เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินการเมืองในพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือพรรค LDP ที่แดงขึ้นมาในช่วงไม่กี่เดือนนี้ ดูจะตอกย้ำทัศนะฝังแน่น (stereotype) อย่างหนึ่งซึ่งมักพบในวาทกรรมที่นำเสนอเรื่องราวในสังคมญี่ปุ่น นั่นคือภาพลักษณ์ที่ว่าภายใต้ฉากหน้าอันสมบูณ์แบบและได้มาตรฐาน มีโลกอีกด้านอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนและเสื่อมทรามดำเนินอยู่ และวันดีคืนดีโลกด้านนี้อาจถูกเปิดเผยออกมาเป็นข่าวอื้อฉาวต่อสาธารณชน
กรณีเงินการเมืองที่สมาชิกรัฐสภาของพรรค LDP จำนวนมากมีส่วนพัวพัน ขนาดที่ทำให้แกนนำในรัฐบาลหลายคนต้องลงจากตำแหน่งเมื่อปลายปีที่แล้ว และทำให้ฐานความชอบธรรมของนายกฯ ฟุมิโอะ คิชิดะ ง่อนแง่นเข้าไปอีก ที่สำคัญยังทำให้มีการสลายกลุ่มก๊กหรือมุ้งการเมือง (派閥 / habatsu หรือ faction ในภาษาอังกฤษ) ใน LDP โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ้งใหญ่สุดซึ่งเคยนำโดยอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ และมีสมาชิกในสังกัดเกือบร้อยคน ได้เผยให้เห็นด้านมืดใน LDP ที่ดำรงอยู่คู่ขนานมากับระบบกฎเกณฑ์ที่รับประกันความโปร่งใสในทางการเมือง
เหตุการณ์นี้ยิ่งขับเน้น stereotype ที่พบได้ตามงานวิเคราะห์การเมืองและการต่างประเทศของญี่ปุ่นซึ่งมักสะท้อนให้เห็นความพิเศษ พร้อมไปกับความน่าฉงนในการเข้าใจสังคมและวัฒนธรรมอันมีลักษณะเฉพาะของชนชาตินี้ โดยมองพฤติกรรมที่ว่าประกอบด้วย ‘เบื้องหน้า’ สำหรับเสนอแก่ผู้ชม (建前/ tatemae) และ ‘เบื้องหลัง’ ที่เก็บงำความจริงไว้ (本音/ honne) ซึ่งอาจเป็นเรื่องตรงข้ามและไม่น่าพิสมัยเสียเท่าไหร่
แนวคิด tatemae – honne ยังมักถูกใช้อธิบายความยุ่งยากในการเข้าใจ ‘ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล’ ของผู้คนญี่ปุ่นด้วย ในแง่ที่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะทลายกำแพงแห่งแบบแผนพฤติกรรม ความเกรงใจ และมารยาทเพื่อเข้าไปรับรู้ความคิดในจิตใจได้ ปัญหานี้ทำให้คนต่างถิ่นที่ไม่คุ้นชินกับสังคมและ ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ ประสบกับระยะห่าง ความงงงวย และรู้สึกว่ายากที่จะสนิทสนมกับคนญี่ปุ่นได้ เช่นเดียวกับวงการเมือง ธุรกิจ และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ‘ฉาบหน้า’ ความเป็นชาติชั้นนำอาจไม่ได้ฉายความจริงให้เราเห็นทั้งหมด
ภายใต้ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้ซ่อนปัญหาที่หมักหมมมานานจนเกิดเป็นวิถีปฏิบัติอีกด้านที่ซ้อนทับกับโลกเบื้องหน้า ภาพลักษณ์นี้จึงไม่ใช่แค่ stereotype แต่มีส่วนจริงไม่น้อย โดยยิ่งเมื่อนำไปมองกับเรื่องอื้อฉาวก่อนหน้านี้อย่างกรณีการเปิดโปงว่าสมาชิก LDP มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มศาสนา Unification Church หรือข่าวที่บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นปิดบังความบกพร่องและปัญหาในเทคโนโลยีของตนมานานหลายทศวรรษ จนส่งผลเสียเป็นวงกว้างไม่เฉพาะในญี่ปุ่นแต่ลามไปถึงชาติอื่นที่พึ่งพิงเทคโนโลยีญี่ปุ่นด้วย
ข้อเขียนนี้มุ่งสนใจปัญหาเงินการเมืองที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวกระทบทั้งต่อพรรค LDP และรัฐบาลนายกฯ คิชิดะในขณะนี้ โดยจะพิจารณาที่มาของปัญหาโยงกับแบบแผนการเมืองเรื่องมุ้งใน LDP และดูว่าผลพวงของกรณีนี้ก่อให้เกิดอะไรตามมา ตลอดจนความพยายามจัดการปัญหา สิ่งที่น่าจับตาคือบรรทัดฐานของสังคมญี่ปุ่นที่แม้อาจมีด้านมืดแฝงเร้นอยู่ในหลายวงการ แต่เมื่อเรื่องเหม็นเน่าถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ระบบและวัฒนธรรมในสังคมนี้ไม่ปล่อยให้ปัญหาเงียบหายไปเฉยๆ
กรณีเบียดบังเงินการเมืองเรื่องอื้อฉาวระลอกใหม่ใน LDP
กรณีอื้อฉาวครั้งนี้ที่โยงใยหลายฝ่ายใน LDP อาจเปรียบได้กับคลื่นสึนามิลูกใหญ่อีกระลอกที่กระหน่ำใส่เรือลำผุของรัฐบาลคิชิดะ ซึ่งที่ผ่านมามีคะแนนนิยมลดน้อยถอยลงอย่างน่าใจหาย บางผลสำรวจในบางช่วงเวลาคะแนนตกต่ำลงกว่าร้อยละ 20 ขณะที่ความไม่พอใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะกรณีอื้อฉาวทางการเมืองไม่ว่าเรื่องที่ สส. LDP จำนวนมากมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มศาสนาที่รีดไถเงินผู้คน กอปรกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายเกี่ยวกับการลดและเพิ่มภาษีที่ยังดูไม่ชัดเจนและไม่น่าเชื่อถือ
เมื่อปลายปีที่แล้ว สำนักงานอัยการกรุงโตเกียวพบว่ากลุ่มการเมืองใน LDP โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ้งใหญ่สุดซึ่งก่อนหน้านี้มีอดีตนายกฯ อาเบะ เป็นหัวหน้าและมีสมาชิกสภา (อันหมายรวมถึงทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ) ในสังกัดถึง 99 คน กระทำผิดกฎหมายควบคุมเงินการเมือง (Political Fund Control Law) โดยปกปิดหรือละเลยการแจ้งยอดรายได้บางส่วนจากกิจกรรมระดมทุน เงินส่วนนี้ที่สื่อเรียกติดปากว่า ‘เงินทุจริต’ (裏金/ uragane หรือ slush fund) ซึ่งคาดว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคิดรวมได้ราว 500-1,000 ล้านเยน ถูกแจกจ่ายให้สมาชิกหลายคนในมุ้งซึ่งก็ไม่ได้รายงานเงินส่วนนี้ในบัญชีรายรับของตน
เนื่องจากมุ้งอาเบะเป็นมุ้งใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลในพรรค ทำให้สมาชิกหลายคนในสังกัดดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อยู่ในคณะรัฐมนตรีและคณะผู้บริหารพรรค ข่าวอื้อฉาวนี้จึงส่งผลให้เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผู้นำหลายคนในรัฐบาลพร้อมหน้ากันลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดฐานที่ไม่ได้แจ้งบัญชีเงินที่ได้รับจากมุ้งอย่างถูกต้อง น่าตกใจเมื่อนักการเมืองเหล่านี้ยอมรับว่าได้กระทำการดังกล่าวต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
ในหมู่ผู้ที่ประกาศลาออกมี ฮิโรคะซึ มัทสึโนะ ประธานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ยะสึโตชิ นิชิมุระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม, จุนจิ ซุซุกิ รัฐมนตรีมหาดไทย, อิจิโร่ มิยะชิตะ รัฐมนตรีเกษตร รวมทั้ง โคอิจิ ฮางิอุดะ ประธานกรรมการนโยบายของพรรค ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งระดับสูงและเป็นสมาชิกสภาในสังกัดมุ้งการเมืองใหญ่ที่สุดหรือมุ้งอาเบะ ซึ่งมีชื่อทางการว่า Seiwa Sesaku Kenkyukai หรือ ‘เซวะคัย’
ซ้ำร้ายกลุ่มการเมืองใน LDP ที่ตกที่นั่งลำบากจากการเปิดโปงครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มเซวะคัยเพียงมุ้งเดียว แต่ยังสืบสวนพบการกระทำผิดลักษณะเดียวกันในกลุ่มการเมืองของนายกฯ คิชิดะ ซึ่งมีชื่อทางการว่า Kochi Sesaku Kenkyukai หรือ ‘โคจิคัย’ (ใหญ่เป็นอันดับ 4) และกลุ่มของ โตชิฮิโระ นิคัย อดีตเลขาธิการพรรคในสมัยอาเบะ ที่มีชื่อทางการของกลุ่มว่า ‘ชิซุอิคัย’ (ใหญ่เป็นอันดับ 5) ด้วย
ก่อนที่จะสำรวจว่าเรื่องอื้อฉาวระลอกนี้มีสาเหตุจากอะไร อยากเสนอภาพ ‘การเมืองเรื่องมุ้ง’ ของ LDP ในภาพใหญ่ว่ามีความเป็นมาอย่างไรและมีบทบาทหน้าที่อะไรถึงได้กลายเป็นแบบแผนและสถาบันภายในพรรคเรื่อยมา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับปัญหาเงินการเมืองที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้
บทบาทหน้าที่ของมุ้งการเมืองใน LDP
มุ้งการเมือง หรือ faction เป็นเครื่องมือจัดการอิทธิพลและเกมการต่อรองทางการเมืองระหว่างสมาชิกของพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจบริหารประเทศมาเป็นเวลาส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ นับแต่กลางทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา
พรรค LDP ถือกำเนิดในปี 1955 จากการรวมตัวของสองพรรคอนุรักษนิยมใหญ่ ได้แก่ พรรคประชาธิปไตย นำโดย อิจิโร่ ฮะโตยะมะ และพรรคเสรีนิยม นำโดย ชิเงรุ โยชิดะ โดยสองพรรคนี้มีจุดยืนร่วมกันที่จะทัดทานอิทธิพลของกลุ่มฝ่ายซ้าย อันได้แก่พรรคสังคมนิยมซึ่งถือเป็นพรรคใหญ่ที่มีบทบาทมากในเวลานั้น จากการรวมตัวกันนี้ทำให้เกิดการเกาะกลุ่มพันธมิตรและฝักฝ่ายบนจุดยืนและสายสัมพันธ์ที่แตกต่างกันของสมาชิกภายในพรรค มุ้งใน LDP ค่อยๆ กลายเป็นสถาบันที่เหนียวแน่นและเป็นสิ่งจำเป็นต่อสมาชิกในเวลาต่อมา
แม้ LDP จะผูกขาดอำนาจรัฐแบบที่มีเพียงไม่กี่ครั้งและไม่กี่ช่วงปีที่พรรคการเมืองอื่นแทรกขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ ซึ่งก็สะท้อนความอ่อนแอของพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ในการเมืองญี่ปุ่น แต่การมีมุ้งใน LDP ก็ทำให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจจากภายใน คอยตรวจสอบและกดดันซึ่งกัน รวมทั้งทำให้เกิดพลวัตทางนโยบายด้วย เพราะนอกจากการจับกลุ่มก๊กบนเงื่อนไขของสายสัมพันธ์แล้ว มุ้งยังวิวัฒน์จากการเกาะกลุ่มของผู้ที่สนใจสนับสนุนวาระหรือนโยบายในแนวทางเดียวกันอีกด้วย
จะเห็นได้ว่ามุ้งที่ก่อตัวขึ้นหลังปี 1955 และทำงานมาถึงตอนนี้ ส่วนหนึ่งมีจุดตั้งต้นจากความเห็นพ้องเชิงแนวคิดนโยบายหรืออุดมการณ์ ดังสะท้อนจากชื่อมุ้งอย่างที่ได้เอ่ยถึงมาบ้างข้างต้น มักจะประกอบด้วยคำว่า ‘คณะศึกษา’ (研究会 / kenkyukai) ซึ่งสื่อถึงเป้าประสงค์ของการตั้งกลุ่มขึ้นศึกษาแนวนโยบายบางอย่างเพื่อผลักดันไปสู่ระดับรัฐบาล
กลุ่มการเมืองเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่จนบัดนี้คือกลุ่ม โคจิคัย ของนายกฯ คิชิดะ ซึ่งเขารับบทบาทเป็นหัวหน้ากลุ่มมาจนปลายปีที่แล้ว ก่อนลงจากตำแหน่งเพราะถูกกดดันและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากลูกพรรคหลายคนที่มองว่าเป็นการผิดธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ จะยังคงเป็นหัวหน้ามุ้งในสังกัดของตน นี่สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมใน LDP และการเล่นเกมการเมืองแบบต่อสู้แข่งขันระหว่างกันมากกว่าความเป็นเอกภาพภายในพรรค
นอกจากการเป็นกลุ่มหนุนนโยบาย (policy caucus) แล้ว มุ้งยังมีบทบาทสำคัญเป็นแหล่งที่มาของทุนสำหรับกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและหล่อเลี้ยงฐานเสียงของสมาชิกสภา จำนวนสมาชิกที่เข้าไปนั่งในรัฐสภามีส่วนสำคัญอีกต่อหนึ่งในการจัดสรรตำแหน่งในรัฐบาลและกรรมการบริหารพรรคให้แก่คนในสังกัด มุ้งใหญ่จึงมีอิทธิพลต่อเกมการเมืองภายในพรรคที่มีผลต่อการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทุกๆ 3 ปี ซึ่งในยามที่ LDP เป็นรัฐบาลก็ถือเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศไปด้วยโดยปริยาย
ระบบการเลือกตั้งอันเป็นปัจจัยส่งเสริมวัฒนธรรมมุ้ง
ก่อนการปฏิรูประบบการเลือกตั้งช่วงต้นทศวรรษ 1990 มุ้งเคยมีความสำคัญมากภายใต้การเลือกตั้งระบบเก่าที่ใช้วิธีแบ่งเขต ‘แบบมีผู้แทนเขตละหลายคน’ (multi-member district) ทำให้ในหนึ่งเขต ผู้สมัครจาก LDP ไม่เพียงต้องชิงคะแนนเสียงกับผู้สมัครจากพรรคอื่นเท่านั้น แต่อาจต้องแข่งกับผู้สมัครพรรคเดียวกันเองที่ลงเลือกตั้งในเขตเดียวกัน บริบทนี้ทำให้การแข่งขันหาเสียงและรักษาฐานเสียงหรือหัวคะแนนในเขต (後援会/ kouenkai) เป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่งนำมาสู่การต้องใช้เงินมหาศาลในการต่อสู้ช่วงชิงคะแนนโดยเฉพาะกับผู้สมัครของ LDP ด้วยกัน
การแข่งขันในระบบการเลือกตั้งเช่นนี้ไม่เพียงทำให้การหาทุนสำหรับดำเนินกิจกรรมการเมืองเป็นเรื่องสำคัญจนถูกมองว่าก่อให้เกิดกรณีคอร์รัปชันหลายครั้งและปัญหา ‘การเมืองที่ใช้เงินเป็นปัจจัยหลัก’ (money politics) แต่ยังเป็นบริบทที่เกื้อหนุนการแบ่งกลุ่มใน LDP เพื่อเป็นฐานสนับสนุนผู้สมัครมุ้งของตนแข่งขันกับมุ้งอื่น โดยเป็นทั้งฐานทางการเงิน ผ่านการช่วยกันระดมทุน และฐานส่งผู้มีอำนาจของกลุ่มขึ้นดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ข้อเสียอีกประการของระบบเลือกตั้งแบบนี้คือการแข่งขันหาเสียงที่ยึดตัวบุคคลมากกว่าให้ความสำคัญกับจุดยืนเชิงนโยบาย
แต่แม้จะมีการปฏิรูปแนวการเลือกตั้งนับจากปี 1994 เป็นต้นมา สถาบันมุ้งใน LDP ก็ยังคงสืบต่อมรดกจากรุ่นสู่รุ่นโดยปรับบทบาทให้สอดรับกับระบบเลือกตั้งแบบใหม่หรือแบบ ‘เขตเดียวเบอร์เดียว’ (single member district) ที่หนึ่งเขตมีผู้แทนได้เพียงคนเดียว ทำให้หมดปัญหาการชิงพื้นที่กันเองของ สส. ในพรรค แต่มุ้งก็ยังคงทำหน้าที่ระดมทุนสำหรับกิจกรรมการเมืองของสมาชิกในสังกัดและดำเนินเกมถ่วงดุลอำนาจในหมู่ผู้มีอิทธิพลในพรรค และยังคงเป็นฐานการส่งผู้นำกลุ่มขึ้นดำรงตำแหน่งใหญ่ๆ ในรัฐบาล
ยกตัวอย่าง เช่น การได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคของคิชิดะเมื่อปลายปี 2021 ที่ทำให้เขาได้เป็นนายกฯ มาจนถึงตอนนี้ แม้เขาจะไม่ใช่ตัวเต็งในสายตาผู้สังเกตการณ์และสาธารณชนมาแต่ต้น แถมยังเป็นผู้นำมุ้งขนาดกลางๆ ในพรรค (แม้จะเป็นมุ้งเก่าแก่ที่สุดในเวลานี้ก็ตาม) แต่การเมืองใน LDP โดยเฉพาะแรงหนุนจากมุ้งอื่นๆ ตลอดจนแนวนโยบายที่พอถูไถไปกันได้กับมุ้งใหญ่สุดของอาเบะ ทำให้เขาได้รับคะแนนจากสมาชิกข้างมากในพรรคจนสามารถขึ้นเป็นผู้นำได้
ถึงแม้ในตอนแรกคิชิดะจะเผชิญข้อกังขาว่าจะเป็นนายกฯ ได้ครบวาระไหม แต่เวลา 2 ปีกว่าที่เขายืนหยัดฝ่าเรื่องอื้อฉาวของ LDP โดยยังไม่สละตำแหน่งไปเสียก่อน ก็ทำให้เขากลายเป็นนายกฯ ที่อยู่ในเก้าอี้นานเป็นอันดับที่ 10 ในบรรดานายกฯ ญี่ปุ่นทั้งหมด 64 คนนับจากมีระบบคณะรัฐมนตรีขึ้นในสมัยเมจิ นี่สะท้อนให้เห็นระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ส่วนใหญ่ที่ค่อนข้างสั้น ถึงกระนั้นคิชิดะก็ใกล้ครบวาระการเป็นหัวหน้าพรรค 3 ปีเต็มที หากเขาไม่ชิงลาออกเพราะกรณีอื้อฉาวล่าสุดนี้ก่อน เขาก็คงต้องเผชิญกับการเมืองในพรรคในการชิงตำแหน่งหัวหน้าอีกสมัยในเดือนกันยายนปีนี้
สถานการณ์ปัจจุบันของสถาบันมุ้งใน LDP
ในส่วนนี้อยากให้รายละเอียดเกี่ยวกับมุ้งใน LDP อีกสักหน่อย จวบจนปลายปีที่แล้วก่อนการขุดคุ้ยเรื่องเงินทุจริต สมาชิกสภาในพรรคทั้งหมด 376 คน ส่วนใหญ่แล้วสังกัดมุ้งใดมุ้งหนึ่งในทั้งหมด 6 มุ้ง มีเพียง 77 คน ที่ไม่สังกัดมุ้งใด (無派閥 / muhabatsu) เดิมที LDP มีทั้งหมด 7 มุ้ง แต่ปลายปี 2021 ชิเงรุ อิชิบะ อดีตเลขาธิการพรรค ผู้มักออกมาวิจารณ์รัฐบาลผ่านสื่อจนได้รับความนิยม ได้สลายมุ้งของเขาที่ตั้งขึ้นปี 2015 (สมาชิก 12 คน ณ ตอนยุบ) หลังจากไม่อาจบรรลุเป้าที่จะส่งเขาขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคมาหลายรอบ เหลือเป็นกลุ่มแบบไม่เป็นทางการเพื่อศึกษาและผลักดันนโยบายร่วมกัน
ณ สิ้นปี 2023 มุ้งทั้ง 6 ในพรรคซึ่งสื่อญี่ปุ่นมักเรียกชื่อตามหัวหน้ามุ้ง เรียงลำดับจากใหญ่ไปเล็กได้ดังนี้
- มุ้งอาเบะ สมาชิก 99 คน เคยนำโดยอดีตนายกฯ อาเบะก่อนที่เขาจะถูกลอบสังหาร จากนั้นกลุ่มใช้ระบบคณะผู้นำร่วมบริหารจัดการงานของมุ้งเรื่อยมา
- มุ้ง (ทาโร่) อะโซ ผู้เป็นรองหัวหน้าพรรค มีสมาชิก 56 คน
- มุ้ง (โตชิมิทสึ) โมเตงิ เลขาฯ พรรคคนปัจจุบัน มีสมาชิก 53 คน
- มุ้งคิชิดะ นายกฯ คนปัจจุบัน มีสมาชิก 46 คน
- มุ้ง (โตชิฮิโระ) นิคัย อดีตเลขาฯ พรรคสมัยอาเบะ มีสมาชิก 40 คน
- มุ้ง (ฮิโรชิ) โมริยะมะ มีสมาชิก 8 คน มุ้งเล็กสุดนี้เดิมมี โนบุเทรุ อิชิฮะระ อดีตเลขาฯ พรรคเป็นหัวหน้าแต่เมื่อเขาแพ้เลือกตั้งปลายปี 2021 มุ้งนี้จึงให้โมริยะมะเป็นผู้นำต่อ
มุ้งคิชิดะ หรือ Kochikai เป็นมุ้งเก่าแก่ที่สุดตั้งขึ้นโดยนายกฯ ฮะยะโตะ อิเคดะ เมื่อต้นทศวรรษ 1960 โดยมีจุดเด่นคือการหันทิศทางนโยบายที่เน้นความมั่นคงของรัฐบาลชุดก่อนหน้ามาเน้นเศรษฐกิจเป็นหลัก กลุ่มนี้จึงมีภาพลักษณ์ ‘สายพิราบ’ (dovish) ใฝ่สันติในการต่างประเทศ ตรงกันข้ามกับมุ้งอาเบะ ซึ่งที่ผ่านมาเน้นปรับนโยบายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านกลาโหม มุ้งอาเบะซึ่งตั้งขึ้นโดยนายกฯ ทาเคโอะ ฟุคุดะ ปลายทศวรรษ 1970 มีเป้าหมายเริ่มต้นเพื่อปัดกวาดการเมืองให้สะอาดผุดผ่องจากปัญหาทุจริตที่ LDP เผชิญมา ดังสะท้อนจากชื่อทางการของกลุ่มว่า เซวะ (清和会) หรือ ใสสว่าง
แต่ไม่วาย ปัญหาเงินทุจริตและการกระทำผิดรอบนี้ก็มีจุดศูนย์กลางของแรงสั่นสะเทือนอยู่ที่มุ้งอาเบะ แม้จะไม่ใช่มุ้งเดียวที่มีส่วนพัวพันแต่ก็รับบทหนักสุด ต้นเหตุดูจะมาจากแบบแผนการระดมทุนเข้ากลุ่มที่ถือปฏิบัติมาเนิ่นนานและหลุดรอดการตรวจสอบมาตลอด โดยปกติสมาชิกมุ้งจะได้รับมอบหมายให้ขาย ‘บัตรงานเลี้ยง’ เพื่อระดมทุน โดยกำหนดเป้าการขายบัตรตามแต่ตำแหน่งและชั่วโมงบินในสภาที่แตกต่างกันไปของสมาชิก เงินส่วนที่ขายบัตรได้เกินจำนวนเป้าที่กำหนดนำเข้ามุ้ง สมาชิกจำนวนหนึ่งเก็บเป็นของตนเองหรือไม่ก็ได้เป็นค่าตอบแทนจากมุ้ง โดยสื่อเรียกเงินส่วนนี้ว่า ‘เงินตอบแทนใต้โต๊ะ’ (キックバック/kickback)
แรงกระเพื่อมและปฏิกริยาตอบสนอง
การระดมทุนเช่นนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายควบคุมเงินการเมืองโดยตรง แต่ปัญหาอยู่ที่ทางกลุ่มไม่ได้รายงานเงินส่วนที่สมาชิกขายบัตรได้เกินกว่าเป้าในบัญชีแจ้งยอดรายได้ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องรายงานรายรับ-รายจ่ายทางการเมืองเพื่อความโปร่งใส อัยการตรวจพบว่าเหล่าแกนนำในมุ้งผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาลได้รับเงินตอบแทนโดยไม่มีการแจ้งยอดในบัญชีตามที่กฎหมายกำหนด โดยอ้างเหตุผลว่าตนไม่ทราบว่าต้องรายงาน หรือได้รับการบอกกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องรายงานค่าตอบแทนดังกล่าว
