‘ฮั้ว สว.’ : มองทะลุเกมการเมืองเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ตั้งคำถามต่อความโปร่งใสและยึดโยงประชาชน กับ ชิบ จิตนิยม

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (2568) ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เลื่อนการพิจารณาคดี ‘ฮั้ว สว.’ ออกไป และสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่ 6 มีนาคม 2568 ชวนให้ตั้งคำถามว่าตามหลักการแล้วหน่วยงานใดที่มีอำนาจตรวจสอบประเด็นดังกล่าว

นอกจากนั้น หากเราย้อนกลับไปในช่วงการเลือก สว. จะพบว่ากระบวนได้มาซึ่ง สว. ชุดนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่โปร่งใสจากพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงกฎกติกาที่หลายคนมองว่า ‘ซับซ้อนที่สุดในโลก’

แต่เมื่อกลับมาพิจารณาว่า สว. ชุดปัจจุบันถูกเรียกว่าเป็น ‘สว.สีน้ำเงิน’ และมีอำนาจมากในสภาสูงเมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาล จึงเกิดคำถามว่าการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปเพื่อความโปร่งใสอย่างแท้จริง หรือเป็นแค่เกมการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย

ท้ายที่สุดแล้ว ‘การฮั้ว สว.’ เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และใครมีอำนาจตรวจสอบ วันโอวันชวน ชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภาและอดีตสื่อมวลชน มาวิเคราะห์เบื้องลึกของปรากฏการณ์นี้จากมุมมองของผู้มีประสบการณ์จริง

หมายเหตุ: ถอดความบางส่วนจาก 101 One-on-One EP.357: ‘ฮั้ว สว.’ เนวิ(น)เกเตอร์เครื่องรวน? กับ ชิบ จิตนิยม เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568

YouTube video

ข้อกล่าวหา อั้งยี่ซ่องโจรรุนแรงเกินไป?

จากกรณี ‘ฮั้ว สว.’ ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษสั่งเลื่อนการพิจารณาออกไป ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ชิบมองว่าประเด็นนี้กำลังเป็นที่จับตามองจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป รวมถึง สว. เองก็มีความตื่นตัวด้วยเช่นกัน

ดังที่เป็นเป็นข่าวใหญ่ก่อนหน้านี้ว่าดีเอสไอจะรับคดีฮั้ว สว. หรือไม่ และต่อมาได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวโต้ของฝ่ายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น สว. สีน้ำเงิน ซึ่งอ้างว่า กกต. ต่างหากคือผู้มีอำนาจตรวจสอบ ไม่ใช่ดีเอสไอ จนถึงขั้นอาจมีการเรียกตัว พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมาให้ปากคำในประเด็นดังกล่าว และอาจนำไปสู่การดำเนินการถอดถอน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ต่อประเด็นนี้ ชิบให้ความเห็นว่าคำถามใหญ่คือหน่วยงานใดมีอำนาจตรวจสอบ “คดีความในเชิงกฎหมายจะทําได้มากน้อยแค่ไหน หน่วยงานไหนกันแน่ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือดีเอสไอ บางคนพูดถึงศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระก็สามารถตรวจสอบเราได้ด้วยซ้ำไป”

เมื่อถามว่าข้อกล่าวหา ‘อั้งยี่ซ่องโจร’ เป็นคำที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ ชิบกล่าวว่าเมื่อได้ยินคำว่าอั้งยี่ซ่องโจร ตนตกใจว่าร้ายแรงขนาดนั้นจริงหรือ แต่หากอ้างอิงจากคำกล่าวของทวี จะเห็นได้ว่าตามหลักกฎหมาย คำว่า ‘อั้งยี่ซ่องโจร’ มีการใช้งานมานานแล้ว แต่การตีความว่าพฤติกรรมเข้าข่ายหรือไม่ ต้องมีการสอบสวนเชิงลึก หากมีการรวมกลุ่มเพื่อกระทำการบางอย่างที่ผิดกฎหมาย ก็อาจถูกพิจารณาว่าเข้าข่ายได้

“โดยคําพูดอาจจะดูรุนแรง แต่โดยเนื้อหาสาระก็เป็นสิ่งที่เราสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ว่าใครมีอํานาจหน้าที่ เราเข้าข่ายเป็นอั้งยี่หรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่เราเข้าใจได้ แต่ว่าคําพูดแรงจริงๆ” ชิบกล่าว

กระบวนการเลือก สว. – ต้นตอของการฮั้ว?

