‘การทุจริต’ เป็นหนึ่งในโจทย์และปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยเผชิญมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นช่องโหว่สำคัญที่เปิดโอกาสให้บุคคลหรือองค์กรใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนบนความเสียหายของประเทศ แม้ปัญหานี้จะถูกพูดถึงอยู่เสมอในสังคมไทย แต่หากมองให้กว้างขึ้นจะพบว่า ‘คอร์รัปชัน’ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพังในประเทศไทย หากแต่เป็นปัญหาร่วมของหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ต่างต้องต่อสู้กับเครือข่ายผลประโยชน์ที่ซับซ้อนและยืดยาวข้ามรุ่น
เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาดังกล่าวกลับยิ่งฝังรากลึกและขยายวงกว้างมากขึ้น จากการสมคบคิดระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มคนใกล้ชิด ทั้งญาติพี่น้อง หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือแม้แต่คู่สมรส จนทำให้เกิดคำเรียกเฉพาะสำหรับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่า PEPs (politically exposed persons) หรือ ‘บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง’ ซึ่งหมายถึงผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจในการตัดสินใจและบริหารงบประมาณของประเทศ บุคคลกลุ่มนี้จึงมีความเสี่ยงสูงในการใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และกลายเป็นศูนย์กลางของการทุจริตที่มักโยงใยไปถึงเครือญาติและพวกพ้อง
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงลำพังจากหน่วยงานรัฐหรือกฎหมายเท่านั้น หากต้องอาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และสื่อมวลชน ในการร่วมตรวจสอบและผลักดันให้เกิดความโปร่งใสในทุกระดับ โดยที่หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตรวจสอบเป็นจริงได้มากขึ้น คือ ‘ข้อมูลเปิด’ (open data) ที่เปลี่ยนข้อมูลจากสิ่งที่ซับซ้อนเข้าถึงยาก ให้กลายเป็นอาวุธของประชาชนในการจับตา ตรวจสอบ และขจัดการคอร์รัปชันให้หมดไปจากระบบอำนาจไทยอย่างแท้จริง
ท่ามกลางความท้าทายของปัญหาคอร์รัปชันที่นับวันยิ่งซับซ้อนและโยงใยเป็นระบบอำนาจ วันโอวัน ชวนสำรวจว่า ‘ข้อมูลเปิด’ จะสามารถพลิกเกมการตรวจสอบการใช้อำนาจของ PEPs ซึ่งเป็น ‘คนของรัฐ’ ได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ‘พลังของประชาชน’ คือแรงขับสำคัญในการจับไต๋คนของรัฐ เพื่อเปิดเผยเครือข่ายผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังและขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่ความโปร่งใสอย่างแท้จริง
หมายเหตุ: สรุปความบางส่วนจากงานเสวนาหัวข้อ Open Data for Anti-corruption focusing on Politically Exposed Persons (PEPs) as a guideline tool for journalists ร่วมเสวนาโดย Khairil Yusof ผู้ประสานงาน Sinar Project, วิถี ภูษิตาศัย ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายเทคนิค WeVis, Sahel Muzzammil เจ้าหน้าที่โครงการ Transparency International Indonesia และ Linda Novi Trianita ผู้สื่อข่าวจาก Tempo Magazine Indonesia เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2025 ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)
PEPs คืออะไร?
