9 ปี 10 เดือน 29 วัน (3,621 วัน) กับการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ ม.เชียงใหม่

ผมยื่นขอตำแหน่งศาสตราจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 ทางคณะฯ ได้รับเรื่องและตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร ก่อนส่งต่อเพื่อให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยก็ได้รับเรื่องไว้เมื่อ 6 ตุลาคม 2558 และมีเอกสารตอบกลับว่าเอกสารครบถ้วน โดยเอกสารที่ยื่นประกอบด้วยตำรา 1 เล่ม และงานวิจัยอีก 4 เล่ม โดยเป็นงานวิจัยเดี่ยว 3 เล่ม และงานวิจัยกลุ่ม 1 เล่ม

ผมเข้าใจแบบตื้นเขินว่าบัดนี้กระบวนการทั้งหมดที่ต้องรับผิดชอบเป็นอันสิ้นสุดลง ส่วนที่เหลือเป็นกระบวนการที่มหาวิทยาลัยต้องรับไปดำเนินการต่อ   

ภายหลังจากนั้นทางมหาวิทยาลัยก็แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่ประเมิน ผลการประเมินได้มีความเห็นว่าในส่วนของงานวิจัยนั้นผ่านเกณฑ์ แต่ให้ทำการปรับปรุงแก้ไขเฉพาะในส่วนของตำรา ในตอนแรกผมจะขออุทธรณ์คำตัดสินของคณะกรรมการฯ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินที่เกิดขึ้น

แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้แจ้งว่าตามระเบียบของการขอตำแหน่งทางวิชาการนั้น ผู้ยื่นจะมีสิทธิอุทธรณ์ก็ต่อเมื่อคำตัดสินมีผลให้ไม่ผ่าน หากเป็นกรณีที่ผลเป็นการแก้ไขปรับปรุงนั้น ผู้ยื่นไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ได้แต่อย่างใด ผู้ยื่นทำได้เพียงการแก้ไขและส่งกลับไปให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาอีกครั้ง

ผมได้ทำการแก้ไขและยื่นผลงานกลับไปอีกครั้ง มหาวิทยาลัยรับเรื่องเมื่อ 25 เมษายน 2561 ทางคณะกรรมการฯ ได้รับไว้ ก่อนจะมีการประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบ และสภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติตำแหน่งศาสตราจารย์ในการประชุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 สำหรับกระบวนการในขั้นตอนนี้ มีปัญหาสำคัญอยู่สองประเด็นด้วยกัน

หนึ่ง ระยะเวลาที่ยาวนาน

นับจากขั้นตอนการยื่นเอกสารไปกระทั่งการผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ ในแต่ละขั้นตอนจะใช้เวลายาวนาน เฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประชุมของคณะกรรมการฯ กว่าจะมีการประชุมในแต่ละครั้งได้ต้องใช้เวลายาวนาน ในการพิจารณางานของผมนับตั้งเริ่มต้นกระทั่งผ่านสภามหาวิทยาลัยใช้เวลามากกว่า 3 ปี

ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบให้เหตุผลว่าผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละคนมีเวลาน้อยจึงทำให้จัดประชุมพร้อมกันได้ยาก การชี้แจงถึงเหตุของความล่าช้านี้มีคำอธิบายว่าผู้ทรงคุณวุฒิบางคนมีหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญ (เป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560) ทำให้มีเวลาน้อย การร่วมประชุมของผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดจึงเป็นไปได้ยาก

คำถามก็คือ ความยุ่งยากดังกล่าวเป็นภาระความรับผิดชอบของผู้ยื่น หรือของมหาวิทยาลัยที่จะต้องเร่งรัดให้กระบวนการมีประสิทธิภาพ  

สอง ความรอบรู้และความเชี่ยวชาญผู้ทรงคุณวุฒิ

ในการยื่นเอกสารขอตำแหน่งของผมนั้นประกอบด้วยตำราที่เกี่ยวกับการวิจัยกฎหมายเชิงสังคมศาสตร์มนุษยศาสตร์ งานวิจัยกฎหมายผ่านมุมมองแบบเพศสภาวะ การวิจัยกฎหมายเชิงประวัติศาสตร์ งานวิจัยสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญด้วยการมองแบบกฎหมายกับสังคม (law and society approach)

ในตอนที่ยื่นเอกสารทั้งหมด ผมก็มีความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าใครจะเป็นผู้ที่มาอ่านและทำการประเมินงานทั้งหมดที่ได้ยื่นไป เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่านักกฎหมายส่วนใหญ่ในสังคมไทยมักมีความรู้ลงลึกเฉพาะด้านกฎหมาย แต่ขาดความเชื่อมโยงหรือการใช้มุมมองด้านสังคมศาสตร์/มนุษยศาสตร์ ยิ่งเป็นนักกฎหมาย ‘ใหญ่’ ระดับศาสตราจารย์ก็จะยิ่งพบว่าแทบทั้งหมดสังกัดอยู่ภายใต้สาขาของตนอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะกฎหมายอาญา กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายระหว่างประเทศ ฯลฯ

