“ชาวอลาสกาเล่นกีฬาอะไรกัน?”
คำถามข้างบนนำมาสู่บทความความที่คุณกำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ เพราะเอาจริงๆ แล้ว หากไม่ได้อยู่ที่นั่นหรือเคยไปเยือนมาก่อน เชื่อว่าภาพจำของอลาสกาในความทรงจำหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะสุดลูกหูลูกตา
แต่ในความเป็นจริงดินแดนอย่าง ‘อลาสกา’ ก็ไม่ได้ขาวโพลนตลอดปีหรือตลอดไป และหลายๆ เมือง โดยเฉพาะเมืองใหญ่อันดับหนึ่งอย่าง จูโน (Juneau) และเมืองใหญ่อันดันดับสองอย่าง แฟร์แบงค์ (Fairbanks) ก็ไม่ได้หนาวตลอดทั้งปี แถมมันยังมีหน้าร้อนด้วย!
ถึงแม้จะบอกว่ามีฤดูร้อน แต่สำหรับคนไทยอย่างเราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นฤดูร้อนที่อากาศเย็นอยู่ดี แม้ว่าในบางสถานที่อาจมีสถิติว่าในช่วงฤดูร้อนเคยมีอุณหภูมิสูงถึงหลัก 30 องศากลางๆ ถึงปลายๆ มาแล้ว แต่โดยเฉลี่ยอุณหภูมิจะอยู่ที่ราวยี่สิบต้นๆ หรือกลางๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ ฤดูร้อนที่ว่าก็กินเวลาอย่างมากแค่ 4-5 เดือน (ราวเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน) แต่นอกเหนือจากนั้นเป็นเรียกได้ว่าหนาวถึงหนาวมาก ซึ่งในพื้นที่เช่นนี้นี่เองที่ก่อให้เกิดคำถามว่า “ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นเล่นกีฬาอะไรกัน?” ขึ้นมา เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวยอย่างรุนแรงแล้ว สภาพภูมิอากาศก็ยังเลวร้ายเกินกว่าที่จะออกมาทำอะไรกลางแจ้งด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าเหลือเชื่อว่าที่อลาสกา พวกเขามีการแข่งขันกีฬาที่เรียกได้ว่าเป็น ‘โอลิมปิก’ ของพวกเขาเองในทุกๆ ปี และกีฬาที่แข่งขันก็ล้วนเป็น ‘กีฬาพื้นถิ่น’ ที่เกิดจากประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา อีกทั้งการแข่งขันกีฬาของพวกเขายังมีชื่อว่า ‘โอลิมปิกโลกเอสกิโม-อินเดียน’ หรือ WEIO (World Eskimo Indian Olympics) ซึ่งมหกรรมกีฬานี้เองจะตอบเราได้ว่า “ชาวอลาสกาเล่นกีฬาอะไรกัน?”
จุดเริ่มต้นคือวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
หากพูดถึงการแข่งขันกีฬาในพื้นที่ทางตอนเหนือหรือในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งหรือหิมะ หลายคนอาจคิดถึงกีฬาที่แข่งขันกันในโอลิมปิกฤดูหนาวอย่าง ฟิกเกอร์ สเก็ต, ไอซ์ฮอกกี้, ลูช, สเกลตัน หรือไบแอธลอน
แต่สำหรับโอลิมปิกโลกเอสกิโม-อินเดียน – ที่นี่เขาไม่ทำกันแบบนี้
จุดประสงค์หลักของการจัดงานโอลิมปิกโลกเอสกิโม-อินเดียน หรือ WEIO เกิดขึ้นเพื่อสืบทอดกีฬาซึ่งเป็นภูมิปัญญา และ วัฒนธรรมของชาวเอสกีโมและชาวอินเดียน ดังนั้นที่มาของกีฬาเหล่านี้ต้องมาพร้อมกับวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตกาล
ว่ากันว่าหลายร้อยปีก่อน ชาวพื้นเมืองในหลายชุมชนบนพื้นที่นี้มีอาชีพล่าปลาวาฬชายฝั่ง ทำให้มีวิธีการสื่อสารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อการล่าประสบความสำเร็จ พวกเขาจะส่งสัญญาณไปถึงฝั่งซึ่งการเป็นพื้นที่ที่ราบน้ำแข็งอันกว้างใหญ่มีเนินเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นวันที่มีอากาศแจ่มใสจึงสามารถมองไปได้ไกลหลายกิโลเมตร
เมื่อจับปลาได้สำเร็จ ผู้ส่งสารจะวิ่งไปเพื่อมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของพวกเขาและเมื่ออยู่ในระยะมองเห็น ผู้ส่งสารจะกระโดดและเตะทั้งสองเท้าขึ้นไปในอากาศ เมื่อนั้นหมู่บ้านก็จะรู้ว่าถึงเวลาต้องลงมือและช่วยนำปลาที่จับได้กลับบ้าน แต่การเตะไม่ได้ใช้เพื่อบอกข่าวดีเสมอไป แต่สามารถใช้เพื่อส่งสัญญาณเตือนหากมีใครได้รับบาดเจ็บด้วย
การเตะนี้ก็เป็นหนึ่งในการแข่งขันใน WEIO ในชนิดกีฬาที่มีชื่อว่า ‘Akratcheak’ หรือ ‘two foot high kick’ คล้ายกับกีฬาอื่นๆ ซึ่งมีที่มาจากวิถีชีวิตในอดีต เช่นกีฬา Four man carry คนหนึ่งคน ต้องแบกคนอีก 4 คนไว้บนตัว แล้วเดินไปให้ไกลที่สุด ซึ่งมีที่มาจากการที่ชนพื้นเมืองสมัยก่อน ต้องแบกปลาตัวใหญ่ๆ ที่ล่ามาได้กลับมายังหมู่บ้าน
นอกจากนี้ก็ยังมีกีฬาที่เดินเลียนแบบ ‘แมวน้ำ’ ซึ่งใช้เพื่ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงเรียกว่า ‘seal hop’ และอื่นๆ อีกรวมถึง 18 ชนิดกีฬาที่มาชิงชัยกัน และอย่างที่เรียนไว้ตั้งแต่ต้น สำหรับคนที่รอกีฬาอย่าง สกี, สโนว์บอร์ด, ไอซ์สเก็ต หรือไอซ์ฮอกกี้ บอกเลยว่า ไม่มี!
