GRAND TOUR ปณิธานตามรอยผัว ทั่วเอเชียบูรพาอาคเนย์

ออกจะแปลกใจอยู่เล็กน้อย เมื่อหนังโปรตุเกสเรื่อง Grand Tour (2024) ของ มิเกล โกเมซ (Miguel Gomes) ฉายห้อยท้ายเทศกาล World Film Festival of Bangkok ครั้งที่ 16 ในฐานะหนังปิด และเมื่อหนังมีโอกาสได้ออกฉายโรงอย่างจำกัดด้วยจำนวนรอบอันน้อยนิด ไม่ยักจะเห็นมีใครมาจับผิดโวยวายถึงรายละเอียดอิงประวัติศาสตร์ของหนัง โดยเฉพาะส่วนที่มาตั้งกองถ่ายในประเทศไทย มันหาได้มีความถูกต้องหรือได้รับการรับรองทางวิชาการ ในหนังที่ตั้งใจจะเดินทางผ่านหลากหลายประเทศในแถบแดนเอเชียบูรพาอาคเนย์เรื่องนี้เลยสักคน!

ฤๅประชาชนจะตระหนักรู้ว่าผู้กำกับมิเกล โกเมซ ทำหนังเรื่องนี้ออกมาด้วยความสนุกซุกซน รู้ตัวว่าไม่ใช่คนคลั่งประวัติศาสตร์ และคงไม่อาจทำทุกอย่างให้ถูกต้องในการย้อนมองอดีตได้ เขาจึงสร้าง Grand Tour ให้กลายเป็นงาน ‘หัสนิราศ’ เล่าเรื่องราวขำขันของสตรีที่ขาดบุรุษคนรักข้างกายไม่ได้ และต้องหน้าระรื่นยิ้มละไมออกตามหาว่าที่ ‘ผัว’ ที่หายตัวไป ณ ดินแดนอันกว้างใหญ่ในเอเชียบูรพาอาคเนย์!

มิเกล โกเมซหยิบยืมเอาเรื่องราวการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลในประเทศแถบเอเชียตะวันออกของ วิลเลียม ซอเมอร์เซ็ท มอห์ม (W. Somerset Maugham) จากหนังสือสารคดี The Gentleman in the Parlour: A Record of a Journey from Rangoon to Haiphong (1930) มาทดลองเล่าด้วยกลวิธีที่ออกจะประหลาดพิสดาร เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครหนุ่มอังกฤษนาม เอ็ดวาร์ด ที่ย้ายมาทำงานที่มัณฑะเลย์ในพม่า ณ ช่วงปี 1918 ใช้ชีวิตแวดล้อมไปด้วยชนท้องถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขามีคู่หมั้นคู่หมายเป็นสตรีชาวอังกฤษนาม มอลลี ทั้งคู่ไม่ได้พบเจอกันมานานถึงเจ็ดปี จนฝ่ายสตรีอดรนทนไม่ไหว ส่งโทรเลข ‘ตะแล้ปแก็ป’ จากอังกฤษมาบอกฝ่ายชายว่าเธอได้ลงเรือเดินทางมาหายังประเทศพม่าแล้วนะ! พ่อเอ็ดวาร์ดของเราเห็นข้อความแล้วถึงกับผงะ เพราะเขาเองยังรักอิสระไม่อยากจะมีพันธะรัดรึงตรึงหัวใจ จึงนั่งเรือเพื่อออกท่องทางไกลไปยัง สิงคโปร์-สยาม-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่น-จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ยอมให้มอลลีตามตัวเขาได้ โดยระหว่างทางก็จะมีผู้บรรยายในภาษาท้องถิ่นมาคอยให้ข้อมูลว่า เอ็ดวาร์ดได้พบเจออะไรในแต่ละพื้นที่ ใช้ภาพขาวดำสลับสีถ่ายทอดภาพชีวิตการเดินทางของตัวละคร ซึ่งหลายๆ ตอนก็เซ็ตฉากถ่ายทำกันในสตูดิโอแบบง่ายๆ คล้ายกับหนังฟิลิปปินส์เรื่อง Independencia (2009) ของ รายา มาร์ติน (Raya Martin) ไม่ต้องเดินทางมาถึงถิ่นที่ แล้วมอบหมายให้ตากล้องฝีมือดีสองนายคือ สยมภู มุกดีพร้อม และ เกา เหลียง (Guo Liang) เก็บภาพและเสียงจากท้องถนนและชลธาร รวมถึงพาหนะยวดยานต่างๆ จากแต่ละประเทศในยุคสมัยปัจจุบัน มาคอยสลับคั่น คล้ายจะแอบเย้ยหยันอยู่ในทีว่า สภาพบ้านเมืองในเอเชียจากยุคนี้สมัยนี้ มันก็แทบไม่มีอะไรต่างไปจากเมื่อ 2024 – 1918 = 106 ปีที่แล้วสักเท่าไหร่หรอกนะ! ถึงจะเอาซีนมาลองต่อกันมันก็หาได้ดูกระโดดแต่อย่างใด นับเป็นความตื่นตาตื่นใจในสายตาของชาวตะวันตกนักล่ะ!

ทว่าทั้งหมดที่เล่ามามันเป็นเพียงเนื้อหาแค่ครึ่งแรกของหนังเท่านั้น! หลังการดั้นด้นผจญภัยของเอ็ดวาร์ดจบลงไป หนังก็เริ่มพาทัวร์รอบใหม่ โดยในคราวนี้จะหันมาส่องที่มุมมองของฝ่ายมอลลีดูบ้าง เมื่อตารางการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของเธอ คลาดกับเอ็ดวาร์ดไปเพียงแค่ช่วงเสี้ยวเส้นยาแดงอยู่เสมอ โดยคนดูก็จะได้เห็นทุกสิ่งที่มอลลีพบเจอ กับปณิธานเสนอตัวเองเป็นภริยาทันทีที่เธอสามารถตามตัวเอ็ดวาร์ดได้ทัน!

ไม่ขอสปอล์ยก็แล้วกันว่า สุดท้ายแล้วมอลลีจะพบเจอว่าที่สามีของเธอหรือไม่ แต่การเดินทางไกลถึงสองรอบสองคำรบใน Grand Tour มีน้ำเสียงยียวนแบบงานตลกชวนหัว ทำให้เรื่องราวของผู้หญิงที่วิ่งตามรอย ‘ผัว’ กลายเป็นมุกยั่วเย้าที่ไม่ควรไปถือสาเอาจริงเอาจัง เชื่อหรือไม่ว่าดาราดังที่มารับบทเป็นมอลลีและเอ็ดวาร์ดคือ คริสตา อัลไฟเอต (Crista Alfaiate) และ กอนซาโล แวดดิงตัน (Gonçalo Waddington)  ทั้งสองเป็นชาวโปรตุเกสเหมือนผู้กำกับโกเมซ ทว่า เมื่อมารับบทบาทเป็นตัวละครจากประเทศอังกฤษ โกเมซก็ไม่ยอมให้พวกเขาดัดจริต speak English เลยแม้สักคำ! สะดวกชำนาญภาษาไหนให้พูดภาษานั้น ตัวละครทั้งเอ็ดวาร์ด, มอลลีและเหล่าวิลาศคนอื่นๆ จึงพร้อมใจกันพูดภาษาโปรตุเกสกันลื่นไหล เหมือนเราอยู่ในโลกคู่ขนานที่โปรตุเกสกลายเป็นเจ้าอาณานิคมแทนอังกฤษ ภาษาโปรตุเกส จึงกลายเป็น lingua franca ติดปากแบบสากล แทบทุกคนในหนังจึงพูดจาภาษานี้ได้พรั่งพรู! เห็นแบบนี้ก็รู้ในทันทีว่าผู้กำกับเขาโอบรับสิทธิบัตรแห่ง ‘กวียานุโลม’ หรือ poetic licence เป็นจริงเป็นจังขนาดไหน จึงทำทุกอย่างได้ตามใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความสมจริงใดๆ ให้วุ่นวาย

