เยาวชนไทยไม่ไร้ศรัทธา?: เข้าใจพลวัตความเชื่อต่อศาสนาและจริยธรรมของเยาวชนผ่านแบบสำรวจ คิด for คิดส์

‘ศาสนา’ คือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจประเภทหนึ่ง แม้จะจับต้องได้ยากแต่ก็มีอิทธิพลอย่างยิ่งในการกำหนดการกระทำของมนุษย์ตั้งแต่ระดับปัจเจก เช่น ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การไม่โกหก ไปจนถึงระดับสังคมในการสร้างวาระร่วมภายใต้ร่มแนวคิดทางศาสนา

หลายครั้งเราอาจคิดว่าศาสนามีอิทธิพลลดลงอย่างมากโดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ เห็นได้จากที่เด็กรุ่นใหม่ (ดูจะ) สนใจศาสนาน้อยลง หรือเริ่มจะไม่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ หลายคนมองว่าในอนาคตศาสนาจะตายไปในที่สุด

แต่ศาสนากำลังจะตายจริงหรือไม่? คิด for คิดส์ ชวนสำรวจมุมมองเยาวชนอายุ 15 – 25 ปี จากแบบสำรวจเยาวชนของ คิด for คิดส์ ประจำปี 2022[1] และ 2025[2] ทั้งการนับถือศาสนา มุมมองต่อความเชื่อทางศาสนา ความเชื่อถือต่อสถาบันทางศาสนา รวมถึงสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ศาสนา’ กับ ‘จริยธรรม’ ว่าจะเป็นอย่างไร?

เยาวชนนับถือศาสนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เมื่อพิจารณาการนับถือศาสนาตามบัตรประชาชนของเยาวชนระหว่างปี 2022 กับ 2025 จะพบว่าศาสนาที่ถูกระบุไว้บัตรประชาชนแตกต่างกันไม่มาก โดยมีเยาวชนนับถือศาสนาพุทธ 91.7% ในผลสำรวจปี 2022 และ 90.0% ในผลสำรวจปี 2025 เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามลดลงจาก 6.1% เหลือ 5.1% เยาวชนที่นับถือศาสนาคริสต์เพิ่มขึ้นจาก 1.3% เหลือ 3.1% เยาวชนที่นับถือศาสนาอื่น เช่น ฮินดู ซิกข์ มีประมาณ 0.1% ของเยาวชนทั้งหมด รวมแล้วเยาวชนที่นับถือศาสนาตามบัตรประชาชนลดลงเล็กน้อยจาก 99.2% เหลือ 98.3% ขณะที่เยาวชนที่ไม่ระบุศาสนาในบัตรประชาชนเพิ่มขึ้นจาก 0.8% เป็น 1.7% ของเยาวชนทั้งหมด

เยาวชนนับถือศาสนาในชีวิตจริงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ทั้งนี้ แบบสำรวจเยาวชนทั้ง 2 ปี พบว่ามีเยาวชนประมาณ 1 ใน 5 ที่การนับถือศาสนาในชีวิตประจำวัน (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘นับถือศาสนาตามจริง’) แตกต่างกับที่ระบุไว้ในบัตรประชาชน[3] โดยการสำรวจ 2 ปีนี้พบเยาวชนที่นับถือศาสนาตามจริงเพิ่มขึ้นจาก 81.7% เป็น 83.9% ในทางตรงข้าม เยาวชนที่ไม่นับถือศาสนาในชีวิตจริงลดลงจาก 18.3% เหลือ 16.1% ของเยาวชนทั้งหมด

หากจำแนกการนับถือศาสนาตามจริงเป็นรายศาสนาจะพบว่า ศาสนาพุทธมีสัดส่วนเพิ่มจาก 70.5% เป็น 72.0% ของเยาวชนทั้งหมด อิสลามมีสัดส่วนลดจาก 6.1% เหลือ 5.1% ขณะที่ศาสนาคริสต์มีสัดส่วนเพิ่มจาก 2.3% เป็น 5.8% ส่วนศาสนาอื่นๆ เช่น นับถือผีหรือธรรมชาติ (ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเยาวชนรายงาน) ลดลงจาก 3.3% เหลือ 1.3%