วิถี ภูษิตาศัย ในฐานะ co-founder and technical lead จาก WeVis ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้ง และใช้เทคโนโลยีภาคประชาชน (civic technology) เพื่อสนับสนุนความโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดเผยข้อมูล (open data) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการรวบรวมข้อมูลบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง หรือ PEPs ว่า เป็นสิ่งจำเป็นในการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อต่อต้านการทุจริต
เนื่องจากบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองมักอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญและมีอำนาจในการใช้ อนุมัติและบริหารงบประมาณของรัฐ ส่งผลให้หลายครั้งจึงมีการใช้ตำแหน่งในทางที่ผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน การทุจริต หรือการรับสินบน การทำความเข้าใจและเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้จึงช่วยให้สังคมมองเห็นภาพของผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest) ได้ชัดเจนขึ้น ดังนั้น การรวบรวมและนิยามข้อมูลเกี่ยวกับ PEPs ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
ที่ผ่านมา คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ Financial Action Task Force (FATF) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (inter-governmental organization) ได้ให้ความสำคัญกับการกำหนดนิยามของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) โดยจำแนกออกเป็นหลายประเภท เช่น บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองในต่างประเทศ, บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองภายในประเทศ, บุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงญาติและบุคคลใกล้ชิดของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ซึ่งแต่ละประเทศย่อมมีนิยามที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ประเทศไทยและมาเลเซียจึงนำนิยามของ FATF ให้เป็นจุดตั้งต้นสำคัญสำหรับการนำมาศึกษาและสังเคราะห์ต่อ เพื่อปรับให้สอดคล้องกับบริบททางการเมืองและสังคมของประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้นใช้คำนิยามที่อ้างอิงจาก บัญชีบุคคลที่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการระบุนิยามของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) โดยประกอบด้วย
1. บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงและมีอำนาจสำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ
2. บุคคลซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมและจัดการระดับสูงในหน่วยงานราชการส่วนกลาง หน่วยราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
3. บุคคลที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาชั้นสูงในกองกำลังทหารหรือตำรวจ
4. บุคคลที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงหรือสมาชิกคณะกรรมการในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองยังรวมไปถึงบุคคลที่ตรงตามเกณฑ์ข้างต้นซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งภายในปีที่ผ่านมาหรือยังคงมีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้น แม้ว่าจะบุคคลดังกล่าวจะออกจากตำแหน่งไปมากกว่าหนึ่งปีก็ตาม
ด้าน Khairil Yusof ผู้ประสานงานของ Sinar Project ซึ่งเป็นโครงการเทคโนโลยีพลเมือง (civic tech) ที่ใช้ข้อมูลเปิดเพื่อเผยแพร่และทำให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับประชาชนชาวมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงธรรมาภิบาลและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะของประเทศมากขึ้น ระบุว่าที่ผ่านมาประเทศมาเลเซียเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลและความโปร่งใสของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง องค์กรภาคประชาสังคมหลายแห่งจึงพยายามสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับนักการเมืองเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นกลับพบว่านักการเมืองหลายคนในตำแหน่งต่างๆ มีความเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจที่เคยทำมาก่อน รวมถึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาคเอกชน Khairil ยอมรับว่าในตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าจะเรียกกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่าอะไร แต่เมื่อได้ทราบนิยามของ ‘บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง’ (PEPs) จาก FATF จึงทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับ PEPs มากขึ้น
