fbpx

เบื้องลึกนายฟุมิโอะ คิชิดะ ปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่สอง                                              

ภาพปก TORU HANAIPOOL/AFP

ในทันทีที่เสร็จสิ้นการร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ที่อินเดีย เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา วันรุ่งขึ้นหลังจากเดินทางกลับมา นายฟุมิโอะ คิชิดะ(岸田文雄)นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้เร่งเจรจากับกลุ่มแกนนำหลักในพรรคจนได้ข้อสรุป และประกาศปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นครั้งที่สอง มีผลในวันที่ 13 กันยายน 2023

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีมาแล้วหนึ่งครั้ง ในเดือนสิงหาคม 2022  ซึ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือนพอดีหลังจากนายคิชิดะ สามารถนำพรรคแอลดีพี(自民党)ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแทนสมาชิกที่ออกตามวาระ เป็นชัยชนะอย่างลอยลำ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2022

ในครั้งแรกนั้นนายคิชิดะ จำเป็นต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสองวันก่อนหน้าวันลงคะแนนเลือกตั้งวุฒิสมาชิก คือวันที่ 8 กรกฎาคม 2022 นายชินโซ อาเบะ(安倍晋三)อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกลอบยิงเสียชีวิต ขณะกำลังปราศรัยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครวุฒิสมาชิกของพรรค ที่หน้าสถานีรถไฟ เมืองนาระ เป็นเหตุการณ์ช็อกไปทั้งโลก และทำให้รัฐบาลนายคิชิดะเสียคะแนนนิยมไปอย่างมาก เมื่อปรากฏว่านายเท็ตสึยะ ยามากามิ มือปืนให้การว่าเขาโกรธแค้นนายอาเบะ ผู้มีความเกี่ยวข้องกับ ‘โบสถ์แห่งความเป็นเอกภาพ’ (ชื่อเดิม)(旧統一教会)ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ‘สมาพันธ์ครอบครัวเพื่อสันติภาพโลกและความเป็นเอกภาพ’(世界平和統一家庭連合)ที่แม่ของเขาทุ่มเงินบริจาคให้อย่างงมงายจนครอบครัวล่มสลาย และเมื่อสื่อมวลชนขุดคุ้ยลึกลงไปพบว่านักการเมืองขั้วพรรครัฐบาลจำนวนมาก รวมทั้งนักการเมืองระดับท้องถิ่นมีความเกี่ยวพันและรับความช่วยเหลือจากองค์กรดังกล่าว

ปรับคณะรัฐมนตรีครั้งแรกไปแล้ว ใช่ว่าจะราบรื่น ปัญหาหมดไป หนึ่งปีที่ผ่านมา นายคิชิดะโหมงานด้านการต่างประเทศอย่างหนัก นำพาญี่ปุ่นให้มีบทบาทโดดเด่นบนเวทีโลก โดยมีมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาเป็นมหามิตร ช่วยปกป้องและคุ้มกันภัยให้ญี่ปุ่นพ้นจากการเผชิญหน้ากับจีนและเกาหลีเหนือที่พยายามยั่วยุและแสดงแสนยานุภาพเหนือญี่ปุ่น  ขณะเดียวกัน ปัญหาภายในประเทศก็มีมากมาย ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น แต่ค่าแรงไม่ขึ้น ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงอย่างมาก สินค้าราคาแพงขึ้น อีกทั้งธุรกิจและแรงงานยังไม่ฟื้นตัวได้ง่ายๆ หลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 มากว่า 3 ปี

จากการสำรวจคะแนนนิยมของประชาชนต่อรัฐบาลนายคิชิดะ โดยสำนักข่าว NHK เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ตอบ ‘สนับสนุน’ 36% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 3% และผู้ตอบ ‘ไม่สนับสนุน’ 43% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2% เหตุผลที่สนับสนุนคือ ‘คณะรัฐมนตรีดูดีกว่าชุดอื่นๆ’ 45% ‘เป็นคณะรัฐมนตรีที่มาจากพรรคที่ตัวเองสนับสนุน’ 26% ‘เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ’ 13% ส่วนเหตุผลที่ไม่สนับสนุน ‘ไม่สามารถคาดหวังได้กับนโยบาย’ 47% ‘ไม่มีความสามารถผลักดันนโยบายให้เป็นจริงได้’ 24%  และ ‘เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ’ 11%

แม้ว่าคะแนนนิยมรัฐบาลนายคิชิดะโดยรวมขณะนี้อยู่ที่ 34.1% พอๆ กับเดือนก่อนหน้า 33% ซึ่งเป็นคะแนนที่ต่ำสุดตั้งแต่นายคิชิดะเข้ารับตำแหน่งเป็นต้นมา คะแนนนิยมเคยกระเตื้องกลับขึ้นมาอยู่ในระดับ 40% ในช่วงก่อนและหลังการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่ฮิโรชิมาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นรัฐบาลก็ต้องวุ่นวายกับการแก้ปัญหาที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากจากการจัดทำบัตรทะเบียนประชาชน( マイナンバーカード)และปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ค่าครองชีพสูง เป็นต้น คะแนนนิยมก็ลดต่ำลงอีก และเป็นที่น่าสังเกตว่าขณะนี้สัดส่วนของผู้ที่ประกาศไม่เป็น ‘ติ่ง’(無党派層)ของพรรคการเมืองไหนเลยมีถึง 42.8% เพิ่มขึ้นเกินกว่า 40% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่นายคิชิดะเข้ารับตำแหน่ง ส่วนคะแนนนิยมของพรรคฝ่ายค้านหลักๆ แม้จะทิ้งห่างแบบเทียบไม่ได้เลยกับของพรรครัฐบาล  แต่กลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคือพรรครัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย(立憲民主党)4% และพรรคปฏิรูปญี่ปุ่น(日本維新の会)5.8% เป็นต้น

การปรับคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 13 กันยายน 2023 จึงเป็นวิธีหนึ่งที่นายคิชิดะตัดสินใจเลือก เพื่อประคองตัวในสถานการณ์ขณะนี้ไม่ให้ความนิยมลดต่ำลงไปมากกว่านี้ 

พร้อมๆ กับการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบของกรรมการบริหารพรรคเล็กน้อย แน่นอนว่าแกนนำหลักหน้าเดิมยังคงอยู่อย่างเดิม กล่าวคือนายทาโร อาโสะ(麻生太郎 ) (อดีตนายกรัฐมนตรี) รองหัวหน้าพรรค   นาย โทชิมิทสึ โมเตงิ(茂木敏充 )เลขาธิการพรรค นายโคอิชิ ฮางิอุดะ(萩生田光一)ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ นายสึโยชิ ทาคางิ(高木毅 )ประธานฝ่ายกลั่นกรองวาระเข้าสภา นายฮิโรชิ โมริยามา(森山裕 )เดิมเป็นประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง มารับหน้าที่ประธานฝ่ายกิจการทั่วไป นางยูโกะ โอบุชิ(小渕優子 )ประธานฝ่ายกิจกรรมองค์กร มารับหน้าที่ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแทน

ราวเดือนกันยายนปีหน้า จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคแอลดีพีที่จะครบวาระ ภายในพรรคประกอบด้วย ‘มุ้ง’(派閥)ต่างๆ  มุ้งที่ใหญ่สุดคือ มุ้งของนายอาเบะ แม้ว่านายอาเบะได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่มุ้งของเขายังมีอิทธิพลอย่างมากภายในพรรค  และรองลงมาคือ มุ้งนายอาโสะ ลำดับที่สามคือมุ้งนายโมเตงิ และลำดับที่สี่คือมุ้งนายคิชิดะ ซึ่งเป็นมุ้งเล็ก จำเป็นอย่างยิ่งต้องรักษาฐานอำนาจของตนให้มั่น  ซึ่งเกี่ยวโยงกับการเลือกหัวหน้าพรรคในอนาคตอันไม่ไกลด้วย

คาดกันว่าขณะนี้มีหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคือนายโมเตงิ เลขาธิการพรรควัย 67 ปี นายคิชิดะตัดสินใจให้เขาคงอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค สมาชิกภายในพรรครายหนึ่งให้ความเห็นว่านายคิชิดะตั้งใจเก็บนายโมเตงิ ไว้ใกล้ตัว เพื่อให้อยู่ในสายตาและสามารถสกัดความเคลื่อนไหวของเขาได้ทันท่วงที

ส่วนแกนนำพรรคสำคัญอีกสองคนคือนายฮิโรคาสึ มัทสึโน(松野博一)เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายโคอิชิ ฮางิอุดะ(萩生田光一)ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์  ทั้งคู่สังกัดมุ้งของนายอาเบะ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสั่งซ้ายหันขวาหันของสมาชิกในมุ้งใหญ่นี้ นายมัทสึโนจึงยังคงรั้งตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายฮางิอุดะก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ นายคิชิดะจำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนของมุ้งใหญ่เพื่อเสริมฐานอำนาจให้มั่นคงนั่นเอง

