หลวงสิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) ข้าราชการในสถานทูตไทย ณ กรุงปารีส คือ 1 ใน 7 คนแรกของคณะราษฎรที่วางแผนประชุมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองกันตั้งแต่อยู่ที่ฝรั่งเศส ก่อนจะกลับมาลงมือทำจนสำเร็จเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
แต่ในเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ บนความไม่แน่นอนของชีวิต ‘ผีไทย’ ได้มาเตือนหลวงสิริราชไมตรีล่วงหน้าเพื่อให้เลี่ยงอุบัติเหตุอันถึงแก่ชีวิต ผ่านการเล่น ‘ผีถ้วยแก้ว’ ที่นำโดยเจ้าหญิงของไทยพระองค์หนึ่ง

ภาพจาก อัครชัย อังศุโภไคย
เจ้าหญิงไทยที่ชอบเล่นผีถ้วยแก้ว
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล ประสูติเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2428 เป็นพระธิดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ พระราชโสทรานุชาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนพระมารดา คือ ม.ร.ว.สว่าง ธิดาของพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามงคลเลิศ พระเชษฐาต่างพระมารดาในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี จึงนับได้ว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล เป็นพระเจ้าหลานเธออันสนิทในสมเด็จพระปิยมหาราชพระองค์นั้น
ครั้นเมื่อพระราชโสทรานุชาสิ้นพระชนม์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้พระเจ้าหลานเธอที่เป็นพระองค์หญิงเข้าไปประทับในพระบรมมหาราชวัง อยู่ในพระอุปถัมภ์ของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
ต่อมาเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติจากเจ้าจอมมารดาวาด เสด็จกลับจากยุโรปแล้ว ได้กราบบังคมทูลขอพระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล เป็นชายา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระองค์นั้นได้มีพระราชดำรัสถามเจ้าจอมมารดาวาดว่า “ลูกของเจ้ามีดีอย่างไร จึงมาขอหลานของข้า ประเดี๋ยวจะไปทำปู้ยี่ปู้ยำ”

หลังจากพระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมลเป็นพระชายาของพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรแล้ว เมื่อในกรมฯ ต้องเสด็จไปราชการต่างประเทศหลายครั้ง พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมลก็ตามเสด็จไปด้วยเสมอ
คราวหนึ่งเมื่อเสด็จปารีส แล้วกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินเสด็จไปอังกฤษพระองค์เดียว พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมลไม่ได้เสด็จตามไป คอยอยู่ที่ปารีส เวลาว่างทรงชอบเล่นผีถ้วยแก้ว
ทวี อิศรเสนา ณ อยุธยา ธิดาของพระยาภาษาปริวัตร (เต๋อ สิทธิสาริบุตร) ซึ่งเฝ้า ณ ที่นั้นด้วย บรรยายการเล่นผีถ้วยแก้วเอาไว้ว่า “เขียนตัวอักษรตั้งแต่ ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก มีไม้โท เอก ตรี เอาเพิ่มเติมหน่อย ไม่ถึงกับหมด แล้วก็วางรอบโต๊ะ คนเล่น 4 คน…มีถ้วยแก้ว ต้องชนิดเตี้ย ไม่หนักหรือเบาเกินไป แล้วก็จ่อนิ้วมือบนก้นถ้วยแก้วๆ นี้ต้องคว่ำ โต๊ะที่จะเล่นก็ต้องเรียบสนิท”
ธรรมดาทุกครั้งที่เล่น ถ้ามีเจ้านายเล่นอยู่ด้วย ‘ดวงพระวิญญาณ’ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ จะต้องเสด็จเข้าเป็นพระองค์แรก เพื่อทรงฝากฝังพระโอรส คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เสมอ

