กาลครั้งหนึ่ง ที่ราบลุ่มกรุงเทพฯ เคยเป็นดินแดนสรวงสวรรค์ของสรรพชีวิตน้อยใหญ่ ในน้ำมีปลา ในป่ามีสัตว์ ตั้งแต่นกกระจิบนกกระจอก กระรอกตัวเล็ก ไปจนถึงแรด จระเข้ ช้าง และสัตว์หายากเช่นสมัน
มาวันนี้ภาพเหล่านั้นล้วนกลายเป็นอดีตอันเลือนราง เมื่อบางกอกขยับขยายเติบโตกลายเป็นเมืองใหญ่ รถราวิ่งกันขวักไขว่ และจำนวนตึกสูงมีมากเสียยิ่งกว่าต้นไม้ สัตว์ไม่ใช่ประชากรหลักในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกต่อไป มนุษย์ต่างหากคือเจ้าของพื้นที่กลุ่มใหม่ ท่ามกลางความเจริญที่รุดหน้าแผ่ขยาย พวกมันทำได้แค่ล้มตาย ไม่ก็ปรับตัวให้ได้เพื่อความอยู่รอด
หลบซ่อนตามซอกหลืบ พักผ่อนบนสายไฟ นอนหลับในสวนสาธารณะ กระทั่งกินอาหารจากเศษขยะ
แม้จริงอยู่ที่พฤติกรรมหลายอย่างของสัตว์อาจสร้างความเดือดร้อนและไม่เป็นที่น่าต้อนรับสำหรับมนุษย์สักเท่าไหร่ แต่ในวันที่เมืองยังคงแผ่ขยายรุกล้ำบ้านตามธรรมชาติของสิงสาราสัตว์ การกำจัดพวกมันให้หมดไปจากอาณาจักรของคนคงไม่ใช่ทางออก
ถ้าเราเชื่อว่าการดำรงอยู่ของสรรพสัตว์มีความสำคัญ และถ้าเราเชื่อว่าสัตว์เองก็ถือเป็นประชากรของเมืองเช่นเดียวกัน โจทย์คือเราจะสร้างเมืองให้กลายเป็น ‘บ้าน’ ที่อยู่ได้-อยู่ดีของทุกเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร
101 Gaze ชวนคุณไปส่องสัตว์ในเมืองกรุง ไขข้อข้องใจว่าทำไมเราต้องมีความหลากหลายภายในเมือง และวิธีออกแบบเมืองให้น่าอยู่ (สำหรับ) สัตว์ กับ ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ อดีตประธานมูลนิธิโลกสีเขียว, รุจิระ มหาพรหม นักวิจัยสัตว์ป่าและกรรมการสมาคม Save Wildlife Thailand (SWT) และ ดร.กนกวลี สุธีธร อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย