ม.จ.ชิดชนก กฤดากร : น้องของกบฏ และผู้ช่วยเหลือครอบครัวกบฏ

ม.จ.ชิดชนก กฤดากร เป็นเจ้านายองค์หนึ่งที่น่าสนใจจากเหตุบังเอิญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ท่านมี ‘พี่ชาย’ เป็นกบฏถึง 2 องค์ในคราวกบฏบวรเดช ขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครอบครัวสามัญชนครอบครัวหนึ่งที่ทั้งสามีภริยาและบุตรล้วนถูกกล่าวหาเป็นกบฏ ในกรณีกบฏวังหลวงและกบฏสันติภาพ

อาจกล่าวได้ว่า ชีวิตของท่านชิดชนกสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ และประวัติศาสตร์สังคมไทยได้เป็นอย่างดี จึงขอนำเสนอบทความนี้เป็นที่ระลึกในโอกาสครบ 120 ปีประสูติ (23 ตุลาคม 2447-2567)


พล.ท. ม.จ.ชิดชนก กฤดากร
(23 ตุลาคม 2447 – 10 มีนาคม 2541)


กำเนิด


ม.จ.ชิดชนก กฤดากร เป็นพระโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ มีหม่อมแช่มเป็นมารดา ประสูติเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2447 โดยที่ ม.จ.ชิดชนกบันทึกไว้ว่า “พี่น้องลูกของเสด็จพ่อมีถึง 16 คนด้วยกัน ข้าพเจ้าเป็นลูกคนที่ 15


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนาม ‘หม่อมเจ้าชายชิดชนก’


สำหรับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ เป็นพระราชโอรส (รุ่นโต) ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยามหาราช ซึ่งประสูติจากเจ้าจอมมารดากลิ่น

โดยเจ้าจอมมารดากลิ่นเป็นธิดาของพระยาดำรงราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ) และเป็นหลานของเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) สำหรับนามสกุล ‘คชเสนี’ นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ผู้สืบเชื้อสายจากเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เนื่องจากคำว่า ‘เจ่ง’ ในภาษามอญ แปลว่า ช้าง


เจ้าจอมมารดากลิ่น รัชกาลที่ 4
“ให้หลานชายชิดชนก”


ส่วนหม่อมแช่มก็เป็นชาวมอญเช่นเดียวกัน เป็นสามัญชนไทยเชื้อสายรามัญ จากท่าจีน สมุทรสาคร เป็นเด็กในปกครองของเจ้าจอมมารดากลิ่นมาก่อน หม่อมแช่มจึงได้รับการอบรมจากเจ้าจอมมารดากลิ่นตั้งแต่เด็ก

ม.จ.ชิดชนก กล่าวถึงหม่อมแช่มไว้ว่า “แม่ของข้าพเจ้า…เจริญรอยตามคุณย่าแทบทุกอย่าง เช่น เป็นผู้เคร่งครัดในพระบวรพุทธศาสนา และมีความเคารพในระเบียบประเพณี รู้จักประมาณตน ให้ความเคารพเสด็จพ่อ อย่างกับท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งก็ว่าได้ แม้แต่ลูกๆ แม่ก็ไม่ค่อยกล้าดุ ด้วยถือเสียว่าเป็นลูกเจ้าลูกนาย ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณย่า และเจ้าพี่หญิงวรรณวิลัย พี่สาวคนโตของข้าพเจ้า ว่ากล่าวแทน ข้าพเจ้าและพี่สมัยเฉลิม จึงเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่หลายท่านถึงกับออกปากว่า ซุกซนมาก


(จากซ้าย) ม.จ.ลีลาศหงษ์, หม่อมแช่ม, ม.จ.ชิดชนก, ม.จ.วรรณวิลัย, ม.จ.สมัยเฉลิม


บวชเณร


ม.จ.ชิดชนกเริ่มเรียนหนังสือกับนาย บี. ครูลูกครึ่งฝรั่งกับมอญ สอนภาษาไทยและเลข ที่วังถนนพระอาทิตย์ ซึ่งกรมพระนเรศฯ จ้างมาสอนลูกหลานของเจ้าจอมมารดากลิ่น และเด็กอื่นๆ อีกหลายคน จากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนกล่อมวิทยาในวัดพระเชตุพน แล้วย้ายไปโรงเรียนราชินี

เมื่อผ่านชั้นมูลแล้ว จึงเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกอยู่ 2 ปี ระหว่างนั้น พ.ศ. 2460 ได้ลาบวชเป็นสามเณร 1 พรรษา ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอในรัชกาลที่ 6 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

