มีสัจธรรมสองข้อเกี่ยวกับสงครามครับ ข้อแรกคือ เมื่อรบกันแล้ว มีแต่หายนะกันหมด ส่วนข้อสองคือ เมื่อสงครามเกิดแล้ว ยากที่จะมีใครทำนายก้าวย่างของสงครามได้อย่างถูกต้อง
ดูอย่างสงครามยูเครนสิครับ หายนะกันถ้วนทั่ว รัสเซียเองก็อ่อนแอลง ส่วนยูเครนนั้นพังพินาศ
แรกสุด ทุกคนคาดหมายว่ารัสเซียจะสามารถพิชิตเมืองหลวงกรุงเคียฟของยูเครนได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ก็ยังประเมินเช่นนั้น แต่ปรากฎจนบัดนี้ก็ยังไปไม่ถึงกรุงเคียฟ
ในปีแรกยูเครนซัดกลับหนัก จนบางทีเหมือนกับกองทัพรัสเซียก็ต้องถอยร่นอยู่เหมือนกัน บางช่วงบางจังหวะเป็นช่วงฮึกเหิมจนนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกหลายคนมองว่า ยูเครนอาจคว้าชัยชนะล้มยักษ์สำเร็จก็ได้ ประวัติศาสตร์สงครามนั้นอ่อนชนะแข็งก็มีมาเยอะแล้ว
แต่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้ชัยชนะ ตัวรัสเซียเอง ซึ่งตอนนี้ยึดครองพื้นที่ภายในยูเครนได้ประมาณ 1 ใน 5 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ก็ไม่สามารถขยายขอบเขตการยึดครองไปมากกว่านี้ได้ ขณะเดียวกันยูเครนเองก็ไม่สามารถทวงพื้นที่คืนเพิ่มขึ้นได้อีก
ตอนนี้เหมือนคลังอาวุธของแต่ละฝ่ายก็เริ่มร่อยหรอ โดยเฉพาะยูเครน นิวยอร์กไทมส์รายงานว่ากองทัพยูเครนใช้กระสุนในการรบน้อยลงถึงร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับช่วงซัมเมอร์ปีก่อน เสบียงอาวุธเริ่มร่อยหรอลงอย่างเห็นได้ชัด และท่ามกลางสงครามฮามาส-อิสราเอล สหรัฐฯ เองก็ต้องแบ่งการสนับสนุนและงบประมาณไปช่วยสงครามด้านนั้น
มีรายงานว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมา รัสเซียเปลี่ยนมาเน้นปฏิบัติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครน โดยไม่ได้เน้นการขยายพื้นที่ยึดครองอีกต่อไป ขณะที่ยูเครนเองก็เน้นตอบโต้พื้นที่รัสเซียเป็นจุดๆ และอ่อนพลังลงมากจากการกรำศึกสงครามที่ยาวนาน กลายเป็นภาพที่ทั้งสองฝ่ายต่างเอากันไม่ลง
เคยมีนักวิเคราะห์มองว่า สงครามยูเครนให้บทเรียนกับสีจิ้นผิงว่าอย่าประมาทสงคราม สงครามอาจไม่ง่ายไม่หมูอย่างที่คิดเและอาจยืดเยื้อลากยาวก็ได้ บางคนคิดว่าจีนมีพลังทหารเหนือกว่าไต้หวันหลายเท่าตัว หากจีนตัดสินใจใช้กำลังรวมชาติ น่าจะเผด็จศึกสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่สงครามยูเครนเป็นตัวอย่างของจริงที่เตือนว่าการบุกยึดพื้นที่ทำได้ไม่ง่าย ไต้หวันเองยิ่งเป็นเกาะด้วย ซึ่งจะยากกว่าการรบทางบกหลายเท่าตัว
สงครามยืดเยื้ออาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับรัสเซีย เพราะรัสเซียเป็นประเทศแหล่งทรัพยากรและมีประชากรน้อย ปิดประเทศก็อยู่ได้ไม่อดตาย แต่จีนต้องเลี้ยงประชากร 1.4 พันล้านคน ถ้าสงครามยืดเยื้อและถูกปิดเส้นทางขนส่งพลังงานและทรัพยากร จีนอยู่ได้ยาก
มีคนพูดทีเล่นทีจริงว่า ก่อนสงครามยูเครนอาจมีกลุ่มฮาร์ดคอร์ในปักกิ่งที่เรียกร้องให้ใช้กำลังรวมชาติกับไต้หวัน แต่หลังจากสงครามยูเครนที่ดูผิดจากที่คาดคิดไปมาก และความกลัวที่จะต้องเผชิญการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากฝั่งตะวันตก ทำให้เสียงกลุ่มสนับสนุนสงครามในปักกิ่งเงียบลงทันที