สำหรับคำถามว่า สว. ฮั้วกันจริงหรือไม่ ชิบเปิดประเด็นด้วยการเล่าประสบการณ์ว่า “รอบสุดท้ายที่เมืองทองธานี ผมอยู่ในเหตุการณ์ ลุ้นตลอดเวลา แต่ก็มีข้อสังเกตอย่างที่เป็นข่าวว่าคะแนนเกาะกลุ่มกัน”

ประเด็นแรกที่นำไปสู่ความคลางแคลงใจของ สว. ที่เข้ารอบสุดท้าย คือการที่ผู้สมัครอันดับระหว่าง 1-7 หรือ 8 อันดับแรกมีคะแนนเกาะกลุ่มกันมาก และทิ้งห่างจากอันดับถัดมาจนดูผิดปกติ

อีกประเด็นหนึ่งคือเวลาที่จำกัดในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร “มีเวลาให้ไม่ถึง 10 นาที แต่ต้องอ่านประวัติของ 160 คน เวลาไม่พอแน่นอน” ชิบกล่าว และเสริมว่าเป็นไปได้ยากมากที่จะพิจารณาได้อย่างครบถ้วน ยกเว้นว่าจะรู้จักกันมาก่อน หรือบุคคลนั้นเป็นที่รู้จักในแวดวงอยู่แล้ว ดังเช่นตนที่อาจเคยมีคนเห็นผ่านหน้าจอมาบ้าง

เมื่อผลคะแนนออกมา จึงนำมาสู่ข้อสงสัยว่ากระบวนการอาจไม่เป็นธรรม ในหมู่ผู้สมัคร สว. เองก็มีความพยายามหารือแนวทางการตรวจสอบ โดยเรื่องที่น่าตั้งคำถามคือรูปแบบการจดตัวเลขลงคะแนนที่เหมือนกันหลายใบ ซึ่งชิบมองว่าการจดตัวเลขนั้นต้องมีอยู่แล้วเพราะต้องอาศัยความแม่นยำ แต่กระนั้นก็มีความผิดปกติที่เห็นได้ชัด

“ความผิดปกติที่เกิดขึ้นคือ 130 ใบมีตัวเลขตรงกันเป๊ะ” เขากล่าวพร้อมให้เหตุผลว่านักคณิตศาสตร์คำนวณแล้วมีโอกาสเป็นได้ได้น้อยมาก “แต่มันเกิดขึ้นได้ขนาดนี้นะครับ ทั้งๆ ที่แค่ไม่กี่สิบใบ โอกาสจะเกิดยังยากเลย นี่จึงเป็นกระบวนการที่ผมเชื่อว่าทุกคนมีคําตอบในใจว่ามันผิดปกติจริงๆ” ชิบกล่าว

ต่อคำถามที่ว่าระบบการเลือกตั้ง สว. ถูกออกแบบให้มีลักษณะที่เอื้อต่อการฮั้วกันระหว่างผู้สมัครหรือไม่ ชิบตอบว่า “คณะกรรมการเลือกตั้งมีความชัดเจนแล้วว่า ฮั้วแบบตกลงกันว่า ‘ฉันเลือกเธอ เธอเลือกฉัน’ ไม่เป็นไร เพราะไม่มีอามิสสินจ้างเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ไม่มีการสัญญาว่าจะให้ จึงไม่ถือว่าเป็นการฮั้ว”

ปัญหาคือในทางปฏิบัติ ผู้สมัครที่มีเครือข่ายหรือความสัมพันธ์กับกลุ่มต่างๆ มักจะได้เปรียบ ในขณะที่ผู้สมัครที่ไม่มีฐานเสียงหรือเป็นประชาชนทั่วไป เช่น เกษตรกร หรือคนไม่มีชื่อเสียง มักไม่มีโอกาสได้รับเลือก ดังนั้น ชิบมองว่าการจัดให้มีการประชุมสัมมนาเพื่อทำความรู้จักกันโดยไม่มีอามิสสินจ้าง จึงเป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ และต่อให้มีการรณรงค์กันเองให้มีการ ‘สมัครเพื่อโหวต’ แต่ในความเป็นจริง ผู้สมัครที่ไม่มีแนวร่วมโหวตก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี

ดีเอสไอ หรือ กกต.? ใครมีอำนาจตรวจสอบ ‘ฮั้ว สว.’

