ตำรากฎหมายที่ตราตรึงจิต ของ จิตติ ติงศภัทิย์

ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์
(16 มีนาคม พ.ศ.2451 – 3 มีนาคม พ.ศ.2538)


จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงระดับปูชนียาจารย์ท่านหนึ่งในวงการกฎหมายไทย ในฐานะแบบอย่างและผู้สร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการไว้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรากฎหมายชั้นครู ที่คนในแวดวงยังคงยกย่องว่าเป็นตำราที่นักกฎหมายควรจะได้อ่านหรือศึกษาค้นคว้าสักครั้งหนึ่งบนเส้นทางวิชาชีพ

ในวาระครบรอบ 30 ปีมรณกรรม 3 มีนาคม 2568 ของปูชนียาจารย์ทางกฎหมายท่านนี้ ผู้เขียนจะขอเล่าถึงชีวิตและงานของจิตติ ติงศภัทิย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรากฎหมายของท่าน


สังเขปชีวประวัติ


จิตติ ติงศภัทิย์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2451 ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน เป็นบุตรคนโตของนายทองจีน และนางละม้าย ติงศภัทิย์[1] บิดาของท่านถึงแก่กรรมตั้งแต่ยังเด็ก จิตติจึงอยู่ภายใต้การดูแลของมารดา ปู่และตา (หรือที่ท่านเรียกว่า ‘ก๋งขาว’ กับ ‘ก๋งอ้วน’ ตามลำดับ) อย่างใกล้ชิด[2]

มีเกร็ดเล็กน้อยเรื่องชื่อ ‘จิตติ’ ว่าชื่อนี้มิใช่นามดั้งเดิมของท่าน เดิมท่านชื่อว่า ‘เล่งเจ็ง’ ซึ่งมีผู้แปลไว้ว่าหมายถึงอาการของคนที่ตื่นนอนตอนเช้าอย่างสดชื่นแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า[3] เป็นชื่อที่ปู่ตั้งเพื่อไม่ให้ซ้ำกับใคร แต่เพื่อให้เรียกง่ายๆ จิตติจึงใช้พยางค์เดียวว่า ‘เจ็ง’

ชื่อ ‘เจ็ง ติงศภัทิย์’ ติดตัวท่านไปจนรับราชการ[4] แล้วค่อยมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘จิตติ’ ในสมัยที่ราชการร้องขอแกมบังคับให้เปลี่ยน นัยว่าเป็นช่วงที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้นโยบายรัฐนิยมของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งชื่อ ‘จิตติ’ นี้ มีที่มาจากฉายาเมื่อท่านบวชเณรและบวชพระ คือ ‘จิตติปาโย’ และ ‘จิตติสุทโธ’ ตามลำดับ แต่บรรดาญาติผู้ใหญ่และผู้ใกล้ชิดในชั้นต้นก็ยังคงเรียกท่านว่า ‘คุณเจ็ง’ หรือ ‘พ่อเจ็ง’ ตามเดิม[5]


ประกาศเรื่องย้ายและตั้งอัยการจังหวัดที่มีผลให้จิตติต้องย้ายไปเป็นอัยการจังหวัดปราจีนบุรี จะเห็นว่าขณะนั้นท่านยังใช้ชื่อเดิม (เจ็ง ติงศภัทิย์) อยู่


ในส่วนประวัติการศึกษา เมื่อเยาว์วัย มารดาได้เริ่มสอนหนังสือให้ท่านตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน จากนั้นเข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนครูเชย อันเป็นโรงเรียนเล็กๆ ใกล้บ้าน ครั้นโตขึ้นจึงเข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา ต่อมาสำเร็จเป็นเนติบัณฑิตชั้น 2 จากโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม และเข้าศึกษาต่อในระดับนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง จนสำเร็จการศึกษาใน พ.ศ.2485 และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ด้านกฎหมาย ณ Southern Methodist University จนสำเร็จการศึกษาชั้น LL.M. ระดับเกียรตินิยมสูงสุด ใน พ.ศ.2500[6] โดยท่านได้คะแนน 91.31% ซึ่งถือเป็นคะแนนสูงสุดในรุ่น และเป็นคะแนนสูงสุด นับแต่มหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตร American Law[7]

จิตติ ติงศภัทิย์ เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับเนติบัณฑิต โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม


ในแง่มูลเหตุที่มาของการศึกษากฎหมายนั้น จิตติเคยให้สัมภาษณ์ว่าสาเหตุมาจากญาติผู้ใหญ่แนะนำ ดังที่ท่านกล่าวว่า[8]

“จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีเหตุผลใดพิเศษ เพียงแต่ครั้งนั้นคุณปู่ของผมอยากให้เรียนกฎหมาย แล้วในสมัยนั้น ใครอยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ผมก็เลยเรียนกฎหมาย”

แม้ว่าจะเรียนกฎหมายโดยมิได้ตั้งใจไว้แต่แรก แต่จิตติก็กล่าวว่าท่านไม่เคยเจอปัญหาในการเรียนเลย[9] ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะท่านเป็นผู้มีใจรักการแสวงหาความรู้และศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง ดังที่พระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา) เล่าให้คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มาสัมภาษณ์ฟังขณะพาคณาจารย์ชมบรรดา ‘collection’ หนังสือของท่านว่า มีลูกศิษย์คนหนึ่งเคยติดตามมาหาถึงที่บ้าน เพื่อขออนุญาตอ่านหนังสือและพากเพียรอ่านบรรดาตำราเหล่านั้นจนครบ ศิษย์คนนั้นชื่อ ‘นายเจ็ง’ และมีเพียง ‘นายเจ็ง’ เท่านั้นที่เป็นคนเอาจริงเอาจังทางวิชาความรู้อยู่คนเดียวจากบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด

พระยามานวราชเสวียังกล่าวว่า หากผู้ใดจะเอาดีทางวิชาการ ก็ให้เอาให้ได้อย่าง ‘นายเจ็ง’ หรือจิตติ ติงศภัทิย์ นั่นเอง[10] บุคลิกลักษณะเช่นนี้ สอดคล้องกับคำบอกเล่าจากผู้ใกล้ชิดว่าจิตติเป็นคนเจ้าตำรับตำรา ไม่ใคร่จะได้ไปไหน มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือซึ่งเป็นเรื่องสนุกสนานและเบิกบานใจของท่าน[11]

อย่างไรก็ดี แม้พระยามานวราชเสวีจะกล่าวถึงเช่นนั้น แต่จิตติก็ยังถ่อมตัวโดยบอกว่าหาได้อ่านหนังสือทั้งหมดแต่ประการใด[12]


พระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา) ผู้ชื่นชมความใผ่รู้ใฝ่เรียนของจิตติ ว่า “หากผู้ใดจะเอาดีทางวิชาการก็ให้เอาให้ได้อย่าง ‘นายเจ็ง'”


ทั้งนี้ มีเกร็ดเรื่องราวเล็กๆ ว่าช่วงที่จิตติกำลังศึกษาชั้นมัธยม ท่านได้มีส่วนร่วมตั้งวงดนตรีไทยร่วมกับวงของโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ สืบเนื่องมาจากโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ได้มาขอให้นักเรียนโรงเรียนวัดปทุมคงคามาช่วยบรรเลง โดยท่านเป็นผู้เล่นซออู้ และซอด้วง[13] และนั่นทำให้จิตติ มีโอกาสร่วมเล่นดนตรีกับหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ซึ่งเป็นครูดนตรีไทย โรงเรียนเทพศิรินทร์ในขณะนั้น

ในชั้นโรงเรียนกฎหมาย จิตติยังได้เรียนวิชากฎหมายลักษณะหุ้นส่วน บริษัท และสมาคมกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) อีกด้วย[14] เช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าจิตติ ติงศภัทิย์ เป็นลูกศิษย์ของ ‘หลวงประดิษฐ์ฯ’ ทั้ง 2 ท่าน คือ ‘ท่านครูหลวงประดิษฐ์(ไพเราะ)’ และ ‘อาจารย์หลวงประดิษฐ์(มนูธรรม)’


หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ครูดนตรีไทย และอาจารย์กฎหมายของจิตติ


เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับเนติบัณฑิต จิตติเข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยสมัครเป็นพลตำรวจอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน หลังพ้นจากการเกณฑ์ทหารจึงเริ่มชีวิตราชการ จากตำแหน่งพนักงานอัยการ ในกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2471 ก่อนจะโอนมารับราชการกระทรวงยุติธรรมในตำแหน่งผู้พิพากษา พ.ศ.2476 และก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ จนได้รับตำแหน่งสูงสุดเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ก่อนจะลาออกจากราชการเพราะทำงานมานานใน พ.ศ.2512[15]

ภายใต้หมวกของผู้พิพากษา บรรดาผู้พิพากษาที่ร่วมงานกับจิตติเห็นพ้องกันว่าท่านเป็นผู้มีความเที่ยงตรง ยึดมั่นในความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ความเห็นทางกฎหมายได้อย่างลึกซึ้ง สุขุม รอบคอบ ตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็นผู้มีอัธยาศัยดี มีเมตตาธรรมด้วย[16] สัญญา ธรรมศักดิ์ นักกฎหมายร่วมรุ่นกับจิตติกล่าวถึงท่านว่า[17]

“…นิสัยเรา (สัญญา ธรรมศักดิ์ และจิตติ ติงศภัทิย์-ผู้เขียน) ที่ลึกๆ ภายใน คล้ายคลึงกันมาก คือ ถือความซื่อตรงเป็นใหญ่ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก….”


