fbpx
ประชาธิปไตยไทยๆ ใครนิยม? Affreux, sales et méchants

ประชาธิปไตยไทยๆ ใครนิยม? Affreux, sales et méchants

อายุษ ประทีป ณ ถลาง เรื่อง

 

หลังจากก่อการรัฐประหาร ยึดกุมอำนาจรัฐ ปกครองแผ่นดินแทนที่นักการเมือง กล่อมประชาชนคนทั้งประเทศด้วยเสียงเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดจำนวนไม่น้อยพลอยเคลิบเคลิ้มไปกับถ้อยทำนอง คำร้องที่ว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอประชาชน …”

สำลักความสุขถ้วนหน้ากันทั้งประเทศ

บ้างก็สำราญอยู่ในต่างประเทศ

บางคนขายที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกให้กับนายทุนประชารัฐ อภิมหาเศรษฐีระดับโลก ได้เงินมา 500-600 ล้านบาท

ไม่ต้องไปโกงไปกิน ไปทุจริตคอร์รัปชันเหมือนไอ้พวกนักการเมืองซึ่งเป็นที่ชิงชังรังเกียจ

บางท่านใส่นาฬิกาหรู ผู้คนช่วยกันนับได้ถึงเกือบ 30 เรือนแล้ว ทำราวกับเป็นนายห้าง ดีลเลอร์จำหน่ายนาฬิกา โดยแต่ละเรือนมูลค่าหลายแสน หรือหลายล้านบาทก็มี

บางนายเซ็งลี้ ซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์กันเพลิดเพลิน บางสีก็บริหารส่วยไปตามระบบ หิวหรือเมื่อยขึ้นมาก็ไปใช้บริการ กิน-นวด-นาบ ฟรี

ขณะที่ประชาชน 10 กว่าล้านคน รับความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน มูลค่า 200-300 บาทต่อเดือน สุดแท้แต่ฐานะความยากจน ประทังชีวิตกันไป และกำลังจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 300-500 บาทในเร็ววันนี้

คนจนกำลังจะหมดไปจากประเทศในปี พ.ศ. 2561 … ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น เพราะน่าจะมีหลายมาตรการออกมาประเคน แจกแถมอีกมากมาย

ส่วนนักการเมืองนะหรือ สำลักความสุขกันจนแทบกระอัก โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้ามด้วยแล้ว ได้แต่นั่งกิน นอนกิน ดูเขาใช้อำนาจรัฐหาเสียงกันอย่างเมามัน

บ้านเมืองอึมครึมมาหลายปี ผู้คนจินตนาการ มโนไปต่างๆ นานา ท่ามกลางการปัดป่ายบ่ายเบี่ยงของผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่ลูกหาบทั้งหัวหงอกหัวดำกระทำการทุกวิถีทาง ปูพรมแดงให้ผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติเดินไปสู่อำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อการนี้

ลุปีพุทธศักราช 2561 ได้ไม่กี่วัน เริ่มมีความชัดเจนออกมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และนายกรัฐมนตรี เมื่อได้ส่งสัญญาณผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนประกาศตนเป็นนักการเมือง ไม่ใช่ทหาร

“วันนี้ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เข้าใจไหม เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดคือประชาชน และไม่ใช่ประชาชนของผม แต่เป็นประชาชนของประเทศไทย และไม่ใช่ของพรรคไหน ทุกคนเป็นพลเมืองไทย …”

เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง จากที่เคยยืนยันมาโดยตลอดว่า ตัวเองเป็นทหาร ขี้โมโห เอะอะโผงผาง โกหก เอาใจใครไม่เป็น เพราะไม่ใช่นักการเมือง

ครั้นพอเป็นนักการเมืองเข้าเท่านั้น มิทันไร การเมืองซึ่งใครเคยดูถูกดูแคลน ชิงชังรังเกียจ ช่างเปลี่ยนคนเราได้อย่างเหลือเชื่อ

ที่เคยใจร้อน เอะอะขึงขัง โมโหโกรธา ตะคอกสลับกับเถียงคำไม่ตกฟาก เดี๋ยวนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจเย็นเต็มไปด้วยมธุรสวาจา

ถ่ายรูปร่วมกับนักการเมืองซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลก็ได้ รับฟังความคิดเห็นผู้อื่นก็เป็น แค่ถูกทักท้วงว่า แสตนดี้ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก ก็ยอมถอนออกจากงานวันเด็กไม่ให้เป็นแบบอย่าง

มีลูกเล่นลูกชน กระเซ้าเหย้าแหย่สื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี ฯลฯ

เผลอๆ วันดีคืนดี อาจจะวาดหนวดแมว 3-4 เส้นบนใบหน้ามาปลอบประโลมประชาชน มิให้หวาดกลัวไปกับภาพความเป็นทหารในอดีตก็เป็นได้

ขึ้นชื่อว่านักการเมืองแล้ว ประทานโทษเถอะ สามารถทำได้ทั้งสิ้น

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ชัดเจนขึ้นทุกที

ล่าสุด นักการเมืองที่เคยเป็นทหาร หรือผู้นำทหารซึ่งประกาศตัวเป็นนักการเมือง ได้นำเสนอประเด็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 โดยให้โอวาทแก่เด็กความว่า ขอให้เด็กทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว โดยเราจะต้องยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดำรงความเป็นไทยให้มีอยู่ตลอดไป เราจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ซึ่งจะต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ โดยเราจะต้องพัฒนาในทุกอย่าง พร้อมกับปูพื้นฐานประชาธิปไตยของเราในอนาคตให้ได้ว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นคง สามารถบริหารจัดการประเทศชาติให้ดีได้

“ประเทศเราจะขัดแย้งกันต่อไปไม่ได้อีก เราต้องมีประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยม เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ โดยที่เราต้องไม่ผิดกติกาของคนอื่น แล้วในฐานะที่เราเป็นคนไทยด้วยกัน จะทำอย่างไร ผมก็ได้แต่ฝากกับพวกเราทุกคน”

ถือเป็นความพยายามที่จะอรรถาธิบาย ทำความเข้าใจถึง “ลิ้นไก่” ที่ประชาชนคนทั้งประเทศเห็นชัดเจนขึ้นทุกขณะ

ต้องการที่จะสืบทอดระบอบ คสช. เปลี่ยนผ่านตัวเองเข้าไปยึดกุมอำนาจรัฐภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น สวมหน้ากากประชาธิปไตยจอมปลอม ตรารัฐธรรมนูญแบบไทยๆ ขึ้นมาบังคับใช้ สร้างความสับสนให้กับประชาชน ชาวบ้านซึ่งไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย รวมทั้งอาศัยนักเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ

เพราะประชาธิปไตยโดยพื้นฐานแล้ว ย่อมหมายถึงระบอบการปกครองซึ่งยึดถือหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน พลเมืองใช้อำนาจดังกล่าวนั้นผ่านบุคคลซึ่งตัวเองเลือกตั้งไปเป็นตัวแทน

ไม่มีหรอก ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม เจ๊กนิยม ฝรั่งนิยม หรือแขกนิยม

แล้วที่ว่าไทยนิยมนะ ไทยหน้าไหนที่นิยมระบอบปกครองพิลึกพิลั่น นอกจากคนไทยสวมบูทถือปืน ตลอดจนสมุนบริวาร ลูกหาบ ซึ่งได้ประโยชน์ร่วมกัน

ไม่มีหรอกประชาธิปไตยในโลกนี้ที่เขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้นักการเมืองที่เคยเป็นทหารหรือผู้นำทหารที่เพิ่งเป็นนักการเมือง ได้บรรลุเป้าหมายเป็นนายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร

ประชาธิปไตยแท้จริง ไม่มีประเทศไหนในโลกใบนี้หรอก ที่สืบทอดระบอบปกครองทหารกันโจ่งแจ้ง และไม่มีด้วยที่นักกฎหมาย ครูบาอาจารย์ ผู้คนในสังคมคนใด จะมาลอยหน้าลอยตา ปลาบปลื้มไปกับการได้รับใช้ทรราชเผด็จการโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนบ้านเรา

อยู่กันได้ด้วยอำนาจ ผลประโยชน์ซึ่งเอื้อเกื้อกันในหมู่ชนชั้นนำบนส่วนยอดของสังคม ไม่เว้นแม้แต่นักเลือกตั้ง ที่แม้ตอนนี้จะออกมาเอะอะโวยวาย ตีโพยตีพาย ด่าทอเผด็จการทรราชกันอย่างเมามันอย่างไรก็ตามที แต่ครั้นถึงเวลามีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาเมื่อไร ร้อยทั้งร้อยต่างสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่โดยดี

มีใครคิดจะบอยคอต ปฏิเสธที่จะร่วมสังฆกรรมกับระบอบที่รู้ทั้งรู้ว่าเลวร้ายอย่างไร

นี่ล่ะ ระบอบปกครองแบบไทยๆ ที่ใครประสงค์ต้องการอยู่ยอดส่วนบนของโครงสร้างสังคมได้จำต้องสยบยอมกับระบอบดังกล่าว

ขืนไปเอาสาระ ถกเถียงประชาธิปไตยแบบไทยนิยม เป็นประชาธิปไตยแท้จริงหรือเปล่า วิพากษ์วิจารณ์ปัญหาประชาธิปไตยในบ้านนี้เมืองนี้ถึงแก่นจริงๆ พาลให้ติดคุกติดตะรางได้โดยง่าย

ความจริงยังพูดไม่ได้เลยนับประสาอะไรกัน

น่ากลัว สกปรก และชั่วร้าย

Affreux, sales et méchants …

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save