สัมภาษณ์พิเศษ ‘Mathias Cormann’ เลขาธิการ OECD กับจุดยืนกลางกระแสเปลี่ยนผ่าน และวันที่ไทยพร้อมเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิก

ในบรรดาองค์กรระหว่างประเทศที่ขับเคลื่อนโลกพหุภาคีในปัจจุบันนี้ หน่วยงานหนึ่งที่นับว่ามีอิทธิพลโดดเด่นอย่างยิ่งหนีไม่พ้น ‘องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ’ หรือที่มักได้ยินในชื่อ OECD (The Organization for Economic Cooperation and Development)

OECD ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1961 โดยมีพันธกิจสำคัญคือการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยมีการทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนและหลายประเทศเพื่อรวบรวมข้อมูล แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ วิเคราะห์นโยบาย และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาลประเทศต่างๆ ในหลากหลายประเด็น ตั้งแต่เศรษฐกิจมหภาค นวัตกรรม การศึกษา สาธารณสุข ภาษี การค้าระหว่างประเทศ สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงธรรมาภิบาล นอกจากนี้ OECD ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนด ‘มาตรฐานสากล’ (international standards) และ ‘แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด’ (best practices) เพื่อให้ประเทศต่างๆ นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับบริบทของตน

ปัจจุบัน OECD มีสมาชิกทั้งสิ้น 38 ประเทศ โดยย้อนไปในช่วงแรกเริ่มของการก่อตั้งนั้น ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ก่อนที่จะขยับขยายรับประเทศสมาชิกที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีหลายประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ที่มีความคาดหวังว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD นั้นจะเป็นโอกาสยกระดับมาตรฐานด้านต่างๆ เช่นในแง่หลักกฎหมาย ธรรมาภิบาล และความยั่งยืน ทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และทำให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูง

ในโอกาสที่เลขาธิการ OECD มาทีอัส คอร์มันน์ (Mathias Cormann) เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม OECD Southeast Asia Regional Forum เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 วันโอวันมีโอกาสพูดคุยกับคอร์มันน์ เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณารับประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD ไปจนถึงการเดินหน้าทำงานของ OECD ภายใต้โจทย์มากมาย ทั้งเรื่องการพัฒนาหลักนิติธรรม ความยั่งยืน การปฏิรูประบบภาษีโลก และการเปลี่ยนแปลงบริบทโลกท่ามกลางความตึงเครียดในแง่ภูมิรัฐศาสตร์และการค้าระหว่างประเทศที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

คอร์มันน์ในฐานะเลขาธิการ OECD มองประเด็นเหล่านี้อย่างไร ชวนอ่านได้นับจากนี้

สัมภาษณ์พิเศษ ‘Mathias Cormann’ เลขาธิการ OECD กับจุดยืนกลางกระแสเปลี่ยนผ่าน และวันที่ไทยพร้อมเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิก

ท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน OECD มองความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร และ OECD เองจำเป็นต้องปรับบทบาทให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างไรไหม

ตลอดเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา OECD ได้รวมตัวประเทศประชาธิปไตยที่ขับเคลื่อนด้วยระบบตลาดจากทั่วโลก เพื่อทำงานร่วมกันในการพัฒนานโยบายที่ดีขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วโลก แนวทางการทำงานของ OECD มุ่งเน้นไปที่การรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแนวนโยบายที่แตกต่างหลากหลาย โดยการพัฒนามาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านนโยบาย (policy best practices) ผ่านการเปิดพื้นที่ให้ประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจาจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

ไม่ว่าจะเกิดความท้าทายระดับโลกขึ้นในห้วงเวลาใดก็ตาม ความร่วมมือระหว่างประเทศยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่นเดียวกับการพัฒนานโยบายที่ตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ หากมีประเด็นใดที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าหรือประเด็นทางเศรษฐกิจอื่นๆ OECD สนับสนุนให้ประเทศต่างๆ เปิดใจพูดคุยถึงข้อท้าทายเหล่านั้น และร่วมกันหาทางออกผ่านแนวทางพหุภาคี

ส่วนบทบาทของ OECD ก็ยังคงเหมือนเดิม แม้บทสนทนาระหว่างประเทศต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ แต่บทบาทหลักของเราคือการจัดหาข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลาง เพื่อช่วยสนับสนุนการหารือและตัดสินใจด้านนโยบาย รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านนโยบายที่ดีที่สุดและเปิดพื้นที่ให้ประเทศต่างๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

ในประเด็นด้านการค้า OECD สนับสนุนระบบตลาดโลกที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมระบบการค้าระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนฐานของกติกาและกฎระเบียบที่ชัดเจน หากระบบเหล่านี้มีจุดที่ต้องปรับปรุง เราสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ หารือกันอย่างเปิดกว้าง ระบุปัญหาที่แท้จริง และร่วมกันหาทางออกเพื่อให้ระบบการค้าระหว่างประเทศเป็นธรรมมากขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องหันไปใช้มาตรการกีดกันทางการค้าอย่างการตั้งกำแพงภาษี และยังคงเปิดตลาดเสรีไว้เช่นเดิม

นอกจากประเด็นด้านเศรษฐกิจ OECD ยังทำงานครอบคลุมอีกหลายนโยบาย ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการเดิมว่า รัฐบาลควรมีข้อมูลและหลักฐานที่เป็นกลางสำหรับใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ OECD มุ่งมั่นจัดหาให้ อีกทั้งควรมีเวทีที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันระบุปัญหาเพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ในปี 2021 OECD บรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ในการปฏิรูประบบภาษีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการกำหนดอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลขั้นต่ำร่วมกันระดับโลกที่ 15% ที่ช่วยลดแรงจูงใจในการเลี่ยงภาษีผ่านการโยกกำไร แต่ปัจจุบันกระแสการกีดกันทางการค้าด้วยภาษีกลับมาอีกครั้ง เห็นได้จากท่าทีของสหรัฐฯ สถานการณ์นี้ส่งผลอย่างไรบ้างต่ออนาคตของการปฏิรูปภาษีโลก

สหรัฐฯ เองมีระบบภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำระดับโลกมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่นำมาใช้ในสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ชุดแรก และตามกฎหมายสหรัฐฯ ที่มีอยู่ อัตราภาษีขั้นต่ำภายใต้ระบบของสหรัฐฯ จะถูกปรับเพิ่มเป็น 16% ในปีหน้า

นอกจากนี้ เรายังมีข้อตกลงภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำระดับโลกที่เกิดจากการเจรจาร่วมกันของกว่า 140 ประเทศผ่าน OECD ซึ่งขณะนี้มี 55 ประเทศที่ได้ออกกฎหมายรองรับข้อตกลงดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นทางเทคนิคเฉพาะเรื่องที่ต้องหารือเพิ่มเติม รวมถึงการทำงานระหว่างระบบภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำระดับโลกของสหรัฐฯ กับระบบภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำระดับโลกของ OECD ซึ่งเรากำลังอยู่ในกระบวนการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบให้ดีขึ้นในบางประเด็น โดยระบบภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งเรียกว่า GILTI (Global Intangible Low-Taxed Income หรือระบบภาษีของรายได้ที่จับต้องไม่ได้และเสียภาษีต่ำ) กับข้อตกลงที่ OECD เป็นผู้เจรจารัฐบาลสหรัฐฯ ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนต่อเราว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะแก้ไขประเด็นเหล่านี้อย่างสร้างสรรค์ ภายใต้กรอบความร่วมมือของ OECD และเราก็พร้อมจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้กระบวนการนี้เดินหน้าไปในทิศทางที่ดี จากการหารือทั้งหมดที่เรามีกับสหรัฐฯ ตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์และหลายเดือนที่ผ่านมา ผมค่อนข้างมีความหวังว่าเราจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันที่เหมาะสมได้

สัมภาษณ์พิเศษ ‘Mathias Cormann’ เลขาธิการ OECD กับจุดยืนกลางกระแสเปลี่ยนผ่าน และวันที่ไทยพร้อมเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังเกตได้ว่า OECD กำลังขยายการเป็นสมาชิกไปยังประเทศกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อะไรคือปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการขยายสมาชิกครั้งนี้