เมื่อพิจารณาเยาวชนตามกลุ่มรายได้ เพศวิถี และการศึกษา จะพบว่ากลุ่มที่เดิมทีนับถือศาสนาน้อยกว่ากลุ่มอื่น เช่น กลุ่มรวยที่สุด 20% (ควินไทล์ 5) กลุ่ม LGBTQ+ หรือเยาวชนที่กำลังศึกษาหรือจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี กลับนับถือศาสนาในชีวิตจริงเพิ่มมากกว่ากลุ่มอื่นและกลับมามีสัดส่วนใกล้เคียงกับกลุ่มอื่นมากขึ้น โดยเยาวชนกลุ่มรวยที่สุด มีเยาวชนที่นับถือศาสนาในชีวิตจริงเพิ่มจาก 54.5% เป็น 77.3% เยาวชนที่เป็น LGBTQ+ เพิ่มขึ้นจาก 67.6% เป็น 75.4% ส่วนเยาวชนที่กำลังศึกษาหรือจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีเพิ่มขึ้นจาก 66.2% เป็น 77.2% ขณะที่การสำรวจพบสัดส่วนของเยาวชนที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทมีการนับถือศาสนาตามจริงที่ต่ำและยังลดลงจากเดิม (ตารางที่ 1)

ประเภทประเภทย่อย20222025
รวม81.7%83.9%
ระดับรายได้Q1 (ต่ำสุด)89.2%90.7%
Q286.3%88.9%
Q385.1%85.9%
Q480.2%78.7%
Q5 (สูงสุด)54.5%77.3%
เพศสภาพLGBTQ+67.6%75.4%
ชาย85.8%87.2%
หญิง83.4%88.9%
ระดับการศึกษาสูงสุดประถมศึกษา100.0%88.6%
ม.ต้น92.0%90.1%
ม.ปลาย86.8%90.2%
ปวช.84.1%89.8%
ปวส.81.6%91.3%
ปริญญาตรี66.2%77.2%
ปริญญาโท60.0%56.0%

ตารางที่ 1: สัดส่วนเยาวชนที่นับถือศาสนาในชีวิตจริงต่อเยาวชนทั้งหมด ปี 2022 กับ 2025
ที่มา: กษิดิ์เดช คำพุช และคณะ (2025) คำนวณโดย คิด for คิดส์[4]

แม้เยาวชนที่นับถืออิสลาม – คริสต์จะมีน้อย แต่ก็เคร่งกว่าเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก

ในกลุ่มเยาวชนที่นับถือศาสนาในชีวิตประจำวันแต่ละคนก็มีระดับการนำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้กับชีวิตประจำวันแตกต่างกัน (ต่อไปนี้จะเรียกระดับการนำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวันว่า ‘ความเคร่ง’) โดยในภาพรวมเยาวชนส่วนใหญ่ประเมินว่าตนมีความเคร่งในระดับปานกลาง คือ 59.0% ของเยาวชนที่นับถือศาสนาในชีวิตจริงทั้งหมด รองลงมาคือเยาวชนที่ประเมินว่าตนเคร่งศาสนา คือ 25.4% และเยาวชนที่ไม่เคร่งศาสนามีน้อยที่สุด คือ 15.6%

เมื่อแบ่งตามศาสนาที่เยาวชนนับถือในชีวิตจริงจะพบว่าเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์เกินครึ่ง (อิสลาม 56.7% คริสต์ 63.1%) มองว่าตนเคร่งศาสนา แตกต่างอย่างมากกับเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธที่มีประมาณ 20% เท่านั้นที่มองว่าตนเคร่งศาสนา

นอกจากนี้ เยาวชนไม่ได้นำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข มากนัก โดยกลุ่มที่มีการนับถือศาสนาในชีวิตจริงเกือบ 50% นำคำสอนมาใช้บรรเทาทุกข์ บำรุงสุขในระดับปานกลางเท่านั้น ขณะที่ 26.0% ของเยาวชนที่นับถือศาสนาไม่ได้นำคำสอนมาใช้ และอีก 24.8% นำคำสอนมาใช้เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขบ่อยครั้ง

เมื่อจำแนกออกตามศาสนาก็จะพบว่า เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์ส่วนใหญ่ มีการนำคำสอนทางศาสนามาใช้เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บ่อยครั้ง (อิสลาม 62.3%, คริสต์ 63.3%) เยอะกว่าเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธที่มีเพียง 18.9% เท่านั้นที่นำคำสอนมาใช้เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บ่อยครั้ง

สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าแม้เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์จะมีน้อยกว่าพุทธมาก แต่หากเปรียบเทียบอิทธิพลของหลักคำสอนแต่ละศาสนาต่อวิถีชีวิตของเยาวชน จะพบว่าหลักคำสอนของศาสนาอิสลามและคริสต์มีอิทธิพลต่อชีวิตเยาวชนอย่างมากเมื่อเมียบกับอิทธิพลของศาสนาพุทธต่อเยาวชน

เยาวชนมองศาสนาในแง่ดีมากขึ้น

จากการเปรียบเทียบผลสำรวจเยาวชนปี 2022 กับ 2025 พบว่าเยาวชนผู้ตอบแบบสำรวจในปี 2025 มีแนวโน้มจะโอบรับแนวคิดศาสนาแบบดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น ทั้งในระดับมุมมองต่อผู้อื่น สถาบันทางศาสนา หรือระดับรัฐ

ในด้านมุมมองต่อผู้อื่น เยาวชนมองว่าผู้ที่จะมีจริยธรรมได้จำเป็นต้องนับถือศาสนามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 7.1% ในปี 2022 เป็น 14.8% ในปี 2025 ในระดับสถาบันทางศาสนาจะเห็นว่าเยาวชนให้ความเชื่อถือ (Trust) ในสถาบันศาสนาเพิ่มขึ้นจาก 9.4% เป็น 12.1% รวมถึงมีมุมมองที่ดีขึ้นระหว่างศาสนา – ปัญหาสังคม โดยเยาวชนที่มองว่าศาสนาไม่ใช่สิ่งล้าหลังหรือเป็นปัญหาสังคมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 14.9% เป็น 47.0% ส่วนในระดับรัฐนั้นจะเห็นว่าเยาวชนที่อยากให้รัฐไทยมีศาสนา (พุทธ) ประจำชาติเพิ่มขึ้นจาก 8.8% เป็น 19.4%

การน้อมนำคำสอนมาใช้ – คุณธรรมในใจ อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

“ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีมีคุณธรรม” ทุกคนคงต้องเคยผ่านหูผ่านตาประโยคนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นเนื้อหาที่ต้องท่องกันในโรงเรียน

การนับถือศาสนา ความเคร่ง และการนำคำสอนมาใช้ควรจะช่วยให้มีคุณธรรม (Moral) มากยิ่งขึ้น คำถามคือชุดคุณค่าความดีและคุณธรรมที่สอนกันมานี้เป็นอย่างไร อะไรเรียกว่าดีหรือมีคุณธรรม ซึ่งจะสะท้อนออกมาผ่านการตัดสินใจในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ที่เราอาจต้องตัดสินใจทำเรื่องที่เป็นพิษเป็นภัยต่อคนกลุ่มหนึ่ง แต่อาจให้ประโยชน์กับคนอีกกลุ่มหนึ่งได้หรือพอให้เหตุผลได้ว่าทำไมจึงควรทำเรื่องที่เป็นภัยต่อคนอื่นเหล่านั้น

ผลสำรวจพบว่าความเคร่งในศาสนาก็อาจมาพร้อมกับ ‘การละเลยคุณธรรม’ (Moral Disengagement) มากกว่ากลุ่มที่ไม่เคร่งศาสนา เยาวชนที่เคร่งศาสนามีลักษณะคล้อยตาม (conform) กับธรรมเนียมปฏิบัติในสังคมมากกว่ากลุ่มที่ไม่เคร่งศาสนาโดยเปรียบเทียบ เช่น มองว่าการทำผิดนั้นไม่ควรถูกตำหนิถ้าหากคนอื่นก็ทำเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองถ้าทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ คนที่ได้รับการปฏิบัติไม่ดีเป็นเพราะรนหาที่เอง เป็นต้น

นอกจากนี้ เยาวชนกลุ่มที่เคร่งศาสนายังมีแนวโน้มที่ยอมรับการกระทำที่อาจเป็นภัยต่อคนอื่นหากทำลงไปด้วยเจตนาที่ดี เช่น การปล่อยข่าวลือเพื่อคนที่รักเป็นเรื่องที่รับได้ การแอบเอาของคนอื่นมาโดยไม่บอกนั้นไม่ผิด ตราบที่เราตั้งใจเพียงแค่ยืมมาเท่านั้น รวมถึงเยาวชนที่เคร่งศาสนายังมีแนวโน้มโทษเหยื่อมากกว่ากลุ่มที่ไม่เคร่งศาสนาด้วย (ตารางที่ 2)

ดังนั้น เยาวชนจึงอาจกำลังได้รับการเรียนรู้และปฏิบัติด้านศาสนาที่ปลูกฝังชุดความคิดที่แตกต่างออกไปจากจริยธรรมหรือคุณธรรม โดยเยาวชนที่เคร่งศาสนาสามารถยอมรับการกระทำที่อาจส่งผลเสียต่อผู้อื่นหรือผิดทางจริยธรรมโดยที่ไม่รู้สึกผิดมากกว่า

ประเด็นเคร่งศาสนาไม่เคร่งศาสนา
ไม่ควรถูกตำหนิเมื่อทำผิด ถ้าคนอื่นก็ทำเหมือนๆ กัน19.9%11.6%
ไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลการกระทำถ้าเป็นคำสั่ง
ของผู้มีอำนาจ
13.1%8.0%
ปล่อยข่าวลือเพื่อปกป้อง
คนที่รักก็ไม่ได้ผิดอะไร
12.8%3.7%
คนอื่นถูกทำไม่ดีด้วย เพราะรนหาที่เอง11.0%4.0%
การแอบเอาของคนอื่นมาไม่ผิด ตราบที่เราตั้งใจยืมเท่านั้น9.0%1.9%
การบิดเบือนคุณสมบัติตัวเองไม่ผิดถ้าคนอื่นก็ทำเหมือนกัน8.3%3.5%
การแอบอ้างความคิดผู้อื่นว่าเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องใหญ่7.7%2.8%
บางคนต้องถูกปฏิบัติรุนแรง เพราะเขาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด7.4%3.2%

