ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมาถึงจุดแตกหัก เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา อิสราเอลดำเนินปฏิบัติการ ‘สิงห์ผงาด’ (Operation Rising Lion) โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าอิหร่านมีแนวโน้มจะผลักดันโครงการนิวเคลียร์อันจะก่อให้เกิดอันตรายตามมา ยังผลให้อิหร่านเปิดฉากตอบโต้ทันทีด้วยการยิงโดรนสวนกลับไปยังอิสราเอล กลายเป็นศึกสงครามแห่งภาคพื้นตะวันออกกลางที่ประชาคมโลกร่วมกันจับตาอย่างหวาดหวั่น
และในโมงยามแห่งความโกลาหลนั้น เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน สหรัฐอเมริกาใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็โจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านสามแห่ง เพื่อระงับ ‘ความทะเยอทะยาน’ ในการสร้างนิวเคลียร์ของอีกฝ่าย และไม่ว่าจะอย่างไร การเคลื่อนไหวนี้ก็สุ่มเสี่ยงและมีแนวโน้มจะบานปลายอย่างปฏิเสธไม่ได้
ในภาพใหญ่ ภูมิภาคตะวันออกกลางคล้ายตกอยู่ในสภาวะแห่งความเดือดดาลและรุนแรง กับแรงหนุนจากประเทศมหาอำนาจที่ยากจะอ่านทางออก นับเป็นห้วงเวลาที่เปราะบาง อ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่
101 สนทนากับ ผศ.ดร.พรพรรณ โปร่งจิตร จากสาขาวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ว่าด้วยรากของข้อพิพาทในตะวันออกกลางกับชาติตะวันตก และหนทางที่เป็นไปได้ของความขัดแย้งเหล่านี้ในอนาคต

อาจารย์มองการเปิดหน้าโจมตีอิหร่านของอิสราเอลอย่างไร
เราต้องเข้าใจก่อนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลนั้น เขาไม่ได้เป็นมิตรกันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ตั้งแต่ปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979 อายะตุลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคมัยนี (Ruhollah Khomeini -อดีตผู้นำสูงสุดของอิหร่าน) ประกาศว่า ในการดำรงความเป็นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน อเมริกากับอิสราเอลคือฝ่ายตรงข้าม และมีคำกล่าวที่อิหม่ามโคไมนีบอกว่า ถ้ามุสลิมทุกคนถือน้ำคนละแก้ว แล้วไปสาดใส่อิสราเอล คนอิสราเอลจะหายไป ความหมายคือคนมุสลิม -ไม่ใช่แค่คนอิหร่านนะ- มีจำนวนมาก เท่ากับว่าชาวมุสลิมต้องร่วมมือกันให้เป็นปึกแผ่น
เดิมที ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลช่วงราชวงศ์ปาห์ลาวี (Pahlavi dynasty -ราชวงศ์สุดท้ายของอิหร่าน) เป็นมิตรที่ใกล้ชิดกันนะคะ เป็นผลเนื่องมาจากการพัฒนาอิหร่านช่วงราชวงศ์ปาห์ลาวีด้วย กล่าวคือราชวงศ์ปาห์ลาวีต้องการทำให้ประเทศเจริญ และความเจริญที่ว่าก็เป็นความเจริญแบบตะวันตก ด้านหนึ่ง พวกเขามองว่าศาสนาหรือรูปแบบวัฒนธรรมเดิมของอิหร่านไม่เป็นตะวันตก ฉะนั้น เขาจึงมีนโยบายบางอย่าง เช่น ยกเลิกการสวมฮิญาบในผู้หญิง หรือนโยบายการปฏิวัติขาว (The White Revolution) ที่เป็นนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศ แต่เป็นการพัฒนาที่นักการศาสนาหรือประชาชนส่วนหนึ่งมองว่าเป็นการพัฒนาโดยรับอิทธิพลมาจากตะวันตก หรือถูกประเทศตะวันตกหรือสหรัฐอเมริกาสั่งมา
