สวัสดีครับ เดือนนี้อยากแนะนำคุณลุงฟังเพลงใหม่ของลิซ่าครับ ชื่อว่า ‘Rockstar’ ที่คนไทยต่างตื่นเต้นกับถนนเยาวราช และอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือ ‘ชุดของลิซ่า’ ที่ทำให้หลายคนแต่งและไปเดินเยาวราชตาม MV คุณลุงมองอย่างไรกับแฟนชันของเพลงนี้ครับ – ปูน
ตอบคุณปูน
เมื่อวันก่อนบนรถไฟฟ้า ลุงเห็นน้องคนนึง ใส่เสื้อผ้าในทิศทางที่มาจาก ‘ชุดของลิซ่า’ (ซึ่งบางคนแซวว่าก็มีตัวละครมังงะ Jostar เป็นแรงบันดาลใจอีกชั้น) ดูแล้วก็ไม่ขัดหูขัดตาอะไร และดูน่ารักดีอีกต่างหาก
สมัยนี้คนเรามีข้อจำกัดน้อยลง ในเรื่องของการทำอะไรแล้วตนมีความสุข โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างตัวตน ทั้งที่สร้างความพอใจให้ตัวเอง และเรียกยอดไลค์ยอดอวยจากคนอื่น อย่างเรื่องการแต่งตัวนี่ แต่งตัวสวยยังไม่พอ ถ้าสามารถไปปรากฎตัวในสถานที่ซึ่งสวยงามคู่ควรได้จะดีมาก
ไม่ผิดกับที่นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจะเช่าชุดไทยใส่ไปเดินถ่ายรูปจากร้านให้เช่ารอบบริเวณวัดอรุณฯ (รูปตนเองนะครับ รูปวัดนั้นเป็นเรื่องรอง) ถ้ามีคนเปิดร้านให้เช่าชุดลิซ่า โจสตาร์ แล้วเปิดร้านถึงตีสามให้คนมาถ่ายรูปกันยามวิกาล โดยไม่แคร์สายตาของผู้คนตามถนนสายแยกของแถวนั้น ลุงก็ว่าไม่แปลก
หรือจะยังพอใจกับการเอาภาพตัวเองไปแปะบนมีมถนนสายที่ปรากฏใน MV ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
แฟชั่นก็แฟชั่นแหละครับ มาๆ ไปๆ คือถ้าตอนที่กำลังอ่าน ไม่มีใครสนใจ ‘ชุดของลิซ่า’ เพราะมันก็ผ่านไปเป็นสัปดาห์ๆ แล้ว ลุงว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนกัน
สวัสดีค่ะ คุณลุงรู้จัก ‘หมีเนย’ ไหมคะ ช่วงนี้ดังมากเลย ผู้คนต่างเดินทางไปหา จนน้องได้ไปออกรายการต่างๆ มีเพลงเป็นของตัวเองด้วย ทำไมคนเราถึงชอบมาสคอตคะ – เนย
ตอบคุณเนย
เอาจริงๆ นะ คนเราไม่ได้ชอบมาสคอตทุกตัวเสมอไป เด็กๆ ไปเจอมาสคอตตามห้างบางคนยังร้องไห้จ้า เพราะเขาคิดว่ามันน่ากลัว คนเราจะชอบมาสคอตเพราะคุณสมบัติของมัน (หน้าตา ดีไซน์ นิสัย บุคลิก ลูกเล่นประจำตัว ฯลฯ)
ยังจำ ‘คุมามง’ เมื่อราวสิบปีก่อนกันได้ใช่ไหมครับ คุมามงเป็นมาสคอตช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนรู้จักเมืองคุมาโมโตะ ซึ่งตอนนั้นยังเป็น ‘เมืองรอง’ ในเกาะกิวชู ต่อมาทางจังหวัดเจ้าของตัวมาสคอตเอง ‘เปิดเสรี’ แบบให้กิจการใดๆ ที่เกี่ยวกับเมืองคุมาโมโตะสามารถเอาสัญลักษณ์คุมามงไปใช้ได้
คุมามงเป็นหมีเกรียนตัวนึง มีท่าร่างเฉพาะตัว นิสัยขี้เล่นเกือบไร้ขีดจำกัด น่าทึ่งที่เขาออกแบบชุดให้มาสคอตตัวนี้สามารถกระโดดขึ้นเวทีได้เองโดยไม่ต้องมีคนนำหรือประคอง ท่าร่างว่องไว เต็มไปด้วยชีวิตชีวา (อยากจะใช้คำว่าทรงพลัง แต่ก็เกรงใจ) ความน่ารักสายเกรียนของคุมามงก็เป็นที่รู้จัก และเคยมาทัวร์เมืองไทยด้วย
