เมื่อเสียงปืนดังขึ้นในสมรภูมิการเลือกตั้ง อบจ.

การเมืองท้องถิ่น

จากเหตุการณ์ที่นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรีหลายสมัย เสียชีวิตในคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่บ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี ณ ขณะนั้น จนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่แทรกขึ้นมา ท่ามกลางกระแสข่าวการลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี ของทักษิณ ชินวัตร

ในฐานะที่ผู้เขียนที่สนใจประเด็นเรื่องความรุนแรงใน ‘การเมืองท้องถิ่น’ มาก่อน ยอมรับว่าตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ หากลองย้อนกลับไปดูการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อปี 2563 สามารถกล้าพูดได้เลยว่า อบจ. เป็นสนามการเมืองท้องถิ่นที่ปราศจากความรุนแรง ทั้งๆ ที่มีการเลือกตั้งพร้อมกันทุกจังหวัดและพร้อมกันทั้งนายก อบจ. กับ ส.อบจ. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดีมาก เมื่อเทียบกับอดีตซึ่งเคยมีนายก อบจ. ถูกยิงเสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่งมาแล้วถึง 8 ราย[1] และหากรวม ส.อบจ. กับผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยก็กว่า 50 ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงระยะเวลา 1 ปีก่อนและหลังการเลือกตั้ง (เก็บสถิติช่วงปี 2543-2562)

แม้ว่าในการเลือกตั้งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในปีถัดมา ยังคงปรากฏเหตุการณ์ที่ใช้ความรุนแรงให้เห็นอยู่บ้าง แต่กรณีทั้งหมดเท่าที่รวบรวมได้กลับมีเพียงสิบกว่าราย รวมไปถึงความตายนอกฤดูกาลเลือกตั้งแล้วด้วย ซึ่งลดน้อยลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษ 2540 ที่เป็นยุคตั้งต้นของการกระจายอำนาจ

ตารางข้อมูลการลอบสังหารนักการเมืองท้องถิ่น[2] ในรอบ 5 ปี ระหว่างปี 2563-2567

กรณีที่ชื่อ-สกุลตำแหน่งอปท.จังหวัดวันเกิดเหตุผลลัพธ์หมายเหตุ
1นางวราพร เนียมรักษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล ดอนทรายราชบุรี1 มีนาคม 2564เสียชีวิตเหตุเกิดในงานศพที่วัด นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย หนึ่งในนั้นคือกำนัน โดยมีคู่ขัดแย้งเป็น ส.อบจ.ราชบุรี ที่มีภรรยาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งของผู้ตาย
นายนคร วันเพ็ญผู้สมัคร สมาชิกสภาเทศบาลบาดเจ็บ
2นายคมเดช อัยย์ตระกูลนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอบต.บงตันเชียงใหม่6 พฤษภาคม 2564บาดเจ็บสาหัสถูกดักซุ่มยิงขณะออกมาบริเวณชานบ้าน / ไม่มีความคืบหน้าทางคดี
3นายญาณกร โท้ประยูรนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอบต.บางสมบูรณ์นครนายก14 กุมภาพันธ์ 2565บาดเจ็บสาหัสเป็นการใช้รถประกบยิง ส่งผลให้คนขับรถตายด้วย ต่อมาจับอดีตนายก อบต.บางสมบูรณ์ฐานบงการฆ่า แต่ภายหลังศาลยกฟ้องข้อหานี้
นายสมชาย ม่วงกาศรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสียชีวิต
4นายณรงค์ฤทธิ์ เกตุแก้วเลขานุการนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลอบต.หนองนกไข่สมุทรสาคร25 พฤษภาคม 2565บาดเจ็บสาหัสสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านที่กำลังจะมาถึง
5นายรณชัย ใยศิลป์สมาชิกสภาเทศบาลเทศบาลตำบล โคกสะอาดเพชรบูรณ์10 ธันวาคม 2565ปลอดภัยตำรวจสืบสวนพบว่าเป็นการจัดฉากยิงถล่มรถตัวเอง และได้ดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ
6นายอดุลย์​ คาน​นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอบต.ท่าม่วงสงขลา14 ธันวาคม 2566เสียชีวิตถูกกระหน่ำยิงเสียชีวิตคาใต้ถุนบ้าน / ไม่มีความคืบหน้าทางคดี
7นายธนวรรธน์ สุวรรณธนเดชสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลอบต.ปริกสงขลา13 มีนาคม 2567ปลอดภัยถูกดักซุ่มยิงระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ แต่กระสุนพลาดเป้า / ไม่มีความคืบหน้าทางคดี
8นายพงษ์ธนา พรหมคงสมาชิกสภาเทศบาลเทศบาลตำบล ดอนทรายพัทลุง13 กรกฎาคม 2567บาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดที่จุดรับซื้อน้ำยางพาราสดของ สท. เอง เป็นผลให้ลูกน้องเสียชีวิต 1 ราย โดยมีผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายของอดีตนายกเทศมนตรี (แห่งอื่น) ที่วางแผนจะลงเลือกตั้งแข่งกับผู้บาดเจ็บ
9นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่มนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล รือเสาะนราธิวาส7 พฤศจิกายน 2567เสียชีวิตถูก 4 คนร้ายบุกเข้าไปยิงถึงในห้องประชุม ณ โรงงานผลิตเสื้อผ้าของตัวเอง ปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุเชื่อมโยงกับคดีความมั่นคงอื่นในพื้นที่