เมื่อเกิดการปฏิวัติอิสลาม อิหร่านก็บอกว่าอิสราเอลกับอเมริกาคือชัยฏอน หรือคือมารร้าย ต้องทำลายให้หมด ขณะที่อิสราเอลซึ่งอยู่ในพื้นที่ตะวันออกกลางและเพิ่งตั้งประเทศเมื่อปี 1948 บนความสนับสนุนของชาติตะวันตก อ้างเหตุผลต่างๆ ในการเข้าไปอยู่ในดินแดนดังกล่าว เมื่ออิหร่านประกาศเช่นนั้น อิสราเอลก็เห็นว่าอิหร่านเป็นศัตรูเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อศัตรูพูดถึงศัตรู ก็ไม่แปลกที่จะเกิดการโจมตีหรือการต่อสู้กัน
แต่การโจมตีแบบซึ่งหน้าในครั้งนี้ เราคิดว่าหลายประเทศประเมินอิหร่านต่ำไป คิดว่าอิหร่านไม่เข้มแข็งจากการเมืองภายในประเทศ ที่มีปัญหาเศรษฐกิจหลังจากถูกหลายชาติคว่ำบาตรมาหลายปี หลายประเทศจึงคิดว่าอิหร่านคงไม่พร้อมที่จะรับศึก รวมทั้งเราจะเห็นว่าในตะวันออกกลาง แต่ละฝ่ายก็มีพันธมิตรเป็นของตัวเอง อย่างอิสราเอลมีพันธมิตรจากตะวันตก ส่วนใหญ่เป็นประเทศมหาอำนาจด้วย ขณะที่พันธมิตรของอิหร่านถูกลดทอนมาตลอด ตั้งแต่ฮามาส, ฮิซบอลเลาะห์, ฮูตี หลายคนจึงประเมินว่าอิหร่านคงรับมือกับการโจมตีไม่ไหว
ที่สำคัญคือพันธมิตรของอิหร่านอย่างประเทศซีเรียนั้นไม่มี บาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad -อดีตประธานาธิบดีซีเรีย) อีกแล้ว ผู้นำใหม่ก็เป็นพันธมิตรของอเมริกา ดังนั้น หากยิงจรวดไปแล้วซีเรียเปิดทางหรือไม่ช่วยสกัด หลายประเทศก็คิดว่าอิหร่านคงเอาตัวไม่รอดแน่ๆ เพราะหากว่ายังมีซีเรียเป็นพันธมิตร อย่างน้อยก็ยังช่วยยิงสกัด และสถานการณ์เหล่านี้แหละที่ทำให้อิสราเอลกล้าเปิดหน้าโจมตี
ถ้าอย่างนั้น อิหร่านอ่อนแออย่างที่ชาติตะวันตกเข้าใจไหม
โดยส่วนตัวเลยนะคะ ไม่คิดว่าอิหร่านอ่อนแอเลย เราอยู่อิหร่านมาเจ็ดปีและเคยตั้งคำถามเรื่องนี้มาเหมือนกัน เราเห็นว่าเวลาเขาละหมาดวันศุกร์หรือวันสำคัญต่างๆ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอิหร่านหรือกองทัพอิหร่านทำคือเขาจะแสดงอาวุธที่เขาผลิตได้เองให้ประชาชนเห็น อาจจะไม่ใช่ทุกศุกร์หรอก แต่เขาก็แสดงให้ประชาชนเห็นผ่านโทรทัศน์บ่อยเหมือนกันว่าวันนี้ทำจรวดได้ สร้างปืนได้นะ เขาทำให้คนเห็นว่าเขาพัฒนาเรื่องป้องกันประเทศ และอยากให้คนอุ่นใจว่าเขาพร้อมรับมือจากการกดดันหรือการคว่ำบาตรของชาติต่างๆ
และการถูกโจมตีในครั้งนี้ รวมทั้งการที่อิหร่านโจมตีกลับ ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมจริงๆ คนจึงประเมินอิหร่านผิดมาก คิดว่าเขาจะต้องขอซื้ออาวุธหรือขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ แต่ไม่ใช่เลย
เราได้พูดคุยกับเพื่อนชาวอิหร่าน เขาก็บอกว่าถึงที่สุด ประชาชนก็สบายใจว่าเงินภาษีถูกนำไปใช้สร้างอาวุธจริงๆ

ที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ หรือเครือข่ายของอิหร่านมาเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้อิหร่านอ่อนแอลงจริงไหม
