาจตอบก่อนจะหลับไป …
ผมคิดว่าในทวิวัจน์นั้นและน ิทานเรื่องนักรบแสนงาม มีอะไรที่เป็นการเมืองเป็นอ ุดมการณ์และความคิดทางการเม ืองและมนุษยภาพมโหศาล (สะกดแบบของผู้เขียน) แต่นี่ไม่ใช่จุดหมายของหนัง สือเล่มนี้ คนอ่านคงหวังจะได้สัมผัสเรื ่องราวแห่งความทุกข์และเศร้ าโศกในคุก หรือการปลุกระดมความเชื่อมั ่นในทางการเมืองให้เข้มข้นต ่อไป เธอเลือกนำเสนอในมิติที่ตรง กันข้าม เพราะไม่คิดว่าผู้อ่านจะรู้ สึกได้ถึงสิ่งเหล่านั้น ผู้อ่านคงเข้าใจได้ แต่จะไม่มีทางรู้สึกได้ ผู้เขียนจึงนำเสนอ “เรื่องราวอันไม่ทุกข์โศกนี ้เลย เพราะแท้จริงมันเป็นดินแดนแ สนสนุก ที่จะทำให้พวกคุณรู้ว่า มนุษย์นั้นมีศักยภาพที่ยิ่ง ใหญ่และงดงามแม้จะต้องอยู่ใ นความมืด”
เราจึง “เข้าใจได้แค่นี้แหละ”
38. ตะวันลับแห่งต้าถัง
จ้าวอี้ เขียน
เรืองชัย รักศรีอักษร แปล
สำนักพิมพ์ มติชน
แนะนำโดย ธีรภัทร เจริญสุข
หาก “เจินกวนเจิ้งเย่า” คือหนังสือที่พึงอ่านเพื่อเ รียนรู้วิถีปกครองเพื่อความ รุ่งเรือง “ตะวันลับแห่งต้าถัง” ก็คือหนังสือที่พึงอ่านเพื่ อหลีกเลี่ยงความล่มสลาย
150 ปีสุดท้ายของราชวงศ์ที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดของจีน ราชวงศ์ที่ลูกหลานจีนแต้จิ๋ วในไทยเรียกตัวเองเป็นคนแห่ งราชวงศ์นั้น “ถังเหรินจื่อ” หรือ “ตึ่งหนั่งเกี้ย”
ความล่มสลายที่เกิดขึ้นจากร อยแยกภายในระหว่างขุนนางการ เมืองที่จับผิดกันเองในเรื่ องศีลธรรมจรรยาเล็กน้อย และการปฏิรูปบ้านเมืองที่ไม ่ลงรอยกัน การอวดดื้อถือดีแบ่งพรรคฝัก ฝ่าย กวาดล้างกันไปมา จนเป็นเหตุให้ทหารหัวเมืองต ั้งตนเป็นใหญ่ ขันทีเข้ายึดอำนาจการทหาร เปลี่ยนบ่าวเป็นเจ้านาย เปลี่ยนเจ้านายเป็นทาสบ่าว จากยุครุ่งเรืองครั้งสุดท้า ยของถังเสี้ยนจง ยุคฟื้นฟูประกายสุดท้ายดุจต ะวันลับเหลี่ยมเขาของถังเซว ียนจง จนแผ่นดินต้องแตกออกเป็นเสี ่ยงๆ ในรัชกาลถังจาวจง เราได้เรียนรู้ถึงการบริหาร สมดุลอำนาจในความเสื่อม ก่อนแผ่นดินและราชวงศ์จะล่ม สลายลงอย่างสมบูรณ์
ราชวงศ์ถังนั้นเชื่อในปัญญา ของลัทธิเต๋า เมื่อรุ่งเรืองสุดย่อมมีเสื ่อมสลาย หยินและหยางผลัดเปลี่ยนหมุน เวียนกัน และเป็นยุคที่ศาสนาพุทธเข้า มามีบทบาทมากมายบนแผ่นดินจี น ซึ่งความรุ่งเรืองและล่มสลา ยล้วนเป็นอนิจจัง การศึกษาเรื่องราวยามอัสดงข องชาติและราชวงศ์อันเรืองโร จน์ ย่อมทำให้เราเห็นหนทางฟื้นฟ ูบ้านเมืองที่ทรุดโทรมเสื่อ มสิ้นและความหวังในอนาคต ตามอนิจจลักษณะอันผันแปรเปล ี่ยนไปตามกาล
คุณเรืองชัย รักศรีอักษร ผู้แปล ได้ถ่ายทอดภาษาสำนวนของจาวอ ี้ ผู้เขียน อย่างมีอรรถรสยิ่ง ไม่ต่างจากวรรณกรรมและพงศาว ดารจีนชั้นเลิศ เปี่ยมด้วยเอกสารอ้างอิงและ เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์ว รรณกรรมจีนมากมาย
39. อันตัวข้าพเจ้านี้คือแมว
Natsume Soseki เขียน
ชัญพัส วรศักดิ์ แปล
สำนักพิมพ์ กำมะหยี่
แนะนำโดย โตมร ศุขปรีชา
เล่มนี้คือการมองโลกและสังค มมนุษย์ญี่ปุ่น ในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนผ่า นทางสังคมครั้งใหญ่ผ่านสายต าของแมว