ที่น่าตกใจไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเงินส่วนนี้ที่คิดรวมแล้วสูงถึงราว 600 ล้านเยนสำหรับมุ้งอาเบะ โดยแจกจ่ายให้สมาชิกบางคนถึงหลายสิบล้านในช่วง 5 ปี (ระหว่าง ค.ศ. 2018-2022) แต่เป็นเรื่องการกระทำที่ดำเนินต่อเนื่องมานาน อย่างที่ จุนจิ ซุซุกิ รัฐมนตรีมหาดไทยที่ติดร่างแหเรื่องนี้ให้สัมภาษณ์สื่อว่ากลายเป็นธรรมเนียม หรือ ‘วัฒนธรรม’ ที่ถือปฏิบัติของมุ้งไปแล้ว อีกอย่างคือมีรายงานว่าตอนที่มีการปรับคณะผู้นำมุ้งหลังอาเบะถูกลอบสังหารกลางปี 2022 ได้มีเสียงทักท้วงให้ยุติการกระทำดังกล่าวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่อาจทัดทานวิถีที่ดำเนินมาจนเป็นความเคยชินได้
อีก 2 มุ้งใน LDP ที่อัยการสืบสวนพบความบกพร่องของรายงานยอดเงินการเมืองคือ ‘มุ้งนิคัย’ ซึ่งมีแนวทางระดมเงินด้วยการขายบัตรงานเลี้ยงเช่นกัน และไม่ได้แจ้งยอดรายได้ที่ขายเกินจากเป้าราว 100 ล้านเยนในช่วง 5 ปี (2018-2022) และมุ้งคิชิดะ ซึ่งพบความผิดแบบเดียวกันแต่ในวงเงินต่ำกว่า (20 ล้านเยน) ขณะที่ 2 มุ้งหลังนี้ยังดีที่ได้รายงานวงเงินซึ่งให้ตอบแทนแก่สมาชิก (kickback) ในรูปบัญชีค่าใช้จ่ายของมุ้ง และสมาชิกผู้รับเงินก็รายงานบัญชีรายรับส่วนนี้ของตน แต่มุ้งอาเบะไม่ได้รายงานเงินส่วนนี้เลยแม้แต่น้อย จึงเป็นที่เพ่งเล็งมากกว่ามุ้งอื่น
ในช่วง 2-3 เดือนที่เรื่องนี้แดงขึ้นมา การเมืองและกฎหมายญี่ปุ่นได้เคลื่อนไหวเพื่อจัดการอะไรไปแล้วบ้าง ดังที่ได้กล่าวมาการแสดงความรับผิดชอบอย่างแรกของ LDP คือการลาออกจากตำแหน่งรัฐบาลเมื่อกลางเดือนธันวาคมของแกนนำที่มีเอี่ยวจากมุ้งอาเบะ ในกลุ่มนี้มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างโฆษกรัฐบาลและรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ต่อมาในเดือนมกราคม 3 มุ้งที่พบการกระทำผิดประกาศสลายมุ้งของตนเอง ขณะที่คิชิดะสั่งการให้พรรคศึกษาทบทวนเรื่องการแบ่งมุ้งและกฎเกณฑ์ควบคุมเงินการเมืองในพรรค ถึงกระนั้นมุ้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างมุ้งอะโซ และโมเตงิ ยังคงยืนกรานจะรักษากลุ่มของตนต่อไป
อัยการได้ฟังคำให้การโดยสมัครใจจากสมาชิกหลายคนจากมุ้งอาเบะเพื่อสืบสาวต้นตอปัญหา และได้สั่งฟ้องอดีตเจ้าหน้าที่บัญชีของ 3 มุ้ง ตลอดจนสมาชิกสภาของมุ้งอาเบะบางรายที่ได้รับเงินตอบแทนจำนวนมากโดยปราศจากการแจ้งยอดเงิน ขณะที่ก็ให้มุ้งปรับตัวเลขรายงานบัญชีใหม่ให้ตรงตามความเป็นจริง แม้การดำเนินคดียังคงจำกัดวงอยู่ แต่ LDP ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิรูปการเมือง (political reform headquarters) ขึ้นมาเมื่อเดือนมกราคม และล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ก็ได้ตั้งคณะตรวจสอบภายในพรรคขึ้นเพื่อสืบสวนปัญหาและได้มีการรายงานข้อมูลออกมาเมื่อไม่นานนี้
ความกว้างและลึกของปัญหา
คณะทำงานเพื่อปฏิรูปการเมืองของ LDP ซึ่งมีสมาชิก 38 คน และเริ่มประชุมกันเมื่อเดือนมกราคม ถูกวิจารณ์โดยทันทีเมื่อพบว่ากรรมการที่มาจากมุ้งอาเบะ 9 ใน 10 คน รวมถึงรักษาการประธานคณะฯ ถูกตั้งข้อสงสัยว่าไม่ได้รายงานยอดเงินตอบแทนใต้โต๊ะอย่างถูกต้อง ปลายเดือนมกราคม คณะทำงานชุดนี้ได้มีคำแนะนำออกมาว่าทางพรรคควรเลิกใช้มุ้งเป็นเครื่องมือหาทุนทางการเมือง แต่แทนที่จะเสนอให้สลายระบบมุ้งโดยสิ้นเชิง คณะทำงานมองว่าควรเปลี่ยนบทบาทมุ้งเป็นกลุ่มผลักดันนโยบาย (policy group) แทน และควรจัดสรรตำแหน่งการเมืองให้สมาชิกอย่างทั่วถึงมากกว่ากระจุกอยู่กับสมาชิกมุ้งใดมุ้งหนึ่ง