ความน่ารักของคุมามงเป็นคนละเรื่องกับความน่ารักของหมีเนย
หมีเนยเขาตั้งหน้าตั้งตาน่ารัก ท่าประจำตัวของหมีเนยแสดงความเหนียมอายของเด็กผู้หญิง นอกจากท่าเต้นดุกดิกๆ เท่าที่เห็นคือ ท่าดีใจและเขินเมื่อมีคนเอาของมาให้ เคืองพองามเมื่อรู้ว่าของฝากโดนเจ้าหน้าที่เก็บไปจนหมด แล้วก็ท่าเขินเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชาย
ล่าสุดเห็นไปเริ่มอีเวนต์กับแบรนด์หรูอย่างกุชชีแล้ว
หมีเนยมีหน้าที่ช่วยการตลาดของขนมร้านชื่อเดียวกับตน และยังช่วยเรียกคนเข้าห้างซึ่งร้านขนมไปตั้งอยู่
เรื่องหมีเนยออกเพลงนั้น ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะมาสคอตควรเป็นมาสคอต กล่าวคือสื่อสารผ่านท่าทาง และปล่อยพื้นที่ให้จินตนาการของแฟนๆ บ้าง เข้าใจว่าความสุขของแฟนๆ น่าจะอยู่ตรงนี้ ยังดีที่ไม่มีฉากซึ่งหมีจับไมค์ร้อง
ไม่แปลกใจนะที่คนไทยหลงใหลความน่ารักกันขนาดนี้ จะเป็นเพราะชีวิตเรามันน่าเกลียด ต้องมีความน่ารักมาสร้างสมดุล ก็ไม่ทราบเหมือนกัน
โอ๊ย ลุงคิดอะไรเกี่ยวกับหมีเนยไม่ออก เพราะตอนนี้สมงสมองไปอยู่กับชุดโอลิมปิกนักกีฬาไทยหมดแล้ว
ลุงคะลุง ทางคณะนักกีฬาทีมชาติไทยบอกว่า ชุด ‘อบต.’ ที่เห็นเป็นดราม่า ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ในพิธีเปิดอย่างที่เราเข้าใจ ลุงมองเรื่องนี้ยังไงฮะ – เดย์
ตอบคุณเดย์
นี่คือจะตอบโดยใช้เสื้อพระราชทานไซส์ LL สีฟ้า (เรียกสีครามกันอยู่ได้ว้อย) สามกระเป๋า มีประดับลายขอที่ปอป้อใส่จนเป็นเรื่องราวฮือฮาในวันพุธและพฤหัสที่ผ่านมา (17 และ 18 กรกฎาคม)
มีความรู้สึกว่าปีนี้ทั่วโลกเขาแจ้งมาในไลน์กลุ่มว่า ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ กีฬาก็เรื่องนึง แต่อีกเรื่องที่เราต้องเล่นใหญ่ก่อนจะมีการแข่งขัน คือการอวดชุดที่จะใส่ เอ้า อวดอะไรกันล่ะ คำตอบคืออวดศักดิ์ศรีของชาติด้วยการใช้สีของเครื่องแต่งกาย อวดฝีมือช่างจากการตัดเย็บและออกแบบ สุดท้ายคืออวดรายละเอียดของชุด คือให้จัดกันไปอย่างอลังการถือว่าเป็นการโปรโมตก็แล้วกัน
ผลก็คือประเทศเล็กๆ อย่าง ‘มองโกเลีย’ ซึ่งมีนักกีฬาในการแข่งขันเพียงยี่สิบกว่าคน แทบจะคว้ารางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง ชุดของพวกเขา ใครเห็นใครก็กรี๊ด ฝีมือแฟชั่นเฮาส์ บริษัทสองศรีพี่น้องชาวมองโกเลีย มิเชลแอนด์อามาซองกา ก่อนออกแบบมีถามความเห็นของประชาชนด้วยนะเออ (ประเทศมองโกเลียเพิ่งเป็นประชาธิปไตยมาได้ราว 30 ปี)
ส่วนประเทศที่มีภาพจำของความปั่นป่วนวุ่นวายอย่าง ‘เฮติ’ ก็แก้ภาพลักษณ์ได้ด้วยชุดกางเกงลายพรินต์แสนสวย มาจากภาพวาดของศิลปินชาวเฮติ โดยเสื้อผ้าของผู้ชายเป็นชุดทวิสต์มาจากเสื้อซาฟารีที่ชาวเฮติชอบใส่ สีฟ้าอ่อนของขอบฟ้าทะเลแคริบเบียนนั้นสวยมาก
‘แคนาดา’ มาแรงด้วยสีแดงสด ‘อเมริกา’ ยิ่งใหญ่เสมอต้นเสมอปลาย ด้วยผลงานของแฟชั่นเฮาส์เจ้าเก่าอย่างราล์ฟ ลอเรนหรือประเทศเจ้าภาพอย่าง ‘ฝรั่งเศส’ ก็นำทักซิโดมาเล่น (คิดได้ไง) ถึงกับทำเสื้อนอกแขนกุดสำหรับผู้หญิง อวดโทนกล้ามเนื้อ (และลุงเชื่อว่าใส่แล้วไม่ร้อน) ปีนี้เราได้เห็นชุดสวยๆ ของนักกีฬา จากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดสำหรับพิธีเปิด
แต่ก็ยังคล้ายมีบางประเทศไม่ยอมอ่านไลน์กรุ๊ป นอกจากบ้านเราก็มีตัวอย่างของ ‘มาเลเซีย’ และ ‘จีน’
มาเลเซียใช้เสือโคร่งมลายูเป็นคอนเซปต์ของการออกแบบ แต่ชุดกลับออกมาดูธรรมดา เลอะเทอะ และดูแล้วเหมือนใช้วัสดุไม่มีคุณภาพ คนมาเลย์เขาบ่นกันสาดเสียเทเสียทางโซเชียล ทางคณะกรรมการโอลิมปิกมาเลเซียยอมออกแบบชุดใหม่ ซึ่งถ้ามีเวลาก็น่าจะทัน
ส่วนจีนนั้น นักกีฬาสวมเสื้อตัวในสีขาวคอจีน สวมเสื้อนอกสีแดงมงคลทับ ผู้ชายสวมกางเกงขาว ผู้หญิงกระโปรงขาวยาวแค่เข่า มีลูกเล่นพลีตสีแดงที่ด้านขวา ดราม่าก็เกิดเพราะเขาไม่มีกางเกงเป็นทางเลือกสำหรับนักกีฬาหญิง หลายคนจึงใส่กระโปรงแล้วดูไม่จืดจริงๆ (ไว้วันเปิดจริงๆ ค่อยดูกันอีกที แต่ลุงไม่เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะสะทกสะท้านกับเสียงวิจารณ์ของประชาชน)
ส่วนชุดของทีมไทยนั้น แสนจะน่าเสียดาย เพราะไม่ใช่เราไม่มีนักออกแบบเก่ง ไม่ใช่ว่าเราไม่มีคนที่สามารถครีเอทอะไรเก๋ๆ ไม่ใช่เราไม่มีช่างฝีมือ แต่ก็นะ…
ความรู้สึกแรกของลุงเมื่อเห็นชุดนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องความเชย หรือการประชุมอบต. อะไร แต่ลุงคิดว่า ทำไมจึงออกแบบชุดคนแก่ให้เด็กใส่ นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวนะครับ แล้วจะให้พวกเขามาแต่งตัวอย่างนี้ทำไม
ที่แน่ๆ เรื่องนี้บอกเราอย่างหนึ่งว่า การที่ประเทศนั้นมีคนแก่ปกครองมานานเกินไป ติดกรอบหนาเตอะแน่นิ่งในโลกที่กำลังรุดหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดอย่างที่เราจะนึกออก เราก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้
เรื่องไอ้ชุดนี้ล้างความภูมิใจของคนไทยเมื่อสามสี่สัปดาห์ก่อนเมื่อมีการลอนช์ลิซ่า ‘Rockstar’ เศร้าจนต้องหันไปดูหมีเต้นดุกดิก
Agony uncle หมายถึง ชายเจ้าของคอลัมน์ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตทั่วไป ในช่วงแรกๆ ลุงเฮม่าจะเน้นเรื่องกฎเกณฑ์ เพราะคิดว่ามันน่าจะช่วยให้เราอยู่ร่วมกันได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่หลังจากเขียนคอลัมน์นี้มาได้ปีสองปีก็เริ่มตาสว่าง และที่สำคัญคือ หลังจากโลกรอบตัวมีแต่กฎเกณฑ์และการใช้อำนาจ (ซึ่งส่วนใหญ่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ออกกฎ) ลุงเลยเปลี่ยนแนวมาเขียนตอบโดยเริ่มที่กฎเกณฑ์ แล้วตามด้วยวิธีหลอกล่อเล่นสนุกกับกฎนั้นๆ แทน
**ส่งคำถามมาได้ที่ [email protected]