นายฮิโรชิ โมริยามา(森山裕 )เดิมเป็นประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค มารับหน้าที่ประธานฝ่ายกิจการทั่วไป นายคิชิดะเห็นความสามารถของเขาอย่างมากในการจัดวางตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งและการวางกลยุทธ์เพื่อชัยชนะถล่มทลายมาแล้ว นายโมริยามามีความใกล้ชิดกับนายโยชิฮิเดะ สุงะ(菅義偉)อดีตนายกรัฐมนตรี และนายโทชิฮิโร นิไค(二階俊博)อดีตเลขาธิการพรรค การดึงนายโมริยามามาอยู่ในตำแหน่งประธานฝ่ายกิจการทั่วไป จึงเป็นการประสานขั้วอำนาจเดิมเพื่อเสริมความมั่นคงให้แก่รัฐบาลนายคิชิดะอีกชั้นหนึ่ง

นางยูโกะ โอบุชิ小渕優子 )วัย 49 ปี ประธานฝ่ายกิจกรรมองค์กร อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาลนายอาเบะ (2014) ซึ่งถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งภายในเวลาไม่นานในขณะนั้น มารับตำแหน่งประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแทนนายโมริยามา การดึงนางโอบุชิ ลูกสาวของนาย เคโซ โอบุชิ(小渕恵三 )(1998-2000) อดีตนายกรัฐมนตรี มารับตำแหน่งกรรมการบริหารในพรรค จึงมุ่งให้เห็นว่าได้มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารภายในพรรค แต่แหล่งข่าวในพรรคซุบซิบว่า หากให้เธอรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล ฝ่ายค้านในสภาจะขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ตอนที่เธออยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน จึงต้องกันเธอออกมาอยู่ในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค 

คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายคิชิดะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 19 คน เป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ 11 คน รัฐมนตรีหน้าเดิม 6 คน และรัฐมนตรีที่มาจากรัฐบาลก่อนๆ 2 คน

มีการแบ่งโควต้ารัฐมนตรีตามขนาดใหญ่-เล็กของแต่ละมุ้งในพรรคคือรัฐมนตรีจากมุ้งนายชินโซ อาเบะ(安倍晋三)ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดมุ้งนายทาโร อาโสะ(麻生太郎 ) (อดีตนายกรัฐมนตรี) รองหัวหน้าพรรค มุ้งละสี่คน มุ้งนายโทชิมิทสึ โมเตงิ(茂木敏充 )เลขาธิการพรรคสามคน ส่วนมุ้งของนายคิชิดะและนายโทชิฮิโร นิไค(二階俊博)อดีตเลขาธิการพรรค มุ้งละสองคนกับมุ้งของนาย ซาดะคาสึ ทานิกาคิ (谷垣禎一)หนึ่งคน ผู้ไม่สังกัดมุ้งอีกสองคน และจากพรรคโคเม(公明党)ซึ่งเป็นพรรคเล็กร่วมรัฐบาลหนึ่งคน

ที่น่าสนใจคือมีรัฐมนตรีหญิงห้าคน ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับรัฐมนตรีหญิงในรัฐบาลนายจุนอิชิโร โคอิสุมิ(小泉純一郎)(ปี 2001) และในรัฐบาลนายชินโซ อาเบะ(安倍晋三)สมัยที่สอง (ปี 2014) นับเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่ให้นักการเมืองหญิงมีส่วนร่วมเท่าที่เคยมีมา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงนโยบายเกี่ยวกับเด็ก กระทรวงการฟื้นฟู กระทรวงการพัฒนาภูมิภาค และกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แหล่งข่าวกล่าวว่าถือเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้านการเมืองของผู้หญิงญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดแข็งที่นายคิชิดะพยายามให้ความสำคัญ

มีรัฐมนตรีที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนมาแล้วมากที่สุดคือ 10 สมัย มี 2 คน, 9 สมัย 2 คน, 8 สมัย 3 คน, 7 สมัย 4 คน, 6 สมัย 2 คน, 5 สมัย 2 คน และที่น้อยที่สุดคือ 3 สมัย มี 1 คน นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีที่เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 คนจากคณะรัฐมนตรีชุดเดิม เคยอยู่ในวาระวุฒิสมาชิกมาแล้ว 5 สมัย 4 สมัย และ 2 สมัยตามลำดับ

อายุเฉลี่ยของรัฐมนตรีชุดนี้ คือ 63.5 ปี เพิ่มขึ้นจากอายุเฉลี่ยชุดที่แล้ว คือ 62.65 ปี ผู้ที่อายุมากที่สุดคือ 71 ปี มี 3 คน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและแรงงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงการฟื้นฟู และผู้ที่อายุน้อยที่สุดเป็นรัฐมนตรีหญิง อายุ 44 ปี รับผิดชอบนโยบายเกี่ยวกับเด็ก