สำหรับคณะตรวจสอบได้ออกรายงานมาช่วงกลางเดือนนี้ โดยพบว่าพฤติกรรมการรับเงินตอบแทนใต้โต๊ะโดยไม่ได้รายงานในบัญชีอย่างถูกต้องอาจมีมานานกว่าทศวรรษในมุ้งอาเบะ โดยเงินส่วนนี้ถูกใช้ทั้งในทางการเมืองและเรื่องส่วนตัว จากการไต่สวนในพรรคพบด้วยว่ากว่า 30 คนรู้ว่าเงินที่ตนได้รับนั้นเป็นค่าตอบแทนใต้โต๊ะตั้งแต่แรก ส่วนหนึ่งรู้ตัวด้วยว่าไม่ได้รายงานเงินส่วนนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คณะตรวจสอบยังพบว่าจากสมาชิกสภาของพรรคทั้งหมดราว 380 คน มีอยู่ถึง 85 คน ที่ได้รับเงินตอบแทนจากการระดมทุนโดยไม่ได้แจ้งในบัญชีตามกฎหมาย
พรรคฝ่ายค้านไม่ได้รู้สึกว่าการตรวจสอบกันเองใน LDP ตลอดจนรายงานที่ออกมามีความน่าเชื่อถือเพียงพอ และได้รวมตัวกดดันให้รัฐสภาเปิดประชุม ‘กรรมาธิการจริยธรรมทางการเมือง’ (Political Ethics Committee) โดยนำสมาชิกที่พัวพันกรณีนี้มาให้การ (hearing) กรรมาธิการนี้ซึ่งมีทั้งของวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ไม่ได้ประชุมกันเป็นประจำแต่จะทำงานเมื่อมีกรณีความผิดเกิดขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งของกรรมาธิการอนุมัติให้มีการเรียกประชุม และแม้จะมีสิทธิเรียกตัวสมาชิกสภามาให้การได้แต่ก็ขึ้นกับความสมัครใจของบุคคลว่าจะกระทำตามหรือไม่ด้วย
ล่าสุดฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้เจรจาตกลงกันให้จัดประชุมกรรมาธิการจริยธรรมสำหรับสภาผู้แทนฯ ขึ้นแล้ว และมีกำหนดจะประชุมและเรียกสมาชิก LDP มาให้การในเร็วๆ นี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่มีการตั้งกรรมาธิการนี้ขึ้น โดยครั้งสุดท้าย (ปี 2009) เป็นการพิจารณากรณีอื้อฉาวเรื่องเงินการเมืองของยูคิโอะ ฮะโตยะมะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านในเวลานั้น โดยการผลักดันของฝ่ายรัฐบาล การเรียกประชุมกรรมาธิการจริยธรรมซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยจึงกระตุ้นความสนใจของสาธารณชนเป็นอย่างมากเนื่องจากสะท้อนความร้ายแรงของปัญหาที่ซุกซ่อนไว้
ฝ่ายค้านกับ LDP กำลังต่อรองกันว่าจะให้สมาชิกที่เกี่ยวข้องจำนวนเท่าไหร่และคนใดบ้างเข้าให้การ ซึ่งฝ่ายค้านอาศัยกรอบเวลาที่รัฐบาลต้องผ่านร่างงบประมาณสำหรับปีหน้าในสภาให้ได้ในเดือนมีนาคมนี้ เป็นเงื่อนไขต่อรองกับนายกฯ ให้จำใจส่งลูกพรรคหลายคนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ กระบวนการตรวจสอบนี้ ตลอดจนสิ่งที่สมาชิกระดับสูงของ LDP จะเผยออกมาคงส่งผลสะเทือนไม่น้อยต่อตำแหน่งนายกฯ และความนิยมต่อพรรคที่ย่ำแย่มาอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่มีเสียงคาดการณ์ว่าคิชิดะอาจถึงคราต้องลงจากตำแหน่งจริงๆ
LDP อาจยังกุมอำนาจต่อไปได้ท่ามกลางกระแสก่นด่า เนื่องจากการเลือกตั้งผู้แทนตามวาระจะไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งปีหน้า (2025) แต่คิชิดะอาจต้องถูกสังเวยระหว่างทางหรือไม่ก็ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคปลายปีนี้ อันเป็นวิธีปรับโฉมของพรรคที่มักทำกันมาแต่อดีตโดยหวังว่าผู้นำคนใหม่จะทำให้ความนิยมกระเตื้องขึ้นบ้าง การยุบสภาตอนนี้คงไม่ใช่หนทางที่ดีสำหรับ LDP นัก แม้ว่าพรรคฝ่ายค้านก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เข้มแข็งในสายตาประชาชน แต่ที่นั่งในสภาที่ลดน้อยถอยลงย่อมทำให้รัฐบาลทำงานได้ลำบาก