ฝ่ายเจ้าจอมมารดากลิ่นใส่บาตรทุกเช้าที่วังถนนพระอาทิตย์ โดยเฉพาะจากวัดชนะสงคราม วันหนึ่ง ปชาธิโปภิกขุได้ไปรับบาตรที่นั่นด้วย ดังที่ ม.จ.ชิดชนกเล่าว่า “ทูลกระหม่อมพระบอกเราไปนี่ละ เราอย่าเอารถหลวงไปจอดที่วังแล้วเดินเข้าวังไป ให้ไปจอดที่วัดชนะสงคราม ให้เดินถนนจากวัดชนะสงครามไปถึงบ้านถนนพระอาทิตย์ คุณย่าผมใส่บาตรทุกเช้ามานานแล้ว ที่นี้ขณะใส่บาตรนี้นะ เงยหน้าขึ้นมาเห็นพระปกเกล้าฯ รับบาตร ทูลกระหม่อมพระเสด็จ คนแตก คนแตกคงขันเหมือนกัน


บวชเณรตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


การทำงาน


เมื่อลาสิกขาแล้ว ม.จ.ชิดชนก กลับมาเรียนที่โรงเรียนนายร้อยอีก 1 ปี จึงได้รับทุนกองทัพบกไปเรียนต่อ ณ ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 8 ปี แล้วกลับมารับราชการในกระทรวงกลาโหม

ในรัชกาลที่ 8 ได้เป็นราชองครักษ์ประจำ และราชองครักษ์เวร ต่อมาในรัชกาลที่ 9 ได้เป็นผู้ช่วยทูตทหารบกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน และผู้ช่วยทูตทหารบกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน จึงสิ้นสุดชีวิตราชการในกระทรวงกลาโหม

หลังจากนั้น ม.จ.ชิดชนก ย้ายไปรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว 5 ปี และต่อมาได้เป็นเอกอัครราชทูตไทยองค์แรกประจำเอธิโอเปียจนเกษียณอายุราชการ


เมื่อรับราชการกระทรวงการต่างประเทศ


วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง


ย้อนกลับไปในรัชกาลที่ 7 เมื่อคณะราษฎรก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ 24 มิถุนายน 2475 นั้น ม.จ.ชิดชนกได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ดังความตอนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

ผมตอนนั้นเป็นครูของโรงเรียนทหารม้า อยู่บางซื่อ…เขาเกิดปฏิวัติ เราก็อยากจะรู้อะไรก็ขึ้นรถไป ไปเห็นทหารเรืออยู่ที่พระบรมรูปทรงม้า ถามบอกท่านไปไหน ผมไปกรมยุทธศึกษา ทหารเรือบอกเอาๆ เลยไม่ถูกจับ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร ถ้ารู้ก็เสร็จ ต้องไปอยู่ที่พระที่นั่งอนันต์ ผมลวงเขาไปว่าทำงานอยู่กรมยุทธศึกษา กรมยุทธศึกษาตอนนั้นโรงเรียนนายร้อย

โดยที่มิได้ทรงแสดงทัศนะต่อคณะราษฎร หรือการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าวไว้โดยตรง


น้องของกบฏ


ครั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ปีเศษ กลางเดือนตุลาคม 2476 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช กับพวก ซึ่งมี ม.จ.สิทธิพร กฤดากร เป็นองค์หนึ่งด้วยนั้น ในนามคณะกู้บ้านกู้เมืองได้เคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา แต่ไม่สำเร็จ ทำให้พระองค์เจ้าบวรเดชต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ส่วน ม.จ.สิทธิพร ต้องสิ้นอิสรภาพเป็นเวลานาน จนได้รับการนิรโทษกรรมในที่สุด เหตุการณ์คราวนี้จึงถูกเรียกว่า ‘กบฏบวรเดช’ ตามพระนามหัวหน้าคณะ

สำหรับพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช (2420-2496) และ ม.จ.สิทธิพร (2426-2514) ล้วนเป็นพระโอรสของกรมพระนเรศฯ ที่ประสูติจากหม่อมสุภาพ และเป็น ‘พี่’ ที่ชันษาห่างกับ ม.จ.ชิดชนก หลายปี (ประสูติ 2447)


ม.จ.ชิดชนก, กรมพระนเรศวรฤทธิ์, ม.จ.ดิลกฤทธิ์


ครอบครัว


ด้านชีวิตคู่ ม.จ.ชิดชนก สมรสครั้งแรกกับ ม.จ.ฤดีวรรณ วรวรรณ (2454-2550) พระธิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ โดยมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ ม.ร.ว.สมชนก เมื่อชีวิตสมรสไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง ท่านหญิงจึงตัดสินใจหย่าขาดจากท่านชาย

