การอภิปรายโต้แย้งกันเป็นเรื่องธรรมดาในองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) เพราะบทบาทหลักขององค์การนี้คือเป็นเวทีเจรจา ซึ่งเนื้อหาที่เจรจาคือกติกาสำหรับการกำหนดนโยบายการค้าของรัฐบาลประเทศสมาชิก ซึ่งทุกประเทศมีผลได้ผลเสีย
แต่กรณีที่ผู้แทนประเทศไทยอภิปรายวิจารณ์ข้อเรียกร้องของอินเดียในการประชุมรัฐมนตรีของ WTO ที่กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการเจรจา กลับกลายเป็นปัญหาทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง ถึงขนาดรัฐบาลไทยต้องออกหนังสือขอโทษอินเดีย และเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำ WTO ที่อภิปรายเรื่องดังกล่าวกลับเมืองไทย กลายเป็นข่าวในสื่อมวลชนหลายประเทศ ซึ่งถูกบ้าง คลาดเคลื่อนบ้าง
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คืออะไร? ปฏิกิริยาของรัฐบาลไทยส่งสัญญาณอะไรไปยังโลกภายนอก ตลอดจนประเทศอื่นใน WTO และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การที่รัฐบาลกล่าวว่า “ถ้อยแถลงและท่าทีดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งสะท้อนของท่าที หรือนโยบายของประเทศไทยแต่อย่างใด” นั้น รัฐบาลตั้งใจหมายความอย่างนั้นจริงมากน้อยแค่ไหน และอย่างไร เพราะหากจริงนั้นหมายความมาว่า ไทยกำลังเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับนโยบายการส่งออกข้าวในตลอดโลกที่ยึดถือมาเกือบ 40 ปี ซึ่งย่อมสะเทือนวงการ WTO ไม่น้อย
ผมและศาสตราจารย์เกียรติคุณ โรเบิร์ต วูลฟ์ จากมหาวิทยาลัยควีนส์ ประเทศแคนาดา พยายามเจาะลึกว่าเกิดอะไรขึ้นในการประชุมที่อาบูดาบีกันแน่
เราไม่ได้เจาะจงไปที่ปัญหาระหว่างไทยกับอินเดีย เท่ากับสนใจการประชุมในภาพกว้าง แต่จากการพูดคุยกับคนที่เข้าประชุมหลายคนจากหลายองค์กร ทำให้เราได้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับอินเดียไปด้วย ซึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างน้อยก็ในกลุ่มผู้เข้าประชุมจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของพฤติกรรมของรัฐมนตรีพาณิชย์อินเดียในที่ประชุม นอกจากนี้เราทั้งสองได้ติดตามการเจรจาเรื่องการค้าสินค้าเกษตรมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ จึงคุ้นเคยกับประเด็นโต้แย้งในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ที่ประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference) เป็นองค์กรที่มีอำนาจบริหารสูงสุดของ WTO วนเวียนจัดในเมืองต่างๆ ประมาณทุกสองปี ที่ประชุมรัฐมนตรีอยู่เหนือคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ประชุมเป็นประจำที่เนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประเทศส่วนใหญ่ส่งรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม บางประเทศแม้ไม่ส่งรัฐมนตรี แต่ก็ส่งข้าราชการระดับสูงจากเมืองหลวงเข้าประชุมแทน หรือไม่ก็ส่งเอกอัครราชทูตประจำ WTO ประเทศไทยอยู่ในประเภทหลัง คือรัฐมนตรีไม่ได้เข้าประชุม โดยมีนางพิมพ์ชนก พิตต์ฟิลด์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก เป็นหัวหน้าคณะของไทย (น่าคิดว่า รัฐมนตรีควรที่จะให้ความสำคัญกับการประชุมในครั้งนี้หรือไม่ เพราะประเด็นที่เจรจาเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับไทยโดยตรง เช่น นโยบายข้าว การอุดหนุนการประมง การลงทุน เป็นต้น)