หลวงสิริราชไมตรีร่วมเล่นผีถ้วยแก้ว
บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมลกำลังเล่นผีถ้วยแก้วอย่างเคย หลวงสิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) ข้าราชการสถานทูต มาเฝ้าทูลถามเรื่องในกรมฯ จะกลับจากอังกฤษมาปารีสในวันรุ่งขึ้น ครั้นทูลถามเสร็จ พระองค์หญิงก็ชวนเล่นผีถ้วยแก้วด้วยกัน 4 คน
ทวี อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งเกาะเก้าอี้ดูผู้ใหญ่เล่นกันอยู่นั้น บันทึกไว้ว่า “มาคราวนี้แปลก พอนิ้วจับถ้วยแก้ว 4 คนชนกัน ถ้วยแก้วก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดหาตัวอักษรที่จะสะกดให้เป็นเรื่องวิ่งไปตาม ตัวอักษรสะกดว่า อุ่น พวกที่เล่นก็งง ไม่รู้ว่าเป็นใคร พระองค์หญิงรับสั่งถามคนที่เล่นว่าใครรู้จักบ้าง ก็มีคุณจรูญคนเดียว”
คือแทนที่จะเป็นกรมหลวงพิษณุโลกอย่างเคย กลับเป็น ‘อุ่น’
ทวีบรรยายเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นต่อไปว่า “ก็เริ่มถามต่อว่า ที่เข้ามานี่มีธุระอะไร ถ้วยแก้วก็วิ่งไปตามหนังสือ พวกที่เล่นก็สะกดตามไป ใจความว่า ระหว่าง 2-3 วันนี้ จรูญอย่าออกไปนอกบ้าน จะโดนอย่างเรา แล้วถ้วยแก้วก็หยุดเดิน คนเล่นปล่อยมือ”

เมื่อผีที่ชื่อ ‘อุ่น’ มาเตือนเช่นนี้แล้ว หลวงสิริราชฯ ซึ่งมีกำหนดต้องไปรับเสด็จกรมพระกำแพงฯ ก็ลำบากใจ พระองค์หญิงจึงรับสั่งให้คนอื่นไปรับเสด็จแทน โดยพระองค์จะทูลให้ในกรมทรงทราบ
หลวงสิริราชไมตรีก็มีชีวิตรอดต่อมาจนเป็นสมาชิกชุดแรกของคณะราษฎรที่สามารถเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 นั่นเอง ดังที่ปรีดี พนมยงค์ บันทึกเอาไว้ว่า “หลวงสิริราชไมตรี…ผู้ช่วยสถานทูตสยามประจำกรุงปารีส เคยเป็นนักเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม และเป็นนายสิบตรีในกองทหารอาสา สงครามโลกครั้งที่ 1”
ใครคือ ‘อุ่น’
คุณอุ่นที่ว่านี้ ก็คือ ม.ล.อุ่น อิศรเสนา (เกิดตุลาคม 2436) ลูกชายคนโตของเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (ม.ร.ว.เย็น อิศรเสนา) ซึ่งเป็นบุตรของ ม.จ.เสาวรศ พระโอรสของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกษัตริย์ศรีศักดิเดช พระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กับเจ้าจอมมารดาสำลีวรรณ (พระธิดาในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) โดยที่สมเด็จพระบวรราชเจ้าพระองค์นี้เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กับสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ทรงเป็นพระราชโสทรานุชาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และทรงเป็น ‘วังหน้า’ ในรัชกาลที่ 2 นั่นเอง
ขณะที่มารดาของ ม.ล.อุ่น คือ คุณขลิบ บุนนาค ลูกสาวเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าคุณทหาร’ ท่านผู้นี้เป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) ซึ่งเป็นลูกชายของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ)


ในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เมื่อ ม.ล.อุ่นสำเร็จการศึกษาวิชากฎหมาย สำนักปีเตอร์ (Peterhouse) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แล้ว แทนที่จะกลับประเทศไทย ได้อาสาเข้าเป็นทหารในกองทัพไทย เมื่อความทราบมาถึงเจ้าพระยาผู้บิดา ก็ทำเอาท่านนอนไม่หลับไปหลายวันเพราะเป็นห่วงลูก แต่ไม่ช้าก็วางเฉย คล้ายจะตัดใจว่า ไหนๆ เขาก็เกิดมาในสกุล ‘อิศรเสนา’ สกุลทหาร เมื่อจะสมัครเข้าสนาม ก็จะไปห้ามเขาไว้ไย
แล้ว ม.ล.อุ่น ก็ตายเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2461 ณ ถนนในเมืองนอยชตัดท์ เยอรมนี ดังที่หลวงสิริราชไมตรีอธิบายให้ผู้ซึ่งร่วมเล่นผีถ้วยแก้วนั้นฟังว่า “คุณอุ่นนี้เป็นนักเรียนอังกฤษ เป็นเพื่อนรุ่นอาสาสงครามด้วยกัน พอดีจบจากมหาวิทยาลัย Cambridge ก็อาสามาเป็นล่ามของทหารไทย พอสงครามเลิกไม่กี่วัน เธอก็ถูกรถชนตอนยืนพิงเสาไฟฟ้า รถทหารวิ่งลงเนินมาเลี้ยวชน สิ้นไปอย่างน่าเสียดาย”
หลังจากนั้นจึงมีชื่อปรากฏใน ‘ประกาศพระราชทานถานันดรแห่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีและเหรียญรามมาลา’ ตอนหนึ่งว่า
“ได้ทำน่าที่ล่ามประจำกองย่อยต่างๆ ในกองทหารบกรถยนต์ซึ่งไปราชการสงครามในทวีปยุโหรป ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนประจำไปกับกองทหาร ตลอดจนในสนามรบ เข้าย่านลูกกระสุนของข้าศึกตกด้วยความองอาจไม่ย่อท้อ และน่าที่ล่ามนั้นสำหรับราชการครั้งนี้สำคัญผิดปรกติ เหตุว่าต้องเปนผู้เชื่อมต่อความเข้าใจระหว่างทหารฝ่ายสัมพันธมิตร์กับทหารไทยซึ่งพูดต่างภาษากัน ถ้าไม่มีล่ามแล้ว กองทหารไทยก็มิสามารถกระทำกิจสงครามให้ได้ผลดีเลย”
แล้วกล่าวถึง ม.ล.อุ่น โดยเฉพาะว่า “แต่จ่าสิบเอกชั่วคราว หม่อมหลวงอุ่น อิศรเสนา ณกรุงเทพ นั้นได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วในระหว่างราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จางวางเอก พระยาวรพงศ์พิพัฒน์ ผู้เปนบิดา รับพระราชทานเหรียญรามาลาไปรักษาไว้ เพื่อเปนเกียรติยศเชิดชูตระกูลนั้นสืบไป”

ม.ล.ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา น้องชาย ม.ล.อุ่น บันทึกไว้ในประวัติของเจ้าพระยาวรพงศ์ฯ ถึงเหตุการณ์ตอนนี้เอาไว้ว่า “ไม่ช้า ท่านก็ได้รับข่าวตายของลูกชายคนโตของท่านที่เป็นทหารอยู่ในกองทัพไทยนั้น ข่าวร้ายนี้ทำให้ท่านเสียใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นลูกหัวปีที่จากไปนานและเรียนสำเร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับ ก็เผอิญมาเกิดศึกเข้าอาสาแล้วตายเสียด้วย…ท่านก็ประสบความทุกข์ใหญ่หลวง ไม่เคยประสบมาก่อน คือเสียลูกหัวปีคนรักของท่าน”

ส่งท้าย
นับเป็นเรื่องน่าบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่หลวงสิริราชไมตรีได้รับคำเตือนจากเพื่อนเก่าผ่านการเล่นผีถ้วยแก้ว และได้พระกรุณาจากพระองค์หญิงปลดเปลื้องงานในภาระหน้าที่ให้ไม่ต้องลำบากใจ จนมีชีวิตอยู่ต่อมาร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้
ขณะที่กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ในรัชกาลที่ 7 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเสด็จไปประทับที่สิงคโปร์ จนสิ้นพระชนม์ ณ เกาะแห่งนั้น
ส่วนเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เสนาบดีกระทรวงวัง ในรัชกาลที่ 7 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง แล้วออกจากราชการในปี 2477 รวมอายุราชการถึง 57 ปี
บรรณานุกรม
- “ประกาศพระราชทานถานันดรแห่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีและเหรียญรามมาลา” ราชกิจจานุเบกษา, 21 กันยายน 2462.
- กษิดิศ อนันทนาธร (บรรณาธิการ) ปรีดีบรรณานุสรณ์ 2565: บางเรื่องเกี่ยวกับคณะราษฎร 2475. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2565.
- ทวี อิศรเสนา ณ อยุธยา. Memoire, 2535.
- จงจิตรถนอม ดิศกุล, หม่อมเจ้า. “พระประวัติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล.” ใน พิทยาลงกรณ์, พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่น. นิทานเวตาล. พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล ในพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 13 พฤษภาคม 2506.
- ยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา, หม่อมหลวง. ประวัติเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ 1991, 2545.
- สายสกุลบุนนาค, ชมรม. สาแหรกสายสกุลบุนนาค. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช, 2542.
- อนุสรณ์งานฌาปนกิจ คุณกัลยา อิศรเสนา ณ อยุธยา ณ เมรุวัดธาตุทอง วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563.
- อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ หลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ.ว. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2528.