ตำน้ำพริกละลายซอฟต์พาวเวอร์

เป็นที่ทราบกันดีว่านโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศต่อสาธารณชนและพยายามผลักดันมานานคือ นโยบาย ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ อันเป็นการใช้ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ และ ‘เทคโนโลยี’ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ให้พัฒนาทั้งรายได้และคุณภาพชีวิตของผู้คนและที่สำคัญคือการสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล

รัฐบาลอาจมีความใส่ใจและกระตือรือร้นเป็นพิเศษในการผลักดันนโยบายนี้ แต่น่าตั้งคำถามว่าข้าราชการระดับกระทรวงจะเข้าใจหรือสนใจเพียงใด

รอบเดือนที่ผ่านมา มีงานสำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งน่าจะเป็นกระทรวงหัวหอกสำคัญที่ตอบสนองนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ได้ดีที่สุด เช่นเดียวกับกระทรวงวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันภาพยนตร์ ดนตรี อาหารของเกาหลีใต้ไปทั่วโลกได้สำเร็จ จนสามารถสร้างรายได้มหาศาลพอๆ กับรายได้จากอุตสาหกรรมหนัก

เมื่อวันที่ 18-22 เมษายนที่พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดงาน ‘มหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่สากลและการเจรจาธุรกิจ’ ภายใต้โครงการนโยบาย ‘หนึ่งครอบครัว หนึ่งพลังสร้างสรรค์’ โดยงานดังกล่าวมีร้านค้าทั่วประเทศจาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ อาหาร ท่องเที่ยว ดนตรี งานฝีมือ ฯลฯ มาเข้าร่วมกว่า 200 ราย จากขั้นตอนการรับสมัคร 2,400 ราย จัดสัมมนาสี่ภาค ก่อนจะคัดเหลือ 200 ราย ซึ่งใช้เวลาเตรียมงานหลายเดือนก่อนจะจัดงานครั้งนี้  

ทางกระทรวงเจ้าของงานแจ้งทางร้านค้าที่ผ่านการคัดเลือกว่า วัตถุประสงค์ของงานนั้นไม่ได้เป็นแค่งานขายสินค้าพื้นบ้าน แต่เป็นการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Business Matching เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่ในความเป็นจริง หลังจากงานผ่านไปได้วันเดียว คุณวันดี สันติวุฒิเมธี หนึ่งในผู้ร่วมงานได้ระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กว่า

“ในพิธีเปิดมีปลัดกระทรวงวัฒนธรรมมาเปิดงาน มีช่างภาพมาถ่ายรูป มีผู้คนมาร่วมงานเยอะที่สุด ในช่วงเวลานั้นแค่แวบเดียว..หลังจากนั้นที่นี่ก็เงียบราวกับป่าช้า ทั้งๆ ที่ผู้คนเดินห้างด้านล่างกันขวักไขว่

ผู้ประกอบการ 200 ครอบครัว ตั้งใจกันมาจากทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่มีที่พักและค่าเดินทางให้ แต่ทุกคนก็หวังว่าการมาออกบูธพารากอนจะมีโอกาสได้ต่อยอดทางธุรกิจเหมือนกับที่เจ้าภาพบอกว่าเป้าหมายงานนี้เพื่อ Business Matching

หนึ่งวันผ่านไป…

ผู้ประกอบการต่างสงสัยว่า ทำไมถึงไม่มีใครเดินขึ้นมาข้างบน เจ้าภาพได้ทำการโปรโมทมากแค่ไหนเพื่อให้คนมางาน

คนจัดงานมีอะไรเป็นแรงจูงใจให้คนข้างล่างเดินขึ้นมาเที่ยวชมงานบ้างไหม

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตั้งใจนำผลิตภัณฑ์ของตนเองมาจัดแสดงและขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่น่าสนใจ และควรได้รับการโปรโมทออกไปให้คนที่มาเดินห้างขึ้นมาเที่ยวชมงาน

แต่คนจัดงานก็ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่สร้างแรงจูงใจให้คนขึ้นมาร่วมงาน พิธีกรก็หายเงียบ เวทีก็ไม่มีผู้ชม น้องๆ นักศึกษาชาวต่างชาติเตรียมงานแสดงตื่นแต่เช้า แต่พอขึ้นเวทีไม่มีใครชม