OECD มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนประเทศต่างๆ ในการพัฒนา โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการเติบโต เรามีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมการเติบโตที่เข้มแข็ง ยั่งยืน และครอบคลุม รวมถึงแนวทางการพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจขั้นสูง ซึ่งองค์ความรู้และประสบการณ์เหล่านี้สามารถถ่ายทอดได้ผ่านกระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ OECD ซึ่งเป็นกระบวนการที่ครอบคลุมทุกมิติของนโยบาย โดยอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับแต่ละประเทศ ทั้งในแง่การสนับสนุนแผนปฏิรูปของประเทศนั้นๆ และการเปิดรับมุมมองจากประเทศสำคัญต่างๆ ทั่วโลก

ในกรณีของอินโดนีเซียและไทย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการภาคีสมาชิก เช่นเดียวกับอาร์เจนตินา บราซิล และเปรู ในลาตินอเมริกา รวมถึงประเทศในยุโรปตอนกลางอีกสามประเทศ จุดมุ่งหมายไม่ใช่เพียงเพื่อสนับสนุนให้ประเทศเหล่านี้สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่า OECD จะมีมุมมองจากภูมิภาคสำคัญต่างๆ ทั่วโลก เพื่อร่วมกันกำหนดวาระเชิงนโยบายระดับโลกที่ครอบคลุมและสะท้อนความเป็นจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น

หากมองกรณีของไทยโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ในมุมมองของคุณ ไทยในฐานะสมาชิก OECD สามารถมีบทบาทหรือหนุนเสริมการทำงานของ OECD ได้อย่างไรบ้าง และอีกด้านหนึ่ง OECD จะสามารถมีบทบาทในการสนับสนุนวาระการปฏิรูปของไทยได้อย่างไร

OECD ทำงานร่วมกับประเทศไทยมาอย่างยาวนานอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลานี้ สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือการประเมินกฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติต่างๆ ของไทย เพื่อดูว่ามีความสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากลหรือไม่ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยชี้แนะจุดที่ประเทศไทยยังสามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการเพิ่มผลิตภาพ นวัตกรรม และการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในวงกว้าง

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเองก็มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2037 ซึ่งการไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล ซึ่ง OECD สามารถสนับสนุนส่วนนี้ได้

ในทางกลับกัน ไทยก็มีประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าในฐานะประเทศที่ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออก ซึ่งช่วยหนุนเสริมให้การวิเคราะห์ของ OECD มีความเท่าทันและสร้างผลกระทบได้กว้างขวางขึ้น เราจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าเสียงของไทยจะมีบทบาทสำคัญบนโต๊ะของ OECD ในการร่วมกำหนดทิศทางนโยบายระดับโลก

สัมภาษณ์พิเศษ ‘Mathias Cormann’ เลขาธิการ OECD กับจุดยืนกลางกระแสเปลี่ยนผ่าน และวันที่ไทยพร้อมเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิก

ในมุมมองของคุณ มีประเด็นเฉพาะด้านใดบ้างที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในการเดินหน้าการปฏิรูป

OECD มีคณะกรรมการนโยบายทั้งหมด 25 คณะ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายด้าน ตั้งแต่นโยบายเศรษฐกิจ การลงทุน สิ่งแวดล้อม การศึกษา สาธารณสุข ธรรมาภิบาล ไปจนถึงภาษี ซึ่งแต่ละคณะจะทำหน้าที่ประเมินประเทศที่อยู่ในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกใหม่อย่างรอบด้านในทุกมิตินโยบาย

ดังนั้น ตราบใดที่กระบวนการประเมินอย่างเป็นทางการยังไม่แล้วเสร็จ สิ่งที่ผมสามารถพูดได้ในตอนนี้จึงเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งผมขออนุญาตงดแสดงความเห็น และขอรอให้การประเมินเสร็จสมบูรณ์ก่อน เพื่อที่เราจะได้พูดคุยกันอย่างเจาะจงว่าประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการปฏิรูปในด้านใดเป็นพิเศษ

เมื่อเช้านี้ (2 พฤษภาคม 2025) เราได้เปิดตัวรายงานพิชญพิจารณ์ (peer-review) ของ OECD ในเรื่องกฎหมายและนโยบายการแข่งขันของประเทศไทย ภายในรายงานมีข้อเสนอแนะเชิงรูปธรรมหลายประการว่า ผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทยจะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงนโยบายด้านการแข่งขันอย่างไร เช่น การลดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นในการเข้าสู่ตลาด หรือการลดความเข้มข้นของอำนาจตลาดในบางกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเราได้ให้คำแนะนำในเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว ส่วนในภาพรวม เราจะดำเนินการประเมินในทุกมิตินโยบายอย่างครอบคลุม เพื่อระบุมิติที่ควรได้รับการปฏิรูปต่อไป

