ปี 2004 มาร์ค ไลตา ช่างภาพชาวอเมริกัน ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านอ็อดด์ในราลี เคาตี เมืองเล็กๆ ที่มีประชากร 799 คนในรัฐเวสต์ เวอร์จิเนีย จุดมุ่งหมายเพื่อหาผู้คนที่น่าสนใจมาถ่ายภาพลงหนังสือ Created Equal ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในปี 2008
ไลตาเสาะหาข้อมูลด้วยการถามนายอำเภอ บอกว่าเขากำลังหาคนที่ดู “น่าสนใจ” ในเมืองนี้ และอีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ในเขตนี้ ดูเหมือนจะมีคนน่าสนใจอยู่ครอบครัวหนึ่งที่ไลตาน่าจะอยากรู้จัก และนั่นคือต้นธารแรกที่ทำให้ไลตารู้จักกับครอบครัว วิตเทเกอร์ และสมาชิกในครอบครัวอย่าง ลอแรน, ทิมมี และ เรย์ ที่มอบคำตอบให้ไลตาเข้าใจว่า เหตุใดนายอำเภอจึงพิจารณาครอบครัวนี้ว่าเป็นครอบครัวที่ “น่าสนใจ” สำหรับเขา
ในเวลาต่อมา เมื่อไลตาไปอัดรายการพอดแคสต์ The Joe Rogan Experience เขาเล่าถึงช่วงเวลาที่ได้เจอกับเรย์ให้ฟังว่า
“เรย์อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยสิ้นเชิง เขามักมายืนอยู่ใกล้ๆ กล้องผม -แบบว่ายืนชิดเลย- ห่างจากเลนส์แค่สองนิ้วได้ ผมบอกเขาว่า ‘อยากให้เขาไปยืนอยู่กับพวกพี่ๆ’ และทันทีที่ผมบอกแบบนั้น เขาก็ดูหลุดโลกและเริ่มต้นกรีดร้อง วิ่งพล่าน กางเกงหลุดหล่นมาอยู่ตรงข้อเท้า แล้วเขาก็พุ่งไปเตะถังขยะโลหะ แล้วอะไรแบบนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ถอยย้อนกลับไปหลายปีก่อนหน้า อลิซา กับ แมรี เป็นพี่น้องกัน พวกเธอแยกย้ายกันไปแต่งงานกับคนรัก ตัวเอลิซาให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดคือ เฮนรี กับ จอห์น ขณะที่แมรีให้กำเนิดลูกสาวคือ เอดา ซึ่งเมื่อเติบโตขึ้นมา เอดาแต่งงานกับจอห์นซึ่งถือเป็นญาติสนิท และว้าวุ่นกว่านั้นเมื่อจอห์นกับเอดาให้กำเนิดบุตรสาว ซึ่งเติบโตไปแต่งงานกับลูกชายของเฮนรี ผู้เป็นฝาแฝดของพ่อหรือคือลุงของเธอเอง จากนั้น หนุ่มสาวทั้งคู่ก็ให้กำเนิดบุตรหลานวิตเทเกอร์รุ่นต่อมา คือลอแรนและเรย์ พร้อมพี่น้องอีกร่วมสิบชีวิต -ขณะที่ทิมมีเป็นลูกของลอแรนเมื่อครั้งที่เธอถูกข่มขืนโดยชายไม่ทราบชื่อในปี 1979
ไลตาบันทึกสารคดีความยาว 12 นาทีเกี่ยวกับพวกเขาไว้ พร้อมระบุว่า “ผมบันทึกภาพครอบครัววิตเทเกอร์เพื่อนำไปประกอบในหนังสือ Created Equal เมื่อปี 2004 การไปเยี่ยมเยือนครอบครัวนี้ของผมถูกขัดจังหวะโดยเพื่อนบ้านของวิตเทเกอร์ผู้กราดเกรี้ยว และขู่จะยิงผมด้วยปืนลูกซองหากผมยังไปวุ่นวายอยู่กับครอบครัววิตเทเกอร์ แต่หลังจากที่ผมอธิบายจุดประสงค์ให้เขาฟัง เพื่อนบ้านคนดังกล่าวก็ผ่อนคลายลง และอนุญาตให้ผมถ่ายภาพบ้านวิตเทเกอร์ได้”