ประเด็นที่กลายเป็นข้อถกเถียงระหว่างไทยและอินเดียเรียกกันย่อๆ ว่า ‘PSH’ (public stockholding) หรือการอุดหนุนเพื่อสำรองอาหารหลักเพื่อความมั่นคงทางอาหาร อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้อาจชวนให้คนนอกวงการเข้าใจผิดได้ง่ายๆ เพราะประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่การสำรองอาหาร แต่เป็นประเด็นที่เป็นกติกา WTO ที่เกี่ยวข้องคือการอุดหนุน โดยเฉพาะการพยุงราคา ข้อโต้แย้งของไทยในประเด็นนี้คือ การแสดงความกังวลต่อการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดส่งออกข้าวเนื่องจากประเทศใหญ่ทุ่มเงินอุดหนุน
ก. ไก่ ข. ข้าว
ข้อตกลงของ WTO เรื่องการค้าสินค้าเกษตรมี 3 เสาหลักคือ (1) การอุดหนุนการส่งออก (2) การอุดหนุนภายในประเทศ และ (3) การเปิดตลาด โดยทั่วไปเป้าหมายของการเจรจาการค้าคือการลดการอุดหนุดและเปิดตลาดให้มากขึ้น โดยมีข้อยกเว้นตามสถานภาพของแต่ละประเทศ ที่ผ่านมาสมาชิก WTO ตกลงกันแล้วว่าให้ยกเลิกการอุดหนุนการส่งออก ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังเจรจาคาราคาซังอยู่
‘การอุดหนุนภายใน’ มีหลายวิธี เช่น พยุงราคา เสริมรายได้เกษตรกร หรือจำนำพืชผล เป็นต้น ประเทศสมาชิก WTO ตกลงกันนานแล้วว่า การอุดหนุนที่ส่งผลให้ตลาดเพี้ยนไป (คือกระทบราคาหรือปริมาณการผลิต) สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในวงเงินที่จำกัด ซึ่งแต่ละประเทศมีเพดานของการอุดหนุนต่างกันไป สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาส่วนใหญ่จะถูกจำกัดให้อุดหนุนได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าผลผลิต (จีนได้ 8.5%) ในกรณีของอินเดีย เพดานที่ควรจำกัดอยู่ที่ 10% ซึ่งเป็นเพดานของประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนภายในยังมีข้อกำหนดย่อยอีกหลายประการ หนึ่งในหัวข้อย่อยนี้คือนโยบายที่ใช้เงินอุดหนุนเมื่อรัฐบาลสำรองอาหารหลักเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งวิธีอุดหนุนคือ รัฐบาลรับซื้อเข้าคลังสำรอง (stock) ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาสามารถทำได้ แต่ต้องระวังไม่ให้การอุดหนุนทั้งหมดสูงทะลุเพดานที่ตกลงกันแล้ว
ภายใต้มาตรการนี้ รัฐบาลสามารถสำรองอาหารหลัก (public stockholding) ได้เสมอ โดยสามารถรับซื้ออาหารหลักในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดภายในประเทศได้ภายใต้วงเงินที่จำกัด แต่ถ้ารับซึ้ออาหารหลักในราคาตลาดจะไม่เป็นป้ญหา ไม่ถือว่าเป็นการอุดหนุน ทำได้เต็มที่
อินเดียเป็นประเทศเดียวในโลกทึ่อุดหนุนพืชผลด้วยวิธีนี้จนยอดการอุดหนุนเพิ่มเกินขีดจำกัด โดยข้าวเป็นพืชผลชนิดเดียวที่ทะลุเพดาน อินเดียแจ้ง WTO ว่าในปีการตลาด 2020/2021 อินเดียอุดหนุนข้าวภายใต้มาตรการนี้ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 243,000 ล้านบาท) ในขณะที่มีเพดานอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 160,000 ล้านบาท) เท่านั้น นั่นหมายความว่า อินเดียอุดหนุนเกินเพดานไปกว่า 2.6 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 83,000 ล้านบาท) หรือ 52% (ดูตารางข้างล่าง)
ตามปกติการทำผิดข้อตกลงอย่างนี้จะกลายเป็นคดีฟ้องร้องกันในระบบระงับข้อพิพาทของ WTO แต่ในกรณีนี้ไม่มีการฟ้องร้อง ทำไม?
การอุดหนุนข้าวของอินเดีย
ปีการตลาด | เพดานการอุดหนุนข้าว (10% ของมูลค่าการผลิต) | จำนวนการอุดหนุนตามที่คำนวณ (AMS) | เกินเพดาน |
2018/2019 | $4.37bn | $5.00bn | $0.63bn |
2019/2020 | $4.61bn | $6.42bn | $1.81bn |
2020/2021 | $4.56bn | $6.91bn | $2.35bn |
2021/2022 | $4.96bn | $7.55bn | $2.59bn |
สันติภาพ
การอุดหนุนข้าวเป็นประเด็นที่ต่อสู้กันมาอย่างน้อย 15 ปี อินเดียรู้ตัวว่าล่อแหลมที่จะทะลุเพดานการอุดหนุน จึงผลักดันให้ประเทศอื่นใน WTO เปลี่ยนกติกาผ่อนคลายข้อจำกัด โดยให้เหตุผลว่าข้อจำกัดที่เป็นอยู่เข้มงวดเกินไปจนยากที่จะปฏิบัติตาม และส่งผลกระทบคนจนนับร้อยล้านคนในประเทศตน อินเดียสามารถระดมประเทศกำลังพัฒนาจำนวนหนึ่งให้เป็นพันธมิตร เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นในหลายทวีป
แต่ก็มีหลายประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เช่น กลุ่มแคร์นส์ ซึ่งมีประเทศกำลังพัฒนาอย่าง ไทย มาเลเซีย และประเทศในลาตินอเมริกาหลายประเทศ สมาชิกกลุ่มแคร์นส์เป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก จึงรณรงค์ให้ลดอุปสรรคที่ขัดขวางการค้าขายสินค้าเหล่านี้ เช่น ภาษีนำเข้าที่เก็บในอัตราสูง หรือการทุ่มเงินอุดหนุนที่ทำให้ประเทศอื่นเสียเปรียบ ปัจจุบันกลุ่มแครนส์มีสมาชิก 20 ประเทศ (อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศในกลุ่มแคร์นส์ที่สนับสนุนอินเดีย เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าว)
ประเทศไทยร่วมขบวนกับกลุ่มแคร์นส์มาตั้งแต่ต้น โดยในเดือนกรกฎาคม 1986 ข้าราชการระดับสูงของประเทศผู้ก่อตั้งได้ประชุมเตรียมการกันที่พัทยา และในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน รัฐมนตรีจากประเทศเหล่านี้ประกาศตั้งกลุ่มที่เมืองแคร์นส์ ประเทศออสเตรเลีย ข้าราชการไทยที่เป็นตัวตั้งตัวตีคนหนึ่งคือนายดนัย ดุละลัมพะ ซึ่งต่อมาเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำ WTO คนแรก
การต่อสู้ในประเด็นเงินอุดหนุนเพื่อสำรองอาหารหลักดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในปี 2013 และ 2014 สหรัฐฯ ช่วยเจรจาหลังฉากให้สองฝ่ายประนีประนอมกัน ส่งผลให้สมาชิก WTO ตกลงเป็นการ ‘ชั่วคราว’ ว่าจะไม่ฟ้องร้องกันหากการอุดหนุนสูงทะลุเพดาน คำว่า ‘ชั่วคราว’ ในที่นี้หมายความว่า ‘จนกว่าจะมีข้อตกลงถาวรมาแทนที่’ ซึ่งในทางปฏิบัติหมายความว่า ในปัจจุบันการอุดหนุนเพื่อสำรองอาหารหลักสามารถทำได้โดยที่ไม่มีเพดาน และมีการเรียกข้อตกลงที่จะไม่ฟ้องร้องกันในวงการว่าเป็น ‘ข้อตกลงสันติภาพ’ (peace clause) เพราะการไม่ฟ้องร้องกันก็เสมือนกับการเก็บอาวุธที่มีอยู่เอาไว้ ไม่นำออกมาใช้
