fbpx

วิบากกรรมของโดนัลด์ ทรัมป์และโจ ไบเดนกับชะตากรรมในการเลือกตั้ง

อีกแปดเดือนก็จะถึงวาระศักดิ์สิทธิ์ในการเมืองอเมริกันอีกวาระ นั่นคือการเลือกตั้งประธานาธิบดี อันเป็นตำแหน่งผู้ปกครองประเทศสูงสุด เป็นผู้ดำรงอิสราธิปไตยแห่งรัฐและประชาชนที่ไม่มีใครในแผ่นดินเทียบเคียงได้

หากเทียบกับอาณาจักรและรัฐที่เคยมีพระมหากษัตริย์หรือจักรพรรดิปกครอง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็คือพระมหากษัตริย์เหมือนประเทศที่เคยเป็นราชาธิปไตยนั่นเอง เพียงแต่เมื่อไม่เคยมีจารีตธรรมเนียมของการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ตำแหน่งประธานาธิบดีและสถาบันจึงขาดมิติที่สำคัญไปอย่าง นั่นคือประเพณีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์และโลกที่สิงสถิตย์อยู่กับสถาบันกษัตริย์ และการธำรงรักษาจารีตประเพณีและวิถีชีวิตแบบโบราณเอาไว้ ประธานาธิบดีอเมริกันจึงเป็นเพียง ‘the first citizen’ หรือพลเมืองคนที่หนึ่งเท่านั้นเอง แม้การเรียกขานอย่างเป็นทางการก็ได้แค่ ‘มร.’ ไม่มี ฯพณฯ (พณหัวเจ้าท่าน) ประธานาธิบดีอเมริกันจึงทำให้คนกลัวไม่ได้ กระทั่งกลายเป็น ‘ความฝันของคนอเมริกัน’ ว่าใครๆ ก็เป็นประธานาธิบดีได้

ในรอบสองศตวรรษของการมีประธานาธิบดี ไม่เคยมีครั้งไหนที่สร้างความฮือฮาและแปลกใหม่รวมถึงความตื่นเต้นระทึกใจเท่ากับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สำคัญคือการใช้และทำให้อำนาจของประธานาธิบดีกลายเป็นอำนาจ ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ที่เหนือกว่าอำนาจและสถาบันกฎหมายทั้งหลาย อาจเรียกว่าเกือบเหมือนกับอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไปเลย ด้วยการที่เขาท้าทายและตอบโต้สถาบันการเมืองที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างไม่เกรงใจ การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญคือนำการประท้วงและก่อการลุกฮือของมวลชนเอียงขวาหน้ารัฐสภาคองเกรสเพื่อล้มผลการเลือกตั้งในวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่เขาพ่ายแพ้แก่โจ ไบเดนแห่งพรรคเดโมแครต

ผมดูรายงานข่าวสดจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในกรุงนิวยอร์ก ที่นักศึกษาจำนวนหนึ่งหลายร้อยคนตั้งแคมป์ประท้วงสงครามกาซาและอิสราเอล พวกเขาเรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยยุติการลงทุนในบริษัทธุรกิจที่ดำเนินการกับอิสราเอล เป็นการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลอเมริกันด้วยเช่นกันว่าถึงเวลายุติการให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลขวาสุดขั้วของอิสราเอลได้แล้ว การประท้วงของนักศึกษาอเมริกันในหลายมหาวิทยาลัยดังๆ ของประเทศเริ่มราวเดือนที่แล้ว หลังจากการถล่มทำลายและปิดล้อมฉนวนกาซาของกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลสังหารคนปาเลสไตน์ไปกว่า 3 หมื่นคนและกำลังฆ่าทางอ้อมด้วยการปิดล้อมไม่ให้อาหาร ยา และข้าวของจำเป็นต่างๆ เข้าไปในกาซาได้ คนเหล่านั้นกำลังอดตายต่อหน้าต่อตาชาวโลก โดยเฉพาะเด็ก สตรี คนแก่ คนป่วยและคนพิการ ภาพและความจริงของการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ‘การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในการสงคราม’ และ ‘อาชญากรรมสงคราม’ ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศสากลกำลังไต่สวนและจะประกาศออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กับคณะทหารของเขาต่อไป ทั้งหมดแสดงถึงปฏิกิริยาของประชาคมโลก ไม่ว่าจากองค์การสหประชาชาติ รัฐบาลประเทศต่างๆ และองค์กรสิทธิมนุษยชนและในที่สุดขบวนการนักศึกษาที่ต้องการยุติอาชญากรรมในสงครามนี้