“ผมกลับไปหาบ้านวิตเทเกอร์อีกครั้งเมื่อต้องการภาพถ่ายเพิ่มเติม แต่ครั้งที่ไปในเดือนกรกฎาคม 2020 ผมบันทึกวิดีโอมาด้วย เป็นสิ่งซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินแล้วแต่ไม่เคยเห็น และผมยืนกรานว่าไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งกับบ้านวิตเทเกอร์ทั้งสิ้น เพราะเพื่อนบ้านพวกเขามีอาวุธและเขตราลี เคาตีก็ระบุชัดเจนว่าไม่ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว”
ไลตาเริ่มต้นวิดีโอของเขาด้วยฟุตเตจที่ประกอบด้วยเสียงเห่าขรม เสียงขู่และเสียงหัวเราะ กับเสียงไลตาที่ถามไถ่ชื่อสมาชิกในบ้าน พร้อมบอกว่า “เรย์ ผมจำเรย์ได้” เรย์ซึ่งสวมเสื้อสีแดงชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “ผมเคยถ่ายภาพคุณนะเรย์ คุณจำได้ไหม เมื่อสักสองสามปีก่อน” และเรย์ตอบรับด้วยเสียงสั้นๆ ไม่เป็นคำ
บทสนทนาดำเนินไปอีกเล็กน้อย ได้ความว่าสมาชิกในบ้านบางคนเคยไปโรงเรียน -หนึ่งในนั้นคือทิมมี- ส่วนลอแรนกับเรย์ไม่ได้ไป ไลตาเดินถือกล้องเข้าไปในบ้าน เรย์นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์กับหมาอีกสองตัว เสียงจากโทรทัศน์ดังลอดเข้ามาในกล้อง เนื้อหาว่าด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้า
ไลตาหอบเอาฟุตเตจสั้นๆ ที่เขาบันทึกเกี่ยวกับบ้านวิตเทเกอร์กลับมาตัดต่อ โพสต์ลงบนเว็บไซต์ยูทูบ Soft White Underbelly ซึ่งกลายเป็นไวรัลแทบจะในทันที
“ผมนึกถึงฉากเล็กๆ ใน Deliverance (1972) ที่หลายคนคงรู้ดีว่าผมหมายถึงฉากไหน” ไลตาให้สัมภาษณ์ทางพอดแคสต์ โดยเขาอ้างถึงหนังดราม่า-เฮอร์เรอร์ของ จอห์น บูร์แมน ตัวหนังเข้าชิงออสการ์สามสาขา รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและกำกับยอดเยี่ยม ว่าด้วยโศกนาฏกรรมของชายสี่คนที่ออกเดินทางไปพักผ่อนในป่า โดย ‘ฉากเล็กๆ’ ที่ไลตาหมายถึงนั้นคือฉากที่ตัวละครเจอกับเด็กชายลึกลับคนหนึ่งที่นั่งเล่นแบนโจอยู่ตรงระเบียงบ้าน ตามเนื้อเรื่องแล้ว เด็กชายเกิดขึ้นมาจากการร่วมประเวณีในเครือญาติใกล้ชิด (เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย นักแสดงที่รับบทเป็นเด็กชายคือ บิลลี เร็ดเด็น โดยบูร์แมนรู้สึกว่า รูปร่างผอมบาง, หัวโตและดวงตาเล็กเรียวเป็นเส้นนั้น เหมาะที่จะให้ภาพแทนของเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีเลือดชิด)
“เราขับรถไปตามถนนลาดยางซึ่งนำไปสู่ถนนดินเรียบๆ แล้วจากนั้นก็เป็นถนนขรุขระสักสาย ถึงได้เห็นรถบ้านคันหนึ่งกับเพิงอีกหลังหนึ่งข้างถนนสายนั้น ซึ่งมีคนเดินไปเดินมารอบๆ นัยต์ตาแต่ละข้างของพวกเขามองไปคนละทิศ แล้วพวกเขาก็เห่าเรา” ไลตาเล่าถึงนาทีแรกที่เขาได้พบบ้านวิตเทเกอร์ “แล้วก็มีชายคนหนึ่ง ถ้าคุณมองเข้าไปในตาเขาหรือพูดอะไรสักอย่าง เขาก็จะกรีดร้องใส่คุณแล้ววิ่งหนีไป”
ไลตาถ่ายทำเรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์และตัดต่อออกมาเป็นวิดีโออีกหลายชิ้น เช่น การตัดผมให้บ้านวิตเทเกอร์, ออกไปซื้อของที่ห้างวอลมาร์ตกับบ้านวิตเทเกอร์, อาหารเช้ากับบ้านวิตเทเกอร์ซึ่งเขาเพิ่งถ่ายทำในช่วงฤดูร้อนปี 2022 ที่ผ่านมา เผยให้เห็นว่าสมาชิกในครอบครัวบางคนไม่สามารถสื่อสารได้ รวมทั้งมีภาวะผิดปกติทางร่างกายหลายประการ เบ็ตตี หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวระบุว่าพ่อแม่ของเธอเป็นญาติใกล้ชิดกัน
“ผมคงยืนยันไม่ได้หรอกว่าพ่อแม่ของบ้านวิตเทเกอร์เป็นญาติกันหรือไม่ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประเทศนี้ และบ้านวิตเทเกอร์ก็เป็นกรณีที่สุดโต่งที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมาเลย” ไลตาระบุ “ผมกล้าพนันว่าการร่วมประเวณีในหมู่เครือญาติมีส่วนในการส่งผลต่อประเด็นด้านความผิดปกติทางจิตใจและร่างกาย ซึ่งคุณคงเห็นจากลอแรน, เฟร็ดดี (หนึ่งในสมาชิกของครอบครัว), เรย์และทิมมีแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่วิดีโอเกี่ยวกับครอบครัวของวิตเทเกอร์ออกสู่สายตาสาธารณะ ไลตาถูกวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่ในแง่การนำเสนอเรื่องละเอียดอ่อน เพราะดูเป็นการยากจะยืนยันว่าบ้านวิตเทเกอร์ยินยอมให้ไลตาสัมภาษณ์และเก็บภาพ หรือตระหนักดีว่าผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากวิดีโอชิ้นนี้เผยแพร่ออกไปจะเป็นอย่างไร ตลอดจนโศกนาฏกรรมของลอแรนและทิมมีที่ถูกนำมาขยายโดยที่ไม่มีใครตอบได้ชัดว่าทั้งคู่ยินยอมหรือไม่ มิหนำซ้ำ ไลตายังถูกตั้งคำถามถึงการหาผลประโยชน์จากความบกพร่องบางประการของบ้านวิตเทเกอร์ด้วย เมื่อยอดวิดีโอในยูทูบของเขาพุ่งสูงลิ่ว ตัวเขาออกให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งและมีชื่อเสียงในวงกว้างขึ้นมา ขณะที่ดูเหมือนว่าบ้านวิตเทเกอร์ไม่ได้อะไรนัก มิหนำซ้ำยังมีคนแปลกหน้าที่ตามมาจากสารคดีของไลตามาบุกรุก ด้อมๆ มองๆ รอบบ้านอยู่เนืองๆ ตัวไลตาออกมาให้เหตุผลว่า
“ผมว่ามันก็ดีนะที่เอาเรื่องซึ่งเกิดขึ้นจริงเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ผู้คนได้รู้” เขาบอก “เราสำรวจได้ทุกอย่างแหละ และผมเองก็พยายามทำให้สังคมเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างในประเทศเราน่ะ” ทั้งนี้ เขาตั้งกองทุนรับบริจาคให้ครอบครัววิตเทเกอร์นำไปใช้เพื่อการอยู่อาศัยและซ่อมแซมที่พัก ปัจจุบันมีผู้บริจาคแล้วที่ 73,099 เหรียญฯ หรือตีเป็นเงินไทยราวๆ 2,505,700 บาท
“ก็มีอยู่เหมือนกันแหละคนที่ใช้ชีวิตในเทือกเขาแอปพาเลเชียแล้วสุขใจที่ได้ใช้ชีวิตเช่นนั้น แต่พวกเขาก็สมควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือองค์กร หรือไม่ก็อะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ต้องไปขุดหัวมันกินในหน้าหนาว หรือปีนเขาออกมาใช้ชีวิตหารายได้หมื่นเหรียญฯ ต่อปีน่ะ”