ข้อตกลงนี้มีเงื่อนไขว่า การไม่ฟ้องร้องจะใช้เฉพาะโครงการที่มีอยู่แล้วในวันที่ตกลง ปรากฏว่าในวันนั้นมีไม่กี่ประเทศเข้าข่าย คือ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีการระบุเงื่อนไขอื่นด้วย เช่น ประเทศที่ใช้การอุดหนุนแบบนี้จนทะลุเพดานต้องดูแลไม่ให้ประเทศอื่นเสียหาย ต้องโปร่งใสโดยแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และต้องยอมหารือกับประเทศที่มีข้อติดใจ
หากพิจารณาจากตัวเลขที่ที่อินเดียแจ้ง WTO ในสี่ปีล่าสุดจะพบว่า การอุดหนุนทะลุเพดานทุกปี และจำนวนที่เกินเพดานเพิ่มขึ้นทุกปี (ดูตารางข้างบน)
สิ่งที่ทำให้ประเทศคู่แข่งของอินเดีย รวมถึงไทย วิตกกังวลคือตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกแล้ว และยังขยายส่วนแบ่งตลาดส่งออกอย่างมากจาก 28.2% ในปี 2012 มาเป็น 46.4% ในปี 2022 (2565) ในขณะที่ส่วนแบ่งของไทยลดลง จาก 18.0% เหลือ 10.4% ในช่วงเดียวกัน (ดูตารางท้ายบทความ)
บางคนวิจารณ์ว่า อินเดียไม่ใช่คู่แข่งขันของไทยในตลาดส่งออกข้าว เพราะข้าวที่อินเดียส่งออกคือข้าวพันธุ์บัสมาตี ซึ่งไทยไม่มี แต่ข้อเท็จจริงคือ 80% ของข้าวที่อินเดียส่งออกไม่ใช่บัสมาตี (ในทำนองเดียวกันข้าวหอมมะลิก็เป็นส่วนน้อยของข้าวที่ไทยส่งออก)
ประเทศที่ทักท้วงโครงการอุดหนุนข้าวของอินเดียไม่ได้กล่าวหาว่าอินเดียนำเมล็ดข้าวจากโกดังที่สำรองไว้ไปส่งออกโดยตรง แต่ใช้เหตุผลในเรื่องของผลกระทบในตลาด กล่าวคือ มาตรการอุดหนุนจำนวนมหาศาลก่อให้เกิดการกระตุ้นการผลิต เมื่อระบายออกจากคลังสำรองจะทำให้ราคาในตลาดภายในถูกลง ราคาที่ส่งออกจึงถูกลงตาม ทำให้อินเดียได้เปรียบในการยึดครองตลาดต่างประเทศ
ข้อถกเถียงใน WTO
ในการหารือของสมาชิก WTO ที่เจนีวา ประเด็นเรื่องการอุดหนุนภาคเกษตรถูกพูดถึงในสองเวที เวทีแรกคือ ‘คณะกรรมการการเกษตรวาระปกติ’ ซึ่งเป็นโอกาสที่ประเทศสมาชิกสามารถสอดส่องดูแลว่าเพื่อนสมาชิกปฏิบัติตามสิ่งที่ตนได้สัญญาไว้หรือไม่ สมาชิก WTO ทุกประเทศมีหน้าที่ต้องแจ้งรายละเอียดการอุดหนุนสินค้าเกษตร (รวมถึงมาตรการอื่นๆ) ทุกปี เพื่อความโปร่งใส กรณีที่อินเดียพยุงราคาข้าวโดยการซื้อเข้าคลังสำรองจนทะลุเพดานการอุดหนุนนั้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่มีสมาชิกยกขึ้นมาพูด ซึ่งในกรณีการสำรองอาหาร มีหลายประเทศที่ทักท้วงขอหารือกับอินเดียตามเงื่อนไขของฃ้อตกลง เช่น ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ปารากวัย ไทย สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