ผู้เขียนเขียนได้แสบสันต์จิ กกัดมาก เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน คัน แสบ แต่นิ่งๆ เหมือนแมวนอนซ่อนกรงเล็บ สบายใจ แต่อาจถูกข่วนได้ทุกเมื่อ
แม้เป็นเรื่องของสังคมญี่ปุ ่นในอดีต แต่แก่นแกนกลับร่วมสมัยและไ ม่ตกยุคเลย
40. ปีแสง
ดุจดาว วัฒนปกรณ์ เขียน
สำนักพิมพ์ a book
แนะนำโดย อุทิศ เหมะมูล
ขอยืนยันว่า ทุกๆ ชีวิตมีเรื่องราวที่น่าสนใจ กันทั้งนั้น แต่ก็ติดตรงที่ว่าจะเล่ามัน ออกมาอย่างไรให้คนอื่นรับรู ้ได้อย่างน่าสนใจ จับใจ นั่นทำให้ ปีแสง ของดุจดาวโดดเด่นขึ้นมาได้ด ้วยการเล่าเรื่อง และนี่เป็นสิ่งที่นักเขียนพ ยายามจะเข้าถึงและควรรู้จัก ให้เป็นอย่างดี ‘การเล่าเรื่อง’
ชีวิต สิ่งที่ผ่านพบ ประสบการณ์ เป็นเหมือนของล้ำค่าของแต่ล ะคน ดุจดาวขัดเกลา เจียระไนชีวิตให้มีน้ำมีเนื ้อ ประกายแสง เล่ามันออกมาจากหัวใจ งดงามจากการยอมรับตัวเอง และต้องใช้ความกล้าหาญ เข้มแข็งในการย้อนกลับไปยืน จ้องหน้าประสบการณ์ในอดีตที ่ผ่านมาอีกครั้ง จัดเรียงการรับรู้ใหม่จากสา ยตาของวันวัยปัจจุบัน
สิ่งที่เรารับรู้ได้จากหนัง สือเล่มนี้คือวิธีการทบทวน จากสายตาปัจจุบัน มองย้อนกลับไปแล้วสังเคราะห ์หลายสิ่งหลายอย่าง ต้องมีหัวใจหนาหลายชั้น ค่อยๆ ชำแหละลอกออกทีละแผ่นๆ รู้ด้วยว่าตัวเองลอกออกอย่า งไร เพื่อสุดท้ายจะได้ประกอบกลั บคืนได้ถูกต้อง
ผู้สร้างสรรค์คือผู้ที่พร้อ มลงไปในที่ที่หนึ่งแล้วต้อง กลับมา คนที่ลงไปและหาทางกลับขึ้นม าได้ คนคนนั้นมีธาตุการเล่าเรื่อ ง มีธาตุศิลปิน เป็นพวกหัวใจหนา ไม่ยอมแพ้ และไม่ยอมตายกลางทาง
41. ประวัติศาสตร์ที่เราลืม
วินทร์ เลียววาริณ เขียน
สำนักพิมพ์ 113
แนะนำโดย วรากรณ์ สามโกเศศ
การที่เรามีชีวิตสุขสบายกัน ทุกวันนี้ได้ ก็เพราะผู้คนมากมายในอดีตขอ งชาติเราได้เสียสละหยาดเหงื ่อเลือดและชีวิต เพื่อให้เรามีวันนี้ แต่หลายคนกลับถูกลืม
วินทร์ เลียววาริณ ได้นำชีวิตคนที่ถูกลืมเหล่า นั้นกลับมาตอกย้ำให้เรามีคว ามสำนึกในประวัติศาสตร์ อ่านแล้วสนุก อีกทั้งสบายใจที่มีความรู้ส ึกเช่นนั้นมากขึ้น เพราะมันเป็นปัจจัยสำคัญที่ จะทำให้ชาติของเราอยู่รอดใน ระยะยาว
42. Extreme Economies
Richard Davies เขียน
จัดพิมพ์โดย Bantam Press
แนะนำโดย วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร
Extreme Economies เปลี่ยนหน่วยวิเคราะห์จาก ‘ประเทศ’ มาเป็น ‘เมือง’ แล้วชวนเราไปศึกษาเมืองที่ม ีความสุดโต่งด้านต่างๆ ของโลก เช่น อาคิตะ (ญี่ปุ่น) เมืองแห่ง ageing ที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยถึง 53 ปี หรือกลาสโกว์ (สก็อตแลนด์) เมืองแห่งความถดถอยทางเศรษฐ กิจและสังคม ทั้งที่เคยเป็นเมืองก้าวหน้ าและมีศักยภาพสูง
ทุกประเทศในโลกเผชิญปัญหาสุ ดโต่งที่หนังสือเลือกมา 9 ด้านในสัดส่วนต่างกันไป แต่ละเมืองให้บทเรียนทั้งด้ านความสำเร็จของการปรับตัว ความล้มเหลวของการยึดติด และความประมาทที่ไม่เคยเตรี ยมพร้อมไว้อย่างน่าสนใจ
43. เสรีนิยมยืนขึ้น
