จับตากองทุน Thai ESG Extra คืนชีพ LTF ในร่างใหม่ พยุงตลาดหุ้นได้จริงหรือ?

จากกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ 11 มีนาคม 2568 อนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนในรูปแบบใหม่ หรือเรียกว่า ‘Thai ESG Extra’ กองทุนนี้จะรองรับเงินลงทุนของผู้ที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ปัจจุบันมีวงเงินคงค้างอยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท หวังว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยให้กลับมาคึกคัก ยิ่งในช่วงที่กำลังเผชิญปัญหาเงินทุนต่างชาติไหลออกและความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก

ย้อนกลับไปดูรายละเอียดกองทุน LTF ในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเคยเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการลดหย่อนภาษี แต่ยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2562 กองทุนนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาของตลาดทุน และเพื่อส่งเสริมให้คนไทยออมเงินระยะยาวผ่านการลงทุน โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท พร้อมเงื่อนไขต้องถือครองไว้ 5-7 ปี แม้มาตรการนี้จะดึงดูดใจให้ประชาชนหันมาลงทุนได้ดีระดับหนึ่ง แต่พอนำไปใช้จริง ประสิทธิผลกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง

จากการศึกษารูปแบบกองทุน LTF ในบทความ “ทำอย่างไร เมื่อไม่มี LTF” โดย อธิภัทร มุทิตาเจริญ ที่เผยแพร่เมื่อปี 2561 ชี้ให้เห็นว่า LTF ไม่ได้ทำให้คนออมเงินเพิ่มขึ้นจริงๆ สักเท่าไร ส่วนใหญ่แค่โยกเงินจากกระเป๋าซ้ายมาใส่กระเป๋าขวา เพื่อรับสิทธิประโยชน์ภาษี แถมคนที่ได้ประโยชน์จริงๆ มักเป็นกลุ่มรายได้สูงที่มีเงินเหลือลงทุนอยู่แล้ว ไม่ใช่กลุ่มรายได้ปานกลางหรือรายได้น้อยที่รัฐอยากช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ LTF ครบกำหนดอายุการลงทุน นักลงทุนมักเทขายพร้อมกัน สร้างแรงกดดันให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ร่วงวูบ จนสุดท้ายรัฐบาลตัดสินใจยกเลิก LTF ไปในปี 2562 แล้วหันไปเปิดตัวกองทุน SSF แทน ซึ่งมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นกว่า


คราวนี้มาถึง Thai ESG Extra ที่ดูคล้ายต่อยอดมาจากบทเรียนเก่าๆ โดยรัฐบาลออกแบบให้กองทุนนี้เป็นทางออกให้คนที่ถือ LTF ครบกำหนดแล้วไม่อยากขายทิ้ง เพราะตั้งแต่ต้นปี 2568 มีแรงขายจาก LTF ไปแล้วกว่า 35,000 ล้านบาท ซึ่งนักวิเคราะห์เห็นว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กองทุน Thai ESG Extra ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดใจผู้ถือ LTF โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ที่มี LTF อยู่ในมือ สามารถโอนไปยัง Thai ESG Extra ได้ โดยได้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาทต่อปี แต่ต้องถือต่ออีก 5 ปี และต้องแจ้งความประสงค์กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2568 ส่วนคนที่อยากเริ่มใหม่ก็ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มได้ วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาทต่อปี

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ามาตรการนี้เป็นแผนชะลอแรงขายหุ้นและช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย ในขณะที่รายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) สำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ระหว่างวันที่ 20-28 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่าดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในภาวะ ‘ซบเซา’ ที่ 66.11 เท่านั้น


จุดเด่นของกองทุน Thai ESG Extra ไม่ได้มีแค่เรื่องการลดหย่อนภาษี แต่พ่วงแนวคิดการลงทุนที่ยั่งยืนแบบ ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์การลงทุนทั่วโลก นักลงทุนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและอยากช่วยพัฒนาสังคมก็คงถูกใจไม่น้อย แถมยังช่วยลดภาพจำของ LTF ที่เงินมักกระจุกอยู่ในหุ้นใหญ่ๆ อย่าง SET50 หรือ SET100 โดยไม่ค่อยกระจายไปที่หุ้นเล็ก

อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้จะแก้ปัญหาเดิมๆ ของ LTF ได้จริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากองทุน LTF แบบ Active ที่ต้องให้คนตัดสินใจลงทุนเองทุกปี ไม่ค่อยกระตุ้นการออมใหม่มากนัก สอดคล้องจากงานวิจัยจาก Quarterly Journal of Economics ที่สนับสนุนว่าเครื่องมือแบบ Passive เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่หักเงินอัตโนมัติ จะได้ผลดีกว่า กองทุน Thai ESG Extra ที่ยังใช้รูปแบบ Active อาจเจอปัญหาเดิม คือคนแค่โยกเงินจากกองทุนอื่นมา ไม่ได้ออมเพิ่ม ถ้ารัฐอยากให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ อาจต้องใช้กลไกการลงทุนอัตโนมัติ หรือเพิ่มแรงจูงใจอื่นๆ นอกจากเรื่องภาษี

อีกประเด็นที่ชวนให้คิดคือกลุ่มเป้าหมายของ LTF ที่เคยถูกวิจารณ์มาแล้วว่าเข้าถึงแค่คนรวยที่มีเงินเหลือให้ลงทุน กองทุน Thai ESG Extra ที่ตั้งวงเงินลดหย่อนสูงถึง 500,000 บาท และเน้นแนวคิด ESG ซึ่งต้องใช้ความรู้การเงินพอสมควร อาจยังวนอยู่ในวงจรเดิม ดึงดูดแค่นักลงทุนฐานะดี ถ้าอยากให้ถึงมือคนรายได้ปานกลางหรือน้อย รัฐอาจต้องลดเกณฑ์ขั้นต่ำ หรือทุ่มประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจง่ายขึ้น ไม่เช่นนั้นกองทุนรูปแบบใหม่นี้อาจซ้ำรอยเหมือน LTF อีก

นอกจากนี้ อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของกองทุน Thai ESG Extra คือ การทำให้ประชาชนเห็นและเชื่อมั่นว่า กองทุนนี้มุ่งลงทุนในธุรกิจที่ส่งเสริมความยั่งยืนอย่างแท้จริง หากทำไม่สำเร็จก็เป็นการยากที่จะดึงดูดนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีคุณภาพ

ความสำเร็จของกองทุน Thai ESG Extra รูปแบบใหม่ที่ต่อยอดมาจาก LTF จึงขึ้นอยู่กับการเรียนรู้บทเรียนจากอดีตของภาครัฐ หากสามารถปรับให้เกิดกระตุ้นการออมใหม่และเข้าถึงคนทุกระดับได้ มาตรการนี้จะไม่ได้ช่วยแค่ตลาดหุ้น แต่จะเป็นเครื่องมือที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการออมของคนไทยได้ด้วย แต่ถ้ายังวนลูปเดิมๆ ก็อาจเป็นแค่ LTF ในร่างใหม่ที่ดูทันสมัยขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง

MOST READ

Political Economy

12 Feb 2021

Marxism ตายแล้ว? : เราจะคืนชีพใหม่ให้ ‘มาร์กซ์’ ในศตวรรษที่ 21 ได้หรือไม่?

101 ถอดรหัสความคิดและมรดกของ ‘มาร์กซ์’ ผู้เสนอแนวคิดสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ผ่าน 3 มุมมองจาก เกษียร เตชะพีระ, พิชิต ลิขิตสมบูรณ์ และสรวิศ ชัยนาม ในสรุปความจากงานเสวนา “อ่านมาร์กซ์ อ่านเศรษฐกิจการเมืองไทย” เพื่อหาคำตอบว่า มาร์กซ์คิดอะไร? มาร์กซ์ยังมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 21 หรือไม่? และเราจะมองมาร์กซ์กับการเมืองไทยได้อย่างไรบ้าง

ณรจญา ตัญจพัฒน์กุล

12 Feb 2021

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

Public Policy

2 Aug 2021

ร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ… : ทางเลือกนโยบายใหม่ที่แย่กว่านโยบายเดิม

วงอร พัวพันสวัสดิ์ เขียนถึง ร่าง พ.ร.บ. การศึกษาฯ ฉบับใหม่ที่อาจเป็นทางเลือกทางนโยบายที่ควรตกไป เพราะสร้างต้นทุนในการปฏิบัติตามกฎหมายที่สูงกว่า พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ 2542 ขาดการแสวงหาแนวร่วมและการยอมรับที่กว้างขวาง รวมทั้งชวนตั้งคำถามว่า การออกกฎหมายใหม่คือหนทางเดียวในการปฏิรูปการศึกษาเรียนรู้หรือไม่?

วงอร พัวพันสวัสดิ์

2 Aug 2021

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save