อินโดนีเซียท่ามกลางการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์และการห้ำหั่นกันในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และมีประชากรเกือบ 280 ล้านคนซึ่งมากเป็นอันดับสี่ของโลก นอกจากนี้ ที่ตั้งของอินโดนีเซียยังอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ทำให้อินโดนีเซียเนื้อหอมเป็นประเทศที่ใครก็อยากเป็นพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน

ตั้งแต่เป็นประเทศเอกราช อินโดนีเซียดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เรียกว่า ‘เสรีและกระตือรือร้น’ (Bebas dan Aktif) มาโดยตลอด ทว่าการแข่งขันกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนทำให้อินโดนีเซียอยู่ในสภาวะล่อแหลม เป็นเวลาหลายทศวรรษที่อินโดนีเซียพยายามดำเนินความสัมพันธ์กับทั้งสองประเทศให้เป็นไปด้วยความราบรื่น อินโดนีเซียรับการลงทุนและความช่วยเหลือจากทั้งสองประเทศ รวมถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น การค้า การศึกษา และเทคโนโลยี

ปกติแล้วอินโดนีเซียพยายามวางตัวเป็นกลางในข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลนั้น แม้อินโดนีเซียจะเผชิญความท้าทายกับจีนในน่านน้ำใกล้หมู่เกาะนาทูนา (Natuna) ก็ตาม การแข่งขันทางกลยุทธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทำให้เกิดพลวัตใหม่ 

แนวทางเชิงรุกของจีน คือใช้การฝึกซ้อมทางทหารเป็นเครื่องมือดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาค จีนตั้งเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการฝึกซ้อมรบดังกล่าว เพื่อตอบโต้การขยายกำลังทหารของสหรัฐอเมริกาผ่านการร่วมฝึกซ้อมทางทหารกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ยุทธศาสตร์ดังกล่าวของจีนครอบคลุมประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ซึ่งแต่ละประเทศมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคในวงกว้างของจีน ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียจะร่วมฝึกซ้อมทางทหารกับสหรัฐอเมริกาในโครงการชื่อ Garuda Shield แต่อินโดนีเซียยังคงยืนยันจุดยืนที่ปฏิเสธการเป็นพันธมิตรทางการทหารที่เป็นทางการใดๆ อย่างต่อเนื่อง และอินโดนีเซียพยายามดำเนินนโยบายกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตกับต่างประเทศผ่านองค์กรต่างๆ เช่น อาเซียน


มุมมองอินโดนีเซีย อาเซียน และความตึงเครียดในภูมิภาค 


อินโดนีเซียกังวลต่อการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงกำลังทหารที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคด้วย ในฐานะหนึ่งในประเทศแกนหลักของอาเซียน อินโดนีเซียให้ความสำคัญกับการรักษาความเป็นกลางของกลุ่มอาเซียนในด้านความมั่นคงภายในภูมิภาค และการที่ภูมิภาคนี้ยังคงความเป็นอิสระจากการถูกครอบงำโดยอำนาจภายนอก

ในขณะเดียวกัน อินโดนีเซียให้ความสำคัญกับหลักการของอาเซียนด้านการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นและระงับข้อพิพาทอย่างสันติ โดยอินโดนีเซียเลือก ‘ความร่วมมือในอินโด-แปซิฟิก’ มากกว่า ‘การแข่งขันในอินโด-แปซิฟิก’ เป็นแนวทางหลักที่ใช้เพื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคที่กำลังดำเนินอยู่ ดังจะเห็นได้ว่าอินโดนีเซียพยายามส่งเสริมบทบาทของอาเซียนในฐานะองค์กรภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เน้นการไม่แบ่งแยก รวมถึงเน้นความร่วมมือและเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางการแข่งขันของมหาอำนาจ

พลวัตด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิกที่เปลี่ยนแปลงจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนทำให้อินโดนีเซียเผชิญกับความท้าทาย นอกเหนือจากการพยายามรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับมหาอำนาจทั้งสองแล้ว อินโดนีเซียยังตั้งเป้าที่จะรักษาความเป็นกลางและความสามัคคีของอาเซียนท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ให้อาเซียนเป็นเอกภาพและเหนียวแน่นสามารถมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

ความตึงเครียดและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตอกย้ำถึงความจำเป็นของประเทศกลุ่มอาเซียนที่ต้องพัฒนามุมมองของอาเซียนต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรอบการทำงานนี้ส่งเสริมการเจรจาและความร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน อย่างไรก็ตามการเกิดขึ้นของกรอบการทำงานตามวิสัยทัศน์อาเซียนร่วมกันก็ถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากความแตกต่างในมุมมองและผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ รวมถึงแรงกดดันจากชาติมหาอำนาจ กล่าวคือในขณะที่จีนเพิ่มการซ้อมรบร่วมกับประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐอเมริกาก็เพิ่มบทบาทของกองทัพในเอเชียแปซิฟิก 

การแข่งขันเชิงกลยุทธ์ของทั้งสองขั้วมหาอำนาจมีความเป็นไปได้ที่จะแบ่งแยกภูมิภาค และในที่สุดประเทศต่างๆ ในอาเซียนก็จะถูกบีบให้ต้องเลือกข้างข้างใดข้างหนึ่ง จึงเป็นโจทย์สำคัญของอาเซียนในการรักษาความเป็นกลางและสันติภาพดังที่ยึดถือมายาวนาน


ความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับสหรัฐอเมริกา


สหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 1949 จริงๆ แล้วสหรัฐอเมริกามีบทบาทต่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชของอินโดนีเซียมาก่อนหน้านั้น กล่าวคือกดดันเนเธอร์แลนด์ให้ถอนตัวออกจากอินโดนีเซีย ในช่วงสงครามเย็นสหรัฐอเมริกาสนับสนุนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสกัดกั้นการเผยแพร่และขยายตัวของอิทธิพลคอมมิวนิสต์ ในช่วงแรกของประธานาธิบดีซูการ์โน (Sukarno) อินโดนีเซียพยายามดำเนินนโยบายเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และไม่ต้องการให้ชาติใดมาครอบงำอินโดนีเซีย แต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 ผู้นำอินโดนีเซียมีความใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซียและประเทศค่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์มากขึ้น 

หลังเกิดโศกนาฏกรรมทางการเมืองในอินโดนีเซีย กล่าวคือเหตุการณ์พยายามก่อรัฐประหารแต่ล้มเหลว หรือที่รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์เกสตาปู (Gestapu) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 1965 พรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซียถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เกสตาปู ต่อมาซูฮาร์โต (Suharto) ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศแทนที่ซูการ์โน อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียที่สนับสนุนและเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซียภายใต้รัฐบาลยุคระเบียบใหม่รับความช่วยเหลือและเงินลงทุนมหาศาลจากสหรัฐอเมริกา บรรดาเทคโนแครตในอินโดนีเซียส่วนใหญ่จบการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา และนำเอารูปแบบการพัฒนาด้านต่างๆ จากสหรัฐอเมริกามาใช้กับอินโดนีเซีย 

หลังยุคระเบียบใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศไม่ได้แนบแน่นดังเช่นในยุคก่อนหน้า แต่ยังถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายต้นทศวรรษ 2000 ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกามีผลประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคงในอินโดนีเซียจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซียที่มีเส้นทางการค้าโลกหลายเส้นพาดผ่าน ความร่วมมือด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศยังคงดำเนินจนถึงทุกวันนี้ อินโดนีเซียซื้ออุปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ และมีการร่วมฝึกซ้อมทางทหารภายใต้โครงการ Garuda Shield 


ความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับจีน 


ความสัมพันธ์ของจีนและอินโดนีเซียเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 เมษายน 1950 หลังอินโดนีเซียได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ ด้วยบริบทโลกยุคสงครามเย็นจึงมีกลุ่มประเทศที่พยายามยืนยันความเป็นกลาง ซึ่งอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทแข็งขันและจัดการประชุมกลุ่มประเทศเอเชีย-แอฟริการะหว่างวันที่ 18-25 เมษายน 1955 ที่เมืองบันดุง เมืองเอกของจังหวัดชวาตะวันตก โดยที่โจวเอิน ไหล (Zhou Enlai) นายกรัฐมนตรีจีนก็เข้าร่วมประชุม และทั้งสองประเทศยังเป็นพันธมิตรในการก่อตั้งกลุ่มประเทศ New Emerging Forces (NEFO) ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ด้วย

ทั้งสองประเทศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1967 หลังเกิดเหตุการณ์เกสตาปูที่นำไปสู่การเข่นฆ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อินโดนีเซียและผู้สนับสนุนจำนวนมาