“อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ใกล้เดดไลน์อย่าลืมเปลี่ยนตัวนักเตะจัดทีมล่ะ” คือประโยคคุ้นหูของใครหลายคนในช่วงสุดสัปดาห์ หากคุณอยู่ในกลุ่มที่เล่น ‘ฟุตบอลแฟนตาซี’ (Fantasy Football)
ในยุคที่โลกออนไลน์เชื่อมโยงทุกสิ่ง การเชียร์ฟุตบอลไม่ได้หยุดอยู่แค่ในสนาม แต่ขยายออกไปสู่โลกดิจิทัลผ่านเกมที่เปิดโอกาสให้แฟนบอลสร้างทีมในฝัน แข่งขันกับเพื่อนฝูงหรือผู้คนจากทั่วโลกที่หลายคนเรียกว่า ‘ฟุตบอลแฟนตาซี’ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในหมู่คอบอลทั้งไทยและต่างประเทศ
หนึ่งในรูปแบบยอดนิยมคือการ ‘เปิดมินิลีก’ ที่ผู้เล่นสามารถแข่งขันกันภายในกลุ่มเพื่อน หลายครั้งการแข่งขันเหล่านี้มักถูกเพิ่มสีสันด้วย ‘การติดปลายนวม’ หรือ ‘การเดิมพันเล็กๆ’ ด้วยเงิน แต่เมื่อเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คำถามสำคัญก็เกิดขึ้น ฟุตบอลแฟนตาซีเป็นเพียงเกมเพื่อความบันเทิงหรือกำลังจะกลายเป็นการพนันรูปแบบใหม่? – เส้นแบ่งบางๆ นี้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมถกเถียงกัน
ในหลายประเทศ การตีความกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกีฬาแฟนตาซีไม่เหมือนกัน บางแห่งมองว่าเป็นเกมแห่งทักษะที่ถูกกฎหมาย ขณะที่บางแห่งจัดให้อยู่ในหมวดการพนันที่ต้องควบคุม ซึ่งไม่เพียงสะท้อนท่าทีของรัฐต่อความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ยังสะท้อนความไม่ชัดเจนของเส้นแบ่งระหว่างเกมและการพนันในโลกดิจิทัล
วันโอวันชวนสำรวจโลก ‘ฟุตบอลแฟนตาซี’ ผ่านมุมมองนักวิชาการและผู้เล่นตัวจริง เพื่อทำความเข้าใจทั้งความสนุก ความสัมพันธ์ในชุมชนแฟนบอล ไปจนถึงคำถามใหญ่ที่สังคมกำลังหาคำตอบว่า ฟุตบอลแฟนตาซีคือเกมเชิงกลยุทธ์หรือเป็นการพนันในคราบใหม่กันแน่?
ฟุตบอลแฟนตาซีคืออะไร?

หนึ่งในนักวิจัยของงานวิจัยเรื่อง ฟุตบอลแฟนตาซี: ฤาการพนันอุบัติใหม่ในสังคมไทย?
‘กีฬาแฟนตาซี’ (Fantasy Sports) คือแพลตฟอร์มหรือเกมวางแผนรูปแบบหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมกีฬาสามารถจัดทีมในจินตนาการภายใต้งบประมาณที่จำกัด เพื่อแข่งขันกับเพื่อนหรือผู้เล่นคนอื่น ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ข้อมูลสถิติจากผลการแข่งขันจริงมาเป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะ
คำนิยามข้างต้นเป็นคำนิยามที่ คุณวุฒิ บุญฤกษ์ หนึ่งในนักวิจัยของงานวิจัยเรื่อง ฟุตบอลแฟนตาซี: ฤาการพนันอุบัติใหม่ในสังคมไทย? ใช้อธิบายความหมายของกีฬาแฟนตาซี
แม้หลายคนอาจคุ้นเคยกับกีฬาแฟนตาซีผ่าน ‘ฟุตบอลแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ’ (Fantasy Premier League: FPL) แต่แท้จริงแล้วต้นกำเนิดของเกมแฟนตาซีไม่ได้เริ่มจากฟุตบอล หากย้อนกลับไปช่วงต้นทศวรรษ 1960 จุดเริ่มต้นมาจากกีฬา ‘เบสบอล’ โดยผู้บุกเบิกไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการกีฬา แต่กีฬาแฟนตาซีกลับเริ่มต้นจากนักสังคมวิทยาชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า William Anthony Gamson
ในขณะนั้นเขาทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยด้านจิตวิทยาสังคมที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้วยความหลงใหลในกีฬาเบสบอล เขาจึงสร้างเกมชื่อว่า ‘Baseball Seminar’ ที่กำหนดงบประมาณ 100,000 ดอลลาร์ฯ ให้ผู้เล่นเลือกนักกีฬาที่ต้องการเข้าทีม แล้วนำสถิติจากการแข่งขันจริงมาคำนวณคะแนน จนกระทั่งในเวลาต่อมาเกมลักษณะนี้ได้รับการพัฒนาจนมีระบบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และแพร่หลายไปยังกีฬาชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นอเมริกันฟุตบอล บาสเกตบอล หรือฮอกกี้น้ำแข็ง จึงอาจกล่าวได้ว่ากีฬาแฟนตาซีมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าที่หลายคนคาดคิด แม้ในระยะแรกจะยังไม่ได้พัฒนาเป็นระบบชัดเจนอย่างในปัจจุบันก็ตาม

สำหรับ ‘แฟนตาซีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ’ (Fantasy Premier League: FPL) ผู้เล่นจะต้องจัดทีมฟุตบอลจำนวน 15 คน ประกอบด้วยผู้รักษาประตู 2 คน กองหลัง 5 คน กองกลาง 5 คน และกองหน้า 3 คน ในแต่ละสัปดาห์แข่งขัน (matchweek) ผู้เล่นสามารถเลือกนักเตะเป็นตัวจริงได้ 11 คน ซึ่งคะแนนจะอ้างอิงจากผลงานจริงของนักเตะในแต่ละนัดมานับเป็น ‘คะแนนของทีม’ กล่าวคือหากนักเตะทำผลงานได้ดี ผู้เล่นก็จะได้คะแนนมากขึ้น อย่างไรก็ตามการจัดทีมต้องอยู่ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ทำให้หลายครั้งทีมไม่ได้เต็มไปด้วยนักเตะที่ชื่นชอบหรือชื่อดังเสมอไป แต่อาจเป็นผู้เล่นที่คาดว่าจะทำผลงานได้ดีในราคาที่เหมาะสมแทน
ในมุมของการให้คะแนนมีการกำหนดวิธีการให้คะแนนที่แตกต่างกัน หากยึดจาก FPL จะเห็นว่าระบบคะแนนถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนผลงานจริงของนักเตะในสนาม โดยการคำนวณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ผู้เล่นกระทำในเกม ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของตำแหน่งนั้นๆ เช่น ผู้เล่นเกมรับจะได้คะแนนจากการไม่เสียประตูหรือสกัดบอล ส่วนผู้เล่นเกมรุกจะได้คะแนนจากการทำประตูหรือแอสซิสต์
หากอ้างอิงระบบการให้คะแนนจากวิดีโอของ Premier League ที่อธิบายโดย วิศรุต สินพงศพร แอดมินผู้ก่อตั้งเพจ ‘วิเคราะห์บอลจริงจัง’ จะพบว่าแต่ละตำแหน่งในสนามมีหลักการให้คะแนนเฉพาะตัว ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1.การทำแต้มจากการลงเล่น: หากนักเตะลงเล่นในเกมเกินกว่า 60 นาทีจะได้รับ 2 คะแนน แต่ถ้าลงเล่นแต่ไม่ถึง 60 นาทีจะได้รับ 1 คะแนน
2.การทำแต้มจากการยิงประตู: การทำแต้มจากการยิงประตูจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้เล่นคนนั้น โดยยิ่งผู้เล่นยิงประตูได้มากเท่าไร คะแนนที่ได้ในทีมแฟนตาซีก็จะยิ่งมากขึ้น
– ผู้เล่นตำแหน่ง ‘ผู้รักษาประตู’ ยิงประตูได้ 10 คะแนน
– ผู้เล่นตำแหน่ง ‘กองหลัง’ ยิงประตูได้ 6 คะแนน
– ผู้เล่นตำแหน่ง ‘กองกลาง’ ยิงประตูได้ 5 คะแนน
– ผู้เล่นตำแหน่ง ‘กองหน้า’ ยิงประตูได้ 4 คะแนน
3.การทำแต้มจากการทำแอสซิสต์[1]: การทำแต้มจากการแอสซิสต์ครั้งละ 3 แต้ม โดยระบบคะแนนนี้ไม่ได้ถูกใช้เป็นมาตรฐานสำหรับทุกเกมแฟนตาซี เนื่องจากพบเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของเกมที่ใช้ระบบคะแนนการทำแต้มจากการทำแอสซิสต์
4.การทำแต้มจากคลีนชีต: ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังและผู้รักษาประตูที่ลงสนามมากกว่า 60 นาทีในเกมที่ทีมไม่เสียประตูจะได้คะแนนโบนัส 4 คะแนน แต่หากผู้เล่นกองกลางสามารถไม่เสียประตูจะได้คะแนนโบนัส 1 คะแนน เพียงเท่านั้น สะท้อนว่าวิธีการให้คะแนนนี้มักให้ความสำคัญกับผู้เล่นเกมรับอย่างกองหลังและผู้รักษาประตู
5.การเสียแต้ม: ระบบการคิดคะแนนใน FPL ไม่ได้มีแต่การให้คะแนนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการหักคะแนนด้วยจากการกระทำในทางลบ
– หากผู้เล่นได้รับ ‘ใบเหลือง’ จะโดนหัก 1 คะแนน
– หากผู้เล่นได้รับ ‘ใบแดง’ จะโดนหัก 3 คะแนน
– หากผู้เล่น ‘ทำเข้าประตูตัวเอง’ จะโดนหัก -2 คะแนน
นอกจากนี้ ยังมีการคิดคะแนนจากการกระทำปลีกย่อยที่ช่วยเพิ่มความละเอียดของระบบ เช่น หากผู้เล่นตำแหน่งกองหลังสกัดบอลได้มากกว่า 10 ครั้ง จะได้รับเพิ่ม 2 คะแนน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบ ‘Bonus Chips’ ซึ่งเป็นตัวช่วยพิเศษที่ทำให้การเล่นสนุกและมีกลยุทธ์มากขึ้น เช่น
– Triple Captain: ปกติแล้วกัปตันทีมที่ผู้เล่นเลือกจะได้คะแนนคูณสอง แต่หากใช้ชิปนี้ คะแนนของกัปตันในสัปดาห์นั้นจะถูกคูณสาม
– Bench Boost: ปกติในหนึ่งสัปดาห์จะคิดคะแนนเฉพาะ 11 ตัวจริง แต่หากใช้ชิปนี้ คะแนนของผู้เล่นตัวสำรองอีก 4 คนก็จะถูกนับรวมด้วย
ด้วยระบบเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้เล่นมักแปรเปลี่ยนจากการมองแค่ ‘วิธีการให้คะแนน’ ไปเป็น ‘กลยุทธ์การจัดทีม’ เพื่อทำคะแนนให้ได้มากที่สุด เช่น เลือกนักเตะตำแหน่งกองกลางที่มีโอกาสทำประตู เพราะการยิงประตูของกองกลางจะได้คะแนนมากกว่ากองหน้า หรือเลือกนักเตะที่มีโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมากกว่า เพราะการลงเป็นตัวสำรองอาจได้คะแนนน้อยหรือแทบไม่ได้แต้มเลย ฯลฯ จึงอาจกล่าวได้ว่าระบบคะแนนและโบนัสเหล่านี้จึงทำให้ FPL ไม่ใช่เพียงแค่เกมทายผลฟุตบอล แต่ยังเป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ต้องอาศัยทั้งข้อมูล สถิติ และการคาดการณ์ไปพร้อมกัน


“ด้วยงบประมาณในการจัดทีมมีจำกัด ผู้เล่นมักไม่จำกัดเพียงแค่ทีมโปรดของตนเท่านั้น แต่ต้องเลือกนักเตะจากทีมขนาดเล็กด้วย ส่งผลให้ผู้ชมสนใจติดตามการแข่งขันแทบทุกแมตช์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทีมเล็กๆ อาจถูกมองข้ามและมีผู้ชมไม่มาก แต่ด้วยฟุตบอลแฟนตาซีส่งผลให้ผู้เล่นจำเป็นต้องติดตามฟอร์มของนักเตะทุกทีม ทำให้แมตช์ของทีมเล็กได้รับความสนใจมากขึ้นและผู้ชมสามารถสนุกกับการแข่งขันได้เต็มทุกเกม ไม่ว่าจะเป็นทีมใหญ่หรือทีมเล็ก” คุณวุฒิ หนึ่งในนักวิจัยเรื่องฟุตบอลแฟนตาซี อธิบาย
