[ความน่าจะอ่าน] Small Things Like These เมื่อชีวิตถูกท้าทายด้วย ‘ปัญหาของคนอื่น’

ชีวิตอันเรียบง่ายอาจเป็นยอดปรารถนาของมนุษย์จำนวนมาก การมีงานอันมั่นคง มีคนรักเคียงข้าง มีชีวิตประจำวันอันคาดหมายได้ แม้ไม่ใช่ความฝันสูงสุดของชีวิต ไม่หรูหราอู่ฟู่ แต่ย่อมสร้างความพึงพอใจให้เจ้าของชีวิตนั้นได้ ขอเพียงแต่อย่ามี ‘ปัญหา’ ยิ่งใหญ่ซับซ้อนให้ต้องรับมือแก้ไข

คนจำนวนมากจึง ‘หลีกเลี่ยง’ การเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหา โดยเฉพาะปัญหาของคนอื่นที่จะนำความยุ่งยากมาสู่ชีวิตของเรา

แต่จะทำอย่างไรเมื่อชีวิตส่งบททดสอบมาให้ในรูปแบบ ‘ปัญหาของคนอื่น’ เพื่อท้าทายคุณค่าและตัวตนของเรา

นั่นคือคำถามที่แคลร์ คีแกน ส่งมาทดสอบผู้อ่านผ่านนวนิยาย สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าชีวิต หรือ Small Things Like These (สำนักพิมพ์ Words, 2568, ฝนบ่าย แปล)

คีแกนเล่าเรื่องนี้ผ่านชีวิตของ ‘บิลล์ เฟอร์ลองก์’ พ่อค้าถ่านหินและไม้ในเมืองนิวรอสส์ ไอร์แลนด์ เฟอร์ลองก์สร้างธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมาจากชีวิตที่ยากลำบาก ทำงานหนักจนชีวิตเริ่มมั่นคง มีภรรยาและลูกสาวที่น่ารักห้าคน ชีวิตเขาดูไปได้ดีในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

เฟอร์ลองก์มีชีวิตวัยเด็กที่ไม่สมบูรณ์ แม่ของเขาเป็นคนรับใช้ เขาไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร โชคยังดีที่มิสซิสวิลสัน เจ้านายของแม่ อนุญาตให้เลี้ยงเด็กชายเฟอร์ลองก์ในบ้านอันโอ่อ่าและไม่รังเกียจเดียดฉันท์แม่ของเฟอร์ลองก์ว่าเป็นหญิงท้องไม่มีพ่ออย่างที่คนในเมืองมอง ชีวิตของเฟอร์ลองก์ดูไปได้ดีในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ในฤดูหนาวปี 1985 ช่วงที่ธุรกิจของเฟอร์ลองก์ยุ่งสุดขีดก่อนหยุดยาวช่วงคริสต์มาส เฟอร์ลองก์ค้นพบเรื่องบางอย่างในธุรกิจซักรีดของโบสถ์คาทอลิก จนทำให้เขามายืนบนทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างการรักษาชีวิตอันเรียบง่ายหรือเข้าไปยุ่งกับปัญหาของคนอื่นที่จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน …ชีวิตก้าวต่อไปของเฟอร์ลองก์ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ดูสั่นคลอนเต็มที

แม้นิยายจะมีความยาวเพียง 84 หน้า แต่หนังสือเล่มเล็กที่เขียนถึงสิ่งเล็กๆ นี้ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในหัวใจให้ผู้อ่านได้ ตัวละครอย่างบิลล์ เฟอร์ลองก์ ชายวัยกลางคนผู้มีชีวิตแสนเรียบง่ายกลายเป็นภาพแทนของคนธรรมดาผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการเรียบง่าย เรื่องราวเช่นนี้ย่อมจับใจผู้อ่านที่หวังเห็นสิ่งดีงามเกิดขึ้นในสังคมที่โหดร้าย

แต่สิ่งที่คีแกนมุ่งหวังไม่ใช่แค่การสร้างภาพฮีโร่ฉบับชาวบ้าน เธอพาผู้อ่านเข้าไปสำรวจจิตใจของเฟอร์ลองก์ ตั้งแต่ความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน การตั้งคำถามกับชีวิตซ้ำซากไร้คุณค่า จนถึงวินาทีที่เขาตระหนักว่าสิ่งใดคือความสุขที่แท้ของชีวิต

“เขานึกสงสัยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรถ้ามีเวลาคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆ ชีวิตของพวกเขาจะแตกต่างออกไปหรือจะยังเป็นเช่นเดิม – หรือพวกเขาจะแค่สูญเสียการควบคุมตัวเอง”