คำถามสำคัญต่อมาคือ สรุปแล้วใครต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบกรณีฮั้ว สว. ชิบกล่าวว่า “ดีเอสไอยืนยันชัดเจนว่าถ้ามีความผิดอาญาเรื่องการฟอกเงิน เขามีอำนาจหน้าที่เต็มที่” โดยชิบมองว่ามีคนที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะอาจมีคนมองว่า กกต. มีอำนาจตรวจสอบ เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้งโดยเฉพาะ

“ผมเชื่อว่าถ้าฟังจากคุณทวีพูด ท่านมั่นใจว่าหลักฐานพยานต่างๆ เพียงพอจะเข้าข่ายคดีอาญา คดีฟอกเงิน” ชิบกล่าวและเสริมว่าโดยหลักการแล้ว ดีเอสไอมีอำนาจพิจารณาคดีที่เข้าข่ายคดีพิเศษ เช่น คดีฟอกเงิน หรือคดีอาญาที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง คดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท เช่น คดีแชร์ลูกโซ่ สามารถยื่นให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนได้

สำหรับกรณีการฮั้ว สว. มีรายงานว่ามีการใช้จ่ายเงินสูงราว 800 ล้านบาท ซึ่งอาจเข้าข่ายคดีอาญาและเชื่อมโยงกับการฟอกเงินได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดข้อถกเถียงว่าคดีนี้ควรอยู่ในอำนาจการพิจารณาของดีเอสไอหรือไม่

กระนั้น เมื่อถามถามว่าสรุปแล้วกระบวนการตรวจสอบควรเป็นอย่างไร ชิบให้ความเห็นว่า “ผมไม่สามารถฟันธงได้ว่าหน่วยงานไหนที่มีอำนาจ ก็ต้องติดตามเป็นการบ้านของสมาชิกวุฒิสภาที่ต้องไปดูหลักกฎหมายอีกทีหนึ่ง”

เนื่องจากมี สว. 138 คน และสำรอง 2 คนที่ถูกระบุชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีฮั้ว สว. จึงทำให้มีข้อกังวลว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. จะเป็นอย่างไรต่อไป ชิบมองว่าการดำเนินคดีส่วนใหญ่ยืดเยื้อยาวนาน ในเมื่อ สว. อายุการทำงานแค่ห้าปี และตอนนี้ผ่านมาแล้วเจ็ดเดือน หากมีอะไรพลิกผัน ก็อาจยังทำงานต่อได้ โดยที่คดีความยังค้างคา

“แล้วมันจะมีการล้มทั้งกระดานไหม บางคนบอกว่าไม่ถึงขนาดนั้น เพราะกฎหมายประกอบเรื่องการได้มาของ สว. มีหลายเรื่องที่ต้องตีความ ถ้าโดน 138 คน หรือสำรอง 2 คน สว. ก็ยังทําหน้าที่ได้อยู่ เพราะว่าถ้าเอาตัวสํารองกลับมา ก็ยังเกินกึ่งหนึ่ง ก็ยังทำงานได้”

อย่างไรก็ตาม ชิบกล่าวว่า “ปัญหาคือถ้าเกิดมีการล้มทั้งกระดาน สว. ที่เข้ามาโดยสุจริต ที่เขาเชื่อว่าตัวเองเข้ามาทางกระบวนการที่ถูกต้อง เขาก็มีสิทธิที่จะฟ้องด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ฟ้องกันไปฟ้องกันมา ผมว่าเรื่องนี้อีกยาวเลย”

เกมการเมืองเพื่อไทย VS ภูมิใจไทย?