มองเห็นความท้าทายหลักๆ สำหรับประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD บ้างหรือไม่

ความท้าทายหลักคือการเดินหน้ากระบวนการให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และดำเนินการปฏิรูปตามข้อเสนอแนะที่ได้จากกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นจริง แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ากระบวนการนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะไทยมีความมุ่งมั่นและความตั้งใจอย่างมาก และผมก็เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างดีแน่นอน

สัมภาษณ์พิเศษ ‘Mathias Cormann’ เลขาธิการ OECD กับจุดยืนกลางกระแสเปลี่ยนผ่าน และวันที่ไทยพร้อมเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิก

ในการเข้าเป็นประเทศสมาชิกของ OECD หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสำคัญอย่างมากในการพิจารณาก็คือเรื่องหลักนิติธรรม (rule of law) ของแต่ละประเทศ เพราะอะไร OECD ถึงได้เน้นย้ำเรื่องนี้มาก

ประเทศสมาชิก OECD มีพันธะร่วมกันในหลักการพื้นฐานบางประการ เช่น ประชาธิปไตย หลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี หลักนิติธรรมถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความแน่นอนและความคาดการณ์ได้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุน

ด้วยเหตุนี้ ประเด็นด้านหลักนิติธรรมจึงเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ได้รับการประเมินอย่างรอบด้านตลอดกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD เพื่อให้มั่นใจว่าระบบกฎหมายของประเทศนั้นมีความเป็นธรรมและสามารถคาดการณ์ได้ ทั้งในมิติที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจ สำหรับ OECD แล้ว หลักการนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

อีกประเด็นที่เห็นได้ว่า OECD ให้ความสำคัญมากคือเรื่องความยั่งยืน ตอนนี้ OECD กำลังผลักดันวาระการปฏิรูปอะไรบ้างในเรื่องนี้

เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว หนึ่งในเป้าหมายหลักของ OECD คือการสนับสนุนให้แต่ละประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีสและบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ภายในปี 2050 จุดแข็งของ OECD อยู่ที่องค์ความรู้เชิงลึกด้านนโยบาย เราทำหน้าที่ประเมินสิ่งที่แต่ละประเทศกำลังดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ นำแนวทางเหล่านั้นไปปรับใช้

นอกจากนี้ OECD ยังเป็นเวทีสำหรับการเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มผลลัพธ์เชิงบวกที่ขยายออกไปนอกเขตพรมแดนได้ และลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายข้ามเขตพรมแดนได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายระดับโลก ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาประเทศ และนี่คือบทบาทที่ OECD พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ผ่านความเชี่ยวชาญที่เรามี

คุณเคยกล่าวไว้ว่ารัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสีเขียวได้เพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย แล้ว OECD มีบทบาทอย่างไรในการผลักดันให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้

โดยพื้นฐานแล้ว ผมเชื่อว่าภาคเอกชนจำนวนมากมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่สิ่งจำเป็นคือการเข้าถึงข้อมูลที่สอดคล้องกันและสามารถเปรียบเทียบกันได้ในระดับสากล ตัวอย่างเช่น นักลงทุนต้องมั่นใจได้ว่าหากพวกเขาตัดสินใจลงทุนในบางสิ่งแล้ว สิ่งนั้นต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อพูดถึงการเงินเพื่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate finance) และการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน OECD จึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของมาตรฐาน และพัฒนาวิธีการประเมินการลงทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ภาคเอกชนสามารถตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ผลงานชิ้นนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ The101.world

MOST READ

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

17 Jul 2020

ร่วมรากแต่ขัดแย้ง ความบาดหมางระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

อรอนงค์ ทิพย์พิมล เขียนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ทั้งสองประเทศมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกันหลายอย่าง จนนำไปสู่ความขัดแย้งในการช่วงชิงความเป็นเจ้าของภาษาและวัฒนธรรมมลายู

อรอนงค์ ทิพย์พิมล

17 Jul 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save