คนรุ่นใหม่กับระบบราชการไทย

รับราชการ

ผู้เขียนเคยสอบถามลูกของเพื่อนที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยว่า “หากจบการศึกษาแล้ว อยากทำงานอะไรต่อไปมากที่สุด”

ผลปรากฏว่าคำตอบที่ได้รับคือ การไปเรียนต่อหรือทำงานต่างประเทศและการรับราชการ (หมายรวมถึงหน่วยงานองค์กรอิสระด้วย)

คำตอบแรกผู้เขียนไม่ค่อยแปลกใจเท่าใดนักต่อปัญหาสภาพสังคม การเมือง และเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ถดถอยลงทุกมิติ ส่งผลให้คนรุ่นใหม่รู้สึกไม่มีความหวังใดๆ กับสังคมไทยในขณะนี้  สู้ไปผจญภัยและใช้ชีวิตในต่างประเทศสักระยะอาจคุ้มค่ามากกว่า อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์หรือภาษาติดตัวกลับมา หรือถ้าโชคดีได้งานดีๆ ทำก็ไม่ต้องกลับ

แต่คำตอบที่สองทำให้ผู้เขียนสะดุดใจเพราะในอดีตที่ผ่านมา การรับราชการน่าจะเป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ เป็นผลมาจากรายได้ที่ไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับภาคเอกชน แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว การรับราชการกำลังเป็นอนาคตอันสดใสของคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง

หลายสิบปีที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้แก่ข้าราชการประจำด้วยการปรับขึ้นเงินเดือนมาหลายครั้ง และล่าสุดมีการการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยมีรายละเอียดการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุโดยทยอยปรับตามคุณวุฒิภายใน 2 ปี ดังนี้

ปวช.

ปัจจุบัน : 9,400-10,340 บาท

ปีที่ 1 : 10,340-11,380 บาท

ปีที่ 2 : 11,380-12,520 บาท

ปวส.

ปัจจุบัน : 11,500-12,650 บาท

ปีที่ 1 : 12,650-13,920 บาท

ปีที่ 2 : 13,920-15,320 บาท

ปริญญาตรี

ปัจจุบัน : 15,000-16,500 บาท

ปีที่ 1 : 16,500-18,150 บาท

ปีที่ 2 : 18,150-19,970 บาท

จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่า เงินเดือนของข้าราชการจบใหม่ระดับปริญญาตรีจากปัจจุบันเดือนละ 15,000-16,500 บาท จะสูงขึ้นเป็นเดือนละเกือบสองหมื่นบาทในสองปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินเดือนพนักงานบริษัทเอกชนจบปริญญาตรีใหม่ๆ จะได้เดือนละ 15,000-20,000 บาท ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกันมาก

ถ้าไปเปรียบเทียบกับเงินเดือนขององค์กรอิสระ โดยส่วนใหญ่จะมีเงินเดือนเฉลี่ยสูงกว่าข้าราชการ และเงินเดือนจะก้าวกระโดดมากขึ้นเมื่อตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายหน่วยงานสามารถออกระเบียบว่าด้วยเงินเดือนขององค์กรตัวเองได้อย่างอิสระ แต่ที่แตกต่างกันระหว่างการรับราชการกับการทำงานในบริษัทเอกชนคือ ความมั่นคงของหน้าที่การงานเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า การทำงานในระบบราชการนั้น หากไม่ประพฤติชั่วหรือทำอะไรผิดอย่างร้ายแรงจนถูกจับได้ การถูกไล่ออกจากงานเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก หรือหากทำงานไปเรื่อยๆ แบบความดีไม่ปรากฏ ความชั่วไม่ชัดเจน  ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ก็ไม่เป็นไร สามารถอยู่ไปได้จนเกษียณอายุราชการ

ขณะที่ในระบบบริษัทเอกชน ทุกวันนี้แข่งขันกันที่ความสามารถของตัวบุคคล มีการประเมินผลงานตลอดเวลา ใครไม่มีประสิทธิภาพ ใครไม่เก่งก็อาจถูกให้ออกจากงานได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่บริษัทเอกชนปิดกิจการกันเป็นจำนวนมาก จากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และการไร้แนวทางการวางแผนระยะยาวแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

อาชีพรับราชการจึงมั่นคงกว่า แม้ว่ารายได้อาจไม่แตกต่างกัน แต่ระบบสวัสดิการงดงามกว่าบริษัทเอกชน

ข้อแตกต่างอีกประการคือ ‘ระบบสวัสดิการ’ รวมถึงค่าตอบแทนที่ทางราชการจัดให้แก่ราชการในฐานะที่เป็นสมาชิกขององค์กรเพื่อช่วยให้มีความมั่นคงในชีวิต ตลอดจนเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสวัสดิการของข้าราชการมีให้อย่างเหนือกว่าการทำงานในบริษัท ที่นับวันแทบจะไม่มีความมั่นคงมากนัก

เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ข้าราชการมีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการสำหรับตนเอง บิดาและมารดา คู่สมรส และบุตร กรณีบุตรนั้นให้ไม่เกิน 3 คน อีกทั้งข้าราชการยังมีสิทธิได้รับสวัสดิการ ‘ค่าเล่าเรียนของบุตร’ ที่ชอบด้วยกฎหมายอายุที่ไม่เกิน 20 ปีและได้สูงสุดถึง 3 คน

ข้าราชการหรือลูกจ้างประจํามีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานหรือประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษ หากได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติราชการนอกสํานักงานเกิน 15 วัน

สิทธิการลา อาทิ การลาป่วย 30 วันขึ้นไป, การลาคลอดบุตร ไม่เกิน 90 วัน,  การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร โดยลาภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คลอดบุตร, การลากิจส่วนตัว หรือการลาพักผ่อนได้ 10 วันทําการ

กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการโดยจ่ายบําเหน็จบํานาญและให้ผลประโยชน์ เพื่อตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ค่าเช่าบ้าน เงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ รถราชการ โทรศัพท์ของทางราชการที่อนุมัติให้ใช้เป็นรายบุคคล ฯลฯ

อีกประการหนึ่งที่แตกต่างกับพนักงานบริษัทอย่างชัดเจนคือ อาชีพข้าราชการมีอำนาจบังคับใช้ตามกฎหมายอันเป็นอำนาจในการให้คุณให้โทษแก่คนทั่วไป และในสายตาของชาวบ้านทั่วไป อำนาจของบุคคลในเครื่องแบบเหล่านั้นมักทรงพลังเสมอ โดยเฉพาะชาวชนบทที่นานๆ จะเข้าไปติดต่อกับราชการ

อำนาจของข้าราชการ ยิ่งมีตำแหน่งสูงก็ยิ่งมีอำนาจมาก ใครๆ ก็มักจะเข้าหาเสมอและแน่นอนว่า ผู้ให้คุณให้โทษ ให้ตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์แก่ข้าราชการก็คือ ผู้บังคับบัญชาของพวกเขา หาใช่ประชาชนทั่วไป กล่าวคือตำแหน่งสูงๆ ในวงราชการระดับอธิบดีหรือปลัดกระทรวง ส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องวิ่งเต้นเข้าหาผู้มีอำนาจซึ่งก็คือข้าราชการการเมือง ผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง

ดังนั้น ผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างข้าราชการการเมือง กับ ข้าราชการประจำจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การเล่นพรรคเล่นพวกโดยไม่คำนึงถึงระบบคุณธรรม กลายเป็นระบบอุปถัมภ์ที่มีตัวอย่างให้เห็นทุกกระทรวงและทุกองค์กรอิสระ

ทุกวันนี้ประเทศไทยมีประชากร 65 ล้านคน โดยมีข้าราชการล้นเกินถึง 2 ล้านคน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 4 แสนคน หากเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นมีประชากร 130 ล้านคน มีข้าราชการ  5 แสนคน แต่มีการกระจายอำนาจให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 3 ล้านคน ข้าราชการจึงถือเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศที่หากใครคุมพรรคนี้ได้ คุมอธิบดี คุมปลัดกระทรวง ก็สามารถคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินได้

ผู้เขียนเคยมีเพื่อนที่สมัยเป็นนักศึกษามีอุดมการณ์ทางการเมืองที่จะช่วยเหลือชาวบ้านและสมัครเข้ารับราชการ สมัยเป็นข้าราชการหนุ่มสาวก็ยังยึดมั่นอุดมการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่พอขึ้นสู่ระดับสูงมีอำนาจ อุดมการณ์เหล่านี้ก็ค่อยๆ เหือดหายไป เพิ่มเติมคือการเดินตามนักการเมืองจนได้ดิบได้ดีจนเป็นอธิบดี และขึ้นเป็นปลัดกระทรวงในภายหลัง

ทุกวันนี้เราจึงเห็นข้าราชการส่วนใหญ่มักจะยินดีรับใช้ผู้มีอำนาจที่ให้คุณให้โทษ ให้ยศถาบรรดาศักดิ์แก่พวกเขาโดยตรง มากกว่าประชาชนผู้เสียภาษีเป็นเงินเดือนให้พวกเขา แต่ไม่ได้มีสิทธิ์ให้คุณให้โทษในตำแหน่งหน้าที่การงาน พวกเราต้องดูกันต่อไปว่า ในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง คนรุ่นใหม่บางกลุ่มที่อยากรับราชการจากความมั่นคงในอาชีพและหน้าที่การงาน ในอนาคตพวกเขาจะเติบโตไปอย่างไร

MOST READ

Social Issues

9 Oct 2023

เด็กจุฬาฯ รวยกว่าคนทั้งประเทศจริงไหม?

ร่วมหาคำตอบจากคำพูดที่ว่า “เด็กจุฬาฯ เป็นเด็กบ้านรวย” ผ่านแบบสำรวจฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และความเหลื่อมล้ำ ในนิสิตจุฬาฯ ปี 1 ปีการศึกษา 2566

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

9 Oct 2023

Social Issues

27 Aug 2018

เส้นทางที่เลือกไม่ได้ ของ ‘ผู้ชายขายตัว’

วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์ พาไปสำรวจโลกของ ‘ผู้ชายขายบริการ’ ในย่านสีลมและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดปูมหลังชีวิตของพนักงานบริการในร้านนวด ร้านคาราโอเกะ ไปจนถึงบาร์อะโกโก้ พร้อมตีแผ่แง่มุมลับๆ ที่ยากจะเข้าถึง

กองบรรณาธิการ

27 Aug 2018

Social Issues

5 Jan 2023

คู่มือ ‘ขายวิญญาณ’ เพื่อตำแหน่งวิชาการในมหาวิทยาลัย

สมชาย ปรีชาศิลปกุล เขียนถึง 4 ประเด็นที่พึงตระหนักของผู้ขอตำแหน่งวิชาการ จากประสบการณ์มากกว่าทศวรรษในกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการในสถาบันการศึกษา

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

5 Jan 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save