สำหรับประเทศมาเลเซีย Khairil ระบุว่าแม้จะยังไม่มีบัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการที่ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการระบุบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) แต่คำนิยามของ PEPs ที่ถูกนิยามขึ้นในเวลาต่อมาของประเทศมาเลเซียมีความสอดคล้องกับมาตรฐานของ FATF โดยบุคคลที่ถือว่าเป็น PEPs ในมาเลเซีย หมายถึง ผู้ที่ดำรงตำแหน่งหรือเคยได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่สาธารณะที่สำคัญของประเทศ เช่น ผู้นำของรัฐ นักการเมืองอาวุโส เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ในองค์กรตุลาการและกองทัพ ผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมืองที่สำคัญ
เมื่อเปรียบเทียบคำนิยามของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย พบว่ามีบางประเด็นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยนิยามของประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและจำกัดขอบเขตมากกว่า ขณะที่นิยามของมาเลเซียมีความสอดคล้องกับมาตรฐานของ FATF มากกว่า นอกจากนี้ นิยามของ ‘สมาชิกในครอบครัว’ ของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองในมาเลเซียยังครอบคลุมถึงพ่อแม่ คู่สมรส และญาติทางกฎหมาย ซึ่งถือว่าครอบคลุมกว่าที่ประเทศไทยกำหนดไว้
จากการกำหนดนิยาม PEPs สู่การจัดการข้อมูลเพื่อต่อต้านการทุจริต
แม้นิยามของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) ของมาเลเซียจะมีความครอบคลุมมากกว่า แต่ Khairil ยอมรับว่ายังคงมีความคลุมเครือในบางถ้อยคำ เช่น คำว่า ‘ผู้ใกล้ชิด’ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าครอบคลุมถึงบุคคลใดบ้าง หลายกรณีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า แม้แต่คนขับรถของนักการเมืองซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองผู้นั้นก็อาจต้องถูกนับว่าเป็น PEPs ได้ในฐานะ ‘ผู้ใกล้ชิด’ เช่นกัน
เขายกตัวอย่างเหตุการณ์ในปี 2012 ที่ลูกชายของ Mohd Nazri Abdul Aziz ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกฎหมายของมาเลเซียในขณะนั้น ถูกพบว่าขับรถ Hummer SUV ของ Michael Chia นักธุรกิจชาวมาเลเซียที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันการทุจริต
ลูกชายของรัฐมนตรีรายนี้ถูกจับกุมโดยคณะกรรมการอิสระต่อต้านการทุจริตแห่งฮ่องกง (Independent Commission Against Corruption: ICAC) ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง พร้อมเงินสดจำนวน 16 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมีความสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับนักการเมืองในมาเลเซีย
เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างคำถามต่อความโปร่งใสของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะรายงานระบุว่ารถหรูของ Chia ถูกใช้โดยลูกชายของรัฐมนตรี ส่งผลให้ข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทับซ้อนทวีความรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา Mohd Nazri Abdul Aziz ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นว่ามีอะไรผิดและไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด โดยเขามองว่าลูกชายไม่ได้อยู่ในฐานะคู่สมรส อีกทั้งยังชี้ว่าสิ่งที่ลูกชายทำเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบในฐานะรัฐมนตรี โดยระบุว่า ลูกชายทำอะไร เขาไม่จำเป็นต้องรู้หรือควบคุม ซึ่งแตกต่างจากความสัมพันธ์ของคู่สมรสที่มักทราบเรื่องราวซึ่งกันและกัน (“What he does, he doesn’t tell me. It is different from husband and wife”)
Khairil ย้ำว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เพียงกรณีตัวอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในมาเลเซีย และสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการที่ยังไม่มีการนิยามหรือกำหนดขอบเขตของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) อย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้โดยตรง
ในมุมมองของเขา บุคคลที่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ กับนักการเมือง เป็นกลุ่มที่สื่อมวลชนและองค์กรภาคประชาสังคมควรจับตา ตั้งคำถาม และตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้บางครั้งอาจกลายเป็นช่องทางให้อำนาจหรือผลประโยชน์บางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในระบบการเมืองที่โปร่งใส
เขาเพิ่มเติมว่า หลังจากสามารถกำหนดนิยามของ PEPs ได้แล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อไปคือ ‘การกำหนดมาตรฐานข้อมูล’ (data standardization) ซึ่งจะช่วยให้พลเมืองสามารถนำเสนอและเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากประเทศไทยและมาเลเซียใช้มาตรฐานข้อมูลเดียวกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลก็จะช่วยให้เข้าใจประเด็นอย่างผลประโยชน์ข้ามพรมแดนหรือการฟอกเงินข้ามชาติได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังเอื้อต่อการแบ่งปันข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ อีกทั้งยังเปิดทางให้ประเทศอื่นๆ สามารถเข้ามาร่วมใช้มาตรฐานเดียวกันได้อย่างง่ายดายในอนาคต
สำรวจนิยามในการเมืองอินโดนีเซีย
Sahel Muzzammil เจ้าหน้าที่โครงการ Transparency International Indonesia ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Transparency International และขับเคลื่อนเพื่อต่อต้านการทุจริต อธิบายว่าอินโดนีเซียยังไม่มีนิยามของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) ที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายโดยตรงจากฝ่ายนิติบัญญัติ แต่มีการกำหนดและใช้งานอยู่ในกฎระเบียบหลายฉบับที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว สำนักงานวิเคราะห์และรายงานธุรกรรมทางการเงินของอินโดนีเซีย (Indonesian Financial Transaction Reports and Analysis Center หรือ PPATK) มีอำนาจในการระบุและกำหนดประเภทของบุคคลที่ถือเป็น ‘กลุ่มเสี่ยง’ หรืออาจเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่ม PEPs
ระเบียบของ PPATK ได้ให้นิยามว่า PEPs คือบุคคลที่เป็นหรือเคยถูกบันทึกว่าเป็น ‘ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ ตามที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนด และเป็นผู้ที่มีหรือเคยมีอำนาจรัฐ หรือปฏิบัติหน้าที่สำคัญในตำแหน่งนั้น
นอกจากระเบียบของ PPATK แล้ว ยังมีกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแลบริการทางการเงิน (Financial Services Authority Regulations) ที่ให้คำจำกัดความเพิ่มเติม โดยนิยาม PEPs ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในภาครัฐ ซึ่งไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับกลางหรือต่ำกว่า ซึ่ง Sahel มองว่าเป็นแนวทางที่ “สอดคล้องกับข้อกำหนดของ FATF อย่างแท้จริง”
แม้กฎระเบียบจะไม่ได้ระบุรายชื่อบุคคลที่เข้าข่าย PEPs โดยเฉพาะเจาะจง แต่ได้ยกตัวอย่างตำแหน่งไว้ เช่น หัวหน้ารัฐบาล หรือในกรณีของ องค์กรระหว่างประเทศ ก็ครอบคลุมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ผู้บริหารหรือผู้จัดการ ของหน่วยงานต่างๆ เช่น IMF, ธนาคารโลก หรือ สหประชาชาติ (UN) เป็นต้น
สำหรับสมาชิกในครอบครัว กฎระเบียบของอินโดนีเซียได้กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 13 ประเภท พร้อมระบุประเภทอย่างชัดเจน เช่น คู่สมรส บุตร บิดามารดา หรือเครือญาติทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการกำหนดถึงผู้ใกล้ชิดของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ซึ่งอาจหมายถึงบริษัทที่บุคคลนั้นเป็นเจ้าของหรือมีบทบาทบริหารจัดการ ตลอดจนบุคคลที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีสถานภาพทางการเมือง เช่น คนขับรถ ผู้ช่วยส่วนตัว หรือเลขานุการส่วนตัว
การปรับใช้ข้อมูลเปิดในงานสื่อเชิงสืบสวนสอบสวน