เราต้องเข้าใจว่าทั้งฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ เป็นกลุ่มการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งในเลบานอนและในปาเลสไตน์ เขาเป็นกลุ่มการเมือง แต่คนทั่วไปมองว่าเขาคือกลุ่มผู้ก่อการร้าย เห็นว่าภาพลักษณ์เขาคือผู้ก่อการร้ายไปหมด สิ่งหนึ่งที่คนอื่นไม่ทราบ คืออิหร่านมีเครือข่ายมากมาย ไม่ใช่แค่เครือข่ายด้านการเมือง แต่เป็นเครือข่ายทางวัฒนธรรมด้วย กลุ่มฮามาสกับฮิซบอลเลาะห์บางกลุ่มใช้ภาษาฟาร์ซี ซึ่งเป็นภาษาของอิหร่าน อุซเบกิสถานและทาจิกิสถานก็ใช้ ซึ่งนอกจากภาษาแล้ว พวกเขาก็มีวัฒนธรรมร่วมกันด้วย
ดังนั้น นอกจากมิติการเมือง การทหารแล้ว พวกเขายังมีเครือข่ายด้านวัฒนธรรมที่เหนียวแน่นมาก ชาติตะวันตกอาจคิดว่าถ้าทำลายฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ หรือลอบสังหารผู้นำต่างๆ แล้วอิหร่านจะอ่อนแอ แต่เขาไม่รู้กระบวนการเรื่องเตรียมตัวของอิหร่านและเครือข่ายเหล่านี้ สมมติว่านายทหารหรือแม่ทัพ ถูกลอบสังหาร เขาก็จะมีผู้นำคนใหม่มาแทน นี่คือการเตรียมตัวของเขา เขาเตรียมคนที่พร้อมขึ้นมาทำหน้าที่เสมอ นับเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของนิกายชีอะฮ์ ทุกคนที่ถูกฝึกพร้อมจะเป็นชะฮีด (Shahid) หรือการตายเพื่อศาสนา ดังนั้น จึงไม่มีใครกลัวตาย
การที่เครือข่ายถูกโจมตีก็ทำให้อิหร่านอ่อนแรงลงก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้อิหร่านหวั่นไหวหรือรู้สึกว่าสูญเสียพันธมิตรอะไร
อะไรทำให้อิหร่านแข็งแกร่งนอกจากอิหร่านเป็นชีอะฮ์ มีวัฒนธรรมหรือวิธีคิดแบบไหนอีก
เราว่าเพราะเขาถูกแทรกแซงมานานมากๆ ต้องอยู่ด้วยตัวเองมาตั้งแต่ปฏิวัติอิสลามจนปัจจุบัน นึกถึงประเทศที่ถูกแทรกแซงมา 46 ปีสิ เขามีน้ำมัน มีก๊าซธรรมชาติ มีทรัพยากรมากมาย แต่ถูกชาติตะวันตกกดดันจนค้าขายไม่สะดวก แล้วเขาต้องอยู่แบบนี้มานานมากๆ
อีกอย่าง อิหร่านเป็นประเทศขนาดใหญ่ เขาแทบจะเป็นครัวของตะวันออกกลาง ปลูกข้าวได้เอง มีพืชผลทางการเกษตรที่ผลิตได้เอง เขาจึงไม่ขาดแคลนอาหารเลย แล้วยิ่งเขามีน้ำมัน ต่อให้เขาถูกหลายประเทศคว่ำบาตร แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่อยากซื้อจากเขาเหมือนกัน
อีกอย่าง คนอิหร่านยึดมั่นในศาสนามาก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก พวกเขามีศรัทธาต่อพระเจ้าเหมือนกัน ผู้นำสูงสุดของอิหร่านก็เป็นนักการศาสนา ประชาชนก็เชื่อฟังนักการศาสนา และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อิหร่านเข้มแข็ง

การที่นักการศาสนามีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองและกำหนดทิศทางประเทศ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในการกำหนดนโยบายและท่าทีของอิหร่านต่อชาติตะวันตกแค่ไหน
(คิด) จะใช้คำว่าอะไรดี แต่เราคิดว่าพวกเขาคล้ายๆ จอมทัพ
