อันวาร์กับปาเลสไตน์ และความพลาดที่ไม่น่าพลาด 

ในบรรดารัฐบาลประเทศอาเซียนทั้งหมด รัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) เป็นรัฐบาลที่แสดงจุดยืนสนับสนุนปาเลสไตน์และต่อต้านพฤติกรรมของอิสราเอลในกรณีฉนวนกาซาอย่างโดดเด่น นายกฯ อันวาร์ อดีตนักกิจกรรมองค์กรยุวชนมุสลิม ลงมือจุดกระแสต่อต้านสงครามกาซาด้วยตัวเอง เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วเขาโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมเดินขบวนแสดงความสมานฉันท์ต่อชาวปาเลสไตน์ร่วมกับนักเรียนนักศึกษาในงาน Palestine Solidarity Week ที่จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ อันวาร์เรียกร้องให้ยุติสงครามในกาซา ประกาศตัดความสัมพันธ์ทุกด้านกับอิสราเอล วิพากษ์วิจารณ์บทบาทของประเทศตะวันตกว่าละเลยจุดยืนทางมนุษยธรรม และพบปะกับนาย อิสมาอิล ฮานีเยห์ (Ismail Haniyeh) ผู้นำกลุ่มฮามาส ระหว่างการเยือนกาตาร์กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอย่างเปิดเผยไม่เกรงใจใคร

ในประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ท่าทีของอันวาร์ย่อมถูกใจประชาชนมุสลิมมีความเห็นอกเห็นใจต่อชะตากรรมชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาในฐานะของพี่น้องร่วมศาสนา โดยนับแต่ปีที่แล้ว กระแสต่อต้านอิสราเอลแพร่หลายในมาเลเซีย ชาวมาเลเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมุสลิมใช้เวทีโซเชียลมีเดียประณามอิสราเอลและเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้สูญเสียในกาซา เซเลบริตี้หลายรายโพสต์สนับสนุนให้ชาวมาเลเซียร่วมมือกันช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ด้วยวิถีทางต่างๆ นับตั้งแต่การบริจาคเงินไปจนถึงสวดมนต์ภาวนาและอื่นๆ ขณะที่กระแสคว่ำบาตรสินค้าของบริษัทต่างๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับอิสราเอลก็พุ่งสูง รวมถึงแมคโดนัลด์ (McDonald) และเบอร์เกอร์คิง (Burger King) ที่เมื่อปีที่แล้วสาขาของบริษัททั้งสองในอิสราเอลประกาศอย่างเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่าได้บริจาคอาหารแก่ทหารของกองทัพป้องกันอิสราเอล (Israel Defence Forces: IDF)  

กระแสคว่ำบาตรสินค้าในมาเลเซียส่งผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมต่อธุรกิจ ถึงขั้นที่มีผู้แสดงความกังวลว่าอาจทำให้พนักงานตกงานจำนวนมาก บริษัทแมคโดนัลด์มาเลเซียออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าบริษัทในมาเลเซียเป็นบริษัทที่มีมุสลิมเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซนต์ และได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านริงกิตเพื่อช่วยเหลือปาเลสไตน์ผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่สตาร์บัคส์ (Starbucks) มาเลเซียเองก็ได้รับผลกระทบเมื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ว่าบริษัทสตาร์บัคส์ในรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ฟ้องสหภาพแรงงานของตนหลังจากที่สหภาพฯ โพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ในโซเชียลมีเดีย หนังสือพิมพ์สเตรตส์ไทมส์ (Straits Times) ของสิงคโปร์รายงานว่า บาริสตาชาวมาเลเซียผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่ารายได้ต่อวันของสตาร์บัคส์สาขาที่เธอทำงานข้ามชาติอยู่ลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามของยอดขายก่อนการคว่ำบาตรสินค้า และเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ยังรายงานว่า บริษัท QSR Brands ซึ่งเป็นผู้บริหารเคเอฟซี (KFC) และพิซซ่าฮัท (Pizza Hut) ในมาเลเซียได้ชะลอการจดทะเบียนในตลาดหุ้นมาเลเซียเนื่องจากผลกระทบจากการคว่ำบาตรครั้งนี้

ผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมของการบอยคอตสะท้อนความรู้สึกของประชาชนต่อสถานการณ์ในปาเลสไตน์ ในทางการเมือง นายกฯ อันวาร์ที่วางตัวเป็นผู้นำต่อต้านอิสราเอลอาจสามารถสะสมคะแนนนิยมจากชาวมุสลิมในประเทศได้มากขึ้น ทว่านักการเมืองฝ่ายค้านกลับมีการขุดคุ้ยดีลใหญ่ทางธุรกิจใหญ่ของรัฐบาลที่จับพลัดจับผลูไปเกี่ยวข้องกับบริษัทข้ามชาติที่มีสายสัมพันธ์กับอิสราเอล จนเกิดสถานการณ์วงแตกอยู่ในขณะนี้

