Jevons Paradox คืออะไร ทำไมใครๆ ก็พูดถึงหลังการเปิดตัว DeepSeek?

“ปฏิทรรศน์เจวอนส์ (Jevons Paradox) กลับมาอีกแล้ว! เมื่อปัญญาประดิษฐ์มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเข้าถึงง่ายมากขึ้น พวกเราจะใช้งานมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนมันกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราบริโภคเท่าไรก็ไม่พอ”

เนื้อหาข้างต้นแปลมาจากข้อความบนแพลตฟอร์ม X ของ สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ผู้บริหารบริษัทไมโครซอฟต์ (Microsoft) ภายหลังการเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ต้นทุนต่ำประสิทธิภาพสูงจากประเทศจีนโดย DeepSeek ซึ่งเขย่าแวดวงปัญญาประดิษฐ์โลกตะวันตก เนื่องจากโมเดลดังกล่าวไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในการฝึกฝน ไม่ต้องใช้ชิปล้ำสมัย นั่นหมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้เหล่าหุ้นในห่วงโซ่อุปทานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

ในข้อความสั้นๆ นั้นมีคำศัพท์ที่แปลกตาสำหรับคนจำนวนมาก (รวมถึงผม!) นั่นคือศัพท์เทคนิคในแวดวงเศรษฐศาสตร์ที่หลายคนอาจไม่คุ้นหูคุ้นตานัก นั่นคือ ‘ปฏิทรรศน์เจวอนส์’ ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าไม่น่าแปลกใจนัก เพราะแนวคิดดังกล่าวถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกโดย วิลเลียม สแตนลีย์ เจวอนส์ (William Stanley Jevons) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษเมื่อราว 160 ปีก่อน หรือไม่นานนักหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ก่อนที่จะคุยกันว่าเจ้าทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เก่าแก่นี้มาเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างไร ผมขอชวนผู้อ่านไปรู้จักที่มาที่ไปของทฤษฎีดังกล่าว และสารพัดกรณีที่ปฏิทรรศน์เจวอนส์ปรากฏขึ้นในโลกจริง

William Stanley Jevons
ภาพจาก Nickknack00 / Wikimedia

ยิ่งประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การใช้ทรัพยากรยิ่งเพิ่มขึ้น?

ถ่านหินกลายเป็นทรัพยากรสำคัญที่ขาดไม่ได้ภายหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในวันที่เครื่องจักรไอน้ำเดินหน้าทั้งในโรงงาน รถไฟ และเรือกล เหล่าผู้นำชาวอังกฤษก็เริ่มกังวลว่าถ่านหินจะถูกขุดนำมาใช้จนหมดและทำให้เกิดวิกฤติครั้งใหญ่ในระบบเศรษฐกิจ ขณะนั้นเองก็มีผู้เสนอทฤษฎีปลอบประโลมใจว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ถ่านหินจะทำให้ประเทศไม่ประสบปัญหาขาดแคลนถ่านหิน เพราะเราสามารถผลิตพลังงานได้เพิ่มมากขึ้นโดยใช้ถ่านหินน้อยลง

เจวอนส์ในวัยหนุ่มไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนั้น เขาตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า ‘ปัญหาถ่านหิน คำถามว่าด้วยความก้าวหน้าของประเทศและโอกาสที่เหมืองถ่านหินจะหมดลง’ (The Coal Question: An Inquiry Concerning the Progress of the Nation, and the Probable Exhaustion of Our Coal-Mines) ในปี 1865 พร้อมกับแย้งว่าเทคโนโลยีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาถ่านหินขาดแคลนของอังกฤษได้ ในทางตรงกันข้าม ยิ่งเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากเท่าไร ก็จะนำไปสู่การบริโภคถ่านหินเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลงอย่างที่เข้าใจ

ข้อเสนอของเจวอนส์ควรค่าที่จะเรียกว่า ‘ปฏิทรรศน์’ เพราะมันช่างฟังดูขัดแย้งกันเอง เทคโนโลยีที่ช่วยให้เราประหยัดการใช้ทรัพยากรจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