การแข่งขันถือกำเนิดจากคนนอก
WEIO ถือกำเนิดขึ้นในปี 1961 โดย บิลล์ อิงลิช และ ทอม ริชาร์ดส์ ซีเนียร์ ซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่ชนพื้นเมือง แต่บังเอิญได้มาเรียนรู้ละสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวอลาสกา ในตอนนั้นเริ่มมีสายการบินมาในอลาสกาแล้วและทำให้วัฒนธรรมอเมริกันที่มีอิทธิพลเริ่มรุกล้ำเข้ามาในชุมชนมากขึ้น จึงทำให้ทั้ง อิงลิช และ ริชาร์ดส์ ซีเนียร์ ที่ได้เห็นการแข่งขันเหล่านี้ เกรงว่ามันจะถูกกลืนกลินไปตามกาลเวลาจึงพยายามหาทางอนุรักษ์มัน
เขาใช้รูปแบบการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีเป็นต้นแบบ ก่อนจัดเป็นงานโอลิมปิกโลกเอสกิโม-อินเดียนขึ้นมา แต่แตกต่างจากโอลิมปิกเกมส์ที่จัดขึ้นทุกสี่ปี เนื่องจากการแข่งขันกีฬาพื้นเมืองนี้จัดขึ้นทุกปีและจัดมาอย่างยาวนานกว่า 60 ครั้ง โดยมีเพียงปี 2020 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปีเดียวเท่านั้นที่การแข่งขันถูกยกเลิกการจัดไป
ในครั้งแรกที่ WEIO เกิดขึ้น นักกีฬาและนักเต้นพื้นเมืองจากหมู่บ้านไม่กี่แห่งถูกนำมารวมตัวกันที่แฟร์แบงก์ และจัดการแข่งขันขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเชนา โดยตั้งแต่นั้นมากีฬาชนิดนี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวเลขในปี 2023 ที่ผ่านมา มีรายงานว่ามีผู้ชมมาเข้าร่วมชมการแข่งขันมากถึง 3,000 คนเลยทีเดียว
การแข่งขันที่เกิดขึ้นจึงเป็นการต่อลมหายใจในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ถูกสืบทอดมาเอาไว้ต่อไป และยังทำให้วัฒนธรรมเท่าเหล่านี้มีสีสันมากขึ้นกว่าแค่เป็นของตั้งโชว์ ณ ตอนนั้น บิลล์ อิงลิช และ ทอม ริชาร์ดส์ ซีเนียร์ ซึ่งเคยมองเห็นว่าวัฒนธรรมและวิถีชีวิตเหล่านี้ตกอยู่ในอันตรายที่จะหายสาบสูญไปเมืองกว่า 60 ปีก่อน อาจจะไม่คิดว่างานของเขาจะมาไกลขนาดนี้ก็ได้
กีฬาที่ไม่มีใครเหมือน
“คุณเล่าเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดประวัติศาสตร์ของชนเผ่าของคุณและสอนบทเรียนเกี่ยวกับมัน
“คุณถ่ายทอดการแข่งขันเพื่อสร้างและฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย และเอาตัวรอดได้ ทักษะเหล่านี้คือทักษะเอาตัวรอด” จีนา คัลลอช ประธานคณะกรรมการ WEIO กล่าว ซึ่งนั่นอาจจะเป็นคำจำกัดความของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโลกเอสกิโม-อินเดียนก็อาจจะว่าได้
อย่างไรก็ตามกีฬาทั้ง 18 ชนิดที่มีการแข่งขันกัน แม้บางอย่างมันจะดู ‘อิหยังวะ’ มากๆ แต่ทุกอย่างก็มีที่มาหรือมีจุดประสงค์ของมัน โดยหนึ่งในการแข่งขันที่อาจจะเป็นที่รู้จักหรือบางคนอาจจะเห็น นั่นคือการแข่งขัน ‘ear pull’ หรือ ‘ชักเย่อหู’ ที่จะมีเชือกคล้องหูทั้งสองฝ่ายแล้วให้แข่งกันดึงเส้นเชือกนี้ออกจากหูคู่แข่งให้ได้ โดยแม้จะเป็นกีฬาที่มีความ ‘อิหยังวะ’ สูงมาก แต่มันก็เป็นกีฬาที่ทำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันต้องอดทน เพราะในสภาพอากาศของอลาสกา ถ้าไม่ได้ดูแลหูให้ดีพอ บางทีความหนาวเย็นหรือน้ำแข็งกัดอาจจะเล่นงานที่หู
หรือการแข่งขันดึงไม้ของชนเผ่าอินเดียนแดงเป็นการทดสอบการจับให้แน่น โดยผู้แข่งขันจะพยายามดึงไม้สั้นๆ ที่ทาจารบีของคู่แข่ง ซึ่งเลียนแบบการจับปลาที่เพิ่งจับได้ แต่เนื่องจากปลาจะมีความลื่น นี่จึงเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีวิถีชีวิตแทรกไว้อย่างแนบเนียน
