ตัวอยู่ไกล แต่ใจมั่นคง : เมื่อเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้แรงงานข้ามชาติอยู่ในสังคมใหม่ได้ดีขึ้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Communication Technology: ICT) มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก และปัจจุบัน ในกลุ่มผู้ย้ายถิ่นข้ามชาติเองก็พบว่าเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการการย้ายถิ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลของประเทศปลายทาง ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง การติดต่อสื่อสารกับเครือข่ายผู้ย้ายถิ่นในประเทศปลายทาง และครอบครัวในประเทศต้นทาง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลและเปลี่ยนรูป (transform) ต่อกระบวนการย้ายถิ่นของแรงงานอย่างลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา บทความนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนสมาร์ตโฟน) เพื่อฝังตัว (embed) และยึดเหนี่ยว (anchor) กับชุมชน และครอบครัว ทั้งในประเทศไทยและเกาหลีใต้อย่างไร

โดยแทนที่จะมองว่าแรงงานเหล่านี้มีการบูรณาการ (integrate) กับสังคมเกาหลี หรือแยกตัวออก (segregate) อย่างสิ้นเชิง ผู้เขียนให้ความสนใจในวิธีที่แรงงานไทยยังสามารถรักษาความเชื่อมโยงข้ามถิ่น (translocality) กับเกาหลีใต้และประเทศไทยในเวลาเดียวกันผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


การฝังตัว ยึดเหนี่ยว และบูรณาการ: แรงงานข้ามชาติปรับตัวสู่สังคมใหม่อย่างไร 


แนวคิดเรื่องการฝังตัว (embedding) และการยึดเหนี่ยว (anchoring) เป็นสองแนวคิดที่อธิบายเรื่องการปรับตัวของผู้ย้ายถิ่น และมีมุมมองต่างจากแนวคิดการบูรณาการ (integration) หรือแนวคิดเรื่องการผสมกลมกลืน (assimilation) ซึ่งเป็นแนวคิดกระแสหลัก

Berry (1997) ได้นำเสนอกรอบแนวคิดเรื่องการปรับตัวทางวัฒนธรรมและอธิบายแนวคิดการบูรณาการว่า คือกระบวนการที่ผู้ย้ายถิ่นจะมีการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมในถิ่นที่อยู่ใหม่และยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิมของถิ่นที่จากมาในระดับเท่าๆ กัน ส่วนการผสมกลมกลืน คือกระบวนการที่ผู้ย้ายถิ่นจะมีการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่โดยสมบูรณ์ โดยละทิ้งวัฒนธรรมเดิมของถิ่นที่จากมาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทั้งสองแนวคิดไม่สะท้อนให้เห็นพลวัตและความซับซ้อนของกระบวนการย้ายถิ่นและความหลากหลายของผู้ย้ายถิ่น (Klarenbeek, 2021; Waldinger, 2017) อีกทั้งยังละเลยความจริงที่ว่าผู้ย้ายถิ่นมักจะยังคงไว้ซึ่งความเชื่อมโยงข้ามถิ่นไปยังถิ่นที่อยู่เดิม แม้ว่าจะย้ายไปยังถิ่นที่อยู่ใหม่แล้วก็ตาม (Erdal & Oeppen 2013; Waldinger 2017)

ในขณะที่แนวคิดเรื่องการฝังตัวและการยึดเหนี่ยวมองว่าผู้ย้ายถิ่นมีอำนาจในการกำหนด (agency) ว่าจะฝังตัวในมิติใด (เช่น ในมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การใช้ชีวิตประจำวัน) และในระดับใด (ตื้น ลึกเท่าใด) ในประเทศปลายทาง เพื่อให้สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตอยู่ได้ในฐานะผู้ย้ายถิ่น และมีสิ่งใดเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว (anchor) การฝังตัวนั้น ซึ่งสิ่งยึดเหนี่ยวจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจและความรู้สึกปลอดภัยในการดำรงชีวิต โดยการฝังตัวและการยึดเหนี่ยวอาจจะมีความเกี่ยวโยงและทับซ้อนกันได้ (Grzymala-Kazlowska & Ryan, 2022)