ถ้าเรามองรูปแบบการปกครองของอิหร่าน ก็จะพบว่าเขาปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐอิสลาม ประธานาธิบดีจึงทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร มีนักการเมืองทำหน้าที่ว่าการต่างประเทศ ดูแลกิจการบ้านเมือง เศรษฐกิจและสังคม แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ต้องมาจากนักการศาสนา เช่น ถ้าจะออกกฎหมาย เมื่อผ่านสภาไปแล้ว การจะประกาศใช้นั้นต้องผ่านสภาสูงของอิหร่านก่อน โดยพวกเขามีหน้าที่ดูแลว่า กฎหมายดังกล่าวถูกต้องตามหลักการศาสนาหรือไม่ สังคมอิหร่านทั้งหมดจึงอยู่ในกรอบของศาสนา
บทบาทอีกประการของนักการศาสนาที่สำคัญมากคือ เราต้องไม่ลืมว่าความเป็นมุสลิมนั้น ตั้งแต่ก่อนมีการปฏิวัติอิสลาม สิ่งที่ทำให้อิหม่ามโคไมนีชักชวน จูงใจคนให้มาร่วมได้คือการละหมาดวันศุกร์ ข้อความส่งตรงมาจากอิหม่ามโคไมนีและเผยแพร่โดยเหล่านักการศาสนา กล่าวคือ ในการละหมาดวันศุกร์ ประชาชนอิสลามทั้งประเทศก็รับฟังสิ่งเดียวกัน และทุกวันนี้ก็ยังมีการละหมาดวันศุกร์อยู่ นักการศาสนาก็พูดประเด็นสำคัญเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน
อิหร่านถูกกล่าวหาว่าดำเนินนโยบายผ่านสงครามตัวแทนมาตลอด คิดว่าเราเรียกกรณีนี้ว่าสงครามตัวแทนได้ไหม หรือมีลักษณะเป็นเครือข่ายมากกว่า
เราคิดว่ามีลักษณะเป็นเครือข่ายมากกว่านะ อิหร่านเขาก็พยายามบอกตัวเองและบอกทุกคนว่า เขาไม่ได้เริ่มสงครามนะ เขาทำเพื่อป้องกันตัวเอง แม้กระทั่งสงครามครั้งนี้ เขาก็บอกว่าการที่ต้องยิงอาวุธออกไปก็เป็นไปเพื่อป้องกันตัวเอง ฉะนั้น เราจึงคิดว่ามันไม่ได้มีลักษณะแบบสงครามตัวแทน แต่ถามว่าเขาสนับสนุนเครือข่ายต่างๆ ไหม ก็ต้องตอบว่าเขาสนับสนุนแน่ๆ เราว่าก็เหมือนที่สหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอลนั่นแหละ
คนมองว่าอิสราเอลอยากทำลายโครงสร้างการทหารและการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่าน รวมทั้งการปกครองด้วย มองประเด็นนี้อย่างไร หรือจริงๆ แล้วอิสราเอลแค่อยากตอบโต้อิหร่าน
เราว่าทั้งอิสราเอลและอิหร่านต่างมองว่าอีกฝ่ายคือศัตรู แน่นอนว่ามันก็ต้องเกิดปัญหาขึ้น ข้ออ้างที่อิสราเอลบอกว่าอิหร่านจะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ จึงต้องทำลายโครงสร้างนี้ทิ้ง ก็ต้องถามว่า แล้วประเทศรอบๆ อิสราเอลประเทศอื่นที่เขามีนิวเคลียร์ล่ะ ทำไมอิสราเอลไม่ทำลายทุกประเทศที่มีนิวเคลียร์ ทำไมฉพาะเจาะจงอิหร่าน ในเมื่อประเทศอื่นมีได้ ทำไมอิหร่านจะมีนิวเคลียร์ไม่ได้ ข้ออ้างของอิสราเอลเรื่องอิหร่านกับนิวเคลียร์ จึงมีลักษณะเป็นไปเพื่อกดอิหร่านมากกว่า เราว่ามันคือความไม่ไว้วางใจกันและกันมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต่างมองกันเป็นศัตรูเช่นนี้
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ในยุคสมัยของ บารัค โอบามา (Barack Obama -อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ก็มีการตรวจสอบเรื่องนิวเคลียร์ในอิหร่าน ผลก็คือไม่เจออะไร แต่ชาติตะวันตกก็ยังไม่เชื่ออีก แต่ที่สำคัญคือการโจมตีในครั้งนี้ มีลักษณะการใช้นิวเคลียร์ของอิหร่านมาเป็นข้ออ้าง คำถามคือแล้วทำไมกลัวแค่อิหร่าน ไม่กลัวชาติอื่นๆ ที่เขาครอบครองนิวเคลียร์อยู่เหรอ หรือทำไมชาติอื่นมีสิทธิสร้างนิวเคลียร์ได้ แต่อิหร่านไม่มีล่ะ