Linda Novi Trianita เป็นผู้สื่อข่าวของ Tempo Magazine Indonesia ซึ่งสื่อดังกล่าวเป็นสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์รายสัปดาห์ของอินโดนีเซียที่มีชื่อเสียงมากในฐานะสื่อเชิงสืบสวนสอบสวน (investigative journalism) เล่าว่า Tempo มีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงการคอร์รัปชันและการใช้อำนาจโดยมิชอบของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงมาโดยตลอด
เธออธิบายว่า ที่ผ่านมา Tempo มักอาศัยข้อมูลจาก ‘คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตของอินโดนีเซีย’ (Komisi Pemberantasan Korupsi: KPK) ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน จากนั้นจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอื่น เช่น ทะเบียนธุรกิจในอินโดนีเซีย เพื่อวิเคราะห์ว่าบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) มีบทบาทหรือถือหุ้นในบริษัทใดบ้าง ข้อมูลเปิดเหล่านี้มักถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นของการสืบสวนเชิงลึกในแต่ละประเด็น
Linda ยกตัวอย่างกรณีหนึ่งที่ Tempo ใช้เวลาสืบสวนภาคสนามกว่าเก้าวันในศูนย์กลางการพนันของกัมพูชา เช่น สีหนุวิลล์ และปอยเปต จนพบเครือข่ายการพนันออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มีการจัดระเบียบอย่างซับซ้อนและเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการชาวอินโดนีเซีย โดยข้อมูลส่วนหนึ่งได้มาจาก ‘ข้อมูลเปิดของภาครัฐ’ รวมถึงการร่วมมือกับผู้สื่อข่าวชาวกัมพูชาที่ช่วยให้เข้าถึงทะเบียนข้อมูลสาธารณะของประเทศนั้น เนื่องจาก Linda ยอมรับว่าเธอประสบอุปสรรคด้านภาษาในการค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง
จากการสืบสวนและข้อมูลเปิดดังกล่าวทำให้ Tempo พบว่ามีบริษัทพนันออนไลน์รายใหญ่ในกัมพูชาอย่างน้อยสี่แห่งที่เป็นของหรือดำเนินการโดยชาวอินโดนีเซีย เช่น Golden Oasis Entertainment Co. Ltd. (ผู้ดำเนินการคาสิโน Trimulia ในสีหนุวิลล์) และ Istanaimpian Co. Ltd.
นอกจากนี้ ผลการสืบสวนยังเปิดเผยความเชื่อมโยงทางการเมือง โดยพบว่านักการเมืองอาวุโสชาวอินโดนีเซียคนหนึ่ง ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานรัฐสภา และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการคาสิโนรายหนึ่ง อีกทั้งยังพบว่าแรงงานข้ามชาติชาวอินโดนีเซียจำนวนมากถูกว่าจ้างและถูกบังคับให้ทำงานในสภาพการเอารัดเอาเปรียบในอุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ โดยแรงงานเหล่านี้ต้องเผชิญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน การข่มขู่ และความรุนแรงทางร่างกาย หากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ถูกกำหนด
ในมุมมองของ Khairil เขาเชื่อว่าข้อมูลเปิดคือ ‘เครื่องมือทรงพลัง’ ที่ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน (investigative journalism) ซึ่งต้องอาศัยทั้งข้อมูลเชิงลึกและการเชื่อมโยงเครือข่ายอำนาจ
เขาอธิบายว่า หลักการบางอย่างที่ภาคประชาสังคมใช้ในการตรวจจับการทุจริต สามารถต่อยอดและประยุกต์เข้ากับมาตรฐานการทำงานของสื่อได้ เช่น วิธีการทำแผนที่ชุมชน (community mapping) ที่มุ่งทำความเข้าใจว่าใครเป็นใครในเครือข่ายอำนาจนั้น และบุคคลเหล่านี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อน ครู หรือบุคคลอื่นที่อยู่ในวงสังคมเดียวกัน
Khairil เสริมว่าหากนิยามของ PEPs ถูกนำมาใช้ได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ วิธีการดังกล่าวจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับงานสืบสวน เพราะแทนที่จะมุ่งตรวจสอบเฉพาะ ‘เจ้าของอำนาจ’ โดยตรง สื่อมวลชนสามารถขยายการสืบสวนไปยัง ‘ผู้ใกล้ชิด’ ของบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือเจ้าหน้าที่พิเศษที่มีบทบาทอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
เขาทิ้งท้ายว่า ในปัจจุบันสื่อมวลชนมีเครื่องมือและเทคนิคในการสืบสวนคดีคอร์รัปชันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อมูลเปิดและนิยาม PEPs ที่ชัดเจน มันจะช่วยให้การตามรอยอำนาจและผลประโยชน์เป็นไปอย่างลึกซึ้งและแม่นยำยิ่งขึ้น
ผลงานชิ้นนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (TIJ) และ The101.world