แนวคิดที่เจวอนส์นำเสนอคือ ยิ่งเทคโนโลยีการผลิตพลังงานจากถ่านหินก้าวหน้ายิ่งขึ้น ก็เท่ากับว่าต้นทุนการผลิตพลังงานต่อหน่วยจากถ่านหินจะลดลง เมื่อราคาต่ำลง ความต้องการใช้งานก็ย่อมสูงขึ้นนั่นเอง ยิ่งในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ่านหินมีความต้องการสูงลิ่วเพื่อตอบสนองกับโรงงานแห่งใหม่ เครื่องจักรไอน้ำใหม่ โครงสร้างพื้นฐานใหม่ จึงไม่น่าแปลกใจที่หากประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ยกตัวอย่างเช่นเตาหลอมเหล็กที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและใช้ถ่านหินน้อยลง ย่อมทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีกำไรเพิ่มขึ้นและขยับขยายธุรกิจ ดังนั้นยิ่งสร้างเตาหลอมเหล็กที่ใช้ถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่าไร ก็จะช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโตเร็วมากขึ้นเท่านั้น เมื่อจำนวนเตาหลอมเล็กเพิ่มมากขึ้น การใช้ถ่านหินย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวไม่ใช่ลดลงอย่างที่หลายคนเข้าใจ

แม้ว่าเจวอนส์จะโด่งดังในยุคสมัยนั้น แต่ชื่อของเขาก็เลือนหายไปในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนกับนักเศรษฐศาสตร์ระดับตำนานอย่าง จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes) หรือ อดัม สมิธ (Adam Smith) แต่ชื่อของเขาถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เมื่อโลกเผชิญกับวิกฤติราคาน้ำมันจนรัฐบาลหลายประเทศเริ่มเสนอให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเพื่อรับมือปัญหาดังกล่าว

เหล่านักเศรษฐศาสตร์จึงหันกลับไปรื้อฟื้นปฏิทรรศน์เจวอนส์แล้วอธิบายว่านโยบายเช่นนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพอาจนำไปสู่การบริโภคทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด โดยเรียกผลลัพธ์นั้นว่า “การดีดกลับ” (rebound) ซึ่งหมายถึงการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอาจหักกลบลบกับพลังงานที่ประหยัดได้จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

ตัวอย่างที่มักจะถูกหยิบยกมากล่าวถึงคือการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของรถยนต์ที่ทำให้คนเลือกที่จะเดินทางไกลมากขึ้น หรือซื้อรถยนต์คันใหญ่กว่าเดิม การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบทำความเย็นจนไปที่ไหนก็มีตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ การขยายถนนและทางด่วนที่ทำให้รถติดกว่าเดิมเพราะคนหันมาใช้รถยนต์กันมากขึ้น หรือการเพิ่มระบบชลประทานให้ดียิ่งขึ้นกลับทำให้น้ำขาดแคลนเพราะเกษตรกรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเหล่านี้สอดคล้องกับข้อเสนอของเจวอนส์แบบตรงเผง

อย่างไรก็ตาม ปฏิทรรศน์เจวอนส์ก็ไม่ใช่กฎสากลที่ใช้ได้แบบครอบจักรวาล อย่าลืมว่าเจวอนส์เสนอแนวคิดดังกล่าวในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด เท่ากับว่าผลของการดีดกลับย่อมสูงลิ่วเนื่องจากมีความต้องการซื้อที่ล้นเหลือ แต่ในบางช่วงเวลาหรือบางภาคอุตสาหกรรมที่ความต้องการซื้อมีจำกัด เราก็จะไม่พบปรากฎการณ์อย่างที่เจวอนส์คาดการณ์ไว้ เช่น ภาคการเกษตรที่ประสิทธิภาพในการผลิตเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ความต้องการซื้อสินค้าเกษตรก็ไม่ได้เติบโตมากมายอะไร เนื่องจากมนุษย์หนึ่งคนบริโภคอาหารได้จำกัดนั่นเอง

ปฏิทรรศน์เจวอนส์กับปัญญาประดิษฐ์

หลังการเปิดตัว DeepSeek เหล่าผู้บริหารบริษัทโลกตะวันตกที่ทุ่มทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ย่อมรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ การหยิบยกปฏิทรรศน์เจวอนส์ขึ้นมากล่าวถึงอย่างกว้างขวางสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาต้องการหว่านล้อมให้เราเชื่อว่าการพัฒนาประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์แบบก้าวกระโดดนั้น จะยิ่งทำให้ปัญญาประดิษฐ์แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอย่ากังวลไปเลยว่าโครงสร้างพื้นฐานทั้งโรงงานผลิตชิปล้ำสมัย โรงไฟฟ้า หรือศูนย์ข้อมูลจะมีมากเกินไป เพราะความต้องการใช้สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน ไม่ต่างจากเตาเผาเหล็กประสิทธิภาพสูงที่กระตุ้นให้ใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้นสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม

แต่ในทางปฏิบัติ อนาคตปัญญาประดิษฐ์จะออกหัวหรือออกก้อยนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา

ฟิลิป แฮนเซอร์ (Philip Hanser) อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์นเสนอว่าอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ขึ้นอยู่กับว่าเรามองเทคโนโลยีนี้เป็นสินค้าใช้ร่วมกัน (complementary good) หรือสินค้าทดแทน (substitute good)

หากธุรกิจสามารถหาช่องทางการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ได้จนปลดล็อกศักยภาพการทำงานหรืออาจถึงขั้นมาทำงานหลายๆ อย่างแทนเราได้ ปัญญาประดิษฐ์ก็จะเข้าข่ายสินค้าที่มาทดแทนแรงงาน ต้นทุนการใช้งานที่ต่ำลงย่อมทำให้ความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ในทางกลับกัน หากปัญญาประดิษฐ์เป็นเพียงผู้ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้งานของเราเสร็จเร็วขึ้น เทคโนโลยีนี้ก็จะเป็นเพียงสินค้าใช้ร่วมกันที่อาจไม่ได้มีความต้องการใช้งานมากมายอะไรแม้ว่าราคาจะถูกลงอย่างมากก็ตาม

ส่วนเรื่องเทคโนโลยีจะนำไปสู่การตกงานครั้งใหญ่นั้น เจวอนส์เขียนอธิบายไว้ว่าเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน อาจทำให้แรงงานตกงานชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเทคโนโลยีทำให้สินค้าราคาถูกลงจนมีความต้องการซื้อมากขึ้น ความต้องการแรงงานก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

แต่การทำนายอนาคตของเทคโนโลยีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่เจวอนส์ก็เคยทำนายไว้ผิดพลาดอย่างจังว่าถ่านหินจะหมดจากประเทศอังกฤษจนเกิดหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ดังนั้นการทำนายอนาคตเรื่องปัญญาประดิษฐ์คงไม่ต้องพูดถึง เพราะคงไม่มีใครตอบได้อย่างแน่ชัดว่ามันจะพลิกโฉมเศรษฐกิจอย่างที่ใครๆ วาดฝันเอาไว้ หรือเป็นเพียงกระแสตื่นตูมที่อีกไม่นานก็จะหมดความน่าตื่นเต้นลงไปเอง


เอกสารประกอบการเขียน

Why the AI world is suddenly obsessed with a 160-year-old economics paradox

Unraveling the Complexity of the Jevons Paradox: The Link Between Innovation, Efficiency, and Sustainability

What is Jevons Paradox? And why it may — or may not — predict AI’s future

DeepSeek Doesn’t Scare OpenAI, Thanks to the ‘Jevons Paradox’

The 180-Year-Old Economic Principle Everyone Is Suddenly Talking About Thanks To AI Jevons Paradox has found a new audience with AI evangelists.

MOST READ

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

Economy

23 Nov 2023

ไม่มี ‘วิกฤต’ ในคัมภีร์ธุรกิจของ ‘สิงห์’ : สันติ – ภูริต ภิรมย์ภักดี

หากไม่เข้าถ้ำสิงห์ ไหนเลยจะรู้จักสิงห์ 101 คุยกับ สันติ- ภูริต ภิรมย์ภักดี ถึงภูมิปัญญาการบริหารคน องค์กร และการตลาดเบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจสิงห์

กองบรรณาธิการ

23 Nov 2023

Economy

29 Nov 2023

ถอดบัญญัติธรรมนูญ ‘จิราธิวัฒน์’ ไม่มีวิกฤตใดที่ฝ่าไปไม่ได้ : ทศ จิราธิวัฒน์

สำรวจธรรมนูญ ‘จิราธิวัฒน์’ 76 ปีของอาณาจักรเซ็นทรัลในฐานะหลอดเลือดใหญ่ของภาคธุรกิจไทย 101 สนทนากับ ทศ จิราธิวัฒน์ ทายาทรุ่นที่สามของตระกูล ผู้มุ่งหมายอยากพาเซ็นทรัลและประเทศไทยไปเฉิดฉายบนเวทีโลก

กองบรรณาธิการ

29 Nov 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save