อีกเวทีหนึ่งคือ ‘การเจรจาปรับปรุงข้อตกลงการเกษตร’ ในเวทีนี้หนึ่งในหัวข้อเจรจาคือ เรื่องการสำรองอาหารหลักเพื่อให้มีข้อตกลงถาวรแทนฉบับชั่วคราว ซึ่งอินเดียต้องการให้มีการผ่อนคลายเงื่อนไขบางอย่างเพื่อขยายขอบเขตให้ใช้สำหรับอาหารชนิดต่างๆ มากขึ้น และใช้กับประเทศกำลังพัฒนาในจำนวนมากขึ้น ตลอดจนเปลี่ยนรายละเอียด เช่น วิธีคำนวณปริมาณการอุดหนุน เป็นต้น
ทางฝ่ายกลุ่มแคร์นส์ (ซึ่งรวมไทยด้วย) ก็เสนอข้อตกลงถาวรเหมือนกัน แต่รวมอยู่ในข้อเสนอที่ครอบคลุมการอุดหนุนภายในทั้งหมด โดยเสนอว่าหากประเทศไหนส่งออกมาก ประเทศนั้นต้องลดการอุดหนุนมากด้วย ซึ่งข้อเสนอนี้จะทำให้อินเดียต้องลดการอุดหนุนลงมากด้วย (แทนที่จะผ่อนคลายเงื่อนไขให้อุดหนุนได้มากขึ้น) ดังนั้น อินเดียจึงโกรธ และไม่ยอมอภิปรายข้อเสนอของกลุ่มแคร์นส์ในการประชุม โดยอินเดียอ้างว่าการประชุมคราวนั้นต้องพูดเรื่องการสำรองอาหารหลักอย่างเดียว พูดเรื่องอื่นไม่ได้
สมาชิกกลุ่มแคร์นส์ที่ร่วมลงนามในข้อเสนอดังกล่าวคือ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา โคลอมเบีย คอสตาริกา (ซื่งเป็นโต้โผในการออกแบบข้อเสนอ) มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปารากวัย เปรู ไทย อุรุกวัย และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และยูเครนให้การสนับสนุนด้วย โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้เห็นคล้ายกันว่าควรวางกติกาใหม่สำหรับการอุดหนุนภายในทั้งหมดไม่ใช่แยกพูดเป็นประเด็นย่อย
ความล้มเหลวที่อาบูดาบี
หากพิจารณาจะพบว่า ร่างมติเรื่องเกษตรของการประชุมรัฐมนตรี WTO ที่อาบูดาบีน่าจะคาดคะเนได้ว่าจะไม่มีปัญหา เพราะส่วนใหญ่เป็นการยอมรับว่ายังไม่ได้ตกลงกัน ให้คุยกันต่อ และพยายามตกลงกันในอีกสองปี แต่อินเดียยืนยันว่าต้องตกลงเรื่องการอุดหนุนในการสำรองอาหารหลักที่อาบูดาบีให้แล้วเสร็จ หากไม่ตกลงในเรื่องนี้อินเดียจะไม่ยอมรับมติทั้งหมด ท้ายที่สุดที่ประชุมจึงไม่มีมติในเรื่องเกษตรเลย เพราะอินเดียยืนกรานคัดค้าน อันที่จริงในช่วงเตรียมการที่เจนีวาก่อนที่จะย้ายไปอาบูดาบี หลายประเทศเตือนว่าจะไม่มีฉันทมติหากบางประเทศดันทุรังจะให้มีมีข้อตกลงถาวรตามที่อินเดียต้องการ
การตัดสินใจใน WTO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ฉันทมติ (consensus) เป็นหลัก คือ ไม่มีใครค้าน หากมีใครค้านก็ถือว่าไม่ผ่าน ในการประชุมครั้งนี้มีอีกเรื่องหนึ่งที่ตกไป เพราะอินเดียค้านเพียงประเทศเดียว ทั้งๆ ประเทศที่สนับสนุนมี 124 ประเทศ
