fbpx

ความน่าจะอ่าน 2023 : The Finalists (ตอนที่ 2)

หนังสือทำให้เราสุข

หนังสือทำให้เราเศร้า

หนังสือทำให้เรามีความหวัง

ในวันที่ชีวิตคนเราไม่(เคย)มีความแน่นอน การเมืองชุลมุน เศรษฐกิจผันผวน ลมฟ้าอากาศแปรปรวน เรายังเชื่อว่าหนังสือที่ดี อ่านกี่ที ย่อมมอบความรู้สึกน่าจดจำแก่ผู้อ่านได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

เราจึงกลับมาค้นหาสุดยอดหนังสือครบรสหลากอารมณ์อีกครั้ง กับกิจกรรม ‘ความน่าจะอ่าน’ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2023 ในคอนเซปต์ ‘อ่าน 7 ที ดี 7 หน’ โดยในปีนี้ 101 ร่วมกับ Jim Thompson Art Center และร้านหนังสือ Fathom Bookspace ชวนเจ้าของสำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ร้านหนังสือ รวมถึงนักวาดภาพประกอบ มาแนะนำหนังสือดี ทั้งหมดกว่า 100 เล่ม ครบรสทั้งการเมือง ประวัติศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา นวนิยาย รวมถึงการ์ตูน แก่คุณผู้อ่าน

และนี่คือรายชื่อหนังสือ The Finalists ชุดที่ 2 ซึ่งคนในแวดวงหนังสือเสนอกันเข้ามา พร้อมเหตุผลว่าทำไมเรา ‘น่าจะอ่าน’ เล่มนี้


ดูรายชื่อหนังสือ The Finalists ชุดที่ 1 ได้ ที่นี่



ชวณัฐ สุวรรณ และ เพชรลัดดา แก้วจีน

Whale & Rabbit Library


เล่มที่แนะนำ :



1.ลาก่อนเอริ Sayonara Eri

ผู้เขียน : Tatsuki Fujimoto

ผู้แปล : December

สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์คอมมิกส์

“มังงะ one-shot ความยาวกว่า 200 หน้า เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกแม่ขอให้ถ่ายวิดีโอบันทึกวาระสุดท้ายของเธอที่กำลังป่วยเอาไว้ แต่เขากลับไม่กล้าถ่ายตอนแม่กำลังจะตายและเลือกใส่ “ฉากระเบิด” ลงไปในตอนจบแทน ฟุตเทจนี้ถูกนำไปทำเป็นหนังสารคดีฉายในงานโรงเรียนและทำให้เขาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางลบเกี่ยวกับทัศนคติและความไร้เหตุผลในฉากจบ ขณะที่เด็กชายเสียใจและกำลังจะคิดสั้น เขาได้พบกับ “เอริ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ชักนำเขาเข้าสู่โลกของการดูหนัง และทำให้เขาตัดสินใจกลับมาทำหนังอีกครั้ง

มังงะเรื่องนี้มีความโดดเด่นด้านการเล่า “เรื่องซ้อนเรื่อง” และงานภาพที่มีการตัดสลับระหว่างมุมมองสายตาคนกับมุมมองที่ถูกบันทึกผ่านกล้องวิดีโอ ทุกมิติของการถ่ายหนังทั้งความเร็ว-ช้า การแช่กล้อง และการตัดต่อฟุตเทจต่างๆ ถูกจำลองลงมาอยู่บนกระดาษได้อย่างเหนือชั้นราวกับผู้เขียนกำลังทำหนังบนแผ่นกระดาษยังไงยังงั้น โดยประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ “ชีวิต” (ทั้งในแง่ชีวิตคนจริงๆ ชีวิตคนในมิติภาพยนตร์ และชีวิตของตัวภาพยนตร์เอง) ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้แหลมคมและสั่นสะเทือนความรู้สึกอย่างยิ่ง นี่คือตัวอย่างของงานเล่าเรื่องที่ดี มีเอกลักษณ์ และจับใจไปพร้อมกัน อีกทั้งยังติดค้างอยู่ในหัวไปอีกนานแม้จะอ่านจบไปแล้ว”



2.Love Zine เรื่องจริงหวังแต่ง

ผู้เขียน : นภษร และ เฟื่องฟู

สำนักพิมพ์ : Salmon Books

“หนังสือแนวการทดลองที่อ่านเเล้วสนุกมากๆ เพราะอ่านเเล้วรู้สึกถึงว่าสดใหม่ เหมือนได้ดูหนังรัก ซีรีย์เกาหลี ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ เเต่อ่านไปเเล้วไม่ได้รู้สึกแปลกแยกออกไป เหมือนได้เห็นฉากเลิฟซีนสุดน่ารัก อารมณ์ขัน และตัวตนของผู้เขียนทั้งคู่มากๆ

ชอบที่เล่าเรื่องของตัวเองผ่านน้ำเสียงของสิ่งของที่อยู่รอบๆ ตัวทั้งคู่ เช่น กระจกที่ตั้งอยู่ในร้านกาแฟของคุณเฟื่องฟู , ปุ่มกดขึ้น-ลงในลิฟท์ , ฟิล์มถ่ายภาพ เป็นต้น มันช่างแสนน่ารักมากๆ ตลกด้วย และมี Playlist เพลงให้สแกนฟังตอนอ่านไปด้วย มีสูตรอาหาร และวิธีการดริปกาแฟระดับมือโปร (อันนี้ชอบมาก)”



3.THAKSIN SHINAWATRA : Theory and Thought

ผู้เขียน/จัดพิมพ์ : ทักษิณ ชินวัตร

“หนังสือชีวประวัติของทักษิณ ชินวัตร ที่รวบรวมประวัติการทำงาน เรื่องชีวินส่วนตัว เรื่องราวความคิดที่ตกผลึกจากประสบการณ์การทำงานทางการเมือง พร้อมกับคำบอกเล่าเรื่องของบุคคลใกล้ชิดของคุณทักษิณ ที่ทำให้เราได้รู้จักเเละเห็นแง่มุมอื่นๆ ของเขา เเละบทสัมภาษณ์ของประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของการทำงานเมืองเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม ประชาชนได้ประโยชน์ทั่วหน้า เเละเป็นอดีตนายกที่ได้รับความนิยมอย่างมากคนหนึ่งของประเทศไทย”



ศิริวร แก้วกาญจน์

สำนักพิมพ์ผจญภัย


เล่มที่แนะนำ :



1.เวลามือสอง : ชาวโซเวียตคนสุดท้าย (SECONDHAND TIME : THE LAST OF THE SOVIETS)

ผู้เขียน : Svetlana Alexievich (สเวตลานา อเล็กซีวิช)