ตารางที่ 2: สัดส่วนเยาวชนที่เห็นด้วยมาก – มากที่สุดในแต่ละประเด็น
ที่มา: วรดร เลิศรัตน์ และคณะ (2025) คำนวณโดย คิด for คิดส์
หมายเหตุ: เยาวชนที่เคร่งศาสนา คือกลุ่มเยาวชนที่มองตนมีลักษณะตรง – ตรงมากที่สุดกับข้อความ ‘ฉันนำคำสอนของศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ’ ส่วนเยาวชนที่ไม่เคร่งศาสนาคือเยาวชนที่มองว่าตนรู้สึกว่าข้อความนี้ไม่ตรงหรือตรงน้อยมากกับตัวตนของตัวเอง

ส่งท้าย

การสำรวจเยาวชนนี้ชี้ให้เห็นว่า เยาวชนกับศาสนาไม่ได้เป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้ และในโลกที่มีความไม่แน่นอนและปัญหาท้าทาย ศาสนาก็อาจกลับมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับเยาวชนได้ และการที่ศาสนาเคยถูกตั้งคำถามอย่างถึงรากมาก่อน ก็อาจมีการทำงานอยู่ต่อเนื่องที่สามารถช่วยกู้ศรัทธาให้กลายเป็นสถาบันที่ได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลได้ชี้ว่าการนับถือศาสนาในชีวิตจริงก็อาจมาพร้อมกับการละเลยคุณธรรมได้เช่นกัน แม้จะไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่การนับถือ ความเคร่ง หรือการปฏิบัติใช้ของเยาวชนไทย (หรืออาจเป็นสังคมโดยรวมซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตการสำรวจ) ก็อาจเป็นเรื่องในเชิงพิธีกรรมมากกว่า หรือไม่ ศาสนาก็อาจกำลังปลูกฝังชุดคุณค่าหรือมอบวิธีคิดบางอย่างให้กับพวกเขาที่อาจไม่ได้ช่วยสร้างสังคมที่สงบสุขไร้การเบียดเบียนกัน

References
1 ฉัตร คำแสง, วรดร เลิศรัตน์, เจณิตตา จันทวงษา และสรวิศ มา. (2022). ผลสำรวจเยาวชน ของ คิด for คิดส์ 2022. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2025. https://kidforkids.org/youth-survey-2022/
2 วรดร เลิศรัตน์, ทิพย์นภา หวนสุริยา, ศุภณัฐ ศรีอุทัยสุข, และ ธนกฤต สำราญกมล. ผลสำรวจเยาวชนของ คิด for คิดส์ 2025. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2025.
3 ปี 2022 มีเยาวชนที่นับถือศาสนาจริงไม่ตรงกับบัตรประชาชน 21.0% ปี 2025 ลดลงเหลือ 19.4%
4 กษิดิ์เดช คำพุช, จุฬาลักษณ์ ธรรมยุติ, วิระวัลย์ เสรีวิบูลพงศ์, ภาวินันท์ สินไชย และวรดร เลิศรัตน์. (2025). ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2025 เล่มผนวกที่ 1: สถิติสำคัญด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว. สืบค้นเมื่อ 7 กรกฎาคม 2025. https://kidforkids.org/child-family-situation-report-2025/

MOST READ

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Education

20 Jul 2023

คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในวิกฤต (?)

ข่าวการปรับหลักสูตรของอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ชวนให้คิดถึงอนาคตของการเรียนการสอนสายมนุษยศาสตร์ เมื่อตลาดแรงงานเรียกร้องทักษะสำหรับการทำงานจริง จนมีการลดความสำคัญวิชาพื้นฐานอันเป็นการฝึกฝนการวิเคราะห์วิพากษ์เพื่อทำความเข้าใจโลกอันซับซ้อน

เสียงเล็กๆ จากประชาคมอักษร

20 Jul 2023

Social Issues

5 Jan 2023

คู่มือ ‘ขายวิญญาณ’ เพื่อตำแหน่งวิชาการในมหาวิทยาลัย

สมชาย ปรีชาศิลปกุล เขียนถึง 4 ประเด็นที่พึงตระหนักของผู้ขอตำแหน่งวิชาการ จากประสบการณ์มากกว่าทศวรรษในกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันการศึกษา

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

5 Jan 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save