ความเพลี่ยงพล้ำจนแพ้เลือกตั้งและหลุดจากการเป็นรัฐบาลของ LDP ไม่กี่ครั้งในอดีตล้วนเกิดจากกรณีทุจริตอื้อฉาว หากการเปิดโปงโลกคู่ขนานในพรรครอบล่าสุดที่เผยให้เห็นแบบแผนการทำผิดกฎหมายที่ดำเนินมานานนับทศวรรษนี้ยืดเยื้อและถูกตอกย้ำโดยฝั่งฝ่ายค้านอย่างต่อเนื่อง หรือสาวให้เห็นปัญหาอื่นๆ ที่แอบแฝงในการเมืองระหว่างมุ้งของ LDP เพิ่มเติมตามมาจนถึงปีหน้า อาจทำให้มติมหาชนหันเหไปหาตัวเลือกทางการเมืองอื่นและอาจส่งผลให้ฝ่ายค้านบางพรรคผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งได้
สิ่งที่เห็นอย่างหนึ่งคือการเมืองญี่ปุ่นไม่ปล่อยให้กรณีอื้อฉาวทำนองนี้ซาไปโดยไม่มีการปฏิรูปใหญ่เกิดขึ้น แม้บ่อยครั้งเราจะเห็นข่าวว่าในแต่ละวงการของญี่ปุ่น วันดีคืนดีก็จะมีการเปิดโปงเงื่อนงำการกระทำผิดที่มีมูลมานานซุกอยู่หลังฉากหน้าที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการเรื่องเงินมุ้งใน LDP จนถึงขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกึ่งกลางทาง จากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาอย่างการประกาศยุบมุ้งเก่าแก่ไปจนถึงตั้งกรรมาธิการจริยธรรมขึ้นไต่สวนปมปัญหาล้วนถือเป็นเรื่องใหญ่ในการเมือง ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่านายกฯ คิชิดะจะแก้ปัญหานี้อย่างไร และจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรต่อไปเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมาสู่พรรค
แหล่งอ้างอิง
- Gabriele Ninivaggi, “Kishida Becomes 10th Longest Serving Prime Minister in Post war Era,” The Japan Times (Feb 14, 2024), https://www.japantimes.co.jp/news/2024/02/14/japan/politics/kishida-10th-longest-serving-prime-minister/
- “Ishiba Dissolves Faction after Only 6 Years,” The Yomiuri Shimbun (Dec 3, 2021), https://japannews.yomiuri.co.jp/politics/politics-government/20211203-6302/
- “LDP Lawmaker Says Kickbacks of Excess Funds Part of the ‘Culture’,” The Asahi Shimbun (Dec 16, 2023), https://www.asahi.com/ajw/articles/15085664
- “Nine of 10 Abe Faction Members on Reform Body Tied to Kickbacks,” The Asahi Shimbun (Jan 13, 2024), https://www.asahi.com/ajw/articles/15111023
- Eric Johnston, “LDP Survey Doesn’t Quell Demand from Opposition for Ethics Hearing,” The Japan Times (Feb 16, 2024), https://www.japantimes.co.jp/news/2024/02/16/japan/politics/ldp-hearing/
- “Few Real Answers Emerged from Questioning on LDP Fund-Raisers,” The Asahi Shimbun (Feb 16, 2024), https://www.asahi.com/ajw/articles/15169045
- Eric Johnston, “Kishida Calls Ethics Committee Hearing ‘a Matter for Parliament to decide’,” The Japan Times (Feb 14, 2024), https://www.japantimes.co.jp/news/2024/02/14/japan/politics/johnston-national-political-ethics-committee/
- Gabriele Ninivaggi, “Committee Probing LDP Funds Scandal Set to Open Next Week,” The Japan Times (Feb 22, 2024), https://www.japantimes.co.jp/news/2024/02/22/japan/politics/ethics-committee-funds-scandal/
- “The LDP Factions under Investigation,” NHK World-Japan (Dec 20, 2023), https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/backstories/2923/