สถานการณ์การเมืองโลกกำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียด เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการขึ้นภาษีกับประเทศต่างๆ ตามนโยบาย ‘America First’ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น มาตรการนี้อาจนำไปสู่สงครามการค้า โดยประเทศไทยจะไม่ใช่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ แต่จะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ต้องเผชิญผลกระทบโดยตรง
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการ “ภาษีศุลกากรตอบโต้” (Reciprocal Tariffs) กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศอื่น ในระดับเดียวกับที่ประเทศนั้นเรียกเก็บภาษีจากสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ เขาระบุว่านี่ไม่ใช่เพียงคำขู่ แต่เป็นสัญญาณเตือนประเทศคู่ค้าว่า สหรัฐฯ พร้อมตอบโต้ทุกรูปแบบหากไม่ได้รับการปฏิบัติอย่าง “เท่าเทียม” โดยเน้นไปที่การสร้างความเสมอภาคในการค้าต่างประเทศ และกระตุ้นให้ประเทศคู่ค้าลดภาษีศุลกากรของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีสูงจากสหรัฐฯ
จากบทความ “อเมริกามีแต่ได้?: นโยบายภาษีของทรัมป์ กับความไม่แน่นอนของการค้าโลก” พีเทอร์ ไมตรี อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์นโยบายภาษีของทรัมป์ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันไว้ว่า นโยบาย “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายกับมาตรการในช่วงปี 2017-2020 ที่นำไปสู่สงครามการค้า ขณะที่ความเห็นของ Alan Beattie จาก Financial Times เปรียบการใช้มาตรการภาษีแบบไม่เลือกหน้านี้เหมือนการใช้ปืนลูกซอง “blunderbuss” ในสงครามการค้าสมัยใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างโดยไม่เจาะจงเป้าหมาย
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ยิงกระสุนนัดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ด้วยการออกมาตรการที่ส่งผลต่อประเทศคู่ค้า โดยประกาศว่า สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็น 25% อย่างไม่มีข้อยกเว้น เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม
คำสั่งนี้ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ โดยเฉพาะแคนาดาซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดให้สหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังยกเลิกข้อยกเว้นภาษีสินค้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างแคนาดา เม็กซิโก บราซิล และสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียได้รับ “การพิจารณาเป็นพิเศษ” สำหรับคำขอยกเว้นภาษีเหล็ก
สำหรับประเทศไทย มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบโดยตรง โดยข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่อันดับที่ 11 ให้สหรัฐฯ มีปริมาณทั้งสิ้น 76,000 ตัน มูลค่าประมาณ 319 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10.8 พันล้านบาท
การขึ้นภาษีสินค้าส่งออกหลักเช่นนี้ จะนำไปสู่สถานการณ์ที่ทุกฝ่ายเสียประโยชน์ (negative sum game) ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อรายได้ผู้ส่งออก ห่วงโซ่อุปทาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐบาลไทยควรต้องมีแผนสำรอง ด้วยการกระจายความเสี่ยงทางการค้าไปยังตลาดอื่น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มองว่าการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก เนื่องจากไทยส่งออกเหล็กไปสหรัฐฯ ในปริมาณไม่มาก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือสินค้าเหล็กจากประเทศผู้ผลิตที่ไม่สามารถส่งไปสหรัฐฯ ได้ อาจหันมาทะลักเข้าสู่ตลาดไทยแทน
นอกจากประเด็นเรื่องภาษีการค้าแล้ว การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ขัดแย้งมาเกือบ 3 ปี ก็เป็นประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ทรัมป์ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ทั้งสองฝ่ายแสดงความต้องการยุติสงคราม โดยการสนทนากับปูตินใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงและได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการ “หยุดยิง” ในอนาคตอันใกล้ ทรัมป์ได้มอบหมายให้ทีมงาน ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ เป็นผู้นำการเจรจาสันติภาพ
การเจรจาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ และรัสเซียกลับมาหารือกันอย่างเป็นทางการหลังจากความสัมพันธ์ตึงเครียดยาวนาน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอให้มีการประชุมกับปูตินในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาแบบพหุภาคี
การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อสหรัฐฯ มุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขความขัดแย้งในยุโรป ประเทศในภูมิภาคจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
ไทยในฐานะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ และเป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อรับมือทั้งด้านการค้า การเมือง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การกระจายความเสี่ยงและการสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของประเทศและรับมือกับมาตรการจากประเทศมหาอำนาจ
อ้างอิง
- อเมริกามีแต่ได้? : นโยบายภาษีของทรัมป์ กับความไม่แน่นอนของการค้าโลก
- ไทย-อินเดีย’ กลุ่มเสี่ยงถูกสหรัฐขึ้นภาษี นายกฯ เร่งสรุปแผนเจรจาชง ครม.
- “เอกนัฏ” มองขึ้นภาษีเหล็กสหรัฐ ไม่กระทบไทย แต่ห่วงสินค้ายิ่งทะลักเข้าไทยมากกว่า
- The U.S. steel import tariff policy is not expected to have a significant impact on Thailand, said Industry Minister Ekanat Promphan
- Donald Trump to impose 25% tariffs on steel and aluminium imports
- Trump reciprocal tariffs could come by Thursday, White House says
- Trump says Putin wants peace in Ukraine, will begin talks on ending war