ดังที่ ม.จ.ฤดีวรรณ บันทึกความผิดหวังเอาไว้ตั้งแต่คืนวันแต่งงานว่า “คติของเสด็จพ่อที่ว่า การแต่งงานต้องการความอดทน อดกลั้นพอๆ กับความอ่อนหวานโรแมนติกนั้น ฉันยังไม่เข้าใจดีนัก ดังนั้นในคืนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคืนนี้ ฉันจึงพบว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมีผู้ชายคนใดเข้าข่ายที่เหมาะสมกับความโรแมนติกในค่านิยมของความรักที่ฉันได้ตั้งเอาไว้อย่างสูงส่ง ฉันแน่ใจว่า ความผิดหวังที่เกิดขึ้นมีเท่ากับที่คาดไว้ ความจริงที่ปรากฏออกมาก็คือ เมื่อครั้งแรกได้ถูกทำให้เสียไปโดยง่ายแล้วก็ยากที่จะนำกลับมาให้ดีได้ สำหรับท่านชิดชนกและฉัน ไม่ว่าจะทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีอะไรที่ไปด้วยกันได้เลย ฉันคิดว่า เราทั้งคู่ต่างรู้ความจริงเรื่องนี้


ม.จ.ชิดชนก กับ ม.จ.ฤดีวรรณ


หลังจากนั้น ม.จ.ชิดชนก จดทะเบียนสมรสกับ ม.ล.ต่อ ชุมสาย (2454-2543) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2484 โดย ม.ล.ต่อเป็นธิดาของพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์ (ม.ร.ว.ถัด ชุมสาย) กับคุณหญิงติ๊ (สกุลเดิม ณ บางช้าง)

ม.จ.ชิดชนกกับ ม.ล.ต่อ มีบุตรีและบุตรรวม 2 คน ได้แก่ ม.ร.ว.บุตรี และ ม.ร.ว.กฤษต

สำหรับ ม.ล.ต่อ เมื่อวายชนม์แล้ว ทายาทได้เขียนบรรยายภาพได้อย่างดีว่า “แม่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างอบอุ่น ได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้มีธรรมเป็นที่ตั้ง ความยุติธรรมในหัวใจ ได้รับการสั่งสอนให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้ยากไร้ ได้เล่าเรียนในโรงเรียนสายปัญญา และโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์


ม.จ.ชิดชนก กับ ม.ล.ต่อ


ความสัมพันธ์กับรัฐบุรุษอาวุโส


ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์นี่เอง ม.ล.ต่อมีเพื่อนรักคนหนึ่งชื่อพูนศุข

ในเวลาต่อมาเมื่อพูนศุขออกจากโรงเรียนแล้ว สมรสกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เธอจึงกลายเป็นนางประดิษฐ์มนูธรรม และท่านผู้หญิงประดิษฐ์มนูธรรมตามลำดับ จนภายหลังเมื่อเลิกบรรดาศักดิ์ ก็คงใช้ว่า ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ อย่างไรก็ดี มิตรภาพของทั้งสองนั้นไม่เสื่อมคลาย ทั้งในยามสุขและทุกข์

ในยามที่ปรีดี พนมยงค์ กำลังเฟื่องฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏจดหมายฉบับหนึ่งจาก ม.จ.ชิดชนก ผู้ช่วยทูตทหารบกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ถึง ‘ท่านรัฐบุรุษอาวุโส’ เรื่องการเล่าเรียนของปาล บุตรชายของคนโตของปรีดี-พูนศุข เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2490 ความตอนหนึ่งว่า

หากท่านรัฐบุรุษอาวุโสมีกิจธุระที่กระผมจะทำให้ได้ ขอเรียนว่ายินดีให้ใช้เสมอ กระผมและแม่ต่อ ขอฝากความระลึกถึงมายังคุณพูลศุขด้วย แม่ต่อให้เรียนว่า หากบุตร์ชายของท่านจะไปอังกฤษแน่ จะยินดีที่สุด ถ้าไม่รังเกียจที่จะให้อยู่กับเรา ถ้าไม่สดวกทางอื่น เราได้ที่พักในตำบลที่ดีพอใช้ แต่เป็นบ้านเล็กพออยู่กันได้

แล้วลงท้ายจดหมายนั้นว่า “ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด



ครั้นเกิดความผันผวนทางการเมืองกับปรีดี พนมยงค์ หลังการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 และประสบความล้มเหลวในการฟื้นฟูประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 จนถูกตราชื่อเหตุการณ์ว่า ‘กบฏวังหลวง’ แล้ว ต่อมาในเดือนเมษายน 2495 เมื่อปาลถูกเกณฑ์ทหาร ท่านผู้หญิงพูนศุขบันทึกไว้ว่า