ในมุมมองของตะวันตก เดิมพันของสงครามยูเครนจึงสูงมาก ถ้าสุดท้ายสหรัฐฯ และยุโรปหยุดส่งอาวุธสนับสนุนยูเครน และยูเครนถูกกดดันให้ต้องยอมรับพื้นที่ที่รัสเซียยึดไปได้ ก็อาจส่งสัญญาณว่า ขอเพียงผู้บุกรุกอดทนและยืดเวลาได้ยาวนานที่สุด สุดท้ายตะวันตกก็จะล้าและเลิกสนับสนุนไปเอง
การเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนจึงสำคัญมาก เพราะหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ ก็อาจเลิกสนับสนุนยูเครน จนจะสร้างความแตกร้าวระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป หากฉากทัศน์นี้เกิดขึ้นจริง จะส่งสัญญาณอะไรให้กับสีจิ้นผิงในการคิดเกี่ยวกับการใช้กำลังกับไต้หวัน เมื่อพันธมิตรตะวันตกแตกคอกัน และสุดท้ายยูเครนแพ้
ขณะเดียวกัน ในจีนเองก็มีคนเกรงว่าสงครามยูเครนอาจสอนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ว่าสหรัฐฯ สามารถทำสงครามตัวแทน โดยที่สหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมมาเจ็บตัวด้วยมาก เพียงสนับสนุนเรื่องอาวุธก็พอ รัสเซียเองก็ไม่กล้าเปิดฉากรบกับสหรัฐฯ หรือถล่มสหรัฐฯ โดยตรง และไม่กล้ายกระดับเป็นสงครามนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้เคยมีคนคิดว่า ไม่มีใครกล้ารบกับรัสเซีย เพราะกลัวจะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ แต่ผลปรากฏว่าอาวุธนิวเคลียร์นั้นทรงพลังเกินกว่าที่จะเอามาใช้ สหรัฐฯ สามารถส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครนในลักษณะสงครามตัวแทน โดยไม่เข้าไปเปิดหน้าฉากรบกับรัสเซียอย่างเต็มตัว
หลายคนสงสัยว่า นี่จะเป็นโมเดลที่สหรัฐฯ จะใช้ในการช่วยไต้หวันหากมีสงครามหรือไม่ และหากโอกาสเกิดสงครามนิวเคลียร์น้อย สหรัฐฯ สามารถบีบให้จีนเข้าสูสงครามธรรมดาได้ เท่ากับสามารถดูดพลังทำให้จีนอ่อนแอลง และทำให้จีนกลายเป็นผู้ร้ายของโลก การยั่วยุกันจนนำไปสู่สงครามก็อาจเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าในอดีตที่สหรัฐฯ พยายามหลีกเลี่ยงประเด็นไต้หวันเพราะกลัวทำสงครามอวสานโลกกับจีน
สำหรับในไต้หวัน การเลือกตั้งผู้นำไต้หวันครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนอย่างชัดเจน ครั้งที่แล้ว การดุดันกับจีนช่วยให้ได้คะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำ แต่ครั้งนี้แม้กระทั่งพรรค DPP ที่เป็นปฏิปักษ์กับจีน ก็ดูจะลดการดุดันกับจีนลงในการหาเสียง เพราะกระแสความหวาดกลัวหายนะจากสงคราม เมื่อภาพเต็มตาโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในยูเครนเริ่มฝังใจชาวไต้หวัน ส่วนพรรคคู่แข่งก็หาเสียงว่าถ้าเลือกพรรค DPP ระวังจะพาไต้หวันไปเป็นยูเครนสอง
สงครามยูเครนเป็นหายนะต่อทุกฝ่ายและเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่โดยตัวของมันเอง แต่หลายคนมองสงครามยูเครนเหมือนฉากซ้อมสงครามครั้งหน้าที่จะใหญ่กว่านั้นระหว่างจีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ผลลัพธ์ต่อไปของสงครามยูเครนอาจส่งสัญญาณโดยตรงต่อการประเมินความคุ้มความไม่คุ้มของการจุดชนวนสงครามช่องแคบไต้หวันของทั้งสามฝ่าย