มีการตั้งคำถามว่าประเด็นฮั้ว สว. ครั้งนี้เป็นเกมการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยหรือไม่ บางคนอาจมองว่านี่เป็นเกมในการต่อรองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของเพื่อไทย ต่อประเด็นนี้ ชิบกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าก็อาจจะมีส่วนอยู่บ้าง เป็นจังหวะที่เหมาะสมพอดี แต่ถ้าดูวิวัฒนาการก็จะเห็นว่ามีการฟ้องร้องอย่างต่อเนื่อง”

เขาอธิบายว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการที่ สว. ชุดสำรองต่อสู้ให้มีการตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. มาตลอดเป็นเวลากว่าเจ็ดเดือน โดยได้ยื่นฟ้องต่อศาลและองค์กรอิสระหลายคดี การฟ้องร้องจึงดำเนินมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน โดยมีคำร้องมากกว่า 500 เรื่อง

ทางด้านการสอบสวนของ กกต. ชิบกล่าวว่ามี สว. หลายคนถูกสอบสวนและตรวจสอบคุณสมบัติมาโดยตลอด แต่เมื่อตั้งคำถามว่าในมุมของประชาชน กกต. ดูจะทำงานล่าช้าหรือไม่ ชิบกล่าวว่า “ถ้าพูดตามตรงก็ค่อนข้างช้า เพราะนี่ผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว

“อาจมีคนได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องนี้พอสมควร คนที่เป็นตัวสํารองเองเขาก็เดือดร้อน เพราะเขาบอกว่าถ้าหาก สว. มาแบบไม่ยุติธรรม การใช้เวลาตรวจสอบแบบนี้ก็ถือว่าเนิ่นนาน โดยที่ตัวเขาไม่ได้ประโยชน์อะไร”

‘สว.สีน้ำเงิน’? : คำถามต่อกติกาการเลือก สว. เพื่อสะท้อนเสียงประชาชน

เมื่อพูดถึงเกมการเมือง เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกล่าวว่าแม้ สว. 200 คนชุดนี้อาจโหวตไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด แต่เสียงส่วนใหญ่ยังโหวตไปในทิศทางเดียวกัน จนถูกเรียกว่าเป็น ‘สว.สีน้ำเงิน’ และได้รับฉายา ‘เนวิ(น)เกเตอร์’

ชิบตั้งข้อสังเกตว่า “ต้องยอมรับว่าคนที่ติดตามการเมืองและบทบาทของ สว. จะเห็นภาพชัดว่าเวลามีการลงมติแต่ละครั้ง มักจะจับกลุ่มอยู่ประมาณ 120-130 เสียงในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องสำคัญของ สว. เช่น การคัดกรองบุคคลที่จะทำงานในองค์กรอิสระ”

ชิบให้ความเห็นว่า สว. ด้วยกันอึดอัดใจกับการตั้งคณะกรรมาธิการหรือคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ เคยมีการโต้แย้งเรื่องการตั้งกรรมาธิการวิสามัญในการพิจารณาเรื่องสำคัญเหล่านี้ เพื่อให้ สว.อิสระได้มีส่วนร่วม ซึ่งก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

“หากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ สว. อิสระจะได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของประชาชนก็ค่อนข้างที่จะเหนื่อยใจพอสมควร” ชิบกล่าว

หลายคนมองว่า สว. ชุดนี้ บางคนที่ผ่านการสรรหาแล้ว บางคนตำแหน่งใหญ่แต่กลับตกรอบ ซึ่งมีคนตั้งข้อสันนิษฐานเป็นเพราะว่าสายสีน้ำเงินไม่รับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีที่คนมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือนักธุรกิจใหญ่ กลับตกรอบ สว.

“ผมเคยเตือนไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่า การเลือก สว. ถ้ายังเป็นกรอบกติกานี้ ฝ่ายที่เขาได้รับเลือกครั้งนี้ ต่อไปในสมัยหน้า อาจจะเนียนกริบกว่านี้อีก วิธีการแยบยลกว่าเดิม แนบเนียนกว่าเดิมอีก นี่เป็นเรื่องที่ต้องระวัง”

แม้ว่าโดยหลักการแล้ว ชิบเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการเลือก สว. ยังควรมีความซับซ้อนอยู่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า “โดยหลักการแล้ว [กติกา] เหมือนจะดูดี แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ยังมีคนที่สามารถหาช่องโหว่ได้ ซึ่งผมคิดว่าหลายฝ่าย หลายคน หลายองค์กร หลายกลุ่มก็คิดเหมือนกัน เพียงแต่ว่าในทางปฏิบัติจะสามารถควบคุมได้แค่ไหน”

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save