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท คาซานาฮ์ เนชันแนล (Khazanah Nasional Berhad) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนแห่งชาติ (Sovereign Investment Fund) ขนาดใหญ่ของรัฐบาล ที่มีนายกฯ อันวาร์เป็นประธาน ได้ออกประกาศว่า คาซานาฮ์มีโครงการลงทุนร่วมกับบริษัทสมาชิกอื่นๆ ของกลุ่มกิจการค้าร่วม (consortium) ชื่อย่อว่า GDA (Gateway Development Alliance) โดยจะเข้าเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ต (Malaysia Airport Berhad: MAHB) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารสนามบินทั้งหมด 39 สนามบินในมาเลเซีย ด้วยมูลค่าการซื้อหุ้นที่เสนออยู่ที่ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 95,740 ล้านบาท)

กลุ่มกิจการค้าร่วมหมายถึงการร่วมหุ้นกันของที่บริษัทหลายบริษัททั้งที่เป็นเอกชนและรัฐบาล เพื่อดำเนินโครงการทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง GDA จดทะเบียนก่อตั้งในมาเลเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทคาซานาฮ์ เป็นผู้อำนวยการ สมาชิกของกลุ่มนั้นนอกจากจะมีคาซานาฮ์แล้ว ยังมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ EPF (The Employee Provident Fund) ของรัฐบาล รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนจากต่างประเทศอีกสองบริษัทคือ Abu Dhabi Investment Authority (ADIA) และ Global Infrastructure Partners (GIP) ซึ่งลงทุนผ่านบริษัทลูกของตน

ในขณะที่คาซานาฮ์ซึ่งซื้อหุ้นบางส่วนของมาเลเซียแอร์พอร์ตไว้แล้ว ประกาศว่าบริษัทมีแผนจะนำกลุ่ม GDA เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่เหลือเพื่อเปลี่ยนสถานะของมาเลเซียแอร์พอร์ตจากบริษัทของรัฐให้เป็นบริษัทเอกชนเต็มรูปแบบ อีกนัยหนึ่งก็คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเอง โดยให้เหตุผลว่าจะทำให้ผลประกอบการทางธุรกิจและการบริหารสนามบินในประเทศของบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตพัฒนาขึ้นในระยะยาว ซึ่งในการนี้กลุ่ม GDA จะต้องถือหุ้นมาเลเซียแอร์พอร์ตมากกว่าร้อยละ 90

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งใหญ่ในมาเลเซียเกิดขึ้นช่วงกลางทศวรรษ 1980s โดยนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ และนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งทางเศรษฐศาสตร์และการเมืองมาจนปัจจุบัน มหาเธร์โยกกิจการใหญ่ๆ ของรัฐหลายกิจการไปอยู่ในมือของนักธุรกิจชาวมาเลเซียผู้ใกล้ชิด สร้างความมั่งคั่งให้คนเหล่านั้นที่กลายมาเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองของพรรคอัมโน (UMNO: United Malays National Organization) ที่เขาเป็นประธานอยู่ เป็นการตอบแทน เมื่อธุรกิจเหล่านี้พบปัญหาในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ. 2540 รัฐบาลมหาเธร์ก็ซื้อกิจการกลับมาเป็นของรัฐ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางรายวิจารณ์ว่าเป็นการ ‘อุ้ม‘ ผู้ใกล้ชิดโดยใช้เงินภาษีของประชาชน ด้วยอานิสงส์ของมาตรการในยุคมหาเธร์ คำว่า ‘แปรรูปรัฐวิสาหกิจ’ จึงเป็นคำที่ชวนสงสัยในสายตาของคนหลายคนที่ยังไม่ลืมอดีต

แต่การแปรรูปบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตในรัฐบาลอันวาร์เป็นสถานการณ์คนละอย่าง มันเป็นการแปรรูปเพียงบริษัทเดียวและมีกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องแทนกลุ่มธุรกิจภายในประเทศ ถึงจะมีผู้ตั้งคำถามอยู่บ้าง แต่ความร่วมมือทางธุรกิจในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ของแปลก จนกระทั่ง วัน เฟย์ฮาล (Wan Fayhal) สส.ฝ่ายค้านและหัวหน้ากลุ่มยุวชนพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu: Parti Pribumi Bersatu Malaysia) ออกโรงตีแผ่ว่า เจ้าของที่แท้จริงของบริษัทอเมริกันอย่าง GIP มีหนึ่งในสมาชิกกลุ่มคือแบล็กร็อก (BlackRock Inc.) บริษัทจัดการการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติอเมริกัน ที่ในเดือนมีนาคม 2566 มียอดบริหารทรัพย์สินทั่วโลกเป็นมูลค่ารวม 9.09 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ของบริษัท

เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ แบล็กร็อกประกาศว่ากำลังอยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการของบริษัท GIP ในมูลค่าสามพันล้านเหรียญสหรัฐด้วยเงินสด การซื้อกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่สามของปีนี้ ดังนั้นเมื่อคาซานาห์ประกาศการแผนซื้อหุ้นบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตในเดือนพฤษภาคม ก็เท่ากับว่า GIP กำลังจะกลายเป็นบริษัทลูกของแบล็กร็อกในอีกไม่นาน และในสายตาของสื่อมวลชนมาเลเซีย แบล็กร็อกในเวลานี้ก็คือผู้ร่วมกิจการตัวจริงของรัฐบาลมาเลเซีย และจะเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 25 ของบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ต ถ้าดีลนี้สำเร็จตามแผน 

เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา ถ้าบังเอิญแบล็กร็อกไม่เป็นหนึ่งในบริษัทจึงตกเป็นเป้าของการคว่ำบาตรโดยกลุ่มสนับสนุนปาเลสไตน์ในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับอิสราเอล แบล็กร็อกมีสาขาอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟ และเพิ่งเข้าซื้อกิจการบริษัทการเงิน Keros Capital สัญชาติอังกฤษ–อิสราเอล ไปเมื่อปีที่แล้ว ที่ร้ายกว่านั้นแบล็กร็อกยังเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นในบริษัทผลิตอาวุธยักษ์ใหญ่อเมริกันห้าบริษัทที่ผลิตและขายอาวุธให้อิสราเอล 

บริษัทค้าอาวุธที่ว่าคือบริษัท Lockhead Martin, บริษัท Boeing ที่ประกาศตนเป็นคู่ค้าในธุรกิจอากาศยานเชิงพาณิชย์ของอิสราเอล, บริษัท General Dynamics Corporation, บริษัท Northrop Grumman Corporation และบริษัท RTX Corporation โดยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่บริษัทเหล่านี้ขายให้กับอิสราเอลมีอาทิ เครื่องบินขับไล่ F-5, เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64, ระเบิดนำวิถี, ชุดควบคุมการยิงสำหรับเครื่องบินและเรือรบ และขีปนาวุธสำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้แบล็กร็อกถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ในแต่ละบริษัท

กรณีแบล็กร็อกคือเหยื่ออันโอชะของฝ่ายค้านที่ใช้โจมตีรัฐบาลและนายกฯ อันวาร์ต่อเนื่องกันหลายวัน และแน่นอนว่าจะถูกหยิบมาใช้อีกในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า วัน เฟย์ฮาล โจมตีอันวาร์ผ่านคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดียว่า การเข้าซื้อกิจการบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตร่วมกับบริษัทที่เชื่อมโยงกับพวกไซออนิสต์ (Zionist) ครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อนายกรัฐมนตรีและจุดยืนสนับสนุนปาเลสไตน์ของมาเลเซีย และการที่ตนเองออกมาตั้งคำถามครั้งนี้ก็เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของประเทศและของอันวาร์เองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแชมเปียนของการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์ แล้วตบท้ายอย่างเจ็บแสบว่า “เพียงเพราะเรื่องสองเรื่องที่ถูกทำลงไปโดยผู้ไม่ควรกระทำ สุดท้ายอันวาร์และมาเลเซียก็จะถูกมองว่าเป็นพวกปากอย่างใจอย่าง”

ถึงแม้คาซานาฮ์จะบอกว่าบริษัท GIP ที่กลายเป็นบริษัทลูกของแบล็กร็อกไปเรียบร้อยแล้ว เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลกและเป็นเจ้าของและผู้บริหารท่าอากาศยานที่มีประสบการณ์ก็ตาม ฝ่ายค้านยังขุดคุ้ยความล้มเหลวด้านการบริหารท่าอากาศยานซิดนีย์ (Sydney Airport) ของออสเตรเลีย และท่าอากาศยานแกตวิค (Gatwick Airport) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มท่าอากาศยานยอดแย่ของโลก ขึ้นมาโจมตีแบบไม่ให้เหลือแม้แต่ประเด็นเดียว

ไม่เพียงแต่นักการเมืองฝ่ายค้านเท่านั้น ยังมีเอ็นจีโอ 22 องค์กรซึ่งส่วนใหญ่สนับสนุนปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการมีส่วนร่วมของแบล็กร็อกในโครงการแปรรูปบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตด้วยเหตุผลว่าเป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอิสราเอล ขณะที่องค์กรอย่าง Malaysian Consultative Council of Islamic Organisations และ Viva Palestina Malaysia ก็ยื่นหนังสือถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาเลเซีย (EPF) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มกิจการค้าร่วม ให้ตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับแบล็กร็อกเสีย