แม่ไม่ประมาท ก่อนที่ลูกจะถูกคัดเลือก แม่ได้ไปเฝ้า ม.จ.ชิดชนก กฤดากร ซึ่งเป็นที่เคารพคุ้นเคยของแม่ ทูลท่านว่า ถ้าลูกถูกเกณฑ์ก็ขอให้ท่านช่วยรับไว้ในสังกัดของท่านด้วย เพราะลูกอยากเป็นทหารม้า ฉะนั้นในวันเกณฑ์ฯ ม.จ.ชิดชนกฯ ทรงมอบหมายให้พันโทผู้หนึ่งไปดูตัวที่วัดหัวลำโพง และในตอนเย็นเกือบพลบค่ำเมื่อคัดเลือกแล้ว ก็มีนายสิบพาลูกและผู้ถูกเกณฑ์ไปที่กรมทหารริมคลองหลอด แล้วจึงแยกไปเหล่าทหารม้า

และบรรยายต่อไปว่า “เป็นอันว่า ลูกเข้ารับราชการเป็นพลทหารสังกัดจเรทหารม้า อยู่แผนกม้าป่วย วันอาทิตย์ใดที่ลูกอยู่เวร ไม่ได้กลับมาบ้าน แม่จะไปเยี่ยมลูกที่กรมทหาร…

ทั้งนี้ ม.ล.ต่อ ก็คอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เช่น คอยทำอาหารพิเศษมาให้อยู่เสมอ

แล้วในเดือนพฤศจิกายน 2495 นั้นเอง ทั้งท่านผู้หญิงพูนศุขและปาลก็ถูกจับ ด้วยข้อหากบฏเช่นเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์ในระยะนั้นถูกเรียกว่า ‘กบฏสันติภาพ’


ปาล พนมยงค์ ขณะถูกคุมตัวไปศาลในข้อหากบฏ พ.ศ.2495


ความสุขใจสุขกาย


ม.จ.ชิดชนกเป็นผู้มีอายุยืน ท่านเขียนไว้ใน นิทานชีวิตจริงบางตอนของข้าพเจ้า ถึงเบื้องหลังของการมีชีวิตที่มีความสุขใจสุขกายว่า

ข้าพเจ้าให้เหตุผลกับตัวเองอยู่เสมอว่า การที่ข้าพเจ้าได้มีชีวิตอยู่ด้วยความสุขใจสุขกาย ถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าได้รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่มีพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรง พระแก้วมรกต ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจริงๆ แล้ว ข้าพเจ้าจะไม่ยอมขาดเลย ถือว่าเป็นบุญของข้าพเจ้าที่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิด และได้รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ในโอกาสเช่นนั้น

ม.จ.ชิดชนกถึงชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2541 พระชันษา 93 ปี 4 เดือน 18 วัน


รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์
สมาชิกราชสกุลกฤดากรจัดเลี้ยงถวาย ในโอกาสพระชนมายุ 80 ชันษา ณ โรงแรมฮิลตัน ปาร์ค นายเลิศ พ.ศ.2527


บรรณานุกรม

  • กษิดิศ อนันทนาธร. “จดหมายกับความหมายต่อบางเรื่องในประวัติศาสตร์.” ใน จุลสารหอจดหมายเหตุธรรมศาสตร์ 24. มิถุนายน 2563 – พฤษภาคม 2564.
  • ชิดชนก กฤดากร, ม.จ. นิทานชีวิตจริงบางตอนของข้าพเจ้า. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2528?.
  • ________. นิทานชีวิตจริงบางตอนของข้าพเจ้า. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลโท หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พุทธศักราช 2541. กรุงเทพฯ: บริษัท โรงพิมพ์กรุงเทพ (1984) จำกัด, 2541.
  • พูนศุข พนมยงค์. “ชีวิตของลูกปาล.” ใน อนุสรณ์ นายปาล พนมยงค์. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2525.
  • ภาวิณี บุนนาค. รักนวลสงวนสิทธิ์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2563.
  • ฤดีวรรณ วรวรรณ. บันทึกท่านหญิง ม.จ.ฤดีวรรณ วรวรรณ. แปลโดย แก้วสุวรรณ. กรุงเทพฯ: ดับเบิ้ลนายน์, 2544.
  • สุวิทย์ ไพทยวัฒน์ (บรรณาธิการ). “สัมภาษณ์ พลโท หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร.” ใน พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจากข้อมูลประวัติศาสตร์บอกเล่า. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2538.
  • อนุสรณ์ หม่อมหลวงต่อ กฤดากร ท.จ., ภ.ป.ร. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2543.
  • อนุสรณ์ในงานออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ พลโท หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร ม.ป.ช., ม.ว.ม., ท.จ.ว. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2541 เวลา 17.30 น. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2541.

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save