‘คนกราบหมา’ เชิญบูชาเทพสี่ขาหลังอาน ผู้ดลบันดาลความสุขประเสริฐ

‘กัลปพฤกษ์’ เริ่มรู้จักหนังเรื่อง ‘คนกราบหมา’ (1997) หรือ My Teacher Eats Biscuits ของ Ing K หรือ อิ๋ง-สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ก็ตอนเป็นข่าวว่าหนังถูกกรมตำรวจสั่งห้ามฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดโดย ไบรอัน เบนเน็ตต์ (Brian Bennett) เมื่อเดือนกันยายนปี 1998 ด้วยข้อหาว่าภาพยนตร์มีเนื้อหาสร้างความแปดเปื้อนให้พุทธศาสนา เสียดเย้ยความศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนมีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาฯ แล้วชวนให้ไปกราบไหว้บูชา ‘น้องหมา’ กันแทน! จริงๆ ก่อนถูกแบนหนังเรื่องนี้ก็เคยฉายให้ดูกันเองแบบวงจำกัดในไทยตั้งแต่ปี 1997 หลังหนังเสร็จใหม่ๆ ซึ่งเมื่อไม่ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ‘กัลปพฤกษ์’ ก็เป็นอันชวดไป ไม่มีโอกาสได้ดูหนัง ‘ในตำนาน’ เรื่องนี้

ข้ามมาวันที่ 17 ธันวาคมปี 2009 ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ นิสิตชมรมภาพยนตร์จุฬาฯ ก็แสนอหังการ์จัดเทศกาลฉายหนังที่ถูกแบนเพื่อทวงสิทธิเสรีภาพในการรับชมภาพยนตร์ ‘ต้องห้าม’ เพื่อการศึกษา และแม้จะไม่ได้ประกาศตรงๆ ว่า จะมีหนังเรื่อง ‘คนกราบหมา’ ของอิ๋ง กาญจนะวณิชย์ ร่วมฉายด้วย แต่เพียงแค่อ่านเรื่องย่อ คอหนังรุ่นไหมก็ทายได้ว่ามันคือ ‘หนังไทย’ เรื่องใด สร้างความเจ็บปวดหัวใจต่อคนที่กระหายอยากดูหนังเรื่องนี้จนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน! ข่มเก็บความกระเหี้ยนกระหือรือ กลับไปเรียนหนังสือหนังหา จนมาถึงปีสุดท้ายคือปี 2012 ที่ ‘กัลปพฤกษ์’ มีเวลาว่างมหาศาล จึงไปไล่หาหนังดูที่สถาบันภาพยนตร์อังกฤษ (British Film Institute- BFI) เก็บไว้ และคอยไล่หาตามโพยส่วนตัวว่าหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้มีให้บริการหรือไม่ และเมื่อถึงชื่อ ‘My Teacher Eats Biscuits’ ก็ยังคิดว่าจะไปมีได้อย่างไร จนเกือบจะเหลือบอ่านข้ามไป แต่อีกใจก็คิดว่าลองสักหน่อยคงไม่เสียหาย ปรากฏว่าฐานข้อมูลขึ้นหมายเลข ID ระบุว่ามีหนังเรื่องนี้ แต่อยู่ในรูปแบบของม้วนวิดีโอ VHS viewing copy เท่านั้นนะ! เมื่อ ‘กัลปพฤกษ์’ เห็นเข้าก็ถึงกับผงะ กระโดดลุกขึ้นบอกเจ้าหน้าที่ขอใช้บริการทันที โดยตัวหนังนั้นเป็นฉบับดั้งเดิมความยาว 120 นาที ‘กัลปพฤกษ์’ นั่งดูด้วยความปีติเปรมปรีดิ์ว่าในที่สุดก็ได้ดูหนังไทยที่ได้ชื่อว่าหาดูได้ยากมากที่สุดเรื่องหนึ่งอย่าง ‘คนกราบหมา’