ผู้แปล : ณวรา

สำนักพิมพ์ : สันสกฤต

“ปากคำประวัติศาสตร์ซึ่งอัดแน่นและอึงอลไปด้วยสรรพเสียง ทั้งความคั่งแค้น ปวดร้าว สิ้นหวัง ที่สเวตลานา อเล็กซีวิช นักเขียนรางวัลโนเบลปี 2015 ตระเวนสัมภาษณ์ผู้คนทั่วทั้งรัสเซีย หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

เวลามือสอง ประกอบร่างมาจากอารมณ์ความรู้สึกต่างระดับอันเข้มข้นของผู้คนต่างยุคต่างสมัย เป็นวรรณกรรมที่ปรากฏตัวอย่างกล้าหาญ แปลก แหวกขนบวรรณกรรม ไม่เหมือนใคร”



2.สักวันเราจะเล่าทุกอย่างสู่กันฟัง (Irgendwann werden wir uns alles erzählen)

ผู้เขียน : Daniela Krien (ดานีเอลา ครีน)

ผู้แปล : ปิยะกัลย์ สินประเสริฐ

สำนักพิมพ์ : ไลบรารี่ เฮ้าส์

“ความรักเร้นลับของมาเรีย เด็กสาววัย 17 กับชายต่างวัย ท่ามกลางรอยต่อและการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ในห้วงเวลาการรวมชาติเยอรมนี หลังกำแพงเบอร์ลินพังทลาย แรงสั่นกระเพื่อม แรงปะทะ ระหว่างจุดมุ่งหมายของชีวิตรักกับจุดมุ่งหมายของการรวมชาติ นำไปสู่โศกนาฏกรรมสุดแสนสะเทือนใจ”



3.เรื่องตลก (The Joke)

ผู้เขียน : Milan Kundera (มิลาน คุนเดอรา)

ผู้แปล : ภัควดี วีระภาสพงษ์

สำนักพิมพ์ : บทจร

“เรื่องของลุดวิก ปัญญาชนผู้ระทมตรมเศร้าเจ้าความคิด ยั่วแย้ง คมคาย ดิ้นดื้อภายใต้โครงครอบกรอบเกณฑ์ของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ แม้เป็นนวนิยายเรื่องแรก แต่เรื่องเล่าของคุนเดอราฉลาด หลักแหลม มีลักษณะเฉพาะ เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง”



ธีรภัทร เจริญสุข

สำนักพิมพ์พะโล้ พับลิชชิ่ง


เล่มที่แนะนำ :



1.อย่าหยิบขึ้นมานะ นั่นขยะ ไม่ใช่แฟน

ผู้เขียน : ฉีจิงหนานชุ่ย

ผู้แปล : Jinyuler

สำนักพิมพ์ : Lilac Novel

“นิยาย BL แฟนตาซีแนวระบบ ที่ให้โอกาสดวงวิญญาณทะลุมิติไปสวมร่างทำภารกิจแก้แค้นผู้ชายคนรักที่ทรยศหักหลัง ส่วนหนึ่งแสดงจินตนาการบรรเจิดถึงชีวิตในหลากหลายโลก ตั้งแต่โลกคล้ายมนุษย์ โอเมกาเวิร์สไซไฟ ย้อนยุคเทพเซียน ซอมบี้สิ้นโลก ในเรื่องเดียวหลากหลายสารพัด อีกส่วนหนึ่งสะท้อนสังคมความคิดของจีนยุคใหม่ การเหยียดเพศหลากหลาย ชนชั้นฐานะ ความยากลำบากในการทำมาหากิน การกดขี่ทางเพศและล่วงละเมิดเด็กและเยาวชน ให้ทั้งความบันเทิงสะใจในการแก้แค้นผู้ชายขยะที่ทรยศหักหลังคนรัก และแฝงนัยยะการเมืองไปลึกๆ”



2.ขงเบ้งเจาะเวลามาปั้นดาว

เรื่อง : ยูโตะ โยตสึบะ

ภาพ : เรียว โอกาว่า

สำนักพิมพ์ : เซนชู

“หากจูกัดเหลียงขงเบ้งข้ามเวลามาอยู่ในยุคปัจจุบัน และทำงานเป็นผู้จัดการไอดอล เขาจะปั้นไอดอลให้โด่งดังทะลุฟ้าได้แบบจ๊กก๊กหรือไม่? การ์ตูนที่ผสานวัฒนธรรมไอดอลยุคสมัยใหม่กับยุทธศาสตร์สามก๊กที่สนุกสนาน แปลงกระบวนทัพเป็นการจัดอีเวนท์ เปลี่ยนค่ายกลเป็นผังเวที ประชันวาทะเป็นดวลเพลงแร็พ หนึ่งในใต้หล้าอยู่ที่ปัญญาของขงเบ้ง!”



3.Red, White, and Royal Blue

ผู้เขียน : Kasey McQuiston

สำนักพิมพ์ : Pride by Kaewkarn

“ดัดแปลงเป็นหนังสุดดังถล่มทลายใน Amazon Prime ความรักทางไกลท่ามกลางอุปสรรคระหว่างเจ้าชายแห่งราชวงศ์อังกฤษ กับลูกชายของประธานาธิบดีอเมริกา ที่เริ่มจากความเกลียดขี้หน้าและขัดแย้งทางอุดมการณ์ เนื้อหาที่แสนจะแฝงความ woke แบบยุค 2020 แต่เคมีตัวละครเล่าได้กลมกล่อม ถึงจะจบง่ายเกินไปหน่อยก็เถอะ”



ขจรฤทธิ์ รักษา

สำนักพิมพ์บ้านหนังสือ


เล่มที่แนะนำ :



1.ถ้ำ : A Caverna

ผู้เขียน : Jose Saramago

ผู้แปล : กอบชลี

สำนักพิมพ์ : ไลบรารี่ เฮ้าส์

“ชอบวิธีการเล่าของผู้เขียนที่ลงลึกเข้าไปในจิตใจของตัวละคร เรื่องที่นำมาเล่าก็เป็นเรื่องธรรมดาของช่างปั้นดินเผา หลังจากที่ผลิตถ้วยจานชามส่งศูนย์มานาน จนกระทั่งภาชนะเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยพลาสติกที่สวยกว่าและทนทานกว่า ศูนย์บอกเลิก ให้เขาขนสินค้าที่เหลือกลับ แต่เขากับลูกสาวไม่ยอมแพ้จึงคิดจะผลิตตุ๊กตาดินเผาส่งเข้าไปในศูนย์อีกครั้ง ได้อ่านเรื่องราวของชายคนนี้ แล้วรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง ท้อแท้ตามไปด้วย ฝีมือของผู้เขียนนั้นเปลี่ยนหัวใจของผู้อ่านอ่อนโยนโดยฉับพลัน”