นอกจากนี้ ระบบการทหารของอิหร่านนั้น นอกจากทหารเกณฑ์แล้ว หลายคนก็พร้อมเป็นชะฮีด มีใจรักชาติและศาสนา พร้อมตายได้
ถ้าอิสราเอลอยากทำลายโครงสร้างที่ประกอบด้วยปัจจัยเหล่านี้จริงๆ เขาจะทำได้จริงหรือ ทั้งยังประเมินระบบการป้องกันประเทศของอิหร่านน้อยเกินไปด้วย ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้

เป็นไปได้ไหมที่เป้าหมายของชาติตะวันตก รวมถึงอิสราเอล อยากล้มระบอบการปกครองของอิหร่านเลย
(คิดนาน) ประเทศสาธารณรัฐอิสลามในโลกมีหลายประเทศนะคะ
การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน เป็นจุดเริ่มต้นในการนำศาสนามาใช้ในการปกครอง แต่เราจะเห็นว่าประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางก็มีการจัดรูปแบบการปกครองที่ต่างกันออกไป เราไม่ได้คิดว่าศาสนาเป็นประเด็นที่ทำให้ชาติตะวันตกอยากล้มอิหร่านนะ เรามองว่าความคาดหวังของชาติตะวันตกในการเข้าไปยังอิหร่านต่างหากคือเงื่อนไขสำคัญ เพราะในยุคของชาห์ ตะวันตกเข้าไปจัดการทุกอย่างในอิหร่านได้ ถ้าอยากได้ทรัพยากรอะไร เขาก็เอาไปได้หมด เราว่าชาติตะวันตกพยายามอ้างเรื่องระบบการปกครองมาเป็นปัญหา ด้วยการบอกว่าระบอบนี้เป็นอันตรายต่อประเทศอื่น เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ถ้าเราดูดีๆ คำสอนของอิหร่านไม่ได้บอกว่าเขาจะไปรุกรานใคร
ส่วนตัว เราจึงมองว่าเรื่องระบบการปกครองของอิหร่านเป็นข้ออ้างที่ชาติตะวันตก อ้างเพื่ออยากเข้าไปแทรกแซงประเทศอิหร่านมากกว่า คือชาติตะวันตกมีปัญหาในการไม่สามารถเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ได้อย่างเดิม จากในยุคของชาห์ที่อิหร่านแทบจะไม่ต้องตัดสินใจอะไรเอง เพราะอเมริกาตัดสินใจให้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้อเมริกาทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
สงครามสงผลต่อการเมืองภายในอิหร่านอย่างไร โดยเฉพาะภายใต้การนำของ มาซูด ปีเซชเคียน (Masoud Pezeshkian) ประธานาธิบดีสายปฏิรูปคนล่าสุด
อันดับแรก คนอิหร่านเลือกมาซูดเพราะอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง เช่น เรื่องการผ่อนคลายการสวมฮิญาบ อันที่จริงก็ผ่อนมาตั้งแต่ช่วงปลายของประธานาธิบดีคนก่อนอย่าง เอบรอฮีม รออีซี (Ebrahim Raisi) แล้วล่ะ อิหร่านจะเป็นลักษณะนี้ตลอด คือมีการเรียกร้องและเกิดการผ่อนปรนขึ้นเป็นระยะๆ
สำหรับการเมืองภายในอิหร่าน ช่วงนี้เราจะเห็นว่าผ่อนคลายเยอะมาก คนไม่ได้ถูกกดดันขนาดรู้สึกว่าอยู่ไม่ไหว คนแต่งกายเปลี่ยนไปจากเดิม กิจกรรมก็เปลี่ยนไป เช่น เดินห้าง นั่งดื่มกาแฟที่คาเฟ่ ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้วไม่มีนะคะ (ยิ้ม) ซึ่งความเปลี่ยนแปลง ความผ่อนคลายที่ว่านี้ไม่ได้มาจากประธานาธิบดีเสียทีเดียว แต่มาจากผู้นำศาสนาด้วย เราต้องเข้าใจว่าการจะเป็นประธานาธิบดีที่อิหร่าน ต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้นำศาสนาก่อนด้วย ไม่ว่าจะเป็นสายปฏิรูปหรือสายแข็งกร้าว ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้นำศาสนามาก่อนทั้งนั้น แล้วประชาชนค่อยเลือก และในช่วงสงครามอย่างนี้ หน้าที่ของประธานาธิบดีคือดำเนินการต่างประเทศ ฝ่ายที่ต้องทำสงครามก็ทำสงคราม
