ทำไม ‘กรุงเทพมหานคร’ ผูกขาดเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ?

ในช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาของการแข่งขันกีฬาประจำปีอย่าง ‘กีฬาแห่งชาติ’ ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันครั้งที่ 49 ที่จังหวัดจันทบุรี โดยใช้ชื่อการแข่งขันว่า ‘จันท์เกมส์’

แน่นอนว่าผลการแข่งขันก็เป็นอีกครั้งที่เจ้าเหรียญทองตกเป็นของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นครั้งที่ 15 จากทั้งหมด 18 ครั้ง นับตั้งแต่กีฬาแห่งชาติเปลี่ยนมาแข่งขันกันแบบ 76-77 จังหวัด แทนการแข่งขันแบบเดิมที่แบ่งออกเป็น 10 เขต

หากมองย้อนไปตั้งแต่การแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มีส่วนร่วมการแข่งขันในปี 2558 ซึ่งตอนนั้นยังแบ่งเป็นการแข่งขันแบบ 10 เขต และ ‘กรุงเทพมหานคร’ นับเป็นเขตที่ 10 ซึ่งมีสมาชิกเพียงจังหวัดเดียว โดยเมืองหลวงของประเทศไทยคว้าเจ้าเหรียญทองไปได้ถึง 31 ครั้ง จากการแข่งขันทั้งหมด 49 ครั้ง

อันที่จริงหากนับเฉพาะการแข่งขัน ‘กีฬาแห่งชาติ’ สมัยใหม่นับตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งนับสมาชิกเข้าร่วมแข่งขันตามแต่ละจังหวัด มีเพียงแค่ 2 จังหวัดเท่านั้นที่สามารถคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองได้สำเร็จ นั่นคือกรุงเทพมหานคร (15 ครั้ง) และจังหวัดสุพรรณบุรี (3 ครั้ง)

เรื่องที่น่าสนใจคือ การคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองของกรุงเทพมหานครมักเป็นการคว้าเจ้าเหรียญทองแบบค่อนข้างขาดลอย เช่น ในการแข่งขัน ‘กาญจบุรีเกมส์’ เมื่อปี 2566 กรุงเทพมหานครคว้าไป 128 เหรียญทอง โดยมีอันดับสองคือเจ้าภาพคว้าได้ 108 เหรียญทอง หรือหากย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นอีกปีอย่าง ‘ศรีสะเกษเกมส์’ ในปี 2565 กรุงเทพมหานครก็สามารถคว้าได้ 147 เหรียญทอง นับว่าเป็นการเอาชนะจังหวัดชลบุรี ที่คว้าได้ 55 เหรียญทอง

สถิติเหล่านี้จึงเป็นสถิติแปลกๆ ที่ทำให้มีคนตั้งคำถามว่า ทำไมความสำเร็จใน ‘กีฬาแห่งชาติ’ จึงผูกขาดอยู่แค่กรุงเทพมหานครเท่านั้น?

คำตอบก็ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจมากนัก

นักกีฬาเลือกได้ว่าจะลงแข่งให้ใคร

เป็นธรรมดาที่นักกีฬาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่นักกีฬาเท่านั้น แต่คนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นผู้เขียนหรือผู้อ่านก็ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่ต่างกัน นั่นทำให้นักกีฬาจำนวนมากเลือกเล่นให้กับกรุงเทพมหานครในมหกรรมกีฬาแห่งชาติ เพราะกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดศูนย์กลางความเจริญ มีงบประมาณและเบี้ยงเลี้ยงที่พร้อมกว่า อีกทั้งกรุงเทพมหานครยังสะดวกต่อการเล่นกีฬามากกว่าที่อื่นๆ อีกด้วย

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้นักกีฬาหลายคนที่มีสิทธิ์เลือกได้มักจะเลือกเล่นให้กรุงเทพมหานครเป็นอันดับแรก และนักกีฬาที่มีสิทธิ์เลือกเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็เป็นนักกีฬาอาชีพ บางคนเป็นทีมชาติ บางคนเป็นดาวรุ่งที่มีแววหรือมีอนาคตไกล

แล้วทำไมนักกีฬาที่ไม่ได้เกิดในกรุงเทพมหานครถึงเลือกเล่นให้กรุงเทพมหานครได้?