2.ประวัติศาสตร์ล้อมเมืองกรุงลิสบอน

ผู้เขียน : Jose Saramago

ผู้แปล : กอบชลี

สำนักพิมพ์ : ไลบรารี่ เฮ้าส์

“เรื่องของนักพิสูจน์อักษรที่เปลี่ยนถ้อยคำในต้นฉบับ จากใช่เป็นไม่ จากไม่เป็นใช่ ทำให้เนื้อหาในต้นฉบับนั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง นักพิสูจน์อักษรที่เชี่ยวชาญและทำงานให้กับสำนักพิมพ์มายาวนาน มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ต้องการของสำนักพิมพ์ต่างๆ  เรื่องราวของเขาน่าสนใจตรงที่ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำงาน กลับบ้าน ทำงาน และแอบรัก ซารามาโกเป็นนักเขียนที่เล่าเรื่องโดยใช้กระแสสำนึกได้ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ผลงานของเขาน่าอ่านทุกเล่ม”



3.หญิงสาวผู้ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์

ผู้เขียน : Rosella Postorino

ผู้แปล : สิรีธร ถาวรปิยกุล

สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี

“เรื่องราวของโรซา เซาเออร์ หญิงสาวที่เพิ่งเป็นม่ายเพราะสามีถูกเกณฑ์ไปรบ เธอย้ายจากกรุงเบอร์ลินไปอยู่ในบ้านพ่อแม่ของสามีในชนบท และเธอถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นคนชิมอาหารให้ฮิตเลอร์  เรื่องเล่าเกี่ยวกับเธอระหว่างเป็นผู้ชิมอาหารนั้นดูทั้งขมขื่น และอเน็จอนาถ ฮิตเลอร์กลัวคนวางยาพิษ จึงต้องมีพ่อครัวส่วนตัว แต่กระนั้นก็ยังไม่ไว้วางใจ ก่อนจะยกจานอาหารเข้าไปให้เขากิน จะต้องมีคนชิมเสียก่อน ถ้าพวกเธอกินแล้วมีอาการไม่ดี ฮิตเลอร์ก็จะรู้ตัวทันที ระหว่างที่โรซาทำงาน เธอพบรักใหม่กับนายทหารคนหนึ่ง ทั้งคู่แอบพบกันแทบทุกคืน กระทั่งสงครามจบลง นายทหารกลับสู่ครอบครัวของตัวเอง เธอถูกทิ้งไว้อย่างเดียวดาย ไม่นานต่อมา สามีที่เธอคิดว่าตายแล้วก็เดินทางกลับมาด้วยสภาพที่เหมือนศพเดินได้ เธอดูแลเขาจนหายดี และปล่อยให้เขาไปมีครอบครัวใหม่”



ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์


เล่มที่แนะนำ :



1.เจ้าชีวิต เจ้าสรรพสิ่ง : การก่อร่างภาพลักษณ์สมัยใหม่ของสถาบันกษัตริย์สยาม

ผู้เขียน : เมาริตซิโอ เปเลจจี  (Maurizio Peleggi)

ผู้แปล : วริศา  กิตติคุณเสรี

สำนักพิมพ์ : ฟ้าเดียวกัน

“หนังสือนี้สุดยอดในการเข้าใจการสร้างภาพลักษณ์ของเจ้าไทยให้ทันสมัยตามอย่างตะวันตกในยุคศตวรรษที่ 19 สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ด้วยแนวคิดนาฏกรรมอำนาจ”



2.Transform or die ปฏิรูปกองทัพไทย

ผู้เขียน : สุรชาติ บำรุงสุข

สำนักพิมพ์ : มติชน

“เป็นงานที่ศึกษาทำความเข้าใจความคิด บทบาทและผลประโยชน์ของทหารและกองทัพไทยอย่างลึกซึ้งที่สุด”



3.ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย (ฉบับปรับปรุง)

ผู้เขียน : คริส เบเคอร์ และผาสุก พงษ์ไพจิตร

สำนักพิมพ์ : มติชน

“เป็นหนังสือวิชาการที่ให้ภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองไทยได้อย่างรวบรัด มีรายละเอียด และสร้างภาพได้คมชัด ตั้งแต่ยุคก่อนกรุงเทพ จนถึงเลือกตั้ง 2562”



ประธาน ธีรธาดา

นิตยสาร Art4D


เล่มที่แนะนำ :



1.NO GOD NO KING ONLY HUMAN (Photo Book)

สำนักพิมพ์ : Karava Publishing

“หนังสือเล่มนี้คือ photo book รวบรวมภาพถ่ายจาก 10 ช่างภาพที่ตามเก็บภาพเหตุการณ์ในการชุมนุมระหว่างปี 2020-2022 การใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่าน ‘รูปภาพ’ ล้วนๆ นั้นสร้างความสั่นสะเทือนด้านในผู้ชมให้รู้สึกอึดอัด อยากหาที่โล่งๆ สูดลมหายใจเข้าปอดสักเฮือกใหญ่ การลำดับเรื่องราวเริ่มจากความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมแนวสันทนาการ แฝงอารมณ์ขัน ประกอบด้วยการใช้ภาษาโดนๆ และสัญญะต่างๆ จนกระทั่งแรงเสียดทางเริ่มทวีความเดือดขึ้นไปถึงสถานการณ์โกลาหลอลหม่าน จาก ‘วิ่งไล่ลุง’ ไปสู่ปรากฏการณ์ ‘ทะลุเพดาน’ ไม่ได้ จะโดยความตั้งใจหรือสถานการณ์พาไปก็ตาม สังคมเกิดการแบ่งแยกออกเป็นสองฝั่งอย่างกว้างๆ (แต่ละฝั่งมีเฉดความเข้มข้นต่างกันหลายโทน)

ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเป็นชัยชนะของฝั่งก้าวหน้าที่ชนะฝั่งสืบทอดอำนาจทหารได้อย่างท่วมท้น ทว่าพอจัดตั้งรัฐบาลได้ กลับเป็นฝ่ายอำนาจเดิมที่คุมเกมเบ็ดเสร็จ จัดวางคนลงตำแหน่งต่างๆ ได้แบบประชาช็อกกันถ้วนหน้า ดูข่าวการตั้งรัฐบาลประกอบภาพจากหนังสือเล่มนี้แล้ว ใจหาย เสียดาย ความหวังของผู้คนที่ลงถนนไปต่อต้านเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมา สุดท้ายเชื่อว่าการเลือกตั้งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แต่แล้ว คนฝั่งอนุรักษนิยมยังคงยึดมั่นม็อตโต้ ‘รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ พร้อมใช้เป็นเงื่อนไขจัดการกับฝ่ายที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันว่า เป็นอันตรายและภัยคุกคามชาติ โดยมองข้ามความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ ความล้าหลังของฝ่ายตัวเองไปหมดสิ้น พลิกดูรูปถ่ายในหนังสือซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ เชื่อว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่แนวกำแพงคอนเทนเนอร์ที่ขวางกั้นระหว่างความคิดที่จะเปลี่ยน กับความคิดที่จะปกปักรักษา ยังคงแข็งแรง อาจต้องการปัจจัยอื่นๆ นอกจากสายลมอย่างเดียวจึงจะทลายกำแพงนี้ให้พังทลายลงได้สักวัน”