นอกจากนี้ แนวคิดเรื่องการฝังตัวและการยึดเหนี่ยว ยังคล้ายคลึงกับแนวคิดเรื่องการเชื่อมโยงข้ามถิ่น หรือ translocality ที่มองว่าผู้ย้ายถิ่นจะยังคงรักษาความเชื่อมโยงกับประเทศต้นทางอยู่แม้ว่าจะย้ายถิ่นไปที่ประเทศปลายทางแล้วก็ตาม (Brickell & Datta, 2011) 

ผู้เขียนเห็นว่าแนวคิดเรื่องการฝังตัวและการยึดเหนี่ยว และความเชื่อมโยงข้ามถิ่นเป็นแนวคิดที่เหมาะสมต่อการอธิบายเรื่องบทบาทของ ICT ในการปรับตัวของผู้ย้ายถิ่น เพราะนอกจากจะเป็นแนวคิดที่ยอมรับว่าชีวิตของผู้ย้ายถิ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่ปลายทางเพียงแห่งเดียว แต่พวกเขายังใช้ชีวิตแบบเชื่อมโยงข้ามถิ่นฐาน (translocal) อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดก็ตาม แนวคิดเหล่านี้ยังมองว่าผู้ย้ายถิ่นมีความสามารถในการตัดสินใจได้ด้วยตนเองว่าจะผูกพันหรือสร้างจุดยึดเหนี่ยวในที่ใด และมากน้อยเพียงใด เพื่อให้รู้สึกมั่นคงในชีวิตของตน ดังสะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนในกรณีของผู้ย้ายถิ่นที่เป็นแรงงานชาวไทยในประเทศเกาหลีใต้ ที่มีการใช้ ICT ตลอดกระบวนการการย้ายถิ่น


เทคโนโลยี ICT กับชีวิตประจำวันของแรงงานไทยในเกาหลีใต้


จากการลงพื้นที่ทำวิจัย ผู้เขียนพบว่าเทคโนโลยี ICT มีบทบาทสำคัญต่อแรงงานไทยในเกาหลีในการใช้ชีวิตข้ามถิ่นโดยการฝังตัวและการยึดเหนี่ยวทั้งในเกาหลีใต้และประเทศไทย ได้แก่ 1) ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการใช้ชีวิตและทำงานต่างแดน 2) ช่วยเชื่อมต่อกับเครือข่ายแรงงานไทยในเกาหลีใต้ 3) เป็นแหล่งข้อมูลในการหางานหรือเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจข้ามถิ่น (translocal business) และ 4) เป็นเครื่องมือในการติดต่อกับครอบครัวและคนใกล้ชิดในประเทศไทยและเกาหลีใต้

แรงงานข้ามชาติชาวไทยฝังตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ทั้งในฐานะลูกจ้างและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และใช้โซเชียลมีเดียหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานในประเทศเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะผ่านช่องทางแบบถูกกฎหมายผ่านระบบ EPS หรือช่องทางผิดกฎหมาย (อยู่เกินวีซ่าท่องเที่ยว) รวมถึงการหางานใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่มีสถานะผิดกฎหมาย และยังใช้โฆษณาธุรกิจเล็กส่วนตัวอีกด้วย

นอกจากนี้ พวกเขายังมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของสังคมเกาหลีผ่านการจับจ่ายใช้สอย ได้แก่ การใช้แอปพลิเคชันสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ และการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะของเกาหลี โดยดูเส้นทางและตารางเดินรถในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะผ่านทางแอปพลิเคชัน

ด้านสังคม แรงงานไทยฝังตัวอยู่ทั้งในชุมชนของคนเกาหลี โดยมีแอปพลิเคชันเรียนภาษาและแปลภาษาช่วยในการสื่อสาร ส่วนการฝังตัวในชุมชนแรงงานไทยในเกาหลีเริ่มจากการเข้าร่วมกลุ่มในโซเชียลมีเดีย เพื่อทำความรู้จักบริบทของสังคมชาวไทยในเกาหลีและติดตามข่าวสารต่างๆ เช่น กิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดการรวมตัวและสานสัมพันธ์กันในชีวิตจริง อีกทั้งยังพบว่าแรงงานไทยในเกาหลียังคงรักษาความผูกพันกับครอบครัวที่เมืองไทยผ่านการสื่อสาร เช่น การวิดีโอคอลหาสมาชิกครัวเรือนที่อยู่ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เป็นประจำ ซึ่งเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างวิดีโอคอลช่วยทำให้พวกเขาใช้ชีวิตแบบเชื่อมโยงข้ามพื้นที่ได้อย่างสะดวกมากขึ้น