และเพราะหนังเรื่องนี้เองที่ทำให้ข้าพเจ้าค้นพบฟิล์มเนกาทีฟ (film negative) ฉบับเสียงของภาพยนตร์ไทยที่เคยสูญหายเรื่อง ‘สันติ-วีณา’ (1954) ในเวลาต่อมา เพราะดันเขียนอีเมลไปถามเจ้าหน้าว่า ถ้าคุณมีภาพยนตร์เรื่อง ‘คนกราบหมา’ ไหนบอกหน่อยซิ ว่าที่นั่นมีหนังไทยเรื่องอะไรเก็บไว้บ้าง ทางสถาบันภาพยนตร์อังกฤษจึงส่งตารางข้อมูลมาให้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2012 ซึ่งถ้าลองดูตรงแถวแรกที่แสดงไว้ จะเห็นชื่อของ SANTI-VEENA! ฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘คนกราบหมา’ เราก็อาจจะยังไม่ได้ดู ‘สันติ-วีณา’ กันในวันนี้! เอาล่ะ! พร้อมที่จะกราบไหว้วันทาอำนาจปาฏิหาริย์ของหนังไทยเรื่องนี้กันหรือยัง!?

รายชื่อภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยที่มีเก็บไว้ที่ BFI Archive (2012)

มาถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2023 ก็ได้ข่าวทางหน้าเฟซบุ๊คว่าคุณ มานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้ถ่ายภาพ ได้นำหนังที่ผู้กำกับอิ๋ง กาญจนะวณิชย์ นำฟิล์ม 16 มม. มาทำเป็นระบบดิจิทัล (digitalize) แล้วตัดต่อใหม่ให้เป็น Director’s Cut โดยจัดชื่อภาษาอังกฤษให้แตกต่างว่า Dog God ส่งให้กองพิจารณาภาพยนตร์พิจารณาอีกครั้ง และหนังก็ผ่านฉลุยในเรต 15+ ที่ความยาว 110 นาที พร้อมจะออกฉายใหม่ ได้ฤกษ์เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา ให้คนรุ่นนี้ได้รู้กันว่า สมัยนั้นคือยุคมืดแห่งวงการ ‘ซอฟต์ พาวเวอร์’ ไทยแค่ไหน หนังตลกติ๊งต๊องบ๊องแบ๊วหยอกแซวกันขำๆ ก็ยังทำให้กรมตำรวจหน้ามืดได้ ปล่อยให้หนังถูกแบนอยู่ตั้ง 25 ปี ทั้งที่เนื้อหาของหนังก็ไม่ได้ปั่นป่วนก่อกวนหรือชวนให้คนลุกขึ้นมาล้มล้างอะไรเลยสักนิด!

คิดแล้วก็น่าเสียดายว่า ถ้าหนังได้ออกฉายไปตั้งแต่ปี 1998 ปฏิกิริยาของคนดูต่อความ bad taste ของหนังที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังไม่รู้จักผู้กำกับที่ชื่อ จอห์น วอเตอร์ส (John Waters -คนทำหนังชาวอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็น ‘บิดาแห่งความโสมม’) จะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเมื่อให้หลังมา 25 ปี ความห่ามคะนองแบบไม่ต้องบันยะบันยังของหนังเรื่องอื่นๆ ซึ่งตามมาทีหลังจะตั้งมาตรฐานใหม่จนทำให้คนชินชา มีภูมิคุ้มกันต่อความบ้าระห่ำแบบสุดโต่งจนไม่รู้สึกตกใจอะไร การได้มาดู ‘คนกราบหมา’ กันในศักราชนี้ จึงอาจให้ความรู้สึกว่าหนังก็ไม่ได้แสบร้ายหรือ ‘อุบาทว์หยาบโลน’ แบบวอเตอร์สสักเท่าไหร่

เนื้อหาหลักๆ ของ ‘คนกราบหมา’ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเดินทางเข้ามาตามหาภรรยา ณ อาศรมแห่งสุนัขศรัทธาที่มีศาสดาเป็นกะเทยชราและสองนารีมากบารมีของหนุ่มลูกครึ่งนาม โรบิน (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และสหายนาม วิกเตอร์ (ไบรอัน เบนเน็ตต์) ที่เพิ่งเดินทางจากสหรัฐฯ มาไทย ทั้งคู่ต้องปลอมตัวเป็นสาวกของนิกายลามกแห่งนี้ เช่น สวมชุดสีชมพู กินอยู่หลับนอน สำส่อนเห่าหอน แสดงละครว่าตนคือสุนัข! ขณะที่ เชอร์รี (ฟิโอนา ธาริณี เกรแฮม) เมียรักของโรบินก็กำลังคิดนอกใจ เล่นรักท่า ‘ด็อกกี้’ กับสุนัขตัวผู้รายใหม่ แต่เมื่อวิกเตอร์ใช้หลักฐานมัดตัวแฉความชั่วช้าของศาสดาสำนักว่าล้วนจมปลักอยู่กับอบายมุขทุกแขนงอย่างไร ศาสดานาม ‘สตรี’ (อิ๋ง กาญจนะวณิชย์) ก็พลิกวิกฤตนี้มาใช้อธิบายว่าสถานที่แห่งนี้มอบความสุขและรักได้พรมแดนให้ทุกคนได้เพียงไหน และเจ้าสุนัข ‘หมีควาย’ ผู้เป็นศาสดาของลัทธินั้นเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้อย่างน่าทึ่งเพียงไร แล้วทำไมการกราบไหว้บูชาสิ่งมีชีวิตหลังอานสี่ขา จึงกลายเป็นเรื่องหยาบช้าลามกไปเสียได้ล่ะ! นอกจากนี้ ‘สตรี’ ยังเผยว่าชาติที่แล้วนางเคยเกิดเป็น ‘พระ’ ที่กลายเป็นพยานรู้เห็นการเสพสังวาสกับศพผู้ชายด้วยกันของภิกษุอาวุโส เมื่อนักบวชในพระพุทธศาสนาล้วนหน้ามืดไปกับคาวโลกีย์ พระหนุ่มจึงยอมสลัดจีวรทิ้งกองไฟ เปลือยกายเดินลงทะเลไปโดยไม่ยอมหันกลับมาเข้าวัดเข้าวาอีกแล้ว       

จากเรื่องย่อก็คงพอเห็นภาพว่าหนังมาในแนวงานตลกล้อเลียน เขียนบทขึ้นมาให้คนดูได้หรรษากับอารมณ์ขัน จิกๆ กัดๆ ให้พอแสบๆ คันๆ ไม่ได้มุ่งมั่นจะล้มล้างหรือสร้างความเสียหายให้กับลัทธินิกายใดๆ สักนิด! ความคิดอ่านจะต้องคับแคบขนาดไหนจึงมองเนื้อหาของ ‘คนกราบหมา’ ว่าเป็นสิ่งชั่วช้าลบหลู่สถาบันศาสนาที่ประชาชนต่างเลื่อมใสศรัทธา ทั้งที่สิ่งที่หนังตั้งข้อปุจฉาก็ออกจะน่ารักน่าเอ็นดูจะตาย!

ยิ่งเมื่อมองจากสไตล์การนำเสนอด้วยลีลาตลกด๋าเด๋อ เล่นกันล้นจนดูเว่อร์แบบคนแสดงหนังไม่เป็น ยิ่งเห็นถึงความทีเล่นทีจริงชัดเข้าไปใหญ่ คือผู้กำกับไม่ได้สนใจเลยว่าหนังจะต้องวิพากษ์สังคมอย่างลึกซึ้งคมคาย ต้องลามกสัปดนจนคนดูถึงกับล้มคว่ำคะมำหงาย หรือจะต้องมีฉากจำที่จะทำให้ทุกคนได้ถ่ายทอดเล่าขานกันต่อๆ ไป ทั้งหมดเป็นเพียงมุกตลกชุดใหญ่ที่ผู้กำกับเล่าไปก็กลั้วขำไป แล้วทำไมจะต้องมาถือสากับอารมณ์ขันที่มันเป็นเพียงจินตนาการ!

แต่ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายทำกันด้วยฟิล์ม 16 มม. กันแบบบ้านๆ กล่าวคือชวนพรรคพวก ญาติพี่น้อง ลูกหลานคนโน้นคนนี้มา cinematic orgy ปาร์ตี้เล่นหนังกัน หาได้ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์ด้านเทคนิคการถ่าย แต่สายเลือดศิลปินของอิ๋ง กาญจนะวณิชย์ มันก็แรงฤทธิ์เสียจนไม่ว่างบประมาณจะจำกัดจำเขี่ยเพียงไร องค์ประกอบศิลป์และความงดงามของงานภาพไม่ว่าจะช็อตหรือซีนไหน มันช่างสะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดประณีตในการสร้างงานแบบไม่ยอมปล่อยผ่าน จนอาจกลายเป็นงานภาพยนตร์อิสระไทยที่ถ่ายภาพได้สวยหยดย้อยมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว!

ส่วนใครที่บ่นว่าตัวหนังจริงๆ ก็ไม่เห็นจะ ‘เฟี้ยว’ จะ ‘เบียว’ ได้เท่าสักเสี้ยวหนึ่งของหนังจอห์น วอเตอร์ส ก็ขออนุญาตโต้แทนให้เลยว่า อิ๋ง กาญจนะวณิชย์หาได้คิดจะตามรอยเท้าผู้กำกับจอมอุบาทว์หยาบโลนนามจอห์น วอเตอร์สด้วยวิธีการลอกแบบสำเนาถูกต้องแต่อย่างใด หากมันคือการสนองแนวทางความไร้รสนิยมในการทำหนังที่ไม่มุ่งหวังแม้แต่ความขลังหรือความคัลต์ สุดท้ายแล้ว อิ๋ง กาญจนะวณิชย์ก็ยังคงต้องยึดมั่นในวิสัยทัศน์ทางศิลปะของตน โดยไม่จำเป็นต้องขนเอาฉากชวนช็อคทั้งหลายมาตีหัวแล้วขายคนดูอย่างจงใจ ความถ่อยเถื่อนใน ‘คนกราบหมา’ จึงออกมาอย่างละมุนละไม คล้ายเป็นงานของจอห์น วอเตอร์สในฉบับ ‘สตรี’ ฉะนั้นใครที่หวังว่าจะเห็นฉากเลิฟ ซีนแบบถลกผ้าดูดหัวนมกันดังจ๊วบๆ เห็นแท่งบวบของกฤษฎา เห็นลีลาระบำตูดของศาสดาจอมเพี้ยน หรือเห็นฉากการกินขี้หมาที่รั่วเล็ดกันแบบสดๆ จากหูรูดรูทวาร ก็คงแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความผิดหวัง เมื่อนักแสดงในหนังล้วนสวมเสื้อผ้ากันมิดชิดกระบิดกระบวนแม้ในฉากชวนกันเล่นสวาท เพราะความลามกในแบบสตรีมันอาจมิได้วัดกันด้วยเนื้อหนัง มากกว่าพลังผลักดันภายในทั้งหมด ความบันเทิงมันจึงไปอยู่ที่บทและไดอะล็อกเสียมากกว่า ว่าตัวละครแต่ละรายคิดอ่านต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร โดยเฉพาะคำเทศนาของศาสดา ‘สตรี’ ในช่วงท้ายที่เรียงร้อยออกมาได้อย่างแสนหมดจดงดงามจนน่าเลื่อมใสดีเหลือเกิน!

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

Life & Culture

4 Aug 2020

การสืบราชสันตติวงศ์โดยราชสกุล “มหิดล”

กษิดิศ อนันทนาธร เขียนถึงเรื่องราวการขึ้นครองราชสมบัติของกษัตริย์ราชสกุล “มหิดล” ซึ่งมีบทบาทในฐานะผู้สืบราชสันตติวงศ์ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร 2475

กษิดิศ อนันทนาธร

4 Aug 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save