แม้ว่าในด้านหนึ่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะใช้ ‘กีฬาแฟนตาซี’ เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อดึงดูดแฟนบอล แต่ในอีกด้านหนึ่งลีกยังมองว่าแฟนตาซีจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยกันพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬา ผ่านการรวบรวมและใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้เล่นที่มาจากทั่วโลก โดยอาศัยระบบเก็บสถิติจาก Opta Analyst ซึ่งเป็นบริษัทจัดการข้อมูลด้านกีฬา
ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไม่เพียงนำไปใช้สร้างระบบการคิดคะแนนแฟนตาซีเท่านั้น แต่ยังต่อยอดไปสู่การพัฒนาลีกในภาพรวม ทั้งในด้านการฝึกซ้อม การวิเคราะห์เกม ไปจนถึงการออกแบบกลยุทธ์การแข่งขัน อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจแก่แฟนบอลทั่วโลกว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษคือ ‘ลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก’ หรือที่พวกเขาภูมิใจเรียกว่า The Greatest Show on Earth
สำรวจโลกผู้เล่นและสังคมของ ‘ฟุตบอลแฟนตาซี’
‘แฟนตาซีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ’ (Fantasy Premier League: FPL) เป็นเกมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยในปีล่าสุด (กันยายน 2568) มีผู้เล่นมากกว่า 11.1 ล้านคนจากทุกมุมโลก สำหรับจำนวนผู้เล่นของประเทศไทย คุณวุฒิระบุว่าแม้จำนวนผู้เล่นจะไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านมามีผู้เล่นชาวไทยกว่าเจ็ดหมื่นคน และครั้งหนึ่งบัญชีผู้ใช้อย่างเป็นทางการของ FPL เคยระบุว่าไทยติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของประเทศที่มีผู้เล่นมากที่สุด แสดงให้เห็นว่ากระแสแฟนตาซีฟุตบอลในหมู่แฟนบอลไทยกำลังขยายตัว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ระดับโลกอย่างชัดเจน

“ผมมองว่าแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ได้มาแบบกระแสแฟชั่นที่บูมแล้วก็หายไป แต่กลับเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพสูง ผู้เล่นที่เริ่มเข้ามาแล้วมักจะเล่นต่อเนื่อง ไม่ได้เลิกเล่นง่ายๆ ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนแฟนฟุตบอลในประเทศไทยที่มีมากเกือบ 32 ล้านคน จะเห็นได้ว่ายังมีแฟนบอลอีกจำนวนมากที่ยังไม่เคยลองเล่นแฟนตาซีฟุตบอลเลย ซึ่งสะท้อนว่าเกมนี้ยังมีโอกาสขยายตัวและเติบโตได้อีกมากในอนาคต” คุณวุฒิอธิบาย
ในฤดูกาลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2024/2025 ชยุตม์ วงศ์ทองศรี เจ้าของบัญชีผู้ใช้ FPL GuyW (@FPL_GuyW) เป็นผู้เล่นที่ครองตำแหน่งผู้เล่นที่มีคะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งของประเทศไทย และติดอันดับที่ 159 ของโลก เขาเล่นแฟนตาซีฟุตบอลอย่างจริงจังต่อเนื่องมานานกว่า 4-5 ปี ขณะเดียวกันในอีกมุมหนึ่งของชีวิตการทำงาน ชยุตม์ทำงานด้านการเงินในบริษัทวาณิชธนกิจ (investment banking) ที่เกี่ยวข้องกับดูแลการระดมทุนและการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลแฟนตาซีตั้งแต่สมัยเรียน จากการชักชวนของเพื่อนที่สนใจฟุตบอลเหมือนกัน ตอนนั้นรู้สึกว่าเกมนี้มีความน่าสนใจตรงที่อ้างอิงจากผลงานของนักเตะในสนามจริง อีกทั้งด้วยความที่ผมสนใจสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่แล้ว เลยลองนำองค์ความรู้ด้านสถิติมาประยุกต์ใช้ในการจัดทีม เป้าหมายคือพยายามคาดการณ์และวิเคราะห์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ได้คะแนนสูงสุดในการเล่น” ชยุตม์เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เล่นฟุตบอลแฟนตาซีอย่างจริงจัง
สำหรับเขาการใช้ข้อมูลทางสถิติจะต้องเลือกใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแต่ละฤดูกาลย่อมมีปัจจัยที่จะส่งผลกับการเล่นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เขามักใช้ข้อมูลย้อนหลังไม่เกิน 3 ฤดูกาล เพื่อทำให้เห็นข้อมูลของนักเตะที่เป็นตัวหลักของทีมและแนวทางการเล่นในลักษณะที่ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก
เขายกตัวอย่างวิธีการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการจัดตัวผ่านนักเตะอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ในยุคผู้จัดการทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ (Jürgen Klopp) ที่คะแนนในแต่ละฤดูกาลของเขาไม่ได้ผันผวนมาก ประกอบกับแนวทางการเล่นพื้นฐานของทีมค่อนข้างเหมือนเดิม จากสถิติดังกล่าวทำให้เห็นว่าฟอร์มการเล่นของโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ค่อนข้างคงที่ โดยหากในอนาคตไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจวิเคราะห์ได้ว่านักเตะคนเดิมก็จะสามารถทำคะแนนได้อยู่ในระดับที่ไม่ได้ต่างจากเดิม
“แม้ว่าผมจะนำสถิติมาใช้ในการวิเคราะห์ฟุตบอล แต่ก็ไม่ได้ทำให้การรับชมสนุกน้อยลงเลย ตรงกันข้าม สถิติกลับกลายเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติของการดูบอล เพราะผมค่อนข้างสนุกกับการวิเคราะห์ข้อมูล การเอาข้อมูลไปใช้ การวางแผนเกมระยะยาว วิเคราะห์ว่ามุมมองของเราถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร อีกทั้งยังได้ทดลองนำทฤษฎีไปใช้จริง
ความสนุกจึงไม่ใช่แค่การเชียร์ทีมโปรดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตรวจสอบด้วยว่าตัวเลขที่อยู่ในสถิติกับสิ่งที่ตาเราเห็นในสนามนั้นสอดคล้องกันแค่ไหน และนั่นยิ่งทำให้การดูฟุตบอลมีมิติที่ลึกกว่าเดิม มันเหมือนกับว่าเราเล่นเกมวางแผนและเราก็ได้ลุ้นผลของมันออกมา เมื่อได้วางแผน ได้ตัดสินใจ ได้เห็นผลงาน มันก็ประกอบออกมาเป็นความสุขของมันนอกเหนือจากการดูฟุตบอลเฉยๆ” ชยุตม์กล่าว

ผู้เล่นที่ครองตำแหน่งผู้เล่นที่มีคะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งของประเทศไทย และติดอันดับที่ 159 ของโลกในฤดูกาลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2024/2025
แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากการเล่นฟุตบอลแฟนตาซีคือ ‘พฤติกรรมการรับชมฟุตบอล’ จากเดิมที่เขามักรับชมเพียงการแข่งขันของทีมโปรดอย่างลิเวอร์พูล (Liverpool) เป็นหลัก แต่เมื่อเริ่มเล่นอย่างจริงจัง เขากลับต้องเปิดใจดูเกมจากหลากหลายทีมเพื่อวิเคราะห์นักเตะมากขึ้น โดยเขาเล่าว่า “ถ้ามีเวลาว่างก็พยายามดูให้ได้มากที่สุด อย่างเช่นวันเสาร์ก็จะมีเตะสามคู่ หากเวลาการแข่งขันไม่ชนกันและไม่ติดธุระอะไรก็พยายามไล่ดูทุกๆ นัด โดยปกติสัปดาห์หนึ่งก็ประมาณ 2-3 นัด”
ท้ายที่สุดแล้ว ฟุตบอลแฟนตาซีจึงไม่ได้เป็นเพียง ‘เกม’ ที่เล่นบนหน้าจอ แต่เป็นสิ่งที่ขยายประสบการณ์การดูบอลให้กว้างกว่าเดิม สร้างความสุขทั้งจากการเชียร์ การคิดวิเคราะห์ และการได้เชื่อมโยงโลกของสถิติเข้ากับเกมที่เรารัก
คุณวุฒิระบุว่า หากอธิบายปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจของคนเล่นฟุตบอลแฟนตาซีผ่านงานของ John S. W. Spinda จะเห็นว่ากีฬาแฟนตาซีทำให้ผู้เล่นเกิด ‘ความรู้สึกเป็นเจ้าของและการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน’ (Sense of Community and Belonging) กล่าวคือฟุตบอลแฟนตาซีผสมผสานความสนใจในเกมฟุตบอลเข้ากับความท้าทายด้านการวางกลยุทธ์ ส่งผลให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนได้จัด ‘ทีมในฝัน’ ของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ได้เชื่อมโยงกับคอมมูนิตี้ของผู้เล่นแฟนตาซีคนอื่นๆ ที่มีเป้าหมายร่วมกัน
“อีกทั้งฟุตบอลแฟนตาซียังทำให้แฟนบอลรู้สึกมี ‘ส่วนได้ส่วนเสีย’ กับแทบทุกแมตช์ในแต่ละสัปดาห์ของพรีเมียร์ลีก ลองนึกภาพว่าในหนึ่งสัปดาห์มีการแข่งขันถึง 10 นัดที่กระจายอยู่ในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ แม้ผู้เล่นอาจมีนักเตะอยู่เพียงบางนัด แต่ผลการแข่งขันของแมตช์อื่นๆ ก็ยังส่งผลโดยตรงต่ออันดับทีมแฟนตาซีของตน เช่น หากนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในทีมของเราโชว์ฟอร์มได้คะแนนสูงก็อาจทำให้คะแนนรวมของคู่แข่งแซงเราไปได้ ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันแบบนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าทุกเกมมีความหมายต่อทีมของตนเอง และยิ่งตอกย้ำทั้งความรู้สึกเป็นเจ้าของและการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนฟุตบอลแฟนตาซีโดยรวม” คุณวุฒิกล่าว
นอกจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากความรู้สึกการมีส่วนได้ส่วนเสียกับฟุตบอลแล้ว คุณวุฒิในฐานะนักวิจัยที่ได้ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้เล่นฟุตบอลแฟนตาซีในไทยพบว่า อีกหนึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญคือ ‘เวลาที่ใช้ในการเล่น’