สิ่งที่เอกอัครราชทูตพิมพ์ชนกพูดในนามประเทศไทยที่อาบูดาบีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์นั้น เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยไม่พร้อมที่จะร่วมรับฉันทมติตามข้อเสนอของอินเดียกับพันธมิตร โดยนางพิมพ์ชนกแสดงตัวเลขที่ชี้ให้เห็นว่า ส่วนแบ่งการส่งออกข้าวของอินเดียในตลาดโลกเพิ่มเป็น 46.4% แล้ว อีกทั้งยังอภิปรายว่าหากอินเดียต้องการดูแลความมั่นคงทางอาหารย่อมสามารถใช้วิธีอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องอุดหนุนมากมายอย่างนี้ นอกจากนี้ นางพิมพ์ชนกยังถามย้ำว่าเมื่อตัวเลขเป็นเช่นนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือใครกันแน่ คนยากจนที่อดอยากหรือผู้ส่งออก?
เนื้อหาที่ผู้แทนไทยพูดไม่ต่างจากที่ประเทศอื่นเคยพูดที่เจนีวาและที่อาบูดาบี เช่น ออสเตรเลีย ประเทศลาตินอเมริกา สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป แต่อินเดียเลือกที่จะประท้วงในด้านการทูตแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับประเทศไทยประเทศเดียว ทว่าไม่ได้ทำอย่างนั้นกับประเทศอื่น
จากอินเดียถึงรัฐบาลไทย
สายตาที่เพ่งเล็งอินเดียไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อตกลงกันไม่ได้ทำให้การประชุมต้องต่อเวลาออกไปอีกวันเศษ ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนเข้าไปในเช้ามืดวันที่ 2 มีนาคมการประชุมกำลังจะเข้าสู่พิธีปิด ในร่างคำแถลงของการประชุมรัฐมนตรีที่จะประกาศในช่วงท้ายการประชุมนั้น เรื่องการอุดหนุนการประมง และหัวข้อการเกษตรทั้งหมดถูกลบออกไปจากร่างดังกล่าวเพราะตกลงกันไม่ได้
ฟิจิกับวานูอาตู ซึ่งเป็นประเทศเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกสองประเทศ แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนถึงความล้มเหลวในการเจรจาในเรื่องการอุดหนุนการประมง ซึ่งจะทำให้การอุดหนุนที่ไม่มีขีดจำกัดทำลายแหล่งปลา ทั้งสองประเทศอยากให้ที่ประชุมใหญ่ได้เห็นร่างข้อตกลงที่มาจากกลุ่มย่อยซึ่งยังไม่ได้เผยแพร่ แม้จะยังตกลงกันในเรื่องนี้ไม่ได้
แหล่งข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคนเล่าว่า เมื่อรัฐมนตรีพาณิชย์ปิยุช โกยัลของอินเดียทราบข่าวก็แสดงอาการหัวเสียอย่างชัดเจน ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่านายโกยัลบุกขึ้นไปหานางอึนโกซี โอคอนโจ-อิวิอาลา ผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO ด้วยท่าทีก้าวร้าว และยังได้หันไปต่อว่ารองนายกรัฐมนตรีฟิจิกับวานูอาตูด้วยท่าทีที่ก้าวร้าวเช่นกัน พยานในเหตุการณ์บางคนใช้ว่า “bully” (ข่มเหงรังแก หรือพาล)ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เขาใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่โกยัลทำต่อประเทศไทยด้วย ซึ่งในท้ายที่สุด นายโกยัลก็สามารถบีบให้ผู้จักการประชุมทำตามที่เขาต้องการ นั่นคือร่างข้อตกลงเรื่องการประมงถูกเก็บเข้าลิ้นชักไป