ปราบดา หยุ่น เขียน
สำนักพิมพ์ Typhoon Studio
แนะนำโดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์
ผมเลือกเล่ม ‘เสรีนิยมยืนขึ้น’ เขียนโดย ปราบดา หยุ่น
เพราะ 1. เนื้อหาเหมาะกับสถานการณ์ปร ะเทศไทยตอนนี้
2. จากประสบการณ์ (ใกล้ห้าสิบปีเต็มที) พบว่าคนไทยเรากินข้าว แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องราก สิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคุณค่าของข้าว ใช่–สิทธิเสรีภาพก็เช่นกัน
3. พอไม่รู้ มันก็เป็นพวกกินไปวันๆ อยู่ไปวันๆ ตรงกันข้าม หากตระหนักรู้ เราย่อมกินข้าวอร่อยขึ้น และปวดร้าว เมื่อชาวนาต้องซื้อข้าว (ราคาแพง) บริโภค
4. สำหรับผม สิทธิเสรีภาพคืออากาศ หากปราศจากเสียแล้ว หากถูกลิดรอนเสียแล้ว มนุษย์ก็กลายเป็นศพ นี่คือหนังสือที่เขียนขึ้นโ ดยคนที่เทคแคร์สิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่หลงละเมอ หากรักจริง รักด้วยความพยายามแสวงหาควา มรู้
5. หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ปราบดา หยุ่น หากอ่านหนังสือหนังหามาบ้าง คุณก็คงพอรู้ เขาไม่ใช่คอการเมือง (เทียบกับพรรคพวกพี่น้องอย่ าง วาด รวี ก็ต้องนับว่าห่างหลายไมล์) บุคลิกค่อนไปทางเสรีชนปัจเจ ก ไม่สุงสิงกับผู้คนนัก เดินทางบ่อย (เป็นพลเมืองโลก) หากปราบดาอดรนทนไม่ไหว ถึงขั้นนั่งลงค้นคว้าศึกษาป ระวัติศาสตร์เสรีนิยม ย่อมแปลว่ามันสำคัญ จำเป็น และอาการโคม่า หากสังคมไทยเพิกเฉย ละเลย โลมเลียเพียงปลายยอด มืดบอดอดีต
ต่อกรณีนี้ เราน่าจะเห็นพ้องกันเป็นเอก ฉันท์ว่า หากอดีตถูกทำให้มืดบอดเสียแ ล้ว ไยเราท่านจึงมองเห็นแสงสว่า งในปัจจุบัน และอนาคต.
44. ก้าวที่พลาด : เส้นทาง ความผิด บทเรียน โอกาส
เยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก เขียน
แนะนำโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์
นี่ไม่ใช่หนังสืออ่านเพื่อห าความอิ่มอกอิ่มใจแล้วนอนหล ับฝันดีในวันปีใหม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ “หนักหนา” หรือดราม่าเกินกว่าที่จะอ่า นจนจบได้
เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคน ที่ปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ในส ังคมที่สงบสุข ปลอดภัย ไม่มีโจรผู้ร้าย หรือคนที่เติบโตมาในสังคมที ่เต็มไปด้วย “คนดีๆ” ไม่มีใครใช้ความรุนแรงหรือท ำร้ายกัน หนังสือเล่มนี้จะพาไปรู้จัก กับผู้คนในอีกมุมหนึ่งที่กำ ลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเดีย วกัน แต่เป็นชีวิตที่เหมือนกับโล กคู่ขนานที่ไม่ได้มีโอกาสพบ เห็นกันได้ทุกวัน
เรื่องราวที่บรรจุอยู่ในหนั งสือเล่มนี้ไม่ได้บังคับให้ ผู้อ่านต้องรู้สึก “โกรธ” หรือกระทั่ง “ให้อภัย” กับ “ก้าวที่พลาด” ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง แต่อาจทำหน้าที่เพียงเปิดปร ะตู สร้าง “ความเข้าใจ” ให้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย ู่ด้วยกันต่อไปเท่านั้นเอง
อ่านหนังสือ รีวิวหนังสือ ความน่าจะอ่าน หนังสือ