เจ้าของโครงการบอกว่าต้องการให้ผู้ประกอบการได้ต่อยอดการเจรจาทางธุรกิจ เตรียมพื้นที่นั่งเจรจาธุรกิจไว้ให้ แต่เท่าที่เห็นไม่มีแม้กระทั่งผู้จัดงานที่พยายามเชิญฝ่ายนักธุรกิจมาเดินงาน ใครคือนักธุรกิจที่พวกคุณเชิญมากันคะ….คุณรู้ไหมว่าวันนี้ผู้ประกอบการด้วยกันต้องช่วยอุดหนุนกันเองเพราะสงสารผู้ประกอบการด้วยกัน โดยเฉพาะบูธที่เป็นอาหาร เขาบอกว่า เหมือนพวกเขาถูกหลอกให้มา แล้วถูกลอยแพ

‘การเจรจาธุรกิจ’ เป็นแค่การขายฝัน หลอกกันเล่นหรือเปล่า

มันน่าเศร้าไหม..งบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มประชุม 2,400 คน ค่าเช่าโรงแรม, ค่าเดินทาง, ค่าจัดงานต่างๆ ก่อนที่จะมาถึงงานวันนี้หมดไปมูลค่ามหาศาล

เราเชื่อว่า Soft Power ไทยมีดี ลองดูภาพตัวอย่างของผู้ประกอบการที่เตรียมมางานนี้ ทุกคนตั้งใจมาก..แต่ทำไมเจ้าภาพถึงไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ใช้ในโครงการนี้ไป

ถ้า Soft Power ไทยจะไปไม่ได้ไกลคงไม่ใช่เพราะศักยภาพคนไทยน้อยกว่าชาติอื่น แต่เพราะภาครัฐไทยใช้งบประมาณไม่ถูกทางหรือเปล่านะ”

ในขณะเดียวกัน หนึ่งในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ระดับชาติของรัฐบาลท่านหนึ่งที่ได้อ่านสเตตัสอันนี้ ได้แสดงความเห็นออกมาว่า

“เวรกรรมของประเทศจริงๆ ครับ ข้าราชการกระทรวง กรม ใช้งบประมาณอ้างนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ แต่ตอนทำไม่เคยเอามาผ่านบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์ที่พวกผมดูอยู่ คนมาร่วมก็มีความคาดหวังว่าจะมีคนมา เพราะเป็นนโยบายรัฐ แต่คนจัดก็ใช้งบไปโดยไม่รับผิดชอบคนมาร่วมงาน ประชุมรอบหน้าต้องโดนผมด่าในที่ประชุมแน่นอนครับ”

น่าเสียดายที่งานนี้ที่เค้นเอาสุดยอดผู้ประกอบการเก่งๆ จากทั่วประเทศมาต่อยอดธุรกิจ แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า โครงการนี้อาจจะคิดดี แต่สุดท้ายตกม้าตายจากวิธีคิดของข้าราชการไทยที่มองงานนี้เป็นแค่อีเวนต์ และงบประมาณโยนให้ผู้จัดการงานเป็นผู้รับผิดชอบ แต่โฟกัสงานเฉพาะพิธีเปิดที่มี ‘นาย’ มาหลายคน ตั้งแต่รัฐมนตรี ปลัด อธิบดี ต้องดูแล ‘นาย’ ต้องจัดเต็มเป็นพิเศษ ทั้งรูปแบบและการระดมสื่อมวลชนมาถ่ายรูปงานเปิดตัวอย่างคึกคัก เพื่อทำข่าวแจก ข่าวพีอาร์ แต่พอ ‘นาย’ กลับ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีใครสนใจว่าเป้าหมายของงานสำเร็จหรือไม่ Business Matching จะเกิดหรือไม่ ผู้ซื้อกับผู้ขายจะมาเจอกันหรือไม่ จะมีคนเข้าชมร้านค้าถึง 200 แห่งหรือไม่ ซอฟต์พาวเวอร์ระดับท้องถิ่นจะแจ้งเกิดหรือไม่

ทุกอย่างมีแต่ความเงียบ เพราะ ‘นาย’ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการขึ้นเงินเดือน ให้ยศและตำแหน่งได้ตัดริบบิ้นเปิดงานและกลับไปแล้ว

ไม่แปลกใจหรอกครับ เพราะงานอีเวนต์ส่วนใหญ่ที่หน่วยราชการจัดก็มักเป็นแบบนี้เสมอ กล่าวคือมักต้อนรับดูแล เอาใจใส่ ‘นาย’ เมื่อ ‘นาย’ มา แต่กับประชาชน ผู้ค้ารายย่อยมีแต่ความเงียบกับคำสัญญาที่ไม่มีราคาใดๆ หากโลกทัศน์และทัศนคติของข้าราชการระดับสูงยังเป็นแบบนี้ โอกาสที่ซอฟต์พาวเวอร์ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลจะแจ้งเกิดคงริบหรี่เต็มที

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save