เจตนาที่ผมหันมาศึกษาเรื่องนี้เพียงเพื่อหวังว่าจะลบภาพจำว่า ‘การเมืองท้องถิ่นเต็มไปด้วยเลือด’ ที่สื่อหลักมักเล่นข่าวทุกครั้ง หรือหากมีการยิงนักการเมืองท้องถิ่นคราใด หนังสือพิมพ์ก็มักพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งตลอดหลายวัน โดยอยากให้ตัวเลขพูดแทนอย่างปราศจากอคติ

หากพูดตามความเป็นจริง พอได้ฟังคลิปเสียงที่เชื่อกันว่าเป็นการโต้เถียงระหว่าง สจ.โต้ง ก่อนเขาจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายกับโกทร มีหลายประเด็นซ้อน/แฝงอยู่ ไม่ว่าเรื่องคดีฆาตกรรม การติดสินบน ฮั้วประมูล การซื้อเสียง ล้วนเป็นวิถีการเมืองเก่า ต้องยอมร้บว่า real politics ยังคงมี ยังไม่ได้หมดไป โดยเฉพาะในจังหวัดที่สื่อขนานนามให้เป็น ‘บ้านใหญ่’ ทั้งหลาย ทำให้ผมต้องค้นข้อมูลจากแฟ้มเอกสารเก่ามาดู จนพบว่าเคยมีผู้บริหาร/สมาชิกสภาท้องถิ่นในจังหวัดปราจีนบุรีถูกลอบสังหารมาแล้ว 7 คน เสียชีวิตทั้งสิ้น 3 ราย

1. สมาชิกสภา อบต.วังตะเคียน (13 เม.ย. 46) : รอด

2. นายก อบต.กระทุ่มแพ้ว (9 ม.ค. 47) : รอด

3. สมาชิกสภา อบต.กระทุ่มแพ้ว (9 ม.ค. 47) : รอด

4. นายกเทศมนตรีตำบลโคกปีบ (27 มี.ค. 48) : ตาย

5. รองนายก อบต.บางปลาร้า (19 มิ.ย. 49) : รอด

6. นายก อบต.กรอกสมบูรณ์ (24 มี.ค. 56) : ตาย

7. นายก อบต.ท่าตูม (28 เม.ย. 57) : ตาย

ด้วยความสงสัยว่ากรณีใดบ้างที่เชื่อมโยงกับกรณีนี้อย่างที่มีคำกล่าวพาดพิงอยู่ในคลิป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสุดท้ายในคลิปเสียงที่ว่า “..ถ้าโกตัดสินใจวันนี้ โกยังมีผมอยู่ ผมแพ้โก ผมก็ไม่เสียใจ แต่มันก็ต้องมีการตายเกิดขึ้น เชื่อเถอะ ไอ้คนที่โกส่งก็ต้องตาย ก็ลองได้ แต่โกตัดสินใจแล้วบอกผมตรงนี้ ถ้าโกบอกว่าจะส่งคนลง หรือไม่ช่วยผม ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ตอบมาแค่นี้ว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย..” วนเวียนในหัวผมอยู่หลายวัน ถ้ายืมคำเปรียบเปรยของอาจารย์ยุทธพร อิสรชัยมาใช้อธิบายให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ก็คือ “..ต้นไม้ต้นเล็กก็อยากจะงอกบ้าง ถ้าต้นไม้ใหญ่ไม่หลีกก็จะเป็นปัญหาแบบนี้..”[3]

เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งช่วยตอกย้ำข้อค้นพบของผมเกี่ยวกับการลอบสังหารนักการเมืองท้องถิ่น (local politician assassination) ที่เคยศึกษาไว้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งพยายามหาสาเหตุร่วมที่ก่อให้เกิดความรุนแรงว่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือปัจจัยใดบ้าง กลุ่มใดที่เป็นคู่ขัดแย้งหลัก และส่งผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพื้นที่หรือไม่ อาจกล่าวได้ว่ายังค่อนข้างตรงเป็นส่วนใหญ่[4] จนได้มาเป็นข้อสังเกตทั้งหมด 9 ประการ ประกอบด้วย

ประการที่หนึ่ง เป้าหมายที่ถูกลอบยิงถึงแก่ชีวิตมักเป็น ‘ผู้บริหารท้องถิ่น’ ซึ่งมีประสบการณ์การเมืองสูง และมีทีท่าว่าจะกุมอำนาจไปอีกยาวนาน

ประการที่สอง ลักษณะความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงได้มากที่สุดคือ ความขัดแย้งภายใน ‘กลุ่มการเมืองเดียวกัน’ ที่ต่อมาได้กลายไปเป็น ‘คู่แข่งทางการเมือง’ ภายหลังเกิดการตีจาก

ประการที่สาม ปมขัดแย้งหลักแตกต่างกันไปตามแต่กรณี ทว่าบ่อเกิดของความขัดแย้งไม่พ้นมีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องผลประโยชน์ ความกลัวจะสูญเสียอำนาจ แต่ก็มิใช่สาเหตุเชิงเดี่ยว มักมีสาเหตุอื่นผสมผสานปนเปเข้ามาด้วย เช่น การแข่งขันในการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี เป็นต้น

ประการที่สี่ การจัดการความขัดแย้งก่อนความรุนแรงบังเกิด ในกรณีที่เป็นท้องถิ่นขนาดใหญ่มักอาศัยกลไกทางการเมืองและมาตรการกฎหมายต่อสู้กันก่อน ไม่ว่าการประชุมสภา การร้องเรียน การดำเนินคดี การฟ้องศาล ผิดกับท้องถิ่นขนาดเล็กที่มักใช้การพูดคุยเจรจาตกลงกันตัวต่อตัว ไม่นิยมใช้กลไกในแบบที่เป็นทางการ

ประการที่ห้า เหตุการณ์ความรุนแรงมักเกิดขึ้นภายในห้วงเวลาก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ระดับชาติ ซึ่งหลายกรณีก็ไม่ได้มีประเด็นที่เชื่อมโยงไปถึงการเมืองระดับชาติชัดแจ้งนัก เพียงแต่อาศัยจังหวะนี้เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น

ประการที่หก ความรุนแรงมักเกิดในระยะ ‘เปลี่ยนผ่านทางการเมือง’ (transitional period) เช่น การเปลี่ยนจากการแต่งตั้งไปเป็นเลือกตั้ง การนำระบบการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรงมาใช้แทน หรือกำลังจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่เกิดขึ้น

ประการที่เจ็ด ใช่ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะเกิดทันทีหลังจากที่มีความขัดแย้ง หากแต่ทอดเวลานานพอสมควร บางครั้งกินเวลาหลายปีกว่าที่ความขัดแย้งจะแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงทางกายภาพ โดยที่ระหว่างนั้นได้มีการกระทบกระทั่งกันเป็นระยะ

ประการที่แปด ปัจจัยหลักที่เอื้ออำนวยให้ความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ย่อมไม่พ้นจากค่านิยมของวัฒนธรรมท้องถิ่น บุคลิกภาพส่วนบุคคลของผู้ก่อความรุนแรง และระบบงานยุติธรรมของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของฝ่ายตำรวจ เช่น พยานหลักฐานอ่อนเกินไปจนสาวไม่ถึงตัวผู้บงการ (คนจ้างวานฆ่า) โดยที่แต่ละปัจจัยต่างผสมผสานและเชื่อมร้อยถึงกันแทบทั้งสิ้น

ประการที่เก้า ผลกระทบทางการเมืองต่อฝ่ายที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุรุนแรงคือ ฝ่ายนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งอีกเลย ไม่ว่าในระยะสั้นหรือทอดยาวออกไป

จากทั้งหมดที่กล่าวมาพบว่า ข้อค้นพบประการสุดท้ายค่อยๆ เปลี่ยนโฉมหน้าท้องถิ่นไทยไปตลอดกาล กล่าวคือในเมื่ออำนาจไม่ได้มาจากความสามารถในการใช้ความรุนแรงอีกต่อไป เฉกเช่นที่เจ้าพ่อ/นักเลงเคยใช้อย่างได้ผลและปลอดภัยเหมือนในอดีต นักการเมืองที่คุ้นชินกับการใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันต่างก็ได้เรียนรู้และปรับตัวตาม