จิตติ ติงศภัทิย์ (ขวา) กับสัญญา ธรรมศักดิ์ (ซ้าย) ภาพจาก ‘ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์’


ภายหลังออกจากราชการ จิตติได้รับตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่ง เช่น ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ธนาคารแห่งประเทศไทย คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานวุฒิสภา และในที่สุด ก็ได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นองคมนตรี ในวันที่ 3 มีนาคม 2527[18]



ในวงวิชาการ จิตติยังรับเป็นอาจารย์ผู้บรรยาย ณ มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยรับบรรยายหลายวิชาด้วยกัน เช่น วิชากฎหมายลักษณะหนี้ บัญชีเดินสะพัด ตั๋วเงิน ประกันภัย ครอบครัว มรดก อาญา และอาชญวิทยา ทั้งยังเป็นผู้บรรยายวิชากฎหมายอาญา ณ สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาอีกด้วย

ต่อมา จิตติได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[19] และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[20] รวมถึงได้รับพระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีการศึกษา 2514[21] และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2515[22]


จิตติ ติงศภัทิย์ เมื่อรับพระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


จิตติ ติงศภัทิย์ ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 3 มีนาคม 2538 ขณะมีอายุได้ 86 ปี ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าจิตติเกิดในเดือนมีนาคม ได้รับการโปรดเกล้าเป็นองคมนตรีเมื่อเดือนมีนาคม ถึงแก่อสัญกรรมก็เดือนมีนาคม กล่าวได้ว่าท่านถือเป็น ‘คนเดือนมีนาคม’ โดยแท้[23]


จิตติ ติงศภัทิย์ กับแมว – มีเรื่องเล่าว่าท่านมิใช่ ‘ทาสแมว’ แต่แรก แต่ท่านเลี้ยงเพราะลูกๆ นำแมวมาเลี้ยงในบ้าน และจำนวนประชากรแมวได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[24]


ตำรากฎหมายของอาจารย์จิตติ


แม้ว่าจิตติ ติงศภัทิย์ จะมีภาระงานราชการค่อนข้างมาก แต่ก็วิริยะอุตสาหะสร้างสรรค์ผลงานวิชาการทรงคุณค่ามากมาย ทั้งตำรากฎหมาย บทความ หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ท่านให้ความเห็นไว้ ในบทความนี้ จะขอหยิบยกมาเล่าสองประเภท ได้แก่งานเอกสารตำรา และหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา

ตำรากฎหมาย


ในบรรดางานเขียนทางวิชาการของจิตติ ติงศภัทิย์ ตำรากฎหมายอาญาดูจะเป็นตำราที่มีชื่อเสียงที่สุด และได้รับการยกย่องว่าเป็นตำรามาตรฐาน ซึ่งจิตติใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลนานถึง 20 ปีก่อนลงมือเขียน ทั้งข้อมูลจากตำราต่างประเทศบ้าง ข้อซักถามของนักศึกษาบ้าง ข้อโต้เถียงในการประชุมหารือเพื่อปรึกษาคดีบ้าง[25]

แต่การเขียนตำรากฎหมายอาญาของจิตติมิได้มาจากความตั้งใจแรกของผู้เขียน จุดเริ่มต้นมาจากการที่ท่านรับบรรยายกฎหมายอาญา ณ เนติบัณฑิตยสภา และได้จัดทำโน้ตเอาไว้เพื่อเตรียมสอน นานวันเข้าก็มีเสียงเรียกร้องให้เขียนออกมาเป็นเล่ม ท่านจึงเขียนออกมาจนจบ[26]

ตำรากฎหมายอาญาของท่านตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2506 แบ่งเป็น ‘กฎหมายอาญา ภาค 1’ ว่าด้วยหลักทั่วไป เช่น การใช้กฎหมายอาญา โครงสร้างความรับผิด เป็นอาทิ จำนวน 2 เล่ม ส่วนภาค 2 กับ 3 อันเป็นภาคความผิดและลหุโทษ มีจำนวน 3 เล่ม โดยภาคทั่วไปเป็นการอธิบายเชิงทฤษฎี ส่วนภาคที่เหลือจะเป็นการอธิบายเรียงมาตรา[27]

ต่อมา ในการตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2525 จึงมีการรวมภาค 1 เป็นเล่มเดียว ส่วนภาคความผิดและลหุโทษแบ่งออกเป็น ‘กฎหมายอาญา ภาค 2 ตอน 1’ และ ‘กฎหมายอาญาภาค 2 และ 3’[28] ซึ่งเมื่อรวมจำนวนหน้าทั้ง 3 เล่มแล้ว ถือว่าตำรามีความหนาอย่างมาก จนมีผู้สงสัยว่าท่านใช้เวลาที่ไหนไปเขียน ต่อคำถามนี้ จิตติเคยเล่าให้ไพฤทธิ์ เศรษฐไกรกุล ว่าท่านถือโอกาสช่วงที่ตื่นมาชงนมให้ลูก เขียนตำรากฎหมายอาญาตอนนั้นเสียเลย[29]

สำหรับเนื้อหาตำรากฎหมายอาญาของจิตติ เป็นที่ยอมรับว่าละเอียดลึกซึ้ง โดยจิตติได้วิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ไว้ทุกแง่มุม จึงถูกใช้เป็นหลักในการศึกษาของนักศึกษากฎหมายและนักกฎหมาย[30] ทั้งยังเป็นตำรากฎหมายอาญาที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเล่มหนึ่งของไทย มีประโยชน์ในการใช้ค้นคว้าอ้างอิงได้อย่างดี[31] สมดังความตั้งใจของท่านที่ให้หลักในการเขียนตำราไว้ว่าต้องมีที่อ้างอิงให้แน่นอนเพื่อผู้อ่านจะได้ค้นคว้าต่อ ไม่ใช่ว่าจะเขียนขึ้นมาตามความนึกคิดเฉยๆ[32]


คำอธิบายกฎหมายอาญา (3 เล่ม) ของจิตติ ติงศภัทิย์ ฉบับพิมพ์ครั้งหลังสุดโดยเนติบัณฑิตยสภา (ภาพจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์วิญญูชน)


แม้ว่าตำรากฎหมายที่ถือเป็น ‘มาสเตอร์พีซ’ ของจิตติ ติงศภัทิย์ จะเป็นตำรากฎหมายอาญา แต่มิได้หมายความว่าท่านสนใจกฎหมายอาญาเพียงสาขาเดียว จิตติเป็นนักกฎหมายที่รอบรู้กฎหมายหลายสาขา ท่านมักสอนศิษยานุศิษย์เสมอมาว่ากฎหมายมิได้แยกเป็นเรื่องๆ แต่เป็นเนื้อเดียวกัน เพียงแค่มองและจัดการ หรือบังคับการในแง่มุมที่ต่างกันได้เท่านั้น[33]

ทั้งนี้ มีเกร็ดเรื่องเล่าว่าวิชาแรกที่ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บรรยาย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน พ.ศ. 2497[34] คือกฎหมายแพ่ง เกี่ยวกับลักษณะตั๋วเงิน ตำราเรียนที่จิตติเขียนเล่มแรกจึงเป็นตำรากฎหมายลักษณะตั๋วเงินนั่นเอง โดยตำรากฎหมายตั๋วเงินดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์หลายครั้ง เนื้อหาอธิบายความเป็นมาของหลักกฎหมาย และชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการของหลักกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นควบคู่ไปกับสังคม[35]


ปก ‘ตำราอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบัญชีเดินสะพัดและตั๋วเงิน’ ภาพจากหอสมุดรัฐสภา


นอกจากนี้ จิตติยังเขียนตำรา ‘กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย’ โดยเริ่มเขียนและพิมพ์ใช้ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเนื้อหามาจากการเปรียบเทียบกับเนื้อหาตำราต่างประเทศและคำบรรยายของอาจารย์คนก่อนๆ ตลอดจนคำพิพากษาฎีกา[36]  ซึ่งปัจจุบันตำราเล่มนี้ยังคงได้รับการยอมรับนับถือเป็นหนึ่งในตำราเรียนหลักทางกฎหมายประกันภัยในวงการกฎหมายอยู่ โดยมีสิทธิโชค ศรีเจริญ รับเป็นผู้ปรับปรุง ซึ่งผู้ปรับปรุงปรารภว่าอ่านทบทวนหนังสือเล่มนี้หลายครั้ง ก็ยังหาข้อปรับปรุงยากที่สุด เพราะทุกถ้อยคำที่จิตติเขียนไว้เป็นอมตะวิชาการ หาข้อแก้ไขเพิ่มเติมได้ยาก[37]


ตำรา ‘กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย’ ฉบับปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมโดยสิทธิโชค ศรีเจริญ (ภาพจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์วิญญูชน)


อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาพบว่าตำราตั๋วเงินและประกันภัยของจิตติเคยถูกรวมเป็นเล่มเดียวกัน ในชื่อ ‘คำอธิบายกฎหมายบัญชีเดินสะพัด ตั๋วเงินและประกันภัย’ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ.2495 ในตำราเล่มนี้ จิตติได้แนะนำแนวทางการศึกษากฎหมายไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้[38]

“ในการศึกษากฎหมายนั้น ขอเตือนว่าเราต้องการความรู้กฎหมาย ไม่ใช่ต้องการรู้คำสอนที่ผู้สอนหรือผู้เรียบเรียงตำราได้เขียนไว้ ทั้งนี้เพราะเรามีประมวลกฎหมายตราไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว การศึกษาหาความรู้ในกฎหมายเรื่องต่างๆ ที่มีประมวลไว้ก็ดี การนำกฎหมายออกใช้ปรับกรณีต่างๆ ก็ดี จะต้องอาศัยตัวบทกฎหมายเป็นเครื่องอ้างอิง ไม่ใช่เพียงแต่เข้าใจหรือจำคำสอนหรือตำราต่างๆ ก็พอ คำสอนหรือตำรานั้นเป็นเพียงเครื่องมือให้อาศัยทำความเข้าใจในความหมายของตัวบทมาตราต่างๆ ให้เข้าใจว่าที่มาตรานั้นบัญญัติไว้เช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร มีมูลเหตุมาอย่างไร เกี่ยวข้องกับบทมาตราอื่นอย่างไร

ฉะนั้น ในการศึกษาจึงต้องใช้ตัวบทเป็นหลัก…จะจำแต่เพียงคำสอนว่าอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าตัวบทกฎหมายจริงๆ ว่าอย่างไรนั้น ไม่ใช่การเรียนรู้กฎหมายที่ถูกต้อง นักศึกษาต้องพยายามเรียนจนสามารถอ้างได้ว่าหลักต่างๆ ที่ปรากฏในมาตราหรือคำสอนนั้นเป็นหลักมาจากตัวบทกฎหมายใด มาตราใดหมายความว่าอย่างไร มีความหมายอย่างไร เกี่ยวข้องกับมาตราอื่นๆ อย่างไรจึงจะใช้ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจำเลขมาตราได้ เพียงแต่ให้อ้างใจความของบทมาตรา และรู้ว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งสามารถหยิบยกขึ้นอ้างอิงให้เห็นได้เมื่อต้องการ จึงจะนับว่าใช้การได้…”

พ้นไปจากตำรากฎหมายแพ่งข้างต้นทั้งสองเรื่อง ยังมีอีกเล่มหนึ่งที่ได้รับการยกย่องนับถือ คือ ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 มาตรา 354 ถึงมาตรา 452’ ซึ่งมาจากการที่เนติบัณฑิตยสภาประสงค์ให้มีการเขียนคำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของพระยาเทพวิทุรพหุลศรุตาบดี (บุญช่วย วณิกกุล) ที่ท่านอธิบายค้างไว้ถึงมาตรา 240 จึงมอบหมายให้ ยล ธีรกุล เขียนอธิบายมาตรา 241-353[39] และจิตติเขียนในส่วนที่เหลือ

ในส่วนคำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 มาตรา 354 ถึงมาตรา 452 นั้น มีผู้ยกย่องว่าเป็นตำราที่อ่านเข้าใจง่าย เพราะมีอุทาหรณ์ประกอบคำอธิบายทุกมาตรา และในตอนท้ายของแต่ละมาตรายังอ้างที่มาของกฎหมายแต่ละมาตราจากกฎหมายต่างประเทศ ทั้งยังเป็นตำรากฎหมายเล่มแรกๆ ที่อ้างอิงในรูปของเชิงอรรถถึงกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง[40] โดยจะกินความไปถึงบ่อเกิดแห่งหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่ สัญญา จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ และละเมิด

ต่อมา กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้แบ่งตำราดังกล่าวออกเป็น 2 เล่ม คือ ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรียงมาตรา ว่าด้วยสัญญา บรรพ 2 มาตรา 354-394’ และ ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรียงมาตรา ว่าด้วย จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ ละเมิด บรรพ 2 มาตรา 395-452’


ตำรา ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรียงมาตรา’ ส่วนที่เขียนโดยจิตติ ติงศภัทิย์ ที่ปัจจุบันมีผู้ทรงคุณวุฒิในชั้นหลังรับเป็นผู้ปรับปรุง (ภาพจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์วิญญูชน)


ตำรากฎหมายอีกเล่มหนึ่งที่จิตติเขียนคือ ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบุคคล’ เพื่อใช้ประกอบการบรรยายวิชากฎหมายแพ่งทั่วไปเฉพาะส่วนที่ว่าด้วยบุคคลในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใน พ.ศ.2516 โดยมีลักษณะเป็นคำอธิบายโดยสังเขป[41]


ปก ‘คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบุคคล’

อีกเล่มที่สำคัญ คือ ‘หลักวิชาชีพนักกฎหมาย’ เพื่อใช้ประกอบในวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย อันเป็นวิชาที่จิตติเสนอให้บรรจุเป็นวิชาบังคับในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2514 โดยมีการบรรยายครั้งแรกใน พ.ศ.2517

มูลเหตุในการก่อตั้งวิชาดังกล่าวเกิดจากความเป็นห่วงว่าจริยธรรมของนักกฎหมายไทยเสื่อมลงไปมาก และจิตติเล็งเห็นความสำคัญในการอบรมจริยธรรมนักกฎหมาย[42] เพราะมองว่าบรรดาวิชาชีพทั้งหลายจำเป็นต้องมีการศึกษาอบรมที่พัฒนาจิตใจ อุดมคติ และมรรยาทในการประกอบวิชาชีพ เนื่องจากวิชาชีพมีลักษณะเป็นการผูกขาด ทำได้เฉพาะบุคคลที่ได้ศึกษาอบรมโดยเฉพาะ จึงต้องมีการควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพไม่ให้หาผลประโยชน์จากการผูกขาดจนเป็นที่เสียหายแก่ประชาชน ถ้าผู้ประกอบวิชาชีพมีมรรยาทและอุดมคติ มีจิตรับใช้ประชาชนตามที่ควรจะมี ก็จะเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่รัฐและประชาราษฎร์โดยทั่วไป[44]

จิตติได้นิยามวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมายไว้ว่า เป็นการศึกษาว่าการงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายหรือนักกฎหมายคืออะไร นักกฎหมายควรมีอุดมคติอย่างไร ควรมีหลักธรรมในการปฏิบัติงานอย่างไร[45] โดยเนื้อหาตำราดังกล่าว ท่านผู้เขียนเก็บมาจากคำพิพากษาของศาล การปฏิบัติ คำบรรยายของผู้อาวุโสในวงการกฎหมายที่ได้บำเพ็ญตนเป็นแบบฉบับแก่นักกฎหมายในชั้นหลังประกอบกับตำรากฎหมายต่างประเทศ[46] กรณีย่อมชี้ให้เห็นถึงความพยายามอบรมจริยธรรมของผู้ศึกษากฎหมายในสมัยนั้นได้พอสมควร ยิ่งไปกว่านั้น จิตติยังเป็นผู้สอนวิชานี้คนแรกและสอนเรื่อยมาตลอดชีวิต เพราะท่านเป็นปูชนียบุคคล ผู้ดีพร้อมทั้งด้านความรู้และด้านจริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีของนักกฎหมายและบุคคลทั่วไปได้[43]


ปก ‘หลักวิชาชีพนักกฎหมาย’ (ภาพจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์วิญญูชน)


หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา


นอกเหนือจากตำรากฎหมาย งานเขียนอีกประเภทหนึ่งของจิตติ ติงศภัทิย์ คือ ‘หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา’ มีลักษณะเป็นการเขียนวิเคราะห์วิจารณ์คำพิพากษาศาลฎีกา ดังที่กล่าวไปว่าจิตติเป็นคนรักการอ่านและเขียนหนังสือมาทั้งชีวิต ท่านเข้าใจดีว่าการเป็นครูกฎหมายที่ดีต้องอ่านและค้นคว้าหาความรู้ตลอดเวลา จะทิ้งตำรากฎหมายมิได้ และเมื่ออ่านแล้ว ต้องเขียนแสดงความรู้ความเข้าใจที่ดีออกมาด้วย

ท่านนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ฝึกหัดอาจารย์ประจำบรรจุใหม่ในยุคที่ท่านเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในรูปของโครงการย่อคำพิพากษาศาลฎีกาที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้อาจารย์ใหม่ได้ฝึกฝนทักษะในการทำความเข้าใจและวิจารณ์คำพิพากษาของศาล[47]

นอกจากนี้ จิตติยังเป็นบรรณาธิการ ‘คำพิพากษาศาลฎีกา’ ของเนติบัณฑิตยสภา และได้เขียนหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาจำนวนมาก กล่าวกันว่าตอนท่านถึงแก่อสัญกรรมใหม่ๆ เคยมีผู้พยายามรวบรวมเอกสารทั้งหมดมาไว้ ณ ที่เดียว เฉพาะหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยังไม่จัดพิมพ์รวมกันก็เป็นตั้งเป็นกองสูงเหนือเข่าแล้ว[48]

หมายเหตุท้ายคำพิพากษาของจิตติ ติงศภัทิย์ เป็นที่ยอมรับกันว่าทรงคุณค่าและทรงพลังทางวิชาการอย่างยิ่ง โดยมาก ข้อคิดเห็นของท่านมีทั้งโต้แย้งและอธิบายแนวคำพิพากษาศาลฎีกา จึงเป็นแบบอย่างของนักวิชาการที่ใช้หลักวิชาชี้แนะหรือคัดค้านความเห็นต่อคำพิพากษาที่ตนเห็นว่าไม่ถูกต้องด้วยความเด็ดเดี่ยว

ทั้งนี้ ท่านได้ปรารภถึงความสำคัญของการบันทึกหมายเหตุคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ดังนี้[49]

“การพิพากษาของศาลย่อมมีขอบเขตจำกัดตามประเด็นและเหตุผลเฉพาะคดี แต่ความเห็นของนักนิติศาสตร์ย่อมเป็นไปตามหลักทางทฤษฎีโดยทั่วไป เหตุนี้…จึงเป็นที่เข้าใจกันดีว่า ความเห็นของศาลกับความเห็นของนักนิติศาสตร์จึงอาจไม่ตรงกัน มิใช่ตรงกันหมดทุกข้อทุกประการ

บันทึกหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นแต่เพียงความเห็นที่แสดงหลักฐานกฎหมายในเรื่องที่มีคำพิพากษาออกมานั้น ในแง่ของหลักกฎหมายทั่วไปที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนั้น อันอาจมีปัญหาเกิดขึ้นในภายหน้าเพื่อเป็นข้อคิดและความเข้าใจกฎหมายในเรื่องนั้นๆ โดยกว้างขวาง ไม่จำกัดเฉพาะคดีที่เกิดขึ้นแล้วนั้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและความเข้าใจกฎหมายให้ชัดแจ้งในแง่มุมต่างๆ เท่านั้น…”

ในเวลาต่อมา หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาของจิตติได้รับการรวบรวมโดยนักวิชาการชั้นหลัง และแบ่งตามหมวดหมู่ประเภทแห่งกฎหมาย เช่น หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับกฎหมายอาญา รวบรวมโดยเกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ และทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับกฎหมายครอบครัว และมรดก รวบรวมโดยไพโรจน์ กัมพูสิริ, หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับกฎหมายลักษณะละเมิด รวบรวมโดยเขมภูมิ ภูมิถาวร, หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับกฎหมายลักษณะพยาน รวบรวมโดยสมชาย รัตนซื่อสกุล เป็นอาทิ

นอกจากนี้ หมายเหตุท้ายคำพิพากษาของจิตติยังถูกนำไปรวบรวมกับผลงานอื่นของจิตติด้วย ในชื่อ ‘รวมผลงานทางวิชาการของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์’ จัดพิมพ์โดยสำนักงานศาลยุติธรรม เล่ม 1 เป็นรวมบทความ เล่ม 2 เป็นส่วนของหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา หรือ ‘ข้อสังเกตในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและการเขียนคำพิพากษา’ ซึ่งมีที่มาจากการบรรยายอบรมผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่นที่ 10[50] และปรากฏว่ามีการรวบรวมหมายเหตุท้ายคำพิพากษาของจิตติที่เกี่ยวกับกฎหมายลักษณะพยานบางส่วนไว้ด้วย


งานของจิตติ ติงศภัทิย์ที่มีการรวบรวมโดยนักวิชาการและศาลในยุคหลัง


ส่งท้าย


จะเห็นว่า จิตติ ติงศภทิย์ เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องอย่างมากในวงการกฎหมาย ทั้งในแง่ของความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการดำรงตนบนเส้นทางวิชาชีพ ทั้งในทางวิชาการ ที่ถือว่าท่านเป็นผู้รู้ เป็นแบบอย่างด้านการศึกษาค้นคว้าตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นครูกฎหมายที่ถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ศิษยานุศิษย์อย่างเต็มที่

ปัจจุบัน ความเห็นทางวิชาการของจิตติยังถูกอ้างถึงในวงวิชาการเรื่อยมา จนมีคำกล่าวว่าความเห็นทางกฎหมายของท่านนั้น ถือเป็น ‘เจ้าตำรับให้อ้างอิง’ (authority) ในวงการกฎหมาย เมื่อมีประเด็นทางกฎหมายเป็นที่ถกเถียง หากยกความเห็นทางกฎหมายของจิตติมาเสริม ก็มักจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือเสมอ[51] เช่นนี้ อาจไม่เกินเลยที่เราอาจจะกล่าวได้ว่าคำสอนของจิตติ ติงศภัทิย์ มิว่าจะเป็นคำสอนเชิงวิชาการหรือคำสอนเชิงจริยธรรมวิชาชีพ ยังเป็นที่ ‘ตราตรึงจิต’ ในวงการกฎหมายถึงทุกวันนี



[1] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 (โรงพิมพ์เดือนตุลา 2540) น.17.

[2] เพิ่งอ้าง น.168.

[3] เพิ่งอ้าง น.156.

[4] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ (ม.ป.ท. 2548) น.22..

[5] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.157.

[6] เพิ่งอ้าง น.18.

[7] สุนทรียา เหมือนพะวงศ์, บรรณาธิการ, นิติศาสตร์เสวนา เรื่อง คุณค่าบรรพตุลาการ (สำนักงานศาลยุติธรรม สถาบันวิจัยรพีพัฒนศักดิ์ 2551) น.173.

[8] สนทนากับท่านศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ใน ปรีชา สุวรรณทัตและคณะ, รพี’ 34 (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2534) น.17.

[9] เพิ่งอ้าง

[10] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.131-132.

[11] เพิ่งอ้าง น.148.

[12] สุนทรียา เหมือนพะวงศ์, บรรณาธิการ, นิติศาสตร์เสวนา เรื่อง คุณค่าบรรพตุลาการ น.179

[13] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.34

[14] ‘การอภิปรายเรื่องปรีดี พนมยงค์: ชีวิต และผลงาน’ (สถาบันปรีดี พนมยงค์, 6 พฤษภาคม 2567) <https://pridi.or.th/th/content/2024/05/1948> สืบค้นวันที่ 30 มกราคม 2568.

[15] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.19.

[16] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.140.

[17] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.51.

[18] “พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งองคมนตรี (นายจิตติ ติงศภัทิย์ หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช)” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 101 ตอนที่ 28 (5 มีนาคม 2527) น.1.

[19] “ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งศาสตราจารย์ประจำและศาสตราจารย์พิเศษ” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 78 ตอนที่ 87 (24 ตุลาคม 2504) น.2175

[20] “คำสั่งกองบัญชาการคณะปฏิวัติ ที่ 262/2515 เรื่อง แต่งตั้งศาสตราจารย์พิเศษ” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 89 ตอนที่ 108 (17 กรกฎาคม 2515) น.1.

[21] มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2514 (โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2515) น.(19)-(20).

[22] จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2513 วันพฤหัสบดีที่ 15 และวันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2514 (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2514) น. (17)-(19))

[23] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.34.

[24] เพิ่งอ้างน.38.

[25] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.109.

[26] “รายการทางแห่งความก้าวหน้า” ใน รพีสาร ฉบับพิเศษ รำลึกคุณครู อาจารย์จิตติ ปรมาจารย์กฎหมายไทย (ม.ป.ท. ม.ป.ป.) น.11-12.”

[27] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.84

[28] เพิ่งอ้าง น.83

[29] เพิ่งอ้าง น.30.

[30] รพีสาร ฉบับพิเศษ รำลึกคุณครู อาจารย์จิตติ ปรมาจารย์กฎหมายไทย (ม.ป.ท. ม.ป.ป.) น.74-75.

[31] จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2513 วันพฤหัสบดีที่ 15 และวันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2514 น.(18).

[32] “รายการทางแห่งความก้าวหน้า” น.12.

[33] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.103.

[34] เพิ่งอ้าง น.83.

[35] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.99-100.

[36] คำนำ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 9 ใน จิตติ ติงศภัทิย์, สิทธิโชค ศรีเจริญ ปรับปรุง, กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยประกันภัย (พิมพ์ครั้งที่ 15, วิญญูชน 2563) น.7.

[37] เพิ่งอ้าง น.5.

[38] จิตติ ติงศภัทิย์, คำอธิบายกฎหมายบัญชีเดินสะพัด ตั๋วเงินและประกันภัย (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2495) น.2-3.

[39] คำนำ เลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา ในจิตติ ติงศภัทิย์, คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 มาตรา 354 ถึงมาตรา 452 (พิมพ์ครั้งที่ 4, โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2523).

[40] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.85.

[41] คำนำ ใน จิตติ ติงศภัทิย์, กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยบุคคล (พิมพ์ครั้งที่ 7, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2530).

[42] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.66

[43] เพิ่งอ้าง น.68.

[44] คำนำ ใน จิตติ ติงศภัทิย์, หลักวิชาชีพนักกฎหมาย (พิมพ์ครั้งที่ 15, วิญญูชน 2566) น.3.

[45] จิตติ ติงศภัทิย์, หลักวิชาชีพนักกฎหมาย น.15.

[46] เพิ่งอ้าง น.3.

[47] กองทุนศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์, ชีวิตและงานของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ น.9.

[48] เพิ่งอ้าง น.104.

[49] คำปรารภเกี่ยวกับหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ใน จิตติ ติงศภัทิย์, เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ และทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ รวบรวม, รวมหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกา กฎหมายอาญา ของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ (พิมพ์ครั้งที่ 4, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2540).

[50] คำนำของไพโรจน์ วายุภาพ ใน จิตติ ติงศภัทิย์, ข้อสังเกตในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและการเขียนคำพิพากษา (พิมพ์ครั้งที่ 9, วิญญูชน 2567).

[51] ที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พุทธศักราช 2540 น.97.

MOST READ

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save