ตาม ระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนนักกีฬาสังกัดสมาคมกีฬาจังหวัด พ.ศ. 2550 ของการกีฬาแห่งประเทศไทยในหมวดนักกีฬา ข้อ 5, 7 และ 8 เปิดช่องว่างให้นักกีฬาสามารถเลือกจังหวัดที่พวกเขาจะลงแข่งขันให้ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ข้อ 5 นักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติหรือกีฬาเยาวชนแห่งชาติ จะต้องขึ้นทะเบียนนักกีฬาสังกัดสมาคมกีฬาจังหวัดนั้นๆ เพียงจังหวัดเดียวเป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนั้นๆ

ข้อ 7 นักกีฬาที่ประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติหรือกีฬาเยาวชนแห่งชาติให้จังหวัดใด จะต้องขึ้นทะเบียนนักกีฬาสังกัดสมาคมกีฬาจังหวัดตามสูติบัตรเท่านั้น เว้นแต่นักกีฬานั้นไปศึกษาหรือประกอบอาชีพในจังหวัดอื่น อาจจะขอขึ้นทะเบียนนักกีฬาสังกัดสมาคมกีฬาจังหวัดที่ไปศึกษาหรือประกอบอาชีพอยู่นั้นนก็ได้

ข้อ 8 นักกีฬาที่ประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ หรือกีฬาเยาวชนแห่งชาติ จะต้องขึ้นทะเบียนนักกีฬาดังนี้

8.1 การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ให้นักกีฬาขึ้นทะเบียนตามลำดับดังนี้

8.1.1 ตามสูติบัตร หรือ

8.1.2 ตามสถานที่ทำงาน หรือ

8.1.3 ตามสถานศึกษา

ถ้านักกีฬามีสถานที่ทำงานเพื่อดำรงชีพเต็มเวลา จะต้องขึ้นทะเบียนนักกีฬาตามสถานที่ทำงาน โดยห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนนักกีฬาตามสถานศึกษา

หากมองข้อกำหนดทั้งสามข้ออย่างตรงไปตรงมา การลงทะเบียนเป็นนักกีฬาประจำจังหวัดใดๆ นั้น นักกีฬามีสิทธิ์เลือกระหว่างจังหวัดที่พวกเขามีภูมิลำเนาตามสูจิบัตร หรือ ตามสถานที่ทำงาน หรือ สถานที่ศึกษา

แต่หากมองอย่างไม่ตรงไปตรงมามากนักคำว่า ‘สถานที่ทำงาน’ นี้เองที่กลายเป็นช่องโหว่ให้นักกีฬาสามารถย้ายสังกัดและไปลงทะเบียนกับจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ได้มีที่อยู่ตามภูมิลำเนาได้ และเป็นช่องทางให้จังหวัดอย่าง ‘กรุงเทพมหานคร’ มีนักกีฬาที่ดีกว่าจังหวัดอื่นเกือบทุกจังหวัด

ศูนย์กลางความเจริญ ศูนย์รวมนักกีฬา

ในกรุงเทพมหานครมีสถานศึกษาชั้นนำอยู่หลายแห่ง รวมไปถึงมหาวิทยาลัยเอกชนอีกมากมาย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยกรุงเทพ-ธนบุรีที่มักจะมอบโควตาให้นักกีฬาชั้นนำได้มาศึกษาในมหาวิทยาลัยของพวกเขาอยู่เสมอด้วย

ขณะที่นักกีฬาหลายต่อหลายคน เมื่อประสบความสำเร็จในระดับประเทศมักจะได้รับยศทางการทหารหรือตำรวจ แน่นอนว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองทัพบก หรือ กองทัพอากาศ ต่างมีที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น ส่งผลให้นักกีฬาระดับท็อปส่วนใหญ่จึงศึกษาหรือทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ปัจจัยด้านความเจริญของพื้นที่ก็เกี่ยวข้องด้วย เพราะหากนักกีฬาสักคนอยากจะเลือกเล่นให้กับทีมบ้านเกิดตามภูมิลำเนาต่างจังหวัดที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานหรือเรียน พวกเขาต้องไปลงทะเบียนกับสมาคมกีฬาจังหวัดนั้นๆ เป็นเวลาล่วงหน้าถึง 6 เดือน อีกทั้งในระหว่างนั้น นักกีฬาเหล่านี้อาจจะต้องเสียเวลาไปๆ กลับๆ และอาจต้องเดินทางไป-กลับเพื่อไปซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีกหลายครั้ง และต่อให้ไปซ้อมร่วมกัน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในต่างจังหวัดก็อาจไม่เพียบพร้อมเท่าที่กรุงเทพมหานครอยู่ดี

ยิ่งถ้าเป็นกีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์หรือสนามเฉพาะ เช่น กอล์ฟ เทนนิส ก็ไม่ใช่ว่าสนามสำหรับกีฬาเหล่านั้นจะหาได้ง่ายๆ ในทุกจังหวัด นักกีฬาหลายคนโดยเฉพาะบรรดานักกีฬาอาชีพจึงเลือกเล่นให้กับกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับการซ้อมอย่างต่อเนื่อง, มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ต้องเดินทางไปไหน อีกทั้งยังประกอบอาชีพได้อย่างปกติ