แม้ว่าการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะจัดขึ้นหลักๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ผู้เล่นจำนวนมากกลับเริ่มต้นการเตรียมตัวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามคอนเทนต์ฟุตบอลแฟนตาซีทั้งในและต่างประเทศ การวิเคราะห์และวางแผนจัดทีม การตามข่าวสาร ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนกลยุทธ์กับชุมชนผู้เล่น โดยจากการศึกษาพบว่าผู้เล่นบางรายใช้เวลากับกิจกรรมเหล่านี้มากถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับระยะเวลาการทำงานเต็มวัน
สำหรับชยุตม์ในฐานะผู้เล่นฟุตบอลแฟนตาซี เขามักใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยแบ่งออกเป็นสองช่วงหลัก คือ ‘การเก็บข้อมูล’ และ ‘การนำข้อมูลไปวิเคราะห์’ เขาอธิบายว่ากระบวนการจัดทีมในแต่ละสัปดาห์มักจะเป็นไปตามรอบที่ค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือช่วงต้นสัปดาห์ซึ่งเพิ่งผ่านการแข่งขันนัดก่อนหน้าไม่นานนัก เขามักจะใช้เวลาไปกับการติดตามข่าวสารและตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนักเตะ ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์ที่เป็นช่วงเวลาที่ผู้จัดการทีมแต่ละสโมสรออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนแข่งจะกลายเป็นจังหวะสำคัญในการรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะจัดตัวและวางแผนการเล่นอย่างไรในสัปดาห์แข่งขันต่อไป
เพื่อน มิตรภาพ และการแข่งขัน
หากสำรวจงานวิชาการที่เกี่ยวข้องกับกีฬาแฟนตาซีจะพบว่ามีหลากหลายแง่มุมที่ชี้ให้เห็นคุณค่าของมันต่อคุณค่าที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้เล่น เช่น งาน The Fantasy Sport Industry: Games within Games (2014) ที่สำรวจผู้เล่นกีฬาแฟนตาซีจำนวน 1,200 คนในแคนาดาและสหรัฐฯ พบว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนหันมาเล่นคือ การเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง (self-esteem) ผู้เล่นรู้สึกมั่นใจมากขึ้นผ่านการตัดสินใจจัดทีม และเมื่อผลการแข่งขันปรากฏออกมาก็ยังช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะรับมือทั้งความดีใจ ความผิดหวัง และการสูญเสียบางอย่างในชีวิต
เขาเล่าว่าในอังกฤษยังมีโรงเรียนระดับมัธยมที่เปิดสอน ‘กีฬาแฟนตาซี’ อย่างจริงจัง โดยมองว่านอกจากทำให้เยาวชนอินกับกีฬาแล้ว ยังปลูกฝังการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อีกทั้งยังทำให้เด็กคุ้นชินกับความผิดหวัง ตั้งแต่วัยเรียนซึ่งถือเป็น ‘วัคซีนทางอารมณ์’ ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อชีวิตในอนาคตได้อย่างดี
อีกงานหนึ่ง Simulations as Fantasy Sports (2016) ของนักเศรษฐศาสตร์ John S. W. Spinda พบว่าคำสำคัญที่ผู้เข้าร่วมวิจัยพูดถึงซ้ำบ่อยที่สุดคือ ‘เพื่อน’ ‘มิตรภาพ’ และ ‘การแข่งขัน’ ซึ่งสะท้อนว่ากีฬาแฟนตาซีไม่ได้เป็นเพียงเกมการจัดทีม แต่ยังเป็น ‘พื้นที่ทางสังคม’ ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นอย่างมีนัยสำคัญ
ในมุมมองของ จิรวัฒณ์ สันทรัชต์ไชย แอดมินเพจ FPL สายฉีก ซึ่งเป็นผู้เล่นฟุตบอลแฟนตาซีอย่างจริงจังมาหลายปี เขาเล่าว่าความคาดหวังของเขาในการเล่นไม่ได้เพื่อรางวัล แต่ต้องการพบเจอผู้คนที่หลากหลาย
“คุณเคยใช้ชีวิตอยู่ดีๆ แล้วมีเพื่อนเป็นหมอไหม? ฟุตบอลแฟนตาซีทำให้ผมมีเพื่อนเป็นนักฟิสิกส์ เป็นอาจารย์ เป็นโค้ช หรือแม้แต่นักข่าวเก่า บางคนเราไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่เขาก็มาบอกว่าเคยติดตามคอนเทนต์ของผม คือในแต่ละปีเราอาจไม่ได้รางวัล แต่เราได้เพื่อนเพิ่มขึ้นปีละคนหรือสองคนก็เพียงพอแล้ว” จิรวัฒณ์เล่า
เรื่องเล่าของจิรวัฒณ์สอดคล้องกับชยุตม์ที่ปกติเขาทำงานด้านการเงิน จึงทำให้เขาพบเจอและคุ้นเคยกับผู้คนในสายงานเดียวกันเท่านั้น แต่การเข้ามาเล่นแฟนตาซีฟุตบอลกลับทำให้เขาได้รู้จักผู้คนที่กว้างขึ้นทั้งต่างอาชีพและต่างวัย
“ถ้าไม่ได้อยู่ในวงการนี้ก็คงไม่มีโอกาสรู้จักกัน เราได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านฟุตบอลที่มีแพชชันร่วมกัน แถมยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องอื่นๆ ในชีวิตอีกด้วย มันเหมือนได้เปิดโลกกว้างทั้งเรื่องฟุตบอลและเรื่องชีวิต” ชยุตม์ย้ำ
ฤาการพนันอุบัติใหม่ในสังคม?
