ผลประมูลคลื่น 5G (29 มิ.ย. 68) ที่จบลงแบบไร้การแข่งขัน AIS และ TRUE คว้าคลื่นในราคาต่ำ อ่านบทวิเคราะห์เจาะลึกว่าเหตุใดผู้ประกอบการจึงอาจเป็นผู้ชนะตัวจริงในเกมนี้

ศึกไร้ศัตรู คลื่นไร้ราคา ผู้บริโภคไร้ทางเลือก

การประมูลคลื่นความถี่ 5G เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 จบลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 18 นาที โดยไม่มีการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดเหมือนในอดีต การประมูลครั้งนี้จึงมีลักษณะเป็นการจัดสรรทรัพยากรมากกว่าการแข่งขัน สะท้อนภาพตลาดโทรคมนาคมไทยที่เหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย คือ AIS และ TRUE ซึ่งอาจทำให้ประโยชน์สูงสุดไม่ได้ตกอยู่กับรัฐหรือผู้บริโภค

ผลการประมูลทำให้ทั้งสองค่ายได้คลื่นความถี่ที่ต้องการในราคาที่สูงกว่าราคาตั้งต้นเพียงเล็กน้อย โดย AIS ชนะการประมูลคลื่น 2100 MHz ในราคา 14,850 ล้านบาท (สูงกว่าราคาขั้นต่ำ 10%) ส่วน TRUE ชนะคลื่น 1500 MHz ในราคา 4,653.96 ล้านบาท (สูงกว่าราคาขั้นต่ำ 10.02%) และคลื่น 2300 MHz ในราคา 21,770 ล้านบาท (สูงกว่าราคาขั้นต่ำ 19.79%) ขณะที่ย่านความถี่ 850 MHz ไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ทำให้รัฐมีรายได้จากการประมูลรวม 41,273.96 ล้านบาท

สรุปผลการประมูลคลื่นความถี่ 29 มิถุนายน 2568

ย่านความถี่ราคาขั้นต่ำ (ล้านบาท/ชุด)ราคาประมูลสุดท้าย (ล้านบาท/ชุด)มูลค่ารวมสุดท้าย (ล้านบาท)ผู้ชนะการประมูล
850 MHz7,738.23ไม่มี
1500 MHz1,057.491,163.49 (+10.02%)4,653.96TRUE (4 ชุด)
2100 MHz4,500.004,950.00 (+10.00%)14,850.00AIS (3 ชุด)
2300 MHz2,596.153,110.00 (+19.79%)21,770.00TRUE (7 ชุด)

1. การประมูลแบบไร้คู่แข่ง

การประมูลครั้งนี้ดำเนินไปโดยไร้คู่แข่ง เพราะแต่ละย่านความถี่มีผู้ประกอบการยื่นซองเพียงรายเดียว สถานการณ์นี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการประมูลในอดีตซึ่งมีการแข่งขันสูง หลังการควบรวมกิจการทำให้ตลาดเหลือผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 2 ราย ทั้งสองค่ายจึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันด้านราคาเพื่อแย่งชิงคลื่นความถี่ แต่เป็นการประมูลเพื่อรักษาคลื่นความถี่เดิมที่ใบอนุญาตกำลังจะหมดอายุ หรือเลือกคลื่นใหม่ที่จำเป็นต่อการพัฒนาเครือข่ายของตน ส่งผลให้ราคาที่ชนะประมูลสูงกว่าราคาขั้นต่ำเพียง 10-20% เท่านั้น

2. ราคาตั้งต้นที่ถูกตั้งคำถาม

การกำหนดราคาประมูลของ กสทช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าต่ำกว่ามูลค่าในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2555 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยประเมินมูลค่าคลื่น 2100 MHz ไว้สูงถึง 6,440 ล้านบาทต่อชุด แต่ กสทช. กลับตั้งราคาในการประมูลครั้งนั้นและครั้งล่าสุด (29 มิถุนายน 2568) ไว้ที่ 4,500 ล้านบาทต่อชุด ก่อนจะปิดราคาไปที่ 4,950 ล้านบาท ซึ่งนำไปสู่ข้อสังเกตว่าเป็นการตั้งราคาที่อาจต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

ในอีกด้านหนึ่ง กสทช. ชี้แจงว่าเหตุผลที่ตั้งราคาประมูลไม่สูงนัก เพราะต้องการจูงใจให้ผู้ประกอบการลงทุนขยายโครงข่ายไปยังพื้นที่ห่างไกล โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ชนะประมูลต้องขยายสัญญาณ 5G ให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศภายใน 2 ปี และเพื่อป้องกันปัญหาซิมดับจากการที่ใบอนุญาตคลื่นเดิมกำลังจะหมดอายุ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการผลักภาระให้ผู้บริโภคด้วยการขึ้นราคาค่าบริการในอนาคต ผลตอบแทนทางสังคมที่รัฐคาดหวังก็จะหมดความหมาย เพราะเท่ากับประชาชนต้องจ่ายค่าขยายโครงข่ายเอง ขณะที่ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์สองต่อคือ ได้คลื่นในราคาต่ำและมีรายได้จากค่าบริการที่สูงขึ้น ดังนั้น กสทช. จึงมีหน้าที่กำกับดูแลอัตราค่าบริการอย่างเข้มงวดเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการประมูล

3. ใครคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด?

เมื่อการแข่งขันไม่เกิดขึ้นจริง ประกอบกับรายได้ของรัฐที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ผลลัพธ์จึงชี้ชัดว่าผู้ประกอบการคือผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้ง AIS และ TRUE สามารถประหยัดต้นทุนใบอนุญาตไปได้มหาศาล ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อผลประกอบการและราคาหุ้นของบริษัท

ก่อนการประมูล สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ระงับการประมูล เนื่องจากกังวลว่าเงื่อนไขต่างๆ จะนำไปสู่การผูกขาดตลาดยาวนาน 15 ปี โดยยังไม่มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคด้านค่าบริการที่เป็นธรรม

ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ที่แตกต่างของสองค่ายก็น่าติดตาม AIS เลือกเน้นความคุ้มค่าโดยรักษาฐานที่มั่นบนคลื่น 2100 MHz เดิม ส่วน TRUE เดินหน้าเสริมทัพคลื่นให้ครบทุกย่านความถี่เพื่อสร้างความได้เปรียบระยะยาว แม้ทั้งสองค่ายจะยืนยันว่าการได้คลื่นเพิ่มจะช่วยพัฒนาคุณภาพบริการ 5G แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าต้นทุนที่ลดลงของผู้ประกอบการจะทำให้ค่าบริการถูกลงหรือไม่

ท้ายที่สุด เมื่ออำนาจต่อรองอยู่ในมือของผู้เล่นเพียงสองราย ผู้บริโภคจึงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน เพราะไม่มีหลักประกันว่าต้นทุนที่ลดลงของผู้ประกอบการจะนำไปสู่ค่าบริการที่ถูกลง หรือคุณภาพบริการจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ชวนอ่านข้อสังเกตวิธีตั้งราคาประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. ที่อาจเอื้อค่ายมือถือรายใหญ่ให้เข้าถึงทรัพยากรในราคาถูก ขณะที่การแข่งขันลดลง และผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ได้บริการแย่ลง รายงานโดย 101PUB ที่ โปรปังกลางปี?: 3 ข้อสังเกตราคาประมูลคลื่นของ กสทช.

MOST READ

Political Economy

17 Aug 2023

มือที่มองไม่เห็นของ อดัม สมิธ: คำถามใหญ่ว่าด้วย ‘ธรรมชาติของมนุษย์’  

อั๊บ สิร นุกูลกิจ กะเทาะแนวคิด ‘มือที่มองไม่เห็น’ ของบิดาแห่งวิชาเศรษฐศาสตร์ อดัม สมิธ ซึ่งพบว่ายึดโยงถึงความเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์

อั๊บ สิร นุกูลกิจ

17 Aug 2023

Political Economy

12 Feb 2021

Marxism ตายแล้ว? : เราจะคืนชีพใหม่ให้ ‘มาร์กซ์’ ในศตวรรษที่ 21 ได้หรือไม่?

101 ถอดรหัสความคิดและมรดกของ ‘มาร์กซ์’ ผู้เสนอแนวคิดสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ผ่าน 3 มุมมองจาก เกษียร เตชะพีระ, พิชิต ลิขิตสมบูรณ์ และสรวิศ ชัยนาม ในสรุปความจากงานเสวนา “อ่านมาร์กซ์ อ่านเศรษฐกิจการเมืองไทย” เพื่อหาคำตอบว่า มาร์กซ์คิดอะไร? มาร์กซ์ยังมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 21 หรือไม่? และเราจะมองมาร์กซ์กับการเมืองไทยได้อย่างไรบ้าง

ณรจญา ตัญจพัฒน์กุล

12 Feb 2021

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save