2.1000 ปีแห่งความรื่นรมย์และขมขื่น

ผู้เขียน : อ้าย เว่ยเว่ย

ผู้แปล : ดรุณี แซ่ลิ่ว

สำนักพิมพ์ : สวนเงินมีมา

“1000 Years of ajoys and Sorrows : The story of two lives , one nation and a century under tyranny คือหนังสืออัตชีวประวัติของ อ้าย เว่ย เว่ย ศิลปินนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รัฐบาลจีนหมายหัวไว้ว่าเป็นศัตรูตัวร้าย ประมาณว่าเป็นพวกชังชาติในความหมายของรัฐไทยนั่นละ เนื้อหาพูดถึงชีวิตในวัยเด็ก กระบวนการเพาะบ่มความคิดที่เกี่ยวกับเสรีภาพภายใต้ชีวิตอันแร้นแค้นและการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ของจีน ทุกวันนี้ ชื่อชั้นของ อ้าย เว่ย เว่ย อยู่ในระดับ top influencer ของโลกไปแล้วเราจะพบงานของเขาตามส่อต่างๆ มากมาย อาทิ

ซีรีส์ภาพถ่ายขาวดำ อ้าย เว่ย เว่ย ปล่อยแจกันโบราณสมัยราชวงศ์ฮั่น ตกลงพื้น (1995)

ภาพตัวเขาชูนิ้วกลางให้จตุรัสเทียนอันเหมิน ปักกิ่ง (1995)

ภาพตัวเว่ย เว่ยนอนคว่ำบนชายหาดสื่อถึงเด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอายุ 3 ขวบที่เสียชีวิตจากเรือโดยสารผู้ลี้ภัยล่มกลางทะเลขณะพยายามอพยพหนีภัยสงคราม (2016)

อ้าย เว่ย เว่ย คือศิลปินแนวมนุษย์นิยมผู้แสดงความอหังการให้โลกรู้ว่า มนุษย์คนหนึ่งสามารถยืนหยัดขัดขืนและต่อสู้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขามากมายด้วย ความคิด และยุทธวิธีอันแหลมคม”



3.แม่ง โคตรโฟนี่เลย : การเมือง วรรณกรรม ในยุคที่สุนัขไม่ใช่หมาเสมอไป แต่ประชาชนยังเป็นควายเหมือนเดิม

ผู้เขียน : ไอดา อรุณวงศ์

สำนักพิมพ์ : Bookscape

“นอกจากชื่อหนังสือจะเชื้อเชิญแล้วคำโปรยยังปั่นขยี้ยับ การเมือง | วรรณกรรมในยุคที่สุนัขไม่ใช่หมาเสมอไปแต่ประชาชนยังเป็นควายเหมือนเดิม  และถ้าไม่เคยรู้ว่าโฟนี่คืออะไร หน้าปกก็มีคำอธิบายไว้พร้อมว่า Phoney ( adj ) ปลอม ( n ) คนหลอกลวง see also เสแสร้ง, จอมปลอม, ระยำอัปรีย์

ในอดีต ข่าวการเมืองเคยเป็นเรื่องหนัก ห่างไกลจากความสนใจของชาวบ้าน กลายเป็นตอนนี้ การเมืองคือเรื่องบันเทิง เป็น content ที่พบได้ในสื่อทุกประเภท แสดงให้เห็นถึงความป็อปปูลาร์และอาการตื่นรู้ของผู้คน แม้การตีความความและการรับรู้ข่าวสารจะมีระดับความตื้น\ลึกต่างกันไป แต่ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้คำพูดของนักการเมืองไม่ใช่สักจะพูดแล้วก็ลืมๆ กันไปเสียอย่างแต่ก่อนแล้ว

ไอดามีภาษาที่ไม่แข็งรัดกุมแบบนักวิชาการ ไม่แยบยลแฝงความหมายระหว่างบรรทัดแบบงานวรรณกรรม ยิ่งไม่ใช่ภาษาตลาดเอะอะเอ็ดตะโร ทว่าเป็นดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟป็อป มีท่วงทำนองนุ่มนวลในบางครั้ง ผสมผสามจังหวะกระชากคอร์ดกระตุกเร้าอารมณ์ รวมทั้งต่อมสำนึกของความเป็นคนให้ส่งเสียงร้องตอบสนองออกมาได้โดยอัตโนมัติ

 “คุณไม่ต้องรักพวกเขาก็ได้  จะชิงชังก็ตามสบาย แต่กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้คุณฆ่าพวกเขาตายในนามของการไม่ให้ประกัน ในนามของปรมาภิไธยที่คุณอ้างไว้“

“คืนสิทธิประกันตัวเดี๋ยวนี้ ก่อนจะมีคนตาย”

เสียงเกรี้ยวกราดดังก้องในโสตสำนึกขณะที่ไถดู digital footprint ช่วงหาแสงของบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ในใจเรายังแอบอุทาน “พวกมึงนี่ แม่งโคตรโฟนี่เลยนะ #@$&………”



ดวงใจ จีนานุรักษ์

บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)


เล่มที่แนะนำ :



1.ความลับของความสุข : Secrets of Happiness

ผู้เขียน : นิ้วกลม

สำนักพิมพ์ : KOOB

“หนังสือที่จะทำให้ได้แง่มุมในการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างมีความสุขเพิ่มมากขึ้น เหมือนบทบันทึกของเพื่อนที่กลั่นกรองมุมคิดดีๆ มาให้”



2.Nice To Meet Me ค้นพบสิ่งมีค่าที่ชื่อว่าตัวเอง

ผู้เขียน : รสสุคนธ์ กองเกตุ (ครูเงาะ)

สำนักพิมพ์ : I AM THE BEST

“หนังสือที่จะทำให้คุณรักตัวเอง (Self Love) + เข้าใจคนอื่น (Empathy) มีจุดยืนที่มั่นคงแต่พร้อมยืดหยุ่นได้ สร้างความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและมีคุณภาพแบบไม่ต้องฝืน”



3.หนังสือกอดใจ

ผู้เขียน : Matt Haig

ผู้แปล : ศิริกมล ตาน้อย

สำนักพิมพ์ : Bookscape

“หนังสือเล่มนี้ช่วยปลอบประโลมหัวใจ ทำให้ยังมีความหวัง เพิ่มพลังใจในวันที่อ่อนล้า”



ธวัช งานรุ่งเรือง

นายแพทย์ผู้หลงใหลการอ่าน
เจ้าของเพจ ‘หนังสือปันกันอ่าน : Immortalbook’


เล่มที่แนะนำ :



1.A Promised Land บารัค โอบามา

ผู้เขียน : Barack Obama (บารัค โอบามา)