แม้ว่าในช่วงต้นของพัฒนาการกีฬาแฟนตาซีเป็นการเล่นระยะยาวและไม่มีกลิ่นอายของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องเลย แต่จุดพลิกผันสำคัญคือภายหลังการประกาศใช้กฎหมายปราบปราบพนันออนไลน์ (Unlawful Internet Gambling Enforcement: UIGEA) ในปี 2006 ที่พยายามจะจัดการกับการเล่นพนันออนไลน์ เช่น โป๊กเกอร์ออนไลน์
กฎหมายฉบับดังกล่าวเขียนไว้ชัดเจนว่ายกเว้นให้ ‘กีฬาแฟนตาซี’ อยู่นอกเหนือขอบข่ายการบังคับ ส่งผลให้ผู้ให้บริการในสหรัฐฯ เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่ได้ควบคุมกีฬาแฟนตาซีจึงจัดทำ ‘กีฬาแฟนตาซีรายวัน’ (Daily Fantasy Sports: DFS) ซึ่งเป็นการเล่นที่มีช่วงเวลาสั้นกว่ากีฬาแฟนตาซีปกติ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้ามาเสี่ยงโชคได้ ผ่านการจัดทีมหนึ่งครั้งเพื่อลุ้นรางวัล กล่าวคือเป็นการเล่นแบบ ‘เก็บค่าสมัคร’ (pay-for-play) จึงอาจกล่าวได้ว่า ‘กีฬาแฟนตาซีรายวัน’ ทำให้เกิดความหมิ่นเหม่ว่ารูปแบบการเล่นดังกล่าวเป็น ‘การพนันอุบัติใหม่’ หรือไม่
“Daily Fantasy Sport เป็นการวัดดวงแบบนัดเดียวจบ นักเตะที่มีในทีมก็เป็นการวัดคะแนนแบบนัดเดียว ขึ้นอยู่กับว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ และได้เงินรางวัลหรือไม่ ไม่ได้ใช้ทักษะในการวิเคราะห์ระยะยาวเลย โดยผู้เล่นต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าไปร่วมเล่นลุ้นรางวัล ยิ่งจ่ายเยอะก็ยิ่งมีสิทธิจะได้รางวัลเยอะ ซึ่งมีลักษณะบางประการที่คล้ายกับการพนัน” คุณวุฒิอธิบายถึงกีฬาแฟนตาซีรายวัน
ฟุตบอลแฟนตาซีดั้งเดิมเป็นการพนันหรือไม่?
สำหรับประเทศไทย แม้ว่า ‘กีฬาแฟนตาซีรายวัน’ จะไม่ใช่รูปแบบการเล่นที่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงมุ่งไปที่ FPL ในฐานะเกมแฟนตาซีแบบดั้งเดิม ที่เน้นการวางกลยุทธ์และการวางแผนระยะยาว แต่ในเวลาเดียวกัน FPL เองก็มีอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาก คือการจัด ‘มินิลีก’ หรือ ‘ลีกย่อย’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถแข่งขันสะสมคะแนนภายในกลุ่มเพื่อนได้
“แม้ว่าจุดประสงค์ดั้งเดิมของการเกิดขึ้น ‘มินิลีก’ คือการสร้างพื้นที่แข่งขันในหมู่เพื่อน แต่หลายลีกกลับมีการติด ‘ปลายนวม’ เข้าไป เช่น การตั้งมินิลีกกับเพื่อนสมัยมัธยมโดยกำหนดค่าเข้าลีกราว 100-200 บาท โดยเมื่อจบฤดูกาลก็แบ่งเงินรางวัลให้ผู้ชนะ ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เองที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าอาจเข้าข่ายการพนันหรือไม่ ซึ่งในเชิงวิชาการอาจเรียกรูปแบบการเล่นดังกล่าวว่า social gambling” คุณวุฒิอธิบาย
งานศึกษาของพงศกร เรืองเดชขจร ที่ศึกษาเกี่ยวกับการพนันเชิงสันทนาการ (social gambling) ระบุไว้ถึงการพนันเชิงสันทนาการว่ามีขึ้นเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และความบันเทิงเป็นหลัก ซึ่งหลักการสำคัญของการพนันเชิงสันทนาการมีทั้งหมด 5 ประการ ประกอบด้วย
1. การเล่นระหว่างบุคคลที่มีความสนิทสนมกัน : การพนันเชิงสันทนาการมักเกิดขึ้นระหว่างบุคคลที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อเป็นเครื่องมือส่งเสริ่มการส้รางการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เช่น ครอบครัว เพื่อน บุคคลที่รู้จัก เป็นต้น
2. มีโอกาสชนะหรือแพ้เท่าเทียมกัน : การเล่นต้องเล่นด้วยความยุติธรรม ไม่มีผู้ใดที่มีโอกาสชนะหรือแต้มต่อมากกว่าผู้อื่น เพื่อรักษาไว้ซึ่งความไว้วางใจในหมู่ผู้เล่น
3. มีวัตถุประสงค์เพื่อสันทนาการ : การพนันเชิงสันทนาการเป็นการเล่นเพื่อสันทนาการและพักผ่อนหย่อนใจภายในกลุ่มบบุคคลที่มีความสนิทสนม มากกว่าเพื่อแสวงหากำไรหรือผลประโยชน์
4. การเล่นพนันภายในพื้นที่ส่วนตัว : พื้นที่การเล่นไม่ใช้พื้นที่สาธารณะซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมเล่นได้
5. ข้อยกเว้นทางกฎหมาย : หลายประเทศที่มีบทบัญญัติการพนันเชิงสันทนาการหรือการพนันอื่นที่คล้ายกันจะถือเป็นบทยกเว้นความผิดเกี่ยวกับการพนัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมไม่ต้องเผชิญกับความเข้มงวดของกฎหมาย

แอดมินเพจ FPL สายฉีก
ในมุมมองของจิรวัฒณ์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นฟุตบอลแฟนตาซี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคอนเทนครีเอเตอร์ที่มีการเปิด ‘มินิลีก’ ของตนเอง โดยเขามองว่าแม้จะมีค่าเข้าหรือมีการให้เงินรางวัลกับผู้ชนะก็ไม่ถือว่าเป็นการพนัน เนื่องจากมินิลีกเป็นเหมือนการแข่งขันที่ใช้ทักษะการวิเคราะห์เป็นหลัก ผู้เล่นทุกคนมีโอกาสชนะอย่างเท่าเทียมกันและฟุตบอลแฟนตาซีกำหนดผู้ชนะได้ยาก อีกทั้งจุดประสงค์ของผู้เล่นไม่ได้เล่นเพื่อคาดหวังเงินรางวัล กล่าวคือรางวัลเป็นเพียง ‘ผลพลอยได้’ แต่มินิลีกเป็นเพียงการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเพื่อพัฒนาทักษะของตนเองหรือเพื่อสันทนาการเสียมากกว่า
“การเล่นฟุตบอลแฟนตาซีไม่ได้คิดเพียงฝั่งไหนเป็นผู้ชนะเท่านั้น แต่คุณต้องวิเคราะห์นักเตะและโปรแกรมการแข่งขัน ต้องมีการวิเคราะห์ว่าสัปดาห์นี้เราคาดหวังคะแนนจากอะไร เช่น บางสัปดาห์หากเจอทีมเล็กก็อาจลุ้นคะแนนจากการทำประตูหรือแอสซิสต์ หรือบางสัปดาห์ที่เจอทีมใหญ่ก็อาจคาดหวังคะแนนจากคลีนชีต เป็นต้น” จิรวัฒณ์กล่าว
คำอธิบายดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของคุณวุฒิ โดยเขาชี้ว่าการพิจารณาว่าสิ่งใดเข้าข่ายเป็นการพนันหรือไม่นั้นต้องอาศัยเกณฑ์สำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย
ประการแรกคือ การแยกให้ออกว่าเกมนั้นเป็นเกมที่อาศัยความรู้และทักษะเป็นสำคัญ (game of skill) หรือ เกมที่ขึ้นอยู่กับดวงหรือพึ่งพาโชค (game of chance) ประเด็นนี้เองถือเป็นข้อถกเถียงหลักที่รายล้อมอยู่กับโลกฟุตบอลแฟนตาซีตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันเราเห็นได้ชัดว่า FPL ที่ผู้เล่นไทยนิยมเล่นมีลักษณะเป็น game of skill มากกว่า เพราะต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล วางกลยุทธ์ และการคาดการณ์ผลงานนักเตะ แรงจูงใจหลักของการเล่นฟุตบอลแฟนตาซีจึงอยู่ที่ความภาคภูมิใจ การท้าทายตัวเอง และการแข่งขันเชิงความรู้ระหว่างเพื่อนฝูง
ในทางกลับกันกีฬาแฟนตาซีรายวัน (Daily Fantasy Sports: DFS) ที่แพร่หลายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มักถูกมองว่ามีลักษณะโน้มเอียงไปทาง game of chance มากกว่า เนื่องจากผู้เล่นมักเข้าร่วมด้วยแรงจูงใจเพื่อเงินรางวัลทันทีมากกว่าการสะสมประสบการณ์หรือทักษะเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว
ประการต่อมาคือ การเล่นเกมดังกล่าวใช้เงินในการเล่นหรือไม่ ซึ่งฟุตบอลแฟนตาซีดั้งเดิมเป็นการเปิดให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงได้โดยที่ไม่เสียเงิน
ประการสุดท้ายคือ ความถี่ในการออกรางวัลมีมากหรือน้อยเพียงใด ซึ่งความถี่ในการออกรางวัลของ FPL หรือมินิลีกนั้นออกปีละหนึ่งครั้ง โดยคุณวุฒิย้ำว่าไม่มีผู้เล่นคนใดที่เล่นฟุตบอลแฟนตาซีเพื่อคาดหวังเงินรางวัลเพียงครั้งเดียว