คำถามที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นได้แก่ นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วิกฤตในกาซาจะมีส่วนในการตัดสินลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้หรือไม่

ตอนที่อิสราเอลเริ่มการตอบโต้และลงมือทำลายอาคารบ้านช่องรวมถึงโรงพยาบาลของปาเลสไตน์ในเดือนแรกหลังจากถูกกลุ่มฮามาสจู่โจมอย่างสายฟ้าแลบและสังหารชาวอิสราเอลไป 1,200 คนและจับกุมไปเป็นตัวประกันอีกหลายร้อยคน สหรัฐฯ โดยเฉพาะคือประธานาธิบดีโจ ไบเดนและรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคนยังเชื่อว่าอิสราเอลคงไม่กระทำการรุนแรงมากไปกว่านี้ จากนั้นก็คงนำไปสู่การเจรจาสงบศึกกับฮามาส เพื่อแลกตัวประกันต่อไป

ทำเนียบขาวจึงไม่ได้ปรามและส่งสัญญาณอย่างจริงจังแก่เนทันยาฮู ซึ่งฉวยโอกาสที่สหรัฐฯ ไม่เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อิสราเอลเตรียมวางแผนรุกฆาตต่อขบวนการฮามาสด้วยการจัดการขั้นเด็ดขาดชนิดไม่ให้เกิดอีกเลย แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามแผนการของอิสราเอลและฝ่ายทหาร เพราะฮามาสสามารถต่อสู้และรักษากำลัง รวมถึงตัวประกันอิสราเอลไว้ได้ตลอดเวลาที่ถูกถล่มทำลายอย่างหนักนับเดือน พื้นที่ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฐานหลบซ่อนของฮามาส ได้แก่อุโมงค์ใต้ดินที่สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงและเต็มไปด้วยยุทโธปกรณ์ทั้งหลายที่ยาวหลายกิโลเมตรจากชายแดนอียิปต์ไปถึงตอนเหนือของกาซา ทำลายอย่างไรก็ไม่อาจทำลายนักรบฮามาสได้หมด ไม่มีรายงานข่าวถึงการเคลื่อนไหวใต้ดินของพวกเขาออกมาให้เห็น คนนอกจึงไม่อาจเข้าไจได้ว่าเหตุใดพวกนั้นถึงสามารถดำเนินการต่อสู้ต่อไปได้ทั้งๆ ที่ไม่มีพื้นที่บนดินให้พวกเขาใช้สำหรับการต่อสู้เลย

สถานการณ์สงครามในกาซาดังกล่าว ทำให้ทำเนียบขาวตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นผู้ถูกมัดมือชกในเวทีการเมืองตะวันออกกลาง ไม่สามารถบังคับให้เนทันยาฮูลดระดับเพดานของการโจมตีทำลายล้างชาวปาเลสไตน์ในกาซาให้อยู่ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศและรักษามาตรฐานของความมีมนุษยธรรมในการกระทำของรัฐอิสราเอล จุดอ่อนของไบเดนในสงครามกาซาทำให้พรรครีพับลิกันและสภาผู้แทนราษฎรที่พวกเขามีเสียงข้างมากที่ไม่มากนัก สามารถวีโต้และลงคะแนนไม่ผ่านกฎหมายความช่วยเหลือระหว่างประเทศแก่ยูเครน อิสราเอล และไต้หวันตามที่รัฐบาลต้องการ ต้องมีการเจรจาต่อรองหลายครั้งกระทั่งในที่สุดสภาผู้แทนฯ ให้ผ่านไปด้วยเสียงข้างมากที่พรรคเดโมแครตช่วยกันยกมือให้ผ่าน มีผลทำให้สมาชิกกลุ่มเสรีภาพ (Freedom Caucus) ที่เป็นพวกอนุรักษ์สุดขั้วในสภาไม่พอใจอย่างยิ่ง ประกาศว่าจะขับไล่นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนฯ ออกจากตำแหน่งให้ได้เหมือนกับที่พวกนี้เคยลงโทษอดีตประธานสภาฯ คนก่อนคือเควิน แมกคาร์ธีจนหลุดจากตำแหน่งไปในเวลาเพียง 10 เดือน เป็นการดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ที่สั้นที่สุดครั้งที่สามของสภาผู้แทนฯ ความพ่ายแพ้ของเขามาจากการที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือในการลงคะแนนเสียงจากพรรคเดโมแครต ซึ่งพากันงดออกเสียงหมดเลย