ความเหลื่อมล้ำผ่านการแข่งขัน ‘กีฬาแห่งชาติ’

จากเหตุผลข้างต้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ ‘กรุงเทพมหานคร’ จึงกลายเป็นเจ้าเหรียญทองตลอดมา โดยพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง นั่นคือระหว่าง 2556-2558 เพราะจังหวัดสุพรรณบุรีคว้าเจ้าเหรียญทองไปครอง แต่นอกจากนั้นอีก 15 จาก 18 ครั้ง กรุงเทพมหานครครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองได้ทั้งหมด

สาเหตุที่ทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเจ้าเหรียญทอง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเหลื่อมล้ำในแง่ของความเจริญที่กระจุกอยู่ที่ศูนย์กลางของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยิมสำหรับออกกำลังกายที่หลากหลาย, สนามกีฬาหลายแห่ง ทั้งที่ได้รับความนิยมและเฉพาะทางอย่าง กอล์ฟ, เทนนิส, สเกตบอร์ด รวมไปถึงสถานศึกษาหรือที่ทำงานอีกมากมาย ดึงดูดให้นักกีฬาไปจากเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ไม่ได้

เมื่อนักกีฬาไม่สามารถละทิ้งวิถีชีวิตและกิจวัตรของพวกเขาที่ต้องซ้อมกีฬาและทำงาน หรืออาจจะรวมถึงศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ จึงเป็นการง่ายกว่าในการเลือกเล่น ‘กีฬาแห่งชาติ’ ในนามสมาคมกีฬากรุงเทพมหานคร เพราะทำให้พวกเขาไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร และสามารถใช้ชีวิตนักกกีฬาและฝึกซ้อมได้ตามปกติ

ดังนั้นวงการกีฬาจะดีขึ้นแค่ไหน ถ้าจังหวัดต่างๆ สามารถเติบโตจนเป็นศูนย์กลางความเจริญได้เหมือนกรุงเทพมหานครแน่นอนว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเพียงจังหวัดหัวเมืองสำคัญๆ ของแต่ละภูมิภาค ที่ให้นักกีฬาได้มีทางเลือกในการเล่นกีฬา ทำงาน ศึกษาและฝึกซ้อม ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ และ กรุงเทพฯ เพียงแค่จังหวัดเดียว

แน่นอนว่าการแข่งขัน ‘กีฬาแห่งชาติ’ เป็นภาพสะท้อนของสิ่งอื่นๆ ที่กรุงเทพมหานครเป็น ไม่ใช่แค่เฉพาะกีฬาแห่งชาติที่ กรุงเทพฯ ผูกขาดชัยชนะเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายความว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ ยังผูกขาดโอกาส รายได้ การศึกษา และ ความเจริญไว้ด้วย แต่ว่าในประเด็นดังกล่าว กรุงเทพมหานครก็ไม่ได้ผิดอะไร กล่าวคือเมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่ผู้ร้ายที่ต้องการจะสะสมความเจริญไว้เพียงแห่งเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่เป็นเรื่องของโครงสร้างอำนาจและนโยบายที่สมควรขยายโอกาส และความเจริญไปสู่ภูมิภาคด้วย อาจกล่าวได้ว่ามันจึงเป็นเรื่องของการเมืองและการบริหารที่ต้องเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้

มิเช่นนั้นเราอาจได้เห็นแต่ภาพเดิมๆ ที่ผู้คนไหลเข้ามาในกรุงเทพมหานครจนเมืองหลวงแห่งนี้แออัดยิ่งกว่าเดิม รถติดยิ่งกว่าเดิมและความเจริญก็ยังกระจุกอยู่เหมือนเดิม รวมไปถึง ‘กรุงเทพมหานคร’ ก็จะยังครองแชมป์กีฬาแห่งชาติไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี


อ้างอิง

ข้อบังคับการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. 2550

ระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนนักกีฬาสังกัดสมาคมกีฬาจังหวัด พ.ศ. 2550

การกีฬาแห่งประเทศไทย

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

26 Mar 2021

ผี เรื่องผี อดีต ความทรงจำและการหลอกหลอนในโรงเรียนผีดุ

เมื่อเรื่องผีๆ ไม่ได้มีแค่ความสยอง! อาทิตย์ ศรีจันทร์ วิเคราะห์พลวัตของเรื่องผีในสังคมไทย ผ่านเรื่องสั้นใน ‘โรงเรียนผีดุ’ วรรณกรรมสยองขวัญเล่มใหม่ของ นทธี ศศิวิมล

อาทิตย์ ศรีจันทร์

26 Mar 2021

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save