ความกังวลทั้งหมดนี้ก็เป็นความจริง เมื่อภายหลังผมได้ทราบชื่อผู้ทรงคุณวุฒิจากการฟ้องคดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ในเหตุของความล่าช้า) เมื่อได้เห็นรายชื่อคณะกรรมการฯ แล้ว ผมมีคำถามอย่างมากว่าศาสตราจารย์เหล่านี้มีความเข้าใจต่องานวิจัยทั้งหมดที่ผมยื่นไปจริงหรือ

ไม่ใช่เพราะไม่มีความรู้นะครับ แต่ความรู้ที่พวกเขามีและเชี่ยวชาญเป็นคนละแบบกับงานที่ผมยื่นไป

นี่เป็นปมประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ในฐานะที่คลุกคลีและได้รับฟังเรื่องราวความแตกต่างของระบบความรู้ระหว่างผู้ยื่นขอตำแหน่งกับผู้ทรงคุณวุฒิ โดยเฉพาะความไม่เท่าทันความรู้ของผู้ทรงคุณวุฒิที่ยังจมอยู่ในโลกเมื่อ 20 – 30 ปีก่อน ขณะนี้นักวิชาการรุ่นหลังก้าวไปสู่อีกโลกที่แตกต่างออกไปอย่างมาก แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของผู้ทรงคุณวุฒิในการมองโลกตามกรอบความรู้ของตน แต่นั่นเป็นความผิดของผู้ยื่นขอตำแหน่งหรือที่ใช้กรอบ/แนวคิดที่แตกต่างออกไปหรือ

เมื่อสภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติตำแหน่งศาสตราจารย์ โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ผมก็เข้าใจว่าความรับผิดชอบทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว แต่ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจที่โง่เขลาเบาปัญญาอย่างสิ้นเชิงของผมเอง

ภายหลังจากการอนุมัติของสภามหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องของการจัดทำเอกสารและการถ่ายรูปประกอบก่อนส่งไปให้ทางกระทรวง อว. พิจารณาเพื่อนำเสนอทูลเกล้าฯ ให้มีการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งศาสตราจารย์ ผมได้จัดทำเอกสารสรุปและไปถ่ายรูปในชุดขาวพร้อมติดเหรียญตราต่างๆ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ในตอนที่เดินออกจากร้านถ่ายรูป เมื่อ พ.ศ. 2562 ผมก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ทำทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการที่ได้กำหนดไว้เรียบร้อย

ขั้นตอนต่อไปจะเป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งกลับกลายมาเป็นอีกปัญหาสำคัญที่ไม่ใช่เพียงผมคนเดียว หากยังมีผู้ยื่นขอตำแหน่งจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความยุ่งยาก

ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากมหาวิทยาลัยใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการจัดทำเอกสารและส่งไปให้ทาง อว. ในเดือนธันวาคม 2563 (ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใดการจัดทำเอกสารส่งผ่านไปยัง อว. จึงใช้เวลาอย่างมาก หรือว่าในห้วงเวลาดังกล่าวมีผู้ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จำนวนหลายร้อยคน เลยทำให้ต้องใช้เวลาอย่างมาก) ทาง อว. ได้ตอบกลับมาในเดือนมีนาคม 2564 ว่าเอกสารในการขอตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ยื่นไปนั้นไม่ถูกต้องครบถ้วน จึงได้ทำการส่งจดหมายแจ้งกลับมาให้มหาวิทยาลัยดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง

นี่กลายเป็นหนังชีวิตอีกตอนหนึ่งที่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเรียบร้อย

เมื่อมหาวิทยาลัยได้รับการแจ้งจาก อว. ก็ได้ส่งเอกสารดังกล่าวมาให้ผมจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ในเบื้องต้น ผมได้พยายามค้นหาเอกสารเท่าที่มีและส่งกลับไปให้เท่าที่เป็นไปได้ ต้องไม่ลืมว่านับจากยื่นขอตำแหน่งมาจนกระทั่งเรื่องถึง อว. ผ่านไป 6 ปีแล้ว ในความเข้าใจส่วนตัว นับตั้งแต่มหาวิทยาลัยรับเรื่องในตอนแรกกระทั่งสภามหาวิทยาลัยอนุมัติตำแหน่งศาสตราจารย์ ผมก็ไม่ได้เก็บเอกสารเหล่านั้นไว้อย่างเป็นระบบ เมื่อมีการมาขอเอกสารย้อนหลังจึงกลายเป็นการสร้างภาระไม่น้อยหรือเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย

มีการโต้ตอบทางเอกสารระหว่างผมกับมหาวิทยาลัยหลายครั้ง เอกสารแต่ละฉบับใช้เวลาหลายเดือน ในที่สุดผมก็ประกาศว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ แล้วทั้งสิ้น เพราะในกระบวนการทั้งหมดผมได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเต็มที่โดยไม่มีการบิดพลิ้วใดๆ (อย่างไรก็ตาม ทางคณะนิติศาสตร์ก็ได้เข้ามาดำเนินการในส่วนที่เป็นปัญหาจะกระทั่งลุล่วงในที่สุด)