ทุก ‘ความปลอม’ ในหนังจึงกลายเป็นความจงใจจนป่วยการที่จะไปถือสาหาความอะไรกับหนังเรื่องนี้ ยิ่งพี่น้องชาวไทยถ้าใครมีโอกาสได้ดูก็คงรู้สึกได้ทันทีว่าช่วงที่หนังถ่ายที่สตูดิโอ ตัวละครที่ผู้กำกับมโนว่าเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็น เจ้าฟ้าชายสมัยรัชกาลที่ 6 ที่ทรงถกตรัสด้วยความถนัดเป็นภาษาโปรตุเกส และ มัคคุเทศก์ ‘อุมา’ กับศรีภรรยาทั้งสาม ซึ่งได้เห็นแล้วอยากยกมือถามว่าตรงไหนที่เป็นคนไทย รบกวนให้เอาปากกามาวง! แล้วที่จงใจไปถ่ายทำถนนราชดำเนินในยุครัชกาลปัจจุบัน แล้วติ๊ต่างว่ามันคือสยามในช่วง พ.ศ. 2461 เห็นแล้วเหมือนโดนด่าเช็ดว่าผ่านไปร้อยกว่าปี ‘สยาม’ ไม่มีการพัฒนาใดๆ ดูแล้วงงในงงมากว่า คนไทยอย่างคุณสยมภู มุกดีพร้อม อุตส่าห์ยอมไปช่วยถ่ายภาพให้ จะไม่มาสะกิดถามเสียหน่อยหรือว่าอะไรคือใช่อะไรคือไม่ใช่ จนชวนให้สงสัยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ มันก็คงดูปลอมๆ ฝืนๆ เครือๆ กัน!

ฉะนั้นจะไม่บ่นอีกแล้วว่า ภาษาไทยที่มอบหมายให้คุณ Mod Kamonpan ช่วยอ่านออกเสียงให้ เธอใช้กูเกิลแปลมาใช่ไหม สำนวนมันเลยฟังดู เอ๊ะ! ยังไงแน่ เพราะจะมีใครที่ไหน เขาใช้ภาษาแบบ “องคชาติแข็งตัวอย่างรุนแรง” (เขามีแต่แข็งแบบผงาดชูชัน)  นั่น “สหายผู้แสนโหวกเหวก” หรือ ยกเมฆเรียก “เรือประมง” ให้เป็น “เรือตกปลา” ทั้งที่มองหาแล้วก็ไม่เจอเบ็ดเลยสักคัน! ก็มันเป็นงานโชว์เปลือกที่เลือกจะไม่จริงจังกับอะไรนี่นะ ทุกความสะเหล่อเด๋อด๋าจึงสำแดงตัวออกมาว่าเป็นความน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนเด็กน้อยที่ไม่ค่อยจะรู้เดียงสา แต่สามารถเล่าโม้จินตนาการของตนออกมาได้อย่างเป็นวรรคเป็นเวร!

Grand Tour ของโกเมซจึงเหมือนจะเป็นมุกตลกแก๊กใหญ่ที่ดันใช้เวลาเล่าถึง 129 นาที ที่ใครที่ถูกเส้นเห็นอารมณ์ขันในมุกเหล่านี้ ก็คงต้องขอแสดงความยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจในความสนุกสำราญที่คุณจะได้รับ แต่กับคนที่มองว่ามันคือ ‘มุกแป้ก’ แหกกันตั้งแต่เหยียบประเทศแรก Grand Tour ก็จะกลายเป็นหนังของดาวตลกหน้าแตกหากยังแบกหน้าว่าตามบทต่อไป ก็หนังมันขี้เล่นเสียจนไม่เห็นจะวนมาสนใจเลยว่าลึกๆ แล้วตัวละครทั้งคู่กำลังรู้สึกอะไร แล้วใครจะไปสงสารเห็นใจในสิ่งที่ให้ใครดูก็รู้ว่ามันคือมารยาทางการแสดงที่แต่งแต้มไว้ด้วยความประดิษฐ์อันจอมปลอม!

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

26 Mar 2021

ผี เรื่องผี อดีต ความทรงจำและการหลอกหลอนในโรงเรียนผีดุ

เมื่อเรื่องผีๆ ไม่ได้มีแค่ความสยอง! อาทิตย์ ศรีจันทร์ วิเคราะห์พลวัตของเรื่องผีในสังคมไทย ผ่านเรื่องสั้นใน ‘โรงเรียนผีดุ’ วรรณกรรมสยองขวัญเล่มใหม่ของ นทธี ศศิวิมล

อาทิตย์ ศรีจันทร์

26 Mar 2021

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save