ผู้แปล : นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี

สำนักพิมพ์: Sophia

“บันทึกความทรงจำช่วงชีวิตของโอบามา ตั้งแต่ก่อนลงเลือกตั้งประธานาธิบดี จนกระทั่งหลังขึ้นตำแหน่ง
โอบามา เป็นประธานาธิบดีที่เขียนหนังสือเก่งมาก และละเอียดลออในการเล่ามาก หลักฐานคือความหนาของหนังสือเล่มนี้ .. และนี่ยังไม่จบนะแค่ครั้งเดียว

เส้นทางการชิงตำแหน่งที่พาให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของสหรัฐอเมริกา เบื้องหลังการผลักดัน โอบามาแคร์ ระบบสุขภาพเพื่อคนอเมริกันครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เบื้องหลังปฏิบัติการจับกุม/เด็ดหัว อุซามะห์ บิน ลาดิน
ล้วนแต่ถ่ายทอดออกมาในจังหวะ ลีลา ที่อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ”



2.ยอดมนุษย์วายป่วง (Anxious People)

ผู้เขียน : Fredrik Backman (เฟรียดริค บัคมัน)

ผู้แปล : โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล

สำนักพิมพ์ : Merry-Go-Round

“เหตุการณ์โกลาหลในเมืองเล็กๆ เมื่อโจรปล้นธนาคาร จับตัวประกันไว้ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ผู้คนหลากชีวิต มีทั้งชาย หญิง LGBTQ, มีทั้งคนหนุ่ม คนสาว คนวัยกลางคน ไปจนถึงวัยชรา, ครองรักมายาวนานกำลังจะแต่งงาน ชีวิตคู่ล้มเหลว ไปจนถึงคนที่โสดโดดเดี่ยวเดียวดาย , มีทั้งคนที่เป็นสามี เป็นภรรยา เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นพี่ เป็นน้อง

แต่ทุกคนมีบางสิ่งที่เหมือนกัน คือเป็นคนดีพอประมาณที่พยายามจะประคองชีวิตให้ดีแต่ก็พบว่า ตัวเองทำเรื่องห่วยแตกไว้ไม่น้อย ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่เคยดีพอ

เป็นหนังสือที่ปลอบประโลมใจ พวกเขาค่อยๆ เผยปมในใจ ค่อยๆ คลี่คลาย ความยับเยินวุ่นวายในชีวิตเพื่อจะบอกเราว่า ไม่เป็นไร ถึงชีวิตมันจะไม่เป็นอย่างใจแต่เราก็พยายามแล้ว บอกตัวเองเถอะว่า มันไม่ใช่ความผิดของเรา”



3.The Paris Library แล้วเราจะได้พบกันอีก ณ ห้องสมุดปารีส

ผู้เขียน : Janet Skeslien Charles (เจเน็ต สเกสเลียน ชาร์ลส์)

ผู้แปล : นรา สุภัคโรจน์

สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์

“นิยายอิงเรื่องราวจริงในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อทหารเยอรมันบุกเข้ายึดปารีส คนกลุ่มเล็กๆ ที่ห้องสมุดอเมริกัน ยังยืนหยัดและพยายามที่จะทำหน้าที่ของห้องสมุดจนถึงที่สุด

“หากพ่อกับแม่ได้สอนอะไรเธอแล้ว สิ่งนั้นก็คือการเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างกล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนที่ชอบกลั่นแกล้ง หรือเจ้าหน้าที่จัดทำรายการหนังสือที่ชอบวางอำนาจที่หอสมุดรัฐสภา

คนเราจะไม่มีความหมายเลยหากไม่ยืนหยัดในหลักการ จะไม่สามารถก้าวหน้าไปไหนหากไม่มีอุดมการณ์ และไม่มีวันเป็นอะไรทั้งสิ้นหากไม่มีความกล้า”

ประทับใจทั้งเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ ประทับใจทั้งเรื่องราวที่ก่อร่างสร้างขึ้นด้วยจินตนาการ ที่บอกเราว่าความดีงามและความเลวทรามของมนุษย์พร้อมจะแสดงออกมาในเวลาที่บีบคั้นที่สุด ใครคือคนดี ใครคือเลว ธาตุแท้ของคนคนหนึ่งไม่เคยเปิดเผยในวันที่แสนสงบสุข วันที่มีแต่ความสุข แต่เราจะเห็นเนื้อแท้ของมนุษย์ แม้กระทั่งตัวเราเองในวันที่วิกฤตสุดๆ ต่างหาก”



กองบรรณาธิการโครงการจัดพิมพ์คบไฟ

โครงการจัดพิมพ์คบไฟ


เล่มที่แนะนำ :



1.ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์

ผู้เขียน : Oliver Burkeman

ผู้แปล : วาดฝัน คุณาวงศ์

สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ How to

“เป็นหนังสือ how to ที่ทำให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพ”



2.There’s Always Spring – เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบาน

ผู้เขียน/จัดพิมพ์ : iLaw

“ทำให้เห็นความหวังของการเมืองไทยครับ”



3.การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี

ผู้เขียน : นิธิ เอียวศรีวงศ์

สำนักพิมพ์ : มติชน

“เป็นการมองการเมืองสมัยกรุงธนบุรีในมุมใหม่ ดูหลายๆ มุม และชวนเราตั้งตำถามว่าสิ่งที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก มีเรื่องไหนที่เป็นจริงบ้าง? ผู้เขียนชวนให้เราตรวจสอบความเชื่อของเรา และหัดให้เราตั้งคำถามกับสิ่งที่เราเรียนรู้มาครับ”



จุฑา สุวรรณมงคล

สำนักพิมพ์ soi press


เล่มที่แนะนำ :



1.On Earth We’re Briefly Gorgeous เราต่างงดงามแล้วจางหาย

ผู้เขียน : Ocean Voung

ผู้แปล : วรรษชล ศิริจันทนันท์

สำนักพิมพ์ : Salmon Books

“ตอนได้ยินว่าเล่มนี้จะออกมาก็รู้สึกตื่นเต้นทันที เคยคิดไว้ในใจเล่นๆ อยู่ว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะมีคนแปลออกมาเป็นภาษาไทย จริงว่าความรู้สึกคนอ่านต่อผลงานของโอเชียนนั้นมีหลากหลายในสเปคตรัม แต่ยังยืนยันว่าหนังสือเล่มนี้ควรค่าต่อการแปลออกมาอยู่ดี