หากดูจากสำนักโพลที่สำรวจผู้ลงคะแนนเสียงระหว่างไจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่าล่าสุดคะแนนเสียงของทรัมป์ยังนำไบเดนอยู่ 45:44 (The Economist, May 1, 2024) สำนักข่าวผู้จัดทำโพลชี้แจงด้วยว่าคะแนนดังกล่าวนี้ยังไม่อาจใช้วัดการลงคะแนนเสียงจริงๆ ในวันเลือกตั้งได้ เพราะยังอีกหลายเดือน ถ้าทำประชามติหลังเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ของสองพรรคแล้ว คาดว่าผลโพลตอนนั้นอาจใกล้เคียงกับการตัดสินใจจริงมากที่สุด

อย่างไรก็ตามคะแนนที่ได้ตอนนี้พอจะประมวลถึงความรู้สึกและความคิดเห็นของคนอเมริกันต่อผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งสองคนได้ กล่าวคือส่วนใหญ่คนลงคะแนนเสียงไม่ค่อยมีความพอใจในตัวผู้สมัครทั้งสองมากนัก ประการหนึ่งมีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่มีคุณลักษณะผู้นำที่โดดเด่นในทางหนึ่งทางใด พูดรวมๆ ก็คือไม่เห็นบารมีของสองคน

โจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่เขาไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับปากท้องชาวบ้านได้ดีนัก ในขณะที่ออกกฎหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมอย่างมหาศาล ซึ่งจำเป็นในการรักษาฐานะของระบบทุนนิยมอเมริกาและโลกไม่ให้อ่อนล้าลงไปกว่านี้ โดยเฉพาะจากวิกฤตโควิดและภาวะเศรษฐกิจฟุบตามมา แม้จะรักษาอัตราเงินเฟ้อในประเทศไม่ให้สูงเกินไปในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศ รักษาอัตราว่างงานไม่ให้สูงเกินไป และทำพันธมิตรกับสหภาพแรงงานรถยนต์สำเร็จ ได้รับคะแนนสนับสนุนจากกลุ่มกรรมกรใหญ่อย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่กลับไปเสียท่าที่ศาลสูงสุดมีมติให้ยกเลิกกฎหมายทำแท้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในคดีโรกับเวด (Roe v. Wade) ที่เป็นชัยชนะของฝ่ายเสรีนิยมและพรรคเดโมแครตมานับ 5 ศตวรรษ ทำให้พรรคเดโมแครตตกเป็นฝ่ายรับไปในเรื่องการทำแท้ง ดังนั้นการต่อสู้รณรงค์เรื่องสิทธิทำแท้งจึงกลายเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงและดึงสตรีและคนที่สนับสนุนการทำแท้งให้ต้องกลับมาสนับสนุนพรรคเดโมแครตให้เป็นรัฐบาลอยู่ต่อไป แม้จะไม่พอใจนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลไบเดนก็ตาม

ปัญหาการพลิกผันของสถานการณ์สงครามในยูเครนและตามมาด้วยวิกฤตกาซา มีผลกระเทือนต่อฐานะและการนำของรัฐบาลไบเดน หลังจากถูกวิพากษ์อย่างหนักในการถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานจนทำให้ฝ่ายตาลีบันได้รับชัยชนะจนยึดเมืองหลวงได้ในที่สุด เป็นรอยด่างอันใหญ่ของไบเดนในเรื่องการต่างประเทศ เมื่อยูเครนถูกบุกยึดโดยรัสเซีย สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศนาโตในการต่อต้านการรุกคืบของรัสเซีย สองปีของการหนุนหลังยูเครนในการทำสงครามอย่างหนักต่อรัสเซีย ระยะแรกทำให้ฐานะและความเป็นผู้นำโลกในการรักษาระเบียบโลกได้รับการยอมรับและยกย่องขึ้นมาดีกว่าก่อนนี้หน่อย จนทำให้การต่อสู้ของยูเครนมีโอกาสจะชนะรัสเซียได้ ถ้าเกมนี้อเมริกาและยูเครนชนะอย่างที่ตั้งใจจะมีผลต่อดุลยภาพของการต่อกรระหว่างค่ายอดีตสังคมนิยมรัสเซียและจีน กับอดีตค่ายเสรีนิยมอเมริกายุโรปว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระเบียบโลกใหม่ต่อไป

ทว่าการอุบัติขึ้นอย่างไม่คาดคิดของสงครามหฤโหดและทารุณจิตใจคนทั่วโลกระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ทันใดนั้นมันลากสหรัฐฯ และไบเดนเข้าไปยังซอกมุมที่ไม่มีพื้นที่อะไรมากนักในการวางแผนและดำเนินการทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีได้มากนัก แย่กว่านั้นมันยังทำให้กลุ่มพลังและงบประมาณทางทหารที่ตั้งใจจะช่วยอุดหนุนยูเครนกลับประสบการต่อต้านและคัดค้านมากขึ้นจากในสภาคองเกรสและในกลุ่มประชาชนต่างๆ นอกเหนือจากกลุ่มเอียงขวาของทรัมป์ ทำให้ความได้เปรียบในสนามรบยูเครนกลายมาเป็นเสียเปรียบและรัสเซียมีกำลังใจตีตื้นขึ้นมาได้อีก จนคนเริ่มพูดว่า ไม่แน่ว่าอนาคตของยูเครน แทนที่อเมริกาจะนำไปสู่ชัยชนะ อาจเป็นการนำไปสู่ความพ่ายแพ้ เพราะนั่นจะเป็นการตอกตะปูโลงศพให้แก่โจ ไบเดนในชีวิตการเมืองของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

พัฒนาการล่าสุดได้แก่การปะทุและลามไปทั่วประเทศของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับไอวีลีกหรือชั้นนำสุดของประเทศ เช่น เยล ฮาร์วาร์ด พรินซ์ตัน และโคลัมเบียในภาคตะวันออก ไปจนถึงมหาวิทยาลัยภาคตะวันตกในลอสแอนเจลิสและเท็กซัส (มหาวิทยาลัยไอวีลีกไม่มีในภาคใต้และตะวันตก) ที่หากปล่อยให้ลุกลามไปหนักขึ้นเหมือนกับการต่อต้านสงครามเวียดนาม จะมีผลด้านลบต่อรัฐบาลไบเดนแน่นอน

ล่าสุดฝ่ายตำรวจในนิวยอร์กเริ่มปฏิบัติการเข้าสลายการชุมนุมประท้วงในโคลัมเบียแล้ว จับกุมนักศึกษาไปนับร้อย นโยบายสลายการชุมนุมในเร็ววันจะได้รับการปฏิบัติไปทั่วประเทศ เพื่อมิให้กระเทือนฐานเสียงของโจ ไบเดนต่อไป แต่ปฏิบัติการโดยเฉพาะใน UCLA ที่หนักไปทางจับกุมอย่างรุนแรง เนื่องจากมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงฝ่ายหนุนปาเลสไตน์กับอิสราเอล ทำให้กลุ่มคณาจารย์และพนักงานมหาวิทยาลัยออกมาประกาศสนับสนุนการประท้วงของนักศึกษาต่อไป