ทั้งนายกฯ อันวาร์ และแอนโทนี โลค (Anthony Loke) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าคำแถลงของคาซานาฮ์นั้นเป็นความจริงหรือไม่ และจะจัดการอย่างไรกับกรณีแบล็กร็อก

หลังคาซานาฮ์ประกาศรายชื่อบริษัทที่จะลงทุนร่วมอย่างเป็นทางการซึ่งมี GlP (ของแบล็กร็อก) ร่วมด้วย แอนโธนี โลค ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายค้านอีกผู้หนึ่งได้แถลงว่า ที่ตนกล่าวในสภาฯ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า “(หุ้น) บริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ตจะไม่ถูกขายให้แก่ GIP” นั้น เขาไม่ได้พูดปด และเขาก็ยังแถลงในต่างวาระว่า กระทรวงคมนาคมทำหน้าที่เพียงกำกับดูแลการบริหารท่าอากาศยานของบริษัทมาเลเซียแอร์พอร์ต แต่ไม่มีหน้าที่ในการทำข้อตกลงทางธุรกิจใดๆ เกี่ยวกับบริษัทนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคาซานาฮ์

ทันทีที่ข่าวแบล็กร็อกแพร่ออกไป นายกฯ อันวาร์ออกโรงปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านและโต้กลับว่านักการเมืองพรรคฝ่ายค้านพยายามยุยงสาธารณชนด้วยข้อมูลที่ไม่จริง และฝ่ายค้านเป็นพวกที่จ้องเพียงแต่จะโจมตีรัฐบาล ไม่เคยเปลี่ยนความคิดแม้กระทั่งเมื่อเขาได้พบกับผู้นำฮามาสด้วยตัวเอง หรือแม้แต่เมื่อมีผลงานค่าเงินริงกิตแข็งขึ้น ฝ่ายค้านยังคง “มีแต่ความอิจฉาริษยาและต้องการเพียงแค่ยุยงให้เกิดความเกลียดชัง”

แต่การตอบโต้ของนายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องดีลซื้อหุ้นมาเลเซียแอร์พอร์ดแต่อย่างใด จนบัดนี้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายและบริษัทแบล็กร็อกยังปิดปากเงียบ ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีแรงกดดันจากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศบางรายต่อรัฐบาลมาเลเซีย  เช่น อัซซาม ทามิมิ (Azzam Tamimi) นักวิชาการชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งปาเลสไตน์กล่าวในรายการสนทนากับนาซารี อิสมาอิล (Nazari Ismail) ประธานองค์กรสนับสนุนปาเลสไตน์ ‘Boycott, Diverstment, Sanctions’ (BDS) สาขามาเลเซียว่า จะถือเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงถ้ารัฐบาลมาเลเซียจะขายหน่วยงานของรัฐให้กับบริษัทไซออนิสต์ หรือบริษัทที่สนับสนุนลัทธิไซออนิสต์ และว่ามันไม่มีความหมายอะไรที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจประชาชนปาเลสไตน์ในขณะที่มีการสนับสนุนเงินทุนที่อิสราเอลใช้ในสงคราม

ยากที่จะคาดเดาว่าการที่แบล็กร็อกโผล่ขึ้นมาเป็นผู้ร่วมซื้อหุ้นบริษัทของรัฐบาลเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นายกฯ อันวาร์และกองทุนคาซานาฮ์คงต้องจัดการกับปัญหาและออกมาชี้แจงในเร็ววัน ความพลาดที่ไม่น่าพลาดนี้มีต้นทุนทางการเมืองสูงเกินกว่าจะเมินเฉยได้


เอกสารประกอบ

https://www.malaysiakini.com/news/706369

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/malaysians-boycott-companies-and-goods-with-alleged-ties-to-israel-in-support-of-palestinians

https://www.malaysiakini.com/news/706447

https://www.malaysiakini.com/news/705858

https://www.reuters.com/markets/deals/malaysia-airport-privatisation-deal-clouded-by-protests-over-gaza-war-2024-05-24

https://bdsmalaysia.com/groups-urge-govt-to-reconsider-blackrocks-involvement-in-mahb

MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Spotlights

4 Nov 2020

101 Policy Forum : ประเทศไทยในฝันของคนรุ่นใหม่

101 เปิดวงสนทนาพูดคุยกับตัวแทนวัยรุ่น 4 คน ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน , สิรินทร์ มุ่งเจริญ, ภาณุพงศ์ สุวรรณหงษ์, อัครสร โอปิลันธน์ ว่าด้วยสังคม การเมือง เศรษฐกิจไทยในฝัน ต้นตอที่รั้งประเทศไทยจากการพัฒนา ข้อเสนอเพื่อพาประเทศสู่อนาคต และแนวทางการพัฒนาและสนับสนุนคนรุ่นใหม่

กองบรรณาธิการ

4 Nov 2020

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save