คำถามต่อไปหลังจากคิดว่าหนังสือเล่มนี้ควรมีเวอร์ชั่นภาษาไทย คือ ใครจะเป็นนักแปลคนนั้น? หลังจากได้อ่านสำนวนของวรรษชล ศิริจันทนันท์ก็คิดว่า เธอเป็น ‘คนนั้น’ ได้เหมาะสม และชื่นชม สนพ. แซลมอนที่ตัดสินใจผลิตหนังสือ แน่นอนว่าหลายๆ คนก็ได้รีวิวสำนวนการแปลกันไปแล้ว สิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้คือการคุยถึงเนื้อใน ความคิดของนักเขียน รวมถึงความสัมพันธ์ของประสบการณ์ส่วนตัวนักเขียนกับภาษาที่เขาเลือกใช้ เพราะถ้าใครตามงานโอเชียนมาระดับหนึ่งจะเข้าใจว่า โอเชียนที่เขียนทั้งกวีและร้อยแก้วไม่ได้มอง ‘form’ เป็นเพียงภาชนะ บรรจุ ‘content’ แต่เป็นพาหนะที่สร้างจังหวะการเคลื่อนไหวให้กับตัวบท รูปแบบจึงเป็นเหมือนส่วนต่อขยายของเนื้อหา

ล่าสุดได้มีโอกาสฟังคลิปชื่อ Ocean Vuong: “When I write, I feel larger than the limits of my body.” ที่ช่วยให้เข้าใจความคิดของโอเชียนมากขึ้น จึงหวังว่านอกจาก เราต่างงดงามแล้วจางหาย จะชวนให้ผู้อ่านไทยสำรวจการทำงานของภาษาที่ขยายพรมแดนของมันไปไกลกว่าตัวบท เนื้อเรื่องภายใน แตะไปสู่ภาวะการมีอยู่และความรู้สึกหลากหลายเฉดอย่างที่วรรณกรรมดีๆ เล่มหนึ่งสามารถทำได้”



2.สายธารวรรณกรรมเพื่อชีวิตของไทย

ผู้เขียน : เสถียร จันทิมาธร

สำนักพิมพ์ : มติชน

“ได้อ่านเล่มนี้ตั้งแต่ก่อนที่มันจะมีพิมพ์ซ้ำออกมา และถือเป็นหนึ่งในหนังสือประวัติศาสตร์วรรณกรรมที่ให้รายละเอียดเพื่อไปค้นต่อและถกเถียงได้อีก ในคำนำ สนพ. ฉบับจัดพิมพ์ใหม่บอกว่า หนังสือเล่มนี้เป็น ‘ประวัติศาสตร์เชิงสังคมของนิยาย’ หรือ ‘social history of novels’ นั่นก็คือเป็นงานเขียนที่สืบหาร่องรอยวรรณกรรมตามแว่นของ Historical materialism คำอธิบายที่ให้มาว่า ‘ไม่ได้ทำอะไรเกินกว่านั้น’ ก็น่าจะสมเหตุสมผลกับตัวบท (วลีนี้อ้างจาก Revolution and Literature ของ Trotsky ที่อยู่ในคำนำ)

ในฐานะนักอ่านและผู้ที่สนใจวรรณกรรม อยากชวนให้ทำตรงกันข้ามคือ ‘อ่านให้เลยเถิด/เกินเลยกว่านั้น’ เพราะนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ทั้งนักเขียน คนทำงานเกี่ยวข้องกับวรรณกรรม จนถึงนักอ่านในยุคร่วมสมัยต้องการ หากจะทำความเข้าใจพลังทางการเมืองของวรรณกรรม (หรือกระทั่งศิลปะแขนงใดๆ) และผลิตแนวร่วมทางวรรณกรรม เราคงไม่สามารถทบทวนมันผ่าน Historical Materialism โดยไม่ทำความเข้าใจกับพลวัตภายในของตัวบท และเครื่องมือทางวรรณกรรมต่างๆ ที่นักเขียนใช้ไปพร้อมๆ กัน (ที่บางครั้งอาจทำงานไปคนละทางกับธงทางการเมืองก็ได้)”



3.การเมืองวัฒนธรรมของซ้ายไทย : หนังสือพิมพ์ใต้ดิน, ปัญญาชนหัวก้าวหน้า, วรรณกรรมเพื่อชีวิต และสงครามความทรงจำ

ผู้เขียน : ธิกานต์ ศรีนารา

สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์แสงดาว

“ตั้งใจเลือกอ่านเล่มนี้เคียงคู่มากับ สายธารวรรณกรรมเพื่อชีวิตของไทย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการอ่านประวัติศาสตร์ทางสังคมของการเมืองวัฒนธรรมของ ‘ซ้ายไทย’ คล้ายๆ กับการอ่านงาน ‘การเมือง’ ในวัฒนธรรมหรือศิลปะส่วนใหญ่ของไทยที่ตัวผลงานมักถูกจับเพียงหลวมๆ แต่สายตาของบทวิเคราะห์มักพูดถึงเรื่องราวรอบๆ ของวัตถุนั้นมากกว่า แน่นอนว่าบริบทเป็นสิ่งจำเป็นในการทำความเข้าใจการผลิตวัฒนธรรม/ศิลปะ แต่มันไม่เคยเพียงพอที่จะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ วัฒนธรรมได้อย่างมีพลัง เงื่อนไขนี้ส่งผลให้บทสนทนาในพื้นที่ของการผลิตวัฒนธรรมเองก็ติดอยู่กับการอธิบายบริบทโดยละทิ้งการจับเครื่องมือใหม่นั้นและพูดมันผ่านแว่นของประสบการณ์ทางสุนทรียศาสตร์อารมณ์ ความรู้สึกที่มีผลต่อการขับเคลื่อนมวลชนทั้งนั้น”



วิภว์ บูรพาเดชะ

สำนักพิมพ์ Happening


เล่มที่แนะนำ :



1.ระลอกคลื่นยามค่ำคืน

ผู้เขียน: คิซาระ อิซึมิ

ผู้แปล : ฤทัยวรรณ เกษสกุล

สำนักพิมพ์ : Bibli

“นิยายที่เล่าเรื่องชีวิต ความสัมพันธ์ การจากพราก และความทรงจำได้งดงามมากที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยอ่านมา”



2.80 ต้นไม้รอบโลก (Around the World in 80 Trees)

ผู้เขียน : Jonathan Drori

ผู้แปล : พลอยแสง เอกญาติ

สำนักพิมพ์ : Bookscape

“การทำหนังสือก็เป็นการทำลายต้นไม้ทางหนึ่งเหมือนกัน แต่การเอาต้นไม้มาทำหนังสือเล่มนี้สร้างคุณค่าได้คู่ควรมากๆ เพราะทำให้คนอ่านรู้จักต้นไม้หลากหลายชนิดในหลายๆ มิติ และสามารถมองเห็นคุณค่ามหาศาลของต้นไม้แน่ๆ”



3.ซิตี้มาราธอน

ผู้เขียน : ชิอน มิอุระ, อัตสึโกะ อาซาโนะ, ฟูมิเอะ คนโด

ผู้แปล : ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์

สำนักพิมพ์ : ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน

“วรรณกรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย อ่านง่าย สะท้อนสังคม และสะท้อนปัจเจก ที่สำคัญคืออ่านแล้วอยากลุกขึ้นมาพัฒนาชีวิตตนเอง โดยที่ไม่ต้องมีโค้ชมาบังคับ อ่านเพื่อรื่นรมย์ได้ดี แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ฝากไว้ในใจ และทำให้อยากกลับมาอ่านซ้ำอีก”