ด้านมิติการเมือง พบว่าแรงงานไทยในเกาหลีมีส่วนร่วมในมิติทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งในไทย โดยหลายคนแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองผ่านทางโซเชียลมีเดีย และเรื่องสิทธิแรงงานในเกาหลี เช่น สวัสดิการ การคุ้มครองสิทธิในฐานะแรงงานข้ามชาติ โดยการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปี รวมถึงสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในเกาหลีผ่านกลุ่มในโซเชียลมีเดียกรณีที่ถูกละเมิดสิทธิ

มากกว่านั้น แรงงานชาวไทยยังปรับมาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบเดียวกันกับที่ชาวเกาหลีนิยมใช้ ทั้งโซเชียลมีเดีย กลุ่มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ  เช่น แชทแอปพลิเคชัน แผนที่ สั่งของออนไลน์ หรือเรียกรถแท็กซี่ เพื่อช่วยให้ใช้ชีวิตในเกาหลีได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแรงงานไทยกำลังฝังตัวอยู่ในโลกดิจิทัลควบคู่ไปกับชีวิตจริงในหลายมิติในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย


เทคโนโลยี ICT กับจุดยึดเหนี่ยวของแรงงานไทยในเกาหลีใต้


จากการสัมภาษณ์และสังเคราะห์ข้อมูลพบว่า แรงงานข้ามชาติชาวไทยมี ‘จุดยึดเหนี่ยว’ (anchor) หรือสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นคง ทั้งในเกาหลีใต้และที่ประเทศไทย โดยจุดยึดเหนี่ยวที่สำคัญด้านสถาบัน (institutional anchor) ได้แก่ การมีงานทำในเกาหลี และการมีสถานะทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ICT ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างจุดยึดเหนี่ยวด้านสถาบันนอกจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับการมาทำงานที่เกาหลีใต้ดังที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ICT จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างจุดยึดด้านสังคม (social anchor) ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์กับครอบครัวที่เมืองไทย คนเกาหลี คนในชุมชนท้องถิ่น และแรงงานไทยด้วยกันในเกาหลี โดยเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารข้ามถิ่นกับครอบครัวในประเทศไทย และการสื่อสารในท้องถิ่นกับเครือญาติและเพื่อนแรงงาน รวมถึงชาวเกาหลีในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนี้โซเชียลมีเดียยังมีความสำคัญในเวลาวิกฤตที่แรงงานชาวไทยต้องการความช่วยเหลือจากเครือข่ายชาวไทยในเกาหลีใต้อีกด้วย

ที่น่าสนใจคือความสามารถในการใช้ภาษาเกาหลีเป็นจุดยึดเหนี่ยวทางด้านความรู้ความสามารถ (cognitive anchor) ที่ช่วยให้แรงงานรู้สึกยึดโยงกับสังคมเกาหลี ซึ่ง ICT ช่วยให้สามารถเรียนภาษาเกาหลีได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่บ้านพักในเกาหลีและวัดไทยเป็นจุดยึดเหนี่ยวในเชิงสถานที่ (objective anchor) ที่มีอยู่จริง โดยแรงงานไทยในเกาหลีสามารถใช้ ICT ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับห้องเช่าหรือบ้านเช่าและกิจกรรมทางวัฒนธรรม และยังใช้เป็นตัวช่วยสื่อสารกับเจ้าของห้องเช่าหรือบ้านเช่าชาวเกาหลีอีกด้วย

ส่วนศาสนาและตัวตนในฐานะคนไทยเป็นจุดยึดทางใจ (subjective inner anchor) ที่สำคัญ ซึ่งโซเชียลมีเดียมีส่วนช่วยในการหาข้อมูลสูตรอาหารไทย ติดตามสื่อบันเทิงและข่าวในประเทศไทย รวมถึงการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาผ่านการไลฟ์สดสวดมนต์ของวัดไทย เป็นต้น