และ

“หมู่นี้เขาเริ่มนึกสงสัยว่าอะไรที่สำคัญนอกจากไอลีนและลูกๆ เขาจวนสี่สิบแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไปถึงไหนหรือกำลังก้าวหน้าไปทางใด และบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแต่ละวันมีไว้เพื่ออะไร”

คีแกนค่อยๆ เผยให้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่เริ่มต้นจากการตั้งคำถามง่ายๆ ต่อชีวิตประจำวัน เมื่อการทำงานหนักสร้างฐานะจนสามารถทำให้ลูกๆ มีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าตัวเองก็ยังไม่ใช่ความสุขหรือความสำเร็จที่จะทำให้เขาพึงพอใจ

ผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์ถึงตัวละครของเธอไว้ว่า

“ฉันรู้ว่าผู้อ่านบางคนมองว่านี่เป็นเรื่องราวของฮีโร่ผู้เรียบง่าย ฉันไม่ได้บอกว่าตัวละครของฉันไม่ใช่ผู้กล้านะ แต่ฉันเห็นว่าเฟอร์ลองก์เป็นชายผู้ทำลายตัวเอง และนี่คือบันทึกการแตกสลายของเขา

“เขากำลังก้าวเข้าสู่วัยกลางคน เผชิญกับวิกฤตตัวตน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อตัวเองคือใคร และต้องยอมรับความจริงที่ว่าเขาเคยถูกบูลลี่ในโรงเรียน ที่ผ่านมาเขาหักโหมทำงานเพื่อกดทับอดีตของตัวเองเอาไว้ แต่การทำงานหนักก็เริ่มไม่ได้ผลแล้ว นี่คือภาพสะท้อนว่าการเป็นชาวคาทอลิกที่ดีในไอร์แลนด์มันเป็นเรื่องยากแค่ไหน”

ชีวิตของเฟอร์ลองก์เริ่มสะดุด เมื่อเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ตั้งคำถามกับงานที่ทำอยู่ ตั้งคำถามถึงความสุข ตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิต ตั้งคำถามกับการช่วยกันกลบเกลื่อนเรื่องเลวร้ายในชุมชน ตั้งคำถามกับจริยธรรมของนักบวช

คำถามทั้งหมดนั้นถาโถมใส่คุณพ่อของลูกสาวห้าคนที่พยายามอย่างยิ่งยวดในการไม่ให้ปัญหาอะไรมากล้ำกรายอนาคตของลูกๆ ในสังคมเคร่งศาสนา โดยเฉพาะเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของ ‘คนอื่น’

ไม่แปลกที่เมื่อเราเจอปัญหาของคนอื่นแล้วจะหลีกหนี ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะกลัวเดือดร้อน มนุษย์จำนวนมากทำเช่นนั้นเสมอเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด เพียงแค่ปล่อยให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นต่อไปที่ไหนสักแห่งที่พ้นไปจากสายตา โดยที่เราตระหนักดีว่ามีคนทุกข์ทรมานและอาจรอการช่วยเหลืออยู่

เฟอร์ลองก์ค่อยๆ ผูกปมคำถามในสมองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น สุดท้ายสิ่งที่เขาทำอาจไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่เป็นการทำเพื่อกอบกู้ตัวตนของเขาเอง เฟอร์ลองก์ค่อยๆ สร้างความหมายให้กับชีวิตอันไร้แก่นสารของเขา นั่นคือการแก้ปัญหาวิกฤตตัวตนด้วยการวางคุณค่าชีวิตไว้ที่การช่วยเหลือผู้ทุกข์ทน การไม่นิ่งเฉยต่อความทุกข์ของคนอื่น และกระทำตามมโนสำนึกโดยไม่ป่าวประกาศ

การตัดสินใจของเขาเป็นการกู้ชีวิตตัวเองให้พ้นจากบ่อของความรู้สึกผิด หลังตระหนักเรื่องการมีอยู่อย่างไร้ค่า

หนังสือของคีแกนยังพาผู้อ่านไปสำรวจเรื่องความเป็นหญิงที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมและอำนาจฉ้อฉลของศาสนา เรื่องทั้งหมดนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ในสังคมที่เพิกเฉยต่อปัญหาที่พ้นไปจากตัวเอง ผู้คนเลิกตั้งคำถามเรื่องคุณค่า และสร้างชุมชนให้กลายเป็นนรกสำหรับคนที่อยู่นอกขนบ

ตัวละครเฟอร์ลองก์เป็นรูปธรรมหนึ่งของการยืนยันว่า มนุษย์มีความสามารถในการตั้งคำถามและตระหนักถึงการมีอยู่อย่างมีความหมาย อันจะนำไปสู่การเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับนรกที่เราอยู่ร่วมกันนี้ได้

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save