ณัฐดนัย เลิศชัยฤทธิ์

สำนักพิมพ์ Live Rich


เล่มที่แนะนำ :



1.Money Mindset

ผู้เขียน : จักรพงษ์ เมษพันธุ์

สำนักพิมพ์ :  ซีเอ็ดยูเคชั่น

“เป็นหนังสือที่เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินในแง่ความคิด เพราะที่ผ่านมาเราได้รับความรู้เรื่องเงินกันมามากพอแล้ว แต่หลักคิดที่ถูกต้องนั้น บางครั้งก็ยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก”



2.เด็กวัดดอน ชีวิต ความฝัน และการลงทุน

ผู้เขียน : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, ชัชวนันท์ สันธิเดช

สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น

“หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราได้เรียนรู้ชีวิตหลากหลายแง่มุมของมหาเศรษฐีนักลงทุน ต้นแบบการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในเมืองไทย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีหนังสือเล่มไหนที่เจาะลึกเรื่องราวของ ดร.นิเวศน์ เท่านี้มาก่อน”



3.ญี่ปุ่นป็อป: จากประดิษฐกรรมแห่งฝันสู่มหาอำนาจทางจินตนาการ

ผู้เขียน : Matt Alt

ผู้แปล : โมโตกิ ลักษมีวัฒนา

สำนักพิมพ์ : Bookscape

“เป็นหนังสือที่ทำให้เราได้ทำความเข้าใจว่า ประเทศญี่ปุ่นสร้างวัฒนธรรมป็อปในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใครและครองใจคนทั่วโลกได้อย่างไร ผ่านมุมมองผู้เขียนชาวต่างชาติที่เชี่ยวชาญเรื่องญี่ปุ่นเป็นอย่างดี”



จรัญ หอมเทียนทอง

สำนักพิมพ์แสงดาว


เล่มที่แนะนำ :



1.เมื่อช้างในห้องถูกเปิดเผย

ผู้เขียน : ปิยบุตร แสงกนกกุล

สำนักพิมพ์ : คณะก้าวหน้า

“หนังสือเล่มนี้อยากแนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้รักสถาบัน ว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก ในเล่ม มิมีตอนใดที่แสดงให้เห็นการไม่เคารพสถาบัน แต่หนังสือเล่มนี้ผู้เขียน อาจารย์ปิยบุตร ชี้ให้เห็นปัจจัยรอบด้านที่เกี่ยวพันกับสถาบัน และทำอย่างไร ให้สถาบันดำรงค์อยู่ได้ในท่ามกลางความเปลี่ยนผ่าน เมื่อได้อ่านเล่มนี้แล้ว จะไม่เห็นมีส่วนใดเลยที่เคยมีผู้ที่พยายามสวมหมวก อาจารย์ปิยบุตรว่า ไม่เคารพสถาบัน”



2.ต้องเนรเทศ

ผู้เขียน : วัฒน์ วรรลยางกูร

สำนักพิมพ์ : อ่าน

“อัตชีวประวัติของคนที่ต่อสู้กับความยุติธรรม และบั้นปลายต้องไปจบชีวิตในดินแดนที่ไม่ใช่แผ่นดินแม่

เป็นเรื่องราวของ วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนที่บันทึกเรื่องราวของตนเองและผู้คนรอบข้างในการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม ตลอดจนอำนาจรัฐที่มาจากการรัฐประหาร ที่คุกคามชีวิตเขาและผู้ร่วมอุดมการณ์ สะท้อนภาพการตามไล่ล่าเอาชีวิต การดิ้นรนที่จะอยู่มีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับระบอบที่กดขี่ เอาเปรียบคนที่อ่อนแอกว่า ใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์ ในหนังสือเล่มนี้ ยังเผยให้เห็น ภาพสุดท้ายของนักต่อสู้เพื่อประชาชน หลายคนที่ถูกอุ้มหาย และกลายศพในเวลาต่อมา สะท้อนภาพการสมคบคิดของประเทศเพื่อนบ้านกับรัฐบาลทหารที่พยายามกำจัดคนเห็นต่างกับรัฐบาลเผด็จการ”



3.REASONS TO STAY ALIVE แด่ผู้แหลกสลาย

ผู้เขียน : Matt Haig

ผู้แปล : ศิริกมล ตาน้อย

สำนักพิมพ์ : Bookscape

“หนังสือซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นคู่มือที่จะต้องพยายามและเข้าใจ รวมทั้งอยู่ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า หนังสือแนวนี้ ในท้องตลาดมีน้อยมาก นี่จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ฉายภาพคนเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆในสังคมที่สลับซับซ้อน ซ่อนปัญหามากมายรวมทั้งผู้คนที่เก็บตัวกับตัวเอง คนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร เพียงแค่คนไข้ต้องการให้สังคมและผู้คน ได้เข้าใจรวมทั้งรับฟังเรื่องของคนเป็นโรคนี้ ขณะเดียวกันหนังสือเล่มนี้ อาจจมีส่วนทำให้คุณ ได้ป้องกันก่อนที่อาจจะเกิดกับคุณได้”



อนรรฆ พิทักษ์ธานิน

สำนักพิมพ์เคล็ดไทย


เล่มที่แนะนำ :




1.ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์

ผู้เขียน : Oliver Burkeman

สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ How to



2.KITCHEN คิตเช่น

ผู้เขียน : บานานา โยชิโมโตะ

ผู้แปล: อิศเรศ ทองปัสโณว์

สำนักพิมพ์ : Salmon Books



3.อายัดอำมหิต (FREEZING ORDER)

ผู้เขียน : Bill Browder

ผู้แปล : สฤณี อาชวานันทกุล

สำนักพิมพ์ : Salt



ศิริธาดา กองภา

สำนักพิมพ์เลเจ้นด์ บุ๊คส์ และวายเอฟ คัลเจอร์


เล่มที่แนะนำ :



1.คริสโตเฟอร์ โนแลน: ความลับในภาพเคลื่อนไหว

ผู้เขียน : Tom shone

ผู้แปล : พิมพ์ชนก พุกสุข และชาญชนะ หอมทรัพย์

สำนักพิมพ์ : BiBlio

“ผลงานเขียนของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวอเมริกันเล่มนี้ พาเราตะลุยเข้าไปในโลกการทำภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ในแง่มุมแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ผลงานของโนแลนที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร คือการที่เนื้อเรื่องของภาพยนตร์มีความสลับซับซ้อน บวกกับองค์ประกอบที่เล่นกับสถาปัตกรรม ความฝัน ดนตรีประกอบ และการที่เขาแทบจะไม่ใช้ซีจีเลย ทำให้การรับชมภาพยนตร์ของเขาไม่ต่างจากการชมมายากลชั้นเยี่ยม สำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของโนแลน หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราสนุกกับการย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก เนื้อหาในหนังสือแบ่งออกเป็น 13 บท ไล่เรียงเนื้อหาไปตามลำดับการสร้างภาพยนตร์ พาเราไปทำความเข้าใจกับจุดเริ่มต้นของโนแลนวัยแปดขวบ ที่ได้รับของขวัญจากพ่อ เป็นกล้อง ซูเปอร์ 8 และเขาก็เริ่มหัดถ่ายหนังตั้งแต่นั้นมา

หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจธุรกิจภาพยนตร์และเบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีชของผู้กำกับแถวหน้าของโลกมากขึ้น และเป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบโนแลนก็ตาม แรงบันดาลใจที่บอกเราว่า “อย่ากลัวที่จะลงมือทดลองและพุ่งเข้าใส่ความฝันของเรา””



2.Writer’s Taste ดื่มประวัติศาสตร์ จิบวิวัฒนาการ สำราญรสเบียร์ (ฉบับครบรอบ 10 ปี)

ผู้เขียน : อุทิศ เหมะมูล

สำนักพิมพ์ : จุติ

“หนังสือไกด์บุ๊กของคนชอบดื่มเบียร์ และหลงใหลในประวัติศาสตร์อันน่ารื่นรมย์ของการทำเบียร์ Writer’s Taste พิมพ์ใหม่ในวาระครบรอบ 10 ปี จากการพิมพ์ครั้งแรก และมีการเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับเบียร์ชนิดใหม่ๆ เข้าไปพอสมควร เพราะถือว่าหนังสือเล่มนี้มาก่อนกาลมากๆ จากทศวรรษที่ผ่านมา ที่ในเมืองไทยยังมีเบียร์คราฟท์ไม่กี่แบรนด์ จนมาถึงการที่ตลาดเบียร์คราฟท์ไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโด และเราเห็นบริวเวอร์หน้าใหม่มากมาย และการนำเข้าเบียร์นอกที่หลากหลาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป

สิ่งที่ทำให้ Writer’s Taste เป็นหนังสือเล่าเรื่องเบียร์ที่สนุก คือวิธีการเขียนของอุทิศ เหมะมูล ชั้นเชิงของนักเขียนเจนวงการทำให้การเล่าเรื่องเบียร์ของเขาออกรส ไม่มีกั๊ก และถอดรื้อมายาคติเกี่ยวกับการดื่มเบียร์หลายอย่าง ที่สำคัญ ฉบับพิมพ์ครั้งใหม่นี้ยังมีการอัพเดทเกี่ยวกับธุรกิจเบียร์ในเมืองไทย ว่าด้วยเสรีภาพในการดื่ม ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น เป็นหนังสือสารพันเรื่องเบียร์ทั่วโลก ที่สมควรมีเป็นคู่มือติดชั้นวางเบียร์ และยังเป็นบันทึกการเปลี่ยนแปลงหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์คราฟท์เบียร์เมืองไทยได้เป็นอย่างดี”




3.หนังสือภาพบันทึกของแอนน์ แฟร้งค์

ผู้เรียบเรียงเนื้อหา : Ari Folman

ผู้วาดภาพประกอบ : David Polonsky

ผู้แปล : ในใจ เม็ทซกะ

สำนักพิมพ์ : ผีเสื้อ

“เรารับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแอนน์ แฟรงค์ เด็กหญิงชาวยิวที่ต้องเผชิญกับโชคชะตาอันเลวร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอและครอบครัวอาศัยอยู่บนห้องใต้หลังตา เพื่อหลบหนีการจับกุมของทหารนาซี ที่ต้องการจะกวาดล้างชนชาติยิว ครอบครัวของแอนน์ แฟรงค์ และผู้ให้ความช่วยเหลือถูกจับกุมในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1944 หลังจากนั้นนักโทษแต่ละคนถูกส่งไปยังค่ายกักกันคนละที่ แอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตจากโรคไข้รากสาดใหญ่ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 ก่อนที่กองทัพอังกฤษจะปลดปล่อยค่ายนี้ในวันที่ 12 เมษายน 1945

การนำบันทึกของแอนน์ แฟรงค์ อันทรงคุณค่ามาดัดแปลงเป็นหนังสือภาพนั้น เติมจินตนาการให้เราเห็นภาพชัดเจน ทั้งความกลัว ความหวัง และการมองโลกด้วยสายตาของผู้ใหญ่ของเด็กวัย 13 ปี ผู้วาดสามารถถ่ายทอดการเปรียบเปรย การพรรณา การจิกกัด ประชดประชัน และการมองความทุกข์ด้วยอารมณ์ขันของแอนน์ แฟรงค์ ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ เป็นหนังสือที่อ่านได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นงานดัดแปลงชิ้นเยี่ยม ที่จะส่งต่อมรดกของแอนน์ แฟรงค์ให้กับนักอ่านรุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะเคยได้ยินชื่อของเธอ แต่กลัวความหนาของบันทึกเล่มดั้งเดิม หนังสือภาพจำนวน 175 เล่มนี้ จะพาคุณค่อยๆ เปิดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์ ทีละหน้า ทีละภาพ และช่วยให้เราทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และการใช้ชีวิตอย่างมีความหวังได้มากขึ้น”



MOST READ

Spotlights

14 Aug 2018

เปิดตา ‘ตีหม้อ’ – สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย พาไปสำรวจ ‘คลองหลอด’ แหล่งค้าประเวณีใจกลางย่านเมืองเก่า เปิดปูมหลังชีวิตหญิงค้าบริการ พร้อมตีแผ่แง่มุมเทาๆ ของอาชีพนี้ที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Aug 2018

Spotlights

4 Nov 2020

101 Policy Forum : ประเทศไทยในฝันของคนรุ่นใหม่

101 เปิดวงสนทนาพูดคุยกับตัวแทนวัยรุ่น 4 คน ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน , สิรินทร์ มุ่งเจริญ, ภาณุพงศ์ สุวรรณหงษ์, อัครสร โอปิลันธน์ ว่าด้วยสังคม การเมือง เศรษฐกิจไทยในฝัน ต้นตอที่รั้งประเทศไทยจากการพัฒนา ข้อเสนอเพื่อพาประเทศสู่อนาคต และแนวทางการพัฒนาและสนับสนุนคนรุ่นใหม่

กองบรรณาธิการ

4 Nov 2020

Spotlights

30 Jun 2020

“ไม่มี Theory of Everything ในโลกของ IR” จิตติภัทร พูนขำ

101 สนทนากับ จิตติภัทร พูนขำ เกี่ยวกับองค์ความรู้และโลกของ IR ไปจนถึงการเรียนการสอน และการปรับตัวของ IR ในยุคที่โลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

กานต์ธีรา ภูริวิกรัย

30 Jun 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save