ในอีกแง่หนึ่ง ประชาชนสามารถปฏิเสธความรุนแรงได้โดยการอาศัยการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือได้ บางตัวอย่างจากตารางดังกล่าวก็คงยืนยันข้อเท็จจริงเช่นนั้น โดยเฉพาะกับกรณีของนางวราพร เนียมรักษา[5] หากเป็นเช่นเดียวกัน นางสาวณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยาของ สจ.โต้ง ในฐานะฝ่ายที่ถูกกระทำ ย่อมเป็นผู้สมัครที่มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งสูง ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรีจึงน่าติดตาม

ปัญหาความรุนแรงในการเมืองระดับท้องถิ่นไม่ได้มีเฉพาะการลงมือฆ่าแกงกันเท่านั้น หากแต่มีหลายรูปแบบลักษณะ ทั้งการใช้กำลังทำร้ายร่างกาย การข่มขู่คุกคามด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าหนักหรือเบา เช่น ใช้อาวุธปืนข่มขู่ ปาระเบิดหรือยิงข่มขู่ที่บ้านหรือสำนักงาน ส่งจดหมายหรือโทรข่มขู่เอาชีวิต หรือการประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน อย่างการเผารถ ปาก้อนหินใส่กระจกรถ ทำลายป้ายหาเสียง เป็นต้น

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้ง อบจ. หนนี้ก็พบเจอข่าวทำนองนี้ไม่เว้นแต่ละวันเหมือนกัน แต่ในระยะเฉพาะหน้า กลไกกฎหมายต้องทำงาน เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องบานปลาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องไม่ปล่อยผ่าน หลายกรณีที่เหยื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกปองร้าย แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายลงเอยด้วยชีวิต อีกทั้งหลายคดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ กล่าวคือต่อให้จับกุมคนร้ายได้ก็ไม่สามารถเอาผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าได้ ถ้าลองให้กฎหมายเงียบลงอีหรอบเดิมก็อาจได้ยินเสียงปืนดังขึ้นได้อีกเสมอ

ขณะที่มองไกลออกไป เราต้องการสภาพแวดล้อมทางการเมืองท้องถิ่นที่เอื้อต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีโครงสร้างหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ มีการจำกัดวาระของผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจ มีระบบตรวจสอบถ่วงดุลที่ทำงานได้จริงๆ รวมไปถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลกว่าที่เป็นอยู่


[1] อ่านรายละเอียดใน ณัฐกร วิทิตานนท์, “ย้อนรอยสองทศวรรษ อบจ. เปลี่ยนการเมืองไทยอย่างไร,” the101.world (8 ธันวาคม 2563), จาก https://www.the101.world/provincial-administrative-organization/

[2] นักการเมืองท้องถิ่นในที่นี้ไม่รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นในอดีต กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งในช่วงที่ยังไม่มีการเปิดรับสมัคร

[3] ที่มา: https://x.com/3Plusnews/status/1867504736280400088

[4] ดูข้อค้นพบฉบับรวบรัดจาก ความขัดแย้งและความรุนแรงในการเมืองท้องถิ่นไทย ใน ธเนศวร์ เจริญเมือง, ณัฐกร วิทิตานนท์, ปฐมาวดี จงรักษ์ และสุภาภรณ์ อาภาวัชรุตม์ (กองบรรณาธิการ), 125 ปี การปกครองท้องถิ่นไทย พ.ศ. 2440-2565 เล่ม 3 การเมืองท้องถิ่น ความร่วมมือ ปัญหา อุปสรรค และความขัดแย้ง, (เชียงใหม่: เชียงใหม่โรงพิมพ์แสงศิลป์, 2565), 179-210.

[5] ดู ณัฐกร วิทิตานนท์, “ข้อสังเกตบางประการต่อการเลือกตั้งเทศบาล ’64,” the101.world (7 พฤษภาคม 2564), จาก https://www.the101.world/thailand-s-2021-municipal-election/

MOST READ

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Social Issues

5 Jan 2023

คู่มือ ‘ขายวิญญาณ’ เพื่อตำแหน่งวิชาการในมหาวิทยาลัย

สมชาย ปรีชาศิลปกุล เขียนถึง 4 ประเด็นที่พึงตระหนักของผู้ขอตำแหน่งวิชาการ จากประสบการณ์มากกว่าทศวรรษในกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันการศึกษา

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

5 Jan 2023

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save