ผู้สังเกตการณ์บางคนเริ่มตั้งคำถามว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเคยร่วมขบวนเป็นพันธมิตรกับอินเดียเริ่มวางระยะกับอินเดียมากขึ้นหรือไม่ เพราะมีหลายประเด็นที่ประเทศเหล่านี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอินเดีย ในบางเรื่องอินเดียแสดงจุดยืนที่เห็นต่างจากประเทศกำลังพัฒนาอีกเกือบร้อยประเทศด้วยซ้ำ
สำหรับรัฐบาลไทยคำถามใหญ่มีอยู่ว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตกับอินเดียต้องขัดกับการยึดมั่นในจุดยืนใน WTO เพื่อคุ้มครองการส่งออกข้าวไทยหรือไม่? ประเทศไทยจะเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องการค้าสินค้าเกษตรที่ยึดมาเกือบ 40 ปีหรือเปล่า?
คำว่า “ไม่ใช่ … นโยบายของประเทศไทยแต่อย่างใด” ในแถลงการณ์ที่ออกมา หมายความว่าอย่างไร?
ภาคผนวกและอ้างอิง
ส่วนแบ่งตลาดการส่งออกข้าวของโลก
2012 | 2013 | 2014 | 2015 | 2016 | 2017 | 2018 | 2019 | 2020 | 2021 | 2022 | |
โลก (พันตัน) | 37,457 | 39,662 | 44,113 | 44,496 | 40,071 | 47,815 | 43,804 | 40,336 | 45,323 | 50,541 | 47,938 |
โลก (%) | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 |
อินเดีย | 28.2 | 28.7 | 25.3 | 24.8 | 24.7 | 25.3 | 26.6 | 24.3 | 32.2 | 42.1 | 46.4 |
ไทย | 18.0 | 16.7 | 24.9 | 22.0 | 24.7 | 24.4 | 25.3 | 15.2 | 12.5 | 12.0 | 10.4 |
ปากีสถาน | 9.1 | 9.7 | 8.6 | 9.1 | 9.9 | 7.6 | 9.0 | 11.4 | 8.8 | 7.9 | 7.3 |
เวียดนาม | 13.4 | 16.6 | 14.4 | 14.8 | 12.0 | 12.2 | 6.6 | 13.6 | 12.4 | 11.3 | 7.1 |
สหรัฐ | 10.1 | 9.5 | 7.8 | 8.7 | 9.7 | 8.0 | 7.3 | 9.0 | 7.3 | 6.7 | 5.2 |
จีน | 0.7 | 1.2 | 1.0 | 0.6 | 1.5 | 2.5 | 4.8 | 6.8 | 5.1 | 4.8 | 4.6 |
เมียนมา | 1.5 | 1.6 | 3.5 | 3.6 | 1.4 | 7.0 | 4.0 | 5.8 | 4.3 | 3.3 | 4.5 |
บราซิล | 3.0 | 2.3 | 2.1 | 2.2 | 1.7 | 1.3 | 3.3 | 1.3 | 3.1 | 1.1 | 3.6 |
อุรุกวัย | 2.9 | 2.3 | 2.1 | 1.6 | 2.3 | 2.1 | 1.9 | 2.2 | 2.3 | 1.5 | 2.3 |
ปารากวัย | 0.8 | 1.0 | 1.0 | 0.9 | 1.5 | 1.2 | 1.6 | 1.8 | 2.0 | 1.4 | 1.7 |
กัมพูชา | 0.5 | 0.9 | 0.8 | 1.0 | 1.3 | 0.9 | 1.0 | 1.4 | 1.4 | 1.3 | 1.3 |
อาร์เจนตินา | 1.7 | 1.4 | 1.2 | 0.7 | 1.3 | 0.9 | 0.8 | 1.0 | 0.7 | 0.6 | 0.9 |
ตุรกี | 0.3 | 0.4 | 0.7 | 0.6 | 0.8 | 0.6 | 0.5 | 0.5 | 0.5 | 0.5 | 0.5 |
กายอานา | 0.9 | 1.0 | 1.1 | 1.2 | 0.2 | 0.8 | 1.1 | 1.3 | 1.4 | 0.6 | 0.4 |