จุดยึดเหล่านี้ แม้จะแตกต่างกัน แต่ล้วนช่วยให้แรงงานรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในรูปแบบต่างๆ ทำให้แรงงานไทยสามารถดำเนินชีวิตข้ามถิ่นโดยการฝังตัวอยู่ในมิติต่างๆทั้งในประเทศเกาหลีใต้และในประเทศไทยนั่นเอง

จากผลการศึกษา เราพบว่าแรงงานข้ามชาติไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น แต่ใช้ชีวิต ‘ระหว่าง’ สองสถานที่ คือทั้งที่ประเทศปลายทาง (เกาหลีใต้) และที่บ้านเกิด (ประเทศไทย) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตในต่างแดน โดยยังคงรักษาความผูกพันกับบ้านเกิดได้อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรณีของแรงงานย้ายถิ่นชาวไทยในเกาหลีใต้ ซึ่งมีการใช้ชีวิตข้ามถิ่นระหว่างปลายทางและบ้านเกิด ได้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ย้ายถิ่นไม่มีความจำเป็นต้องปรับตัวโดยการบูรณาการหรือผสมกลมกลืนให้เข้ากับวัฒนธรรมของถิ่นที่อยู่ใหม่ แต่สามารถเลือกได้ว่าจะฝังตัวอยู่ในมิติใด ในระดับใด ของถิ่นที่อยู่ใหม่หรือถิ่นที่อยู่เดิม และสิ่งใดเป็นจุดยึดเหนื่ยวในการฝังตัวนั้นๆ ตามที่แต่ละคนจะให้ความสำคัญ ผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


ในกระบวนการทำวิจัย ผู้เขียนลงพื้นที่เก็บข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพแบบชาติพันธุ์วรรณนา (ethnography) ในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม 2565 และในประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน 2565 โดยทำการสัมภาษณ์กับแรงงานข้ามชาติชาวไทยในเกาหลีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 86 คน แบ่งเป็นชาวไทยที่ต้องการไปทำงานในเกาหลีใต้ (aspiring migrants) แรงงานชาวไทยที่ทำงานอยู่ในเกาหลีใต้ในปัจจุบัน (current migrants) แรงงานไทยที่เคยทำงานที่เกาหลีใต้และเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว (returnees) สมาชิกในครอบครัวของแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในเกาหลีใต้ และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ (ได้แก่ เจ้าหน้าที่ภาครัฐของไทยและเกาหลีที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดหาแรงงานชาวไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้ผ่านระบบ Employment Permit System หรือ EPS ผู้ประกอบการชาวไทยในเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน NGO และอาสาสมัครที่คอยให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิแรงงานไทยในเกาหลีใต้)

เข้าถึงบทความวิชาการฉบับเต็ม ‘แรงงานชาวไทยในเกาหลีใต้ใช้ ICT ในการปรับตัวแบบฝังตัวและยึดเหนี่ยวข้ามถิ่นอย่างไร’ ได้ที่: https://doi.org/10.1111/tesg.70008  


อ้างอิง

Berry, J.W. (1997), Immigration, Acculturation, and Adaptation. Applied Psychology 46(1), pp. 5–34. https://doi.org/10.1111/j.1464-0597.1997.tb010 87.x.

Brickell, K., & Datta, A. (2011). Translocal Geographies Spaces, Places, Connections. Surrey: Ashgate Publishing Limited.

Erdal, M.B. & C. Oeppen (2013), Migrant Balancing Acts: Understanding the Interactions Between Integration and Transnationalism. Journal of Ethnic and Migration Studies 39(6), pp. 867–884. https:// doi.org/10.1080/1369183X.2013.765647.

Grzymala-kazlowska, A. & Ryan, L. (2022), Bringing anchoring and embedding together: theorising migrants’ lives over time. Comparative Migration Studies, 10(1), p. 46. https://doi.org/10.1186/s40878-022-00322-z

Klarenbeek, L.M. (2021), Reconceptualising “Integration as a Two-Way Process”. Migration Studies 9(3), pp. 902–921. https://doi.org/10. 1093/migration/mnz033.

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save