ซองอ๊วน สีบุญเรือง : ราษฎรผู้เกือบได้เป็นองคมนตรี

เสียดายนายซองอ๊วน

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าว่า เมื่อนายซองอ๊วนตายในวัย 50 ปี บุคคลทุกชั้นบรรดาศักดิ์ล้วนกล่าวแต่อย่างเดียวกันเช่นนี้

ส่วนนายศิลป์ สีบุญเรือง ได้เขียนประวัติของบุรุษผู้นี้สรุปไว้อย่างกระชับว่า

นายซองอ๊วนเปนบุคคลสำคัญคนหนึ่งในสยามประเทศ มีเกียรติยศ ชื่อเสียงเกิดขึ้นด้วยคุณความดีของตนเองโดยแท้

และคราวหนึ่ง สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ถึงกับเคยเสนอให้เขาเป็นองคมนตรีมาแล้ว


ซองอ๊วน สีบุญเรือง (2421-2471)


องคมนตรี


องคมนตรีสภาเกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ เช่น การตัดสินฎีกาต่างๆ ตามที่มีพระบรมราชโองการ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งองคมนตรีในพระราชพิธีศรีสัจปานกาลเป็นประจำทุกปี เมื่อสิ้นรัชกาลแล้วมีจำนวนองคมนตรีมากกว่า 200 ท่าน แต่ไม่ปรากฏการประชุมหรือผลงานอย่างชัดเจน มีแต่การระบุในมาตรา 20 กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะแก้ไขหรือเพิกถอนกฎมณเฑียรบาลนี้ ต้องมีเสียงจากองคมนตรีสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าสองในสาม

เมื่อผลัดแผ่นดินสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว องคมนตรีสภาเดิมก็ยังคงดำรงตำแหน่งสืบมา และมีการตั้งองคมนตรีเพิ่มเติมในพระราชพิธีศรีสัจปานกาลเป็นประจำ จนถึง พ.ศ.2475 และยุติลงภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

สำหรับบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรีนั้น ล้วนเป็นสมาชิกพระราชวงศ์หรือขุนนางผู้รับราชการในตำแหน่งสำคัญ เช่น เป็นพระยาพานทอง เป็นต้น ทำนองเป็นเกียรติยศสำหรับข้าราชการ โดยในการประชุมอภิรัฐมนตรีครั้งที่ 35 วันพุธที่ 9 มีนาคม 2469 (ปฏิทินเก่า) อันเป็นคราวแรกในรัชสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว “มีพระราชดำรัสว่ามีพระราชประสงค์ใคร่จะให้แสดงออกชัดว่า ผู้ที่จะโปรดให้เปนองคมนตรีนั้นไม่จำเปนต้องได้รับพระราชทานพานทอง, จึ่งทรงเลือกผู้ที่ไม่ได้พานทองด้วย

และในการประชุมอภิรัฐมนตรีคราวนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว “ทรงปรึกษาเรื่องจะตั้งองคมนตรี จะควรวางหลักอย่างไร” อีกด้วย โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตทรงเสนอหลักการได้น่าสนใจ ความว่า “ผู้ที่จะโปรดตั้งเปนองคมนตรี ควรถือเกณฑ์ว่า (๑) ต้องเปนผู้ที่ทรงรู้จัก (๒) เปนผู้ที่ไว้วางพระราชหฤทัย, จะเปนใครๆ ก็ทรงตั้งได้, ราษฎรก็ทรงตั้งได้

แต่การตั้งองคมนตรีในคราวนั้นก็ยังคงมีแต่เจ้านายและขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ยังหามีราษฎรไม่

หลังจากนั้นเรื่องการตั้งราษฎรเป็นองคมนตรีก็ไม่ปรากฏ จนกระทั่งในการประชุมอภิรัฐมนตรีครั้งที่ 35 วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 2473 (ปฏิทินเก่า) พบเค้าลางจากพระดำรัสสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตอนหนึ่งว่า “เคยตกลงกันว่า ผู้ที่มีสติปัญญาอย่างเช่น นายซองอ๊วน ก็อาจเปนกรรมการองคมนตรีได้

แต่ในเวลานั้น นายซองอ๊วนก็อยู่ในปรโลกเสียแล้ว


สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อทรงเป็นอภิรัฐมนตรีในรัชกาลที่ 7
ภาพจาก http://www.stabundamrong.go.th/web/moibook/130y%20moi/index.html


กำเนิด


ซองอ๊วนเกิดเมื่อวันจันทร์ ปีขาล พ.ศ.2421 ที่จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรชายคนที่ 3 ของเซียวฮุดติน กับนางคำ ซองอ๊วนมีพี่น้องท้องเดียวกันรวม 8 คน และต่างมารดาอีก 2 คน