คณะรัฐมนตรี 19 คน ประกอบด้วยผู้ที่ยังคงตำแหน่งเดิมในกระทรวงสำคัญ 6 คน คือเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีคลัง  รัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล รัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมจากพรรคเล็กร่วมรัฐบาล

เมื่อพิจารณาการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ซึ่งยังคงเป็นแกนนำหลักที่สำคัญอยู่ และการแต่งตั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่ 11 คน  มีรัฐมนตรีหญิง 5 คน นายคิชิดะมุ่งหวังให้เห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในคณะรัฐมนตรี แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการประสานขั้วอำนาจสำคัญภายในพรรคเพื่อความรู้สึกมั่นคง(安定感)ในฐานอำนาจยิ่งขึ้นนั่นเอง ไม่ได้ให้ความรู้สึกแปลกใหม่(刷新感)แต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้านย่อมวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้

นายคัทสึยะ โอคาดะ(岡田克也)เลขาธิการพรรครัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย (立憲民主党) (The Constitutional Democratic Party of Japan) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ แสดงความคิดเห็นต่อการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ว่า “ไม่ได้มีอะไรใหม่ตรงไหน แกนนำสำคัญก็ยังอยู่อย่างเดิม ทำไมต้องปรับคณะรัฐมนตรีตอนนี้ ประชาชนไม่เข้าใจที่มาที่ไป”  

เขาให้ความเห็นเกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรคว่านายฮางิอุดะ ประธานยุทธศาสตร์ ตั้งแต่รับตำแหน่งมาก็ยังไม่ได้แก้ปัญหา หรือให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่อง ‘โบสถ์แห่งความเป็นเอกภาพ’ เลย ส่วนนางโอบุชิ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ที่มีเรื่องอื้อฉาวพัวพันเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง จนถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่กลับได้รับแต่งตั้งเป็นประธานนโยบายการเลือกตั้ง ก็ยังไม่ได้เคลียร์ตัวเองให้ประชาชนได้คลายความสงสัยเลย

นายโนบุยูกิ บาบะ(馬場伸幸)หัวหน้าพรรคปฏิรูปญี่ปุ่น(日本維新の会)(Japan Innovation Party)  กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นคณะรัฐมนตรีที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมการเลือกหัวหน้าพรรคคนต่อไป ให้ความสำคัญกับการหมุนเวียนตำแหน่งให้สมาชิกแต่ละมุ้ง ไม่ได้ใช้คนให้เหมาะกับงานเลย ส่วนการที่มีรัฐมนตรีผู้หญิง 5 คน เขาให้ความเห็นว่า ถ้านายคิชิดะคิดว่าการปรับคณะรัฐมนตรีโดยให้มีผู้หญิงเพิ่มขึ้น เป็นจุดเด่น จุดแข็ง ก็เป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก การใช้คนให้เหมาะกับงานไม่เกี่ยวกับเพศชายหรือหญิงเลย

นายยูอิชิโร ทามาคิ(玉木雄一郎)หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน(国民民主党)(National Democratic Party) ให้ความเห็นว่า จำเป็นต้องมีคณะรัฐมนตรีที่ทำให้นโยบายการขึ้นค่าแรงสัมฤทธิ์ผล ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สุดเนื่องจากมีผลต่อเศรษฐกิจและสังคม

นายอาคิระ โคอิเคะ(小池晃)หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น(日本共産党)(Japanese Communist Party)  กล่าวว่า ปัญหาสำคัญต่างๆ ที่กระทบกับประชาชนโดยตรงยังไม่ได้รับการแก้ไข สมควรต้องปรับเปลี่ยนนโยบายที่ไม่ได้ผล สิ่งที่สำคัญกว่าการปรับคณะรัฐมนตรีคือการปรับเปลี่ยนนโยบายการเมือง      

ฝ่ายค้านแต่ละพรรคจะวิพากษ์วิจารณ์คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้อย่างไรก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่เราจะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วการประสานสิบทิศ และแบ่งโควต้าตาม ‘มุ้ง’(派閥)ให้ลงตัวเพื่อรักษาฐานอำนาจให้มั่นคง เป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่สำคัญของญี่ปุ่นต่างหาก

MOST READ

World

1 Oct 2018

แหวกม่านวัฒนธรรม ส่องสถานภาพสตรีในสังคมอินเดีย

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก สำรวจที่มาที่ไปของ ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ในอินเดีย ที่ได้รับอิทธิพลสำคัญมาจากมหากาพย์อันเลื่องชื่อ พร้อมฉายภาพปัจจุบันที่ภาวะดังกล่าวเริ่มสั่นคลอน โดยมีหมุดหมายสำคัญจากการที่ อินทิรา คานธี ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

1 Oct 2018

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save