ทิศทางของการประท้วงของนักศึกษาจะพัฒนาไปสู่วิกฤตการเมืองของไบเดนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจาขณะนี้ (2 พ.ค.) ระหว่างนายบลิงเคนกับเนทันยาฮูและฮามาสในการหาทางยุติการทำสงครามอย่างยั่งยืน (ซึ่งยากมาก) ในขณะที่เนทันยาฮูประกาศอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ยุติการรุกด้วยกำลังทหารและอาวุธหนักในราฟาห์ ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของฮามาสที่ติดกับอียิปต์ ทุกฝ่ายคัดค้านการรุกฆาตนี้เพราะจะเป็นการสังหารชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.5 ล้านคนที่อาศัยที่นั่นและไม่มีที่จะไปลี้ภัยได้อีกเลย เลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวเตือนอย่างแรงว่านี่จะเป็นการ “เร่งการทำลายล้างที่ไม่อาจรับได้” อีกต่อไป (unbearable escalation)

ในอีกด้านหนึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีภาษีดีกว่าไบเดนอย่างมากมายอะไร เขาอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีอาญารวมทั้งหมด 4 คดี คดีแรกคือการปลุกระดมการลุกฮือก่อจลาจลของม็อบที่ตึกรัฐสภาด้วยความรุนแรงถึงตาย คดีต่อมาคือการแทรกแซงการนับคะแนนและให้สินบนเจ้าหน้าที่มลรัฐจอร์เจีย อีกคดีในมลรัฐนิวยอร์กเรื่องการใช้เงินสำหรับการรณรงค์หาเสียงผิดประเภทด้วยการไปติดสินบนดารานักแสดงหญิงที่มีข่าวว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับทรัมป์ และท้ายสุดคือคดีความมั่นคงด้วยการไม่คืนเอกสารลับให้แก่หอจดหมายเหตุ เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาต่อคดีทั้งหมด เมื่อพิจารณาด้วยสติปัญญาอย่างธรรมดาแล้ว ก็คิดไม่ออกว่าคนที่ต้องการเลือกโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการจะบอกอะไรแก่คนอื่นและคนทั่วโลก

เท่าที่พอคิดได้คือทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำที่มีบารมี (charisma) ที่สามารถสร้างภาพเขาให้ปรากฏในหมู่คณะบุคคลที่กว้างใหญ่ได้ ทำให้คนเหล่านั้นเกิดความเชื่อว่าอุดมการณ์ความคิดขวาสุดขั้วของพวกเขาจะได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเขาไม่สนใจและไม่แคร์ว่าทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศ โกงภาษีรัฐและธนาคาร ประณามนักการเมืองและสื่อมวลชนเสรีนิยม กระทั่งละเมิดหลักการในรัฐธรรมนูญ เพราะนั่นไม่ใช่คุณค่าทางสังคมของพวกเขา

โดนัลด์ ทรัมป์และขบวนการขวาสุดขั้วจึงเป็นอวตารของการเมืองแบบขวาสุดขั้วที่ในอดีตไม่เคยมีพื้นที่และประชาชนสำหรับการแสดงออกและท้าทายพลังฝ่ายเสรีนิยมได้ หลังจากชนชั้นเจ้าของทาสภาคใต้ถูกทำลายลงไปด้วยกำลังทหารในสงครามกลางเมือง ไม่น่าเชื่อว่าการเมืองอเมริกันกำลังหมุนกลับไปหา ‘เขาวงกต’ ของการเมืองเผด็จอำนาจแบบโลกที่สามที่บัดนี้ก็ยังหาทางออกจาก ‘วงจรอุบาทว์’ ไม่ได้

MOST READ

World

1 Oct 2018

แหวกม่านวัฒนธรรม ส่องสถานภาพสตรีในสังคมอินเดีย

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก สำรวจที่มาที่ไปของ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ในอินเดีย ที่ได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากมหากาพย์อันเลื่องชื่อ พร้อมฉายภาพปัจจุบันที่ภาวะดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน โดยมีหมุดหมายสำคัญจากการที่ อินทิรา คานธี ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

1 Oct 2018

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save