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสายไหน อิหร่านก็จะดำเนินไปในลักษณะนี้อยู่ดี
โจทย์ยากของอิหร่านในเวลานี้คืออะไร ระหว่างการรับมือกับอิสราเอลภายใต้การนำของ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu -นายกรัฐมนตรีอิสราเอล) กับอเมริกาภายใต้ทรัมป์
อิหร่านเจอกับเนทันยาฮูมาตลอดนะ และผ่านมาได้ตลอด แต่ทรัมป์นี้ถือว่าเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย อยู่ๆ จะมาเจรจากับอิหร่านซึ่งอิหร่านปฏิเสธ ตรงนี้เราคิดว่าการดำเนินการทางการทูตของอิหร่านแยบยลมาก ถ้าเขาเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เช่น ทรัมป์ เขาก็จะไม่เจรจาด้วย เพราะถ้าเข้าไปเจรจาก็เท่ากับว่าเขากระโจนลงไปในความไม่แน่นอน
คิดว่าความสัมพันธ์ของประเทศในตะวันออกกลางกับอิหร่านเวลานี้เป็นอย่างไร เพราะเท่าที่เห็น หลายประเทศก็เลือกอยู่เฉยเมื่อปาเลสไตน์หรืออิหร่านถูกโจมตี
ถ้ามองว่าการที่อิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์ อาจพบว่าชาติอาหรับทั้งหลายจะดูนิ่งเฉย ไม่ช่วยเหลือ ไม่ออกตัวแรงเท่าอิหร่าน ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของแต่ละประเทศด้วย แต่อิหร่านไม่ได้เป็นแบบนั้น ต้องเข้าใจว่าอิหร่านมองอิสราเอลเป็นศัตรูตั้งแต่จุดเริ่มต้นแล้ว
เป็นไปได้ไหมว่าอิหร่านมองตัวเองเป็นพี่ใหญ่ของหลายๆ ประเทศในตะวันออกกลาง
ไม่ใช่เลย อิหร่านไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่หรือต้องไปสนับสนุนเครือข่ายใดเป็นพิเศษ แต่อิหร่านเขาเห็นเครือข่ายด้านศาสนา คือกลุ่มชีอะฮ์ เขาก็ให้ความช่วยเหลือกลุ่มนี้เพราะเขามั่นคงกว่า แต่ส่วนตัวเราไม่คิดว่าเขาเห็นตัวเองเป็นพี่ใหญ่อะไร
ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ คิดว่าจีนกับรัสเซียจะเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยไหม
ไม่ค่ะ (ตอบเร็ว) เพราะพวกเขาไม่อยากเจ็บตัวกันหรอก จีนก็คงอยากรักษาผลประโยชน์การค้าของตัวเองมากกว่า รัสเซียเองก็มีสงครามของตัวเองที่ยังวุ่นวายไม่จบ ถ้าเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะทำให้เกิดช่องว่างให้ชาติอื่นเข้าไปแทรกแซงในสงครามระหว่างเขากับยูเครนได้
แต่จีนก็เคยยื่นมือมาไกล่เกลี่ยสมัยความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียกับอิหร่าน เงื่อนไขอะไรที่จะทำให้จีนไม่เข้ามายุ่งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
อิสราเอลมีอะไรให้จีนบ้าง อย่างซาอุดิอาระเบียเขามีน้ำมันนะ
อย่างนั้นอาจารย์มองว่า หนทางไปสู่ความสงบมีอะไรบ้าง นับจากนี้
คิดแทนยากมาก เพราะทางสหรัฐฯ เองก็ไม่รู้ว่าเขาใช้ตรรกะอะไรในประเด็นนี้ แต่เราคิดว่าอิหร่านคงอยากได้ความเท่าเทียมกับเสรีภาพ ในการมองให้เขาเท่าเทียมประเทศอื่น หยุดแทรกแซงเขาและยอมรับเขาก็พอ