ความยุ่งยากระหว่างมหาวิทยาลัยกับ อว. เกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบ หลายครั้งที่ทาง อว. ขอเอกสารที่ขัดกับจารีตทางวิชาการ เช่น การขอรายชื่อ reviewer สำหรับหนังสือ/บทความที่ยื่นขอตำแหน่ง ซึ่งทางสำนักพิมพ์หรือกองบรรณาธิการจะถือเป็น ‘กฎเหล็ก’ ว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นกลางและเป็นอิสระในการประเมินผลงานต่างๆ

การขอรายชื่อ reviewer คือภาพสะท้อนสำคัญว่าหน่วยงานที่เกี่ยวกับอุดมศึกษาของไทยไม่มีความเข้าใจในการทำงานด้านวิชาการ ขณะที่อยากผลักดันให้มหาวิทยาลัยในเมืองไทยเป็น World Class University และขณะเดียวกันก็มีคำถามว่ามหาวิทยาลัยควรต้องดำเนินการในอธิบายหรือชี้แจงกับทาง อว. ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบที่โยนมาให้ผู้ยื่นขอตำแหน่งต้องไปตอบคำถามกับทาง อว. เอาเองเป็นรายกรณีไป

ใน 1-2 ปีหลัง ผมรู้สึกเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อยกับกระบวนการดังกล่าวเป็นอย่างมาก ได้แต่ทำใจว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ก้มหน้าก้มตาสอนหนังสือและให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่สนใจมากกว่า (ที่ได้รางวัลจากสภาวิจัยแห่งชาติ 4 ครั้งนับจาก 2560 เป็นต้นมา เป็นผลงานให้มหาวิทยาลัยได้อวดโอ้ว่ามีงานวิจัยอันมีคุณภาพเกิดขึ้นจากบุคลากร)

ความยุ่งยากสุดท้ายที่สร้างความหงุดหงิดอีกครั้งก็คือ เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ติดต่อมาขอให้ส่งรูปถ่ายไปอีกครั้งเพราะหารูปถ่ายที่เคยส่งให้เมื่อ พ.ศ. 2562 ไม่เจอ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเอกสารของผมสูญหาย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความผิดที่เกิดขึ้นจากผม แต่ก็ได้ไปค้นหารูปถ่ายที่เก็บไว้ได้ พอส่งกลับไปก็ได้รับคำตอบว่าต้องแต่งตัวใหม่ เอาเป็นแค่ชุดปกติขาวไม่ต้องติดเหรียญตราใดๆ เลย ผมได้แต่อุทานด้วยคำที่ไม่สุภาพออกมาพร้อมกับความไม่พอใจอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องหารูปถ่ายแบบที่เขาอยากได้ไปให้

หากนับระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นเรื่องกับคณะนิติศาสตร์เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 มากระทั่งถึงวันที่ได้มีการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งศาสตราจารย์ของผมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ทั้งหมดเป็นเวลา 9 ปี 10 เดือน 29 วัน (3,621 วัน)

กระบวนการที่ยืดเยื้อและระยะเวลาที่ยาวนานไม่ใช่ภาวะปกติและเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น กระบวนการและระยะเวลาเช่นนี้ทำให้คนทำงานต้องมาเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ควรจะเป็น แทนที่จะไปทุ่มเทเวลาให้กับงานทางวิชาการได้อย่างเต็มที่ ผมได้แต่หวังอย่างลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้มีการปรับแก้เพื่อไม่ให้ความยุ่งยากเช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้ยื่นขอตำแหน่งคนอื่นๆ อีกในอนาคต

MOST READ

Education

20 Jul 2023

คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในวิกฤต (?)

ข่าวการปรับหลักสูตรของอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ชวนให้คิดถึงอนาคตของการเรียนการสอนสายมนุษยศาสตร์ เมื่อตลาดแรงงานเรียกร้องทักษะสำหรับการทำงานจริง จนมีการลดความสำคัญวิชาพื้นฐานอันเป็นการฝึกฝนการวิเคราะห์วิพากษ์เพื่อทำความเข้าใจโลกอันซับซ้อน

เสียงเล็กๆ จากประชาคมอักษร

20 Jul 2023

Social Issues

21 Jan 2025

101 Academy 2025 สมัครเรียนรู้หลักสูตรสื่อ-วิจัย-ครีเอทีฟดีไซน์สไตล์ 101 ได้ที่นี่!

หลักสูตรเรียนรู้การทำสื่อ การทำวิจัยนโยบายสาธารณะ และการทำงานครีเอทีฟดีไซน์ สไตล์ 101

กองบรรณาธิการ

21 Jan 2025

Education

25 Mar 2024

101 Academy เปิดแล้ว! สมัครเรียนรู้หลักสูตรสื่อ-วิจัย-ครีเอทีฟดีไซน์สไตล์ 101 ได้ที่นี่!

101 Academy หลักสูตรเรียนรู้การทำสื่อ การทำวิจัยนโยบายสาธารณะ และการทำงานครีเอทีฟดีไซน์ สไตล์ 101 เปิดรับสมัครรุ่นแรกแล้ว ลดสูงสุด 30%

กองบรรณาธิการ

25 Mar 2024

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save