แน่นอนว่า เมื่อบอกว่ามันเป็นการแข่งขันที่มาจากวิธีชีวิตย่อมมีการแข่งขันที่ PETA ไม่ปลื้มปนอยู่ด้วย อย่างการแข่งขันถลกหนังแมวน้ำหรือกินเนื้อวาฬก็ถูกบรรจุไว้ในการแข่งขัน WEIO เช่นกัน ส่งผลให้นอกจากจะเป็นการแข่งขันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิถีชีวิตและจิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมร่วมของชาวอลาสก้าแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแข่งขันของพวกเขาไม่เหมือนใครจริงๆ
ความสำคัญของการคงอยู่
ในกีฬา 18 ชนิดมีบางชนิดกีฬาที่ไม่ได้มีการทำลายสถิติมานานแล้ว หนึ่งในนั้นคือ ‘greased pole walk’ ซึ่งเป็นกีฬาที่เดินบนเสาทาน้ำมันให้ไปไกลที่สุด โดยกีฬาชนิดนี้เป็นภาพสะท้อนของการหาปลา ที่บางครั้งต้องเดินบนไม้ท่อนเดียวที่ทั้งเปียกชื่นและลื่นจากเมือกปลาต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีในการทำประมงเปลี่ยนแปลงไป และการเดินบนเสาที่ลื่นๆ และอันตรายที่จะตะทะเลหรือเกิดอุบัติเหตุจึงไม่มีอีกต่อไป
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ศักยภาพในการเดินบนเสาลื่นๆ ของผู้เข้าแข่งขันลดลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่โชคดีที่กีฬาชนิดนี้ที่มีการแข่งขันกันยังพอทำให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าใจและเห็นภาพการทำประมงในรูปแบบดั้งเดิมของคนในพื้นที่นี้
ไมลีย์ คาคารุก เด็กหญิงที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันหลายประเภทใน WEIO เมื่อปี 2023 เปิดเผยว่า “ฉันได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมของฉัน รวมถึงต้นกำเนิดและภูมิหลังของกีฬาเหล่านี้
“แต่ละกิจกรรมมีความหมายเฉพาะตัวอยู่เบื้องหลัง ตัวอย่างเช่น Scissor Broad Jump เป็นกิจกรรมที่บอกได้ว่าคุณสามารถกระโดดข้ามน้ำแข็งได้หรือไม่”
แม้หลายกิจกรรมอาจไม่ได้ถูกใช้ในการดำรงชีวิตในปัจจุบันอีกต่อไป แต่คนรุ่นใหม่ก็ได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีตผ่านการแข่งขันกีฬานี้และถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องการอนุรักษ์และเรียนรู้ภูมิปัญญาในอดีต
จีนา คัลลอช ประธานคณะกรรมการ WEIO กล่าวทิ้งท้ายไว้ได้น่าสนใจว่า “ฉันคิดว่าวัฒนธรรมใดๆ ทั่วโลก หากคุณได้สัมผัสกับต้นกำเนิดของชนเผ่าของคุณและค้นพบสิ่งที่สื่อถึงตัวคุณโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ ร่างกาย หรือวิชาการ ก็สามารถเสริมสร้างชีวิตของคุณให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้จนถึงจุดที่คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้”
“สำหรับชนพื้นเมืองซึ่งวัฒนธรรมของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายจากการสูญหายไปเพราะโลกที่เปลี่ยนแปลง การค้นพบสิ่งที่เชื่อมโยงคุณอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่อยู่มาเป็นเวลานับพันปี ซึ่งคุณสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง ถือเป็นของขวัญที่น่าอัศจรรย์”
อ้างอิง
The World Eskimo-Indian Olympics
World Eskimo-Indian Olympics: How ripped ears are preserving a rare culture in Alaska
Celebrating the 2024 World Eskimo Indian Olympics
World Eskimo-Indian Olympics : A Celebration of Culture