ออสเตรเลีย | 1.2 | 1.2 | 0.9 | 0.7 | 0.4 | 0.4 | 0.6 | 0.3 | 0.1 | 0.1 | 0.4 |
อัฟริกาใต้ | 2.0 | 0.3 | 0.3 | 0.3 | 0.4 | 0.2 | 0.3 | 0.3 | 0.3 | 0.2 | 0.3 |
สิงคโปร์ | 0.3 | 0.3 | 0.4 | 0.3 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.2 | 0.2 | 0.3 | 0.3 |
แทนซาเนีย | 0.0 | 0.1 | 0.1 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.3 | 0.3 | 0.8 | 1.2 | 0.3 |
มาเลเซีย | 0.0 | 0.0 | 0.1 | 0.2 | 0.1 | 0.0 | 0.0 | 0.1 | 0.1 | 0.2 | 0.2 |
คาซัคสถาน | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.2 | 0.2 | 0.2 | 0.2 | 0.2 | 0.2 | 0.2 |
สหภาพยุโรป | 1.0 | 1.0 | 1.1 | 1.0 | 1.2 | 0.7 | 1.3 | 0.5 | 1.3 | 0.4 | 0.2 |
รวันดา | – | 0.0 | 0.0 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.1 | 0.2 |
เซเนกัล | 0.3 | 0.2 | 0.3 | 0.3 | 0.3 | 0.2 | 0.3 | 0.3 | 0.1 | 0.2 | 0.2 |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 0.9 | 0.3 | 0.3 | 1.0 | 1.1 | 0.6 | 0.6 | 0.2 | 0.3 | 0.1 | 0.2 |
รายงานข่าวเกี่ยวกับอินเดีย (ผู้เขียนไม่รัรองความถูกต้องของรายงานเหล่านี้)
- Indian team boycotts Thai representatives at WTO talks Times of India, February 29, 2024
- Thailand recalls its Ambassador to WTO after India’s protest. The Nation (Thailand), March 1, 2024
- Thailand recalls trade envoy after Indian protest. Bangkok Post, March 2, 2024
- Kingdom ‘sorry’ for offensive remarks made to India in UAE. Bangkok Post, March 3, 2024
- After long drama, WTO meet adopts outcome document. Times of India, March 3, 2024
- Key Events at WTO: India’s U-Turn on E-commerce Moratorium, Tense Exchanges Over Fish Subsidies Pact. The Wire (India), March 4, 2024
- India lodged bilateral protest with Thailand before raising issue in WTO. Economic Times (India), March 4, 2024
- Why Thailand’s now-replaced WTO Ambassador questioned India’s agriculture subsidies, what India argued. The Indian Express, March 4, 2024
- A last notebook: Ministerial histrionics, reactions and a final package. Inside US Trade (paywalled) March 5, 2024
- Highlight : การเมืองอินเดีย กับการค้าในเวทีโลก “ปะ ฉะ ดะ”. Thinkingradio, YouTube, Mar 13, 2024
อ่านเพิ่มเติม
- What next? Seven talking points after the WTO’s 2024 Ministerial Conference
- Simply put: ‘PSH’, the biggest controversy in the WTO agriculture talks