เหตุที่ใช้นามสกุล ‘สีบุญเรือง’ นั้น เนื่องจากเซียวเลียงซุยได้ยกเซียวฮุดตินให้เป็นบุตรบุญธรรมของเซียวอันเลียง โดย ‘สีบุญเรือง’ นั้นมีที่มาจาก คำว่า ‘เซียว’ แปลว่า สี และ บุญเรือง มาจากคำว่า ‘บุญเอง’ ยี่ห้อของเซียวอันเลียง ซึ่งแปลว่า รุ่งเรือง

อนึ่ง เซียวอันเลียงผู้นี้เป็นบิดาของเซียวฮุดเสง จีนสยามนักหนังสือพิมพ์ นักการเมืองชื่อก้อง และเซียวฮุดเสงผู้นี้ คือบิดาของ ‘ทิดเขียว’ สิน (เดิมใช้ว่า ‘ศิลป์’) สีบุญเรือง ผู้เขียนประวัติของซองอ๊วนในหนังสืองานศพ


การศึกษาและการทำงาน


เมื่อบิดามารดาย้ายไปตั้งภูมิลำเนาที่จังหวัดนครไชยศรี ซองอ๊วนเข้าเรียนวิชาหนังสือไทยที่สำนักอาจารย์ดิส เจ้าอาวาสวัดดอนกะฎี ในจังหวัดนั้น จนอายุได้ราว 13 ปี บิดาส่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองมะละกาอยู่ 6 ปี จนสำเร็จชั้นสูงสุดกลับมา โดยนอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้ภาษามลายูและภาษาฮกเกี้ยนกลับมาด้วย

ซองอ๊วนเริ่มทำงานเป็นหัวหน้าแผนกพัสดุที่โรงสีไฟฮงหลี หรือโรงสีพระยาพิศาล (จีนสือ) จากนั้นย้ายไปทำงานที่ห้างโอเรียนแตลสะโตร์ ชาเตอร์แบงก์ และห้างวินเซอร์ จนถึงปี 2447 ทำงานเป็นเหรัญญิกบริษัทไฟฟ้าสยาม หน้าวัดราชบูรณะ ได้เงินเดือน 300 บาท ทำงานอยู่ 8 ปี จึงลาออกมา และรับตำแหน่งผู้จัดการบริษัทภาพยนตร์พัฒนากร ซึ่งมีโรงหนังทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ราชบุรี เพชรบุรี นครไชยศรี เป็นต้น และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น สยามภาพยนตร์บริษัท

นอกจากนี้ซองอ๊วนยังทำธุรกิจ ตั้งไฟฟ้าจังหวัด ที่เพชรบุรี นครปฐม อยุธยา บ้านโป่ง (ราชบุรี) และบ้านหมี่ (ลพบุรี) เป็นต้น และขออนุญาตตัดถนนทางเดินรถยนต์ในจังหวัดจันทบุรี


เอกสารการขออนุญาตสร้างถนนในจังหวัดจันทบุรี
ภาพจาก https://www.finearts.go.th/main/view/25081


อุปนิสัย


ศิลป์ สีบุญเรือง บันทึกอุปนิสัยของซองอ๊วนไว้ว่า เขาเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อมิตร “ถ้าได้มีผู้มาออกปากขอความช่วยเหลือแล้ว ไม่ปรากฏว่าขัดใครเลย เปนช่วยจนถึงสำเร็จเสมอ โดยเหตุนี้จึงได้คำชมเชยจากมิตรสหายทั้งหลายว่า สละเวลางานของตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่น

ซองอ๊วนยังกว้างขวางในสังคมไทย ดังที่สมเด็จกรมพระดำรงราชานุภาพ อภิรัฐมนตรีในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกว่า “เป็นผู้มีอัชฌาสัยซื่อตรง และโอบอ้อมอารี มีมิตรสหายผู้ชอบพอกว้างขวาง แลเป็นผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตากรุณามาก และเจ้านายก็โปรดปรานแทบทุกพระองค์ แม้ในบุคคลจำพวกอื่นที่รู้จักแล้ว ก็เห็นจะมีแต่ผู้ชอบ หามีผู้ชังนายซองอ๊วนไม่

ศิลป์ยังขยายความไว้ว่า ซองอ๊วนนั้น “ไม่มีถือตัว ถือยศถืออย่าง บำเพ็ญตนได้เสมอต้นเสมอปลาย สมาคมกับชนทุกชั้น ไม่เหยียดย่ำบุคคลหรือเพื่อนฝูงที่ตกต่ำ

ด้านการทำงาน เขาก็รับฟังความเห็นของผู้อื่น “งานในหน้าที่ของตัว แม้จะเห็นว่าถูกแล้ว, ดีแล้ว ก็ยังต้องอาศรัยความคิดของสมาชิก เปนเครื่องกรองเสียอีกครั้งหนึ่ง จึงได้ลงมือทำ

และมีพรหมวิหารธรรมในการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา “มิได้ถือตัวว่ามีอำนาจเหนือคนงาน ยามใช้สอยสิ่งใดก็พูดจาเอาอกเอาใจด้วยถ้อยคำอันอ่อนหวาน บางครั้งถึงกับช่วยทำด้วยมือของตนเอง ตลอดจนเอาใจใส่ในความเปนอยู่ของคนงาน มีการไปเยี่ยมเยียนและถามสาระทุกข์สุกดิบในยามป่วยไข้…จนเปนที่รู้สึกกันในหมู่พวกคนงานว่า จะหานายงานที่มีน้ำใจอย่างนี้ได้ยากอย่างยิ่ง


สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในรัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2466)
ภาพจาก http://www.stabundamrong.go.th/web/moibook/130y%20moi/index.html


มิตรผู้เอื้อเฟื้อสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ


สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงรำลึกถึงซองอ๊วนว่า “เป็นมิตรแลเป็นผู้เอื้อเฟื้อแทนบริษัทภาพยนต์สยามให้ข้าพเจ้าได้มีความสุขสำราญมาเนืองๆ

และทรงยกตัวอย่างเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “ข้าพเจ้าป่วย หมอห้ามมิให้ลงจากเรือนสัก ๓ สัปดาหะ นายซองอ๊วนมาเยี่ยม สงสารว่าข้าพเจ้าถูกกักเช่นนั้นจะรำคาญใจ จึงชวนให้ดูหนังฉายแก้รำคาญ แล้วให้เอากล้องฉายกับจอขนาดย่อมมาตั้งที่เฉลียงหลังเรือน พอค่ำลงก็ให้เอาหนังมาฉายให้ดูแก้รำคาญทุกคืนจนข้าพเจ้าบอกเลิกเมื่อหายป่วย

เมื่อนายซองอ๊วนป่วยตายเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2471 ก็ทรงรับช่วยทำหนังสือแจกในงานปลงศพเป็นมิตรพลี ด้วยเวลาอันจำกัดเพียง 10 วัน สามารถสร้างหนังสือ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน ออกมาได้ โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดพิมพ์พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนจีน เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2470 และทรงเรียบเรียงพระราชทานความบางตอนให้ใหม่ สำหรับภาษาอังกฤษ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ทรงช่วยแปล และภาษาจีนนั้น นายเซียวฮุดเสงเป็นผู้แปล


การกุศล


ซองอ๊วนยังเป็นคนใจบุญ ชอบทำประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นต้นว่าชอบทอดกฐินวัดที่ขาดการบำรุงและชำรุดทรุดโทรม เพราะเห็นว่า “ก็เรามัวไปทำแต่วัดที่ร่ำรวยเสียตะบมไปแล้ว ทำไมวัดที่ชำรุดทรุดโทรมจะมีโอกาสดีขึ้นบ้างเล่า” ด้วยเหตุเช่นนี้ ซองอ๊วนจึงทำบุญกับบางวัดถึง 2 ปีติดกันก็มี

ในคราวสุดท้ายของชีวิต การบอกบุญของซองอ๊วนได้รับความศรัทธาอุดหนุนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ มิตรสหายทั้งชาวไทยและเทศ ตลอดจนคนงานภายใต้บังคับบัญชา นอกจากได้ทำนุบำรุงศาสนาแล้ว ยังมีเงินเหลือมาสร้างโรงเรียนได้หลังหนึ่งที่วัดท้ายเมือง จังหวัดนนทบุรี เมื่อ พ.ศ.2470 ชื่อ ‘ศรีบุณยานนท์’  


ส่งท้าย


น่าเสียดายที่จากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ผู้เขียนค้นคว้ามาได้มีเพียงเท่านี้ บ่งได้ถึงเพียงความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ และอุปนิสัยใจคอของเขา แต่ยังไม่อาจแสดงให้ชัดเจนได้ว่า เหตุใดสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพถึงยกย่องบุรุษผู้นี้อย่างมากว่าเป็น “ผู้ที่มีสติปัญญา” ได้แต่หวังว่า ในอนาคตจะมีเอกสารหลักฐานปรากฏให้เล่าเรื่องของนายซองอ๊วนได้ดีกว่านี้


หนังสืออนุสรณ์งานปลงศพ ซองอ๊วน
ภาพจาก https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:168725


บรรณานุกรม

  • โดม สุขวงศ์. สยามภาพยนตร์. นครปฐม: หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), 2555.
  • ศิลป์ สีบุญเรือง. “ประวัตินายซองอ๊วน สีบุญเรือง.” ใน รวมใจความพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนจีน เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2470 กับคำแปลเปนภาษจีนและภาษาอังกฤษ. พิมพ์ในการปลงศพ นายเซียว ซองอ๊วน สีบุญเรือง. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2471.
  • สิทธิพร อินนิมิต. “วิวัฒนาการและสถานะทางกฎหมายขององคมนตรี.” วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2557.
  • สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี. จดหมายเหตุว่าด้วยเรื่อง “นายซองอ๊วน:นายซองกุ่ย:ถนนสีบุญเรือง” เข้าถึงจาก https://www.finearts.go.th/main/view/25081
  • หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการรัชกาลที่ 7 ร.7 รล/8 ตั้งองคมนตรี (2 ธันวาคม 2468 – 28 มีนาคม 2474).

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save