ดังนั้น ในมุมมองของทั้งสามคนต่างมองว่าฟุตบอลแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยไม่ได้จัดว่าเป็นการพนัน ตรงกันข้ามหลายงานวิจัยตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับมองว่ากีฬาแฟนตาซีเป็น ‘สิ่งทดแทนการพนัน’ เสียด้วยซ้ำ เพราะมันสามารถสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและการมีส่วนร่วมไม่ต่างจากการเล่นพนันจริง เพียงแต่ไม่ต้องเสียเงิน คุณวุฒิเล่าว่า ผู้ให้ข้อมูลหลายคนที่เขาได้สัมภาษณ์พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า พวกเขาเล่นพนันเพราะ “เสพติดการลุ้น” และตรงจุดนี้เองที่กีฬาแฟนตาซีเข้ามาตอบโจทย์แทนได้
“ผมมีน้องที่รู้จักคนหนึ่งที่เคยติดการพนันฟุตบอลอย่างหนัก เขาไม่ได้ชอบการได้เงินรางวัล แต่ชอบบรรยากาศของการได้เล่นพนัน ได้เงินมากมายก็ไม่ถอนออก เลือกที่จะเล่นต่อจนหมด จนวันหนึ่งผมบอกเขาว่า ลองมาเล่นฟุตบอลแฟนตาซีดูสิ เพราะคุณก็ได้ลุ้นผลการแข่งขันเหมือนกัน แต่ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องกังวลว่าจะเอาเงินที่ไหนมากินข้าว” จิรวัฒณ์ในฐานะแอดมินเพจฟุตบอลแฟนตาซีเล่าด้วยน้ำเสียงเห็นด้วย
“ข้อดีของคอมมูนิตี้ในเมืองไทยคือ ไม่มีใครรับได้กับการนำเรื่องการพนันเข้ามาปะปน” เขาย้ำ
สำหรับโจทย์ที่ต้องคิดต่อไปคือ หากในอนาคตมีผู้ให้บริการเอกชนสร้างแพลตฟอร์มกีฬาแฟนตาซีในลักษณะที่เปิดช่องทางให้เล่นพนันได้จริง ภาครัฐย่อมจำเป็นต้องทบทวนทางเลือกเชิงนโยบาย โดยงานวิจัยของคุณวุฒิได้เสนอไว้ 3 แนวทาง ได้แก่
แนวทางแรก มองกีฬาแฟนตาซีเป็นเกมประเภทหนึ่ง คล้ายกับการแข่งขันอีสปอร์ตหรือเกมออนไลน์ชิงรางวัล ที่อาจต้องออกกฎหมายควบคุมเฉพาะ เช่น การจัดลำดับความเหมาะสมของเนื้อหา การโฆษณาประชาสัมพันธ์ กติกาการแข่งขัน ตลอดจนคุณสมบัติของผู้เล่น
แนวทางที่สอง มองกีฬาแฟนตาซีเป็นการพนัน หากเลือกแนวทางนี้จำเป็นต้องบรรจุเข้าในบัญชี ข. ของพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 เพื่อให้การจัดกิจกรรมต้องขออนุญาตก่อน อีกทั้งยังชี้ไปสู่การปฏิรูปกฎหมายการพนันทั้งระบบ โดยกำหนดประเภทที่สามารถขออนุญาตได้อย่างชัดเจน เพื่อควบคุมและสร้างรายได้เข้าสู่รัฐ
แนวทางที่สาม ปล่อยให้เป็นอิสระ โดยผู้ให้บริการสามารถเปิดให้เล่นได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใดๆ ซึ่งก็คือสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
ท้ายที่สุด คำถามว่าฟุตบอลแฟนตาซีเป็น ‘เกม’ หรือ ‘การพนัน’ อาจไม่ใช่ประเด็นที่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้เล่น รูปแบบแพลตฟอร์มที่ให้บริการ และกรอบกฎหมายที่รัฐจะกำหนดขึ้นในอนาคต แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ ฟุตบอลแฟนตาซีได้กลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่ผสานทั้งความรู้ ทักษะ และมิตรภาพร่วมกัน
โจทย์สำคัญจึงไม่ใช่แค่การนิยามว่าฟุตบอลแฟนตาซีเป็นการพนันหรือไม่ หากแต่เป็นการหาสมดุลระหว่างการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้ผู้เล่นได้สนุกกับเกมกับการออกแบบนโยบายเพื่อไม่ให้มีผู้ไม่หวังดีเข้ามาใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้กลายเป็นช่องทางสู่การพนันที่ไม่พึงประสงค์ในอนาคต
หมายเหตุ: รับชมวิดีโอสารคดีเพิ่มเติมได้ที่ Fantasy Football Game (or Gamble?) : เจาะคำถามใหญ่ในโลกฟุตบอลแฟนตาซี
อ้างอิง
ฟุตบอลแฟนตาซี: ฤาการพนันอุบัติใหม่ในสังคมไทย?’
Fantasy Football – A Beginners Guide
Fantasy Premier League 2025-26: Everything you need to know about FPL this season
FPL 2025-26: What is Fantasy Premier League and how does it work?
Basics explained: How to play Fantasy Premier League
↑1 | ‘แอสซิสต์’ หมายถึง ผู้เล่นที่ส่ง-สัมผัสบอลสุดท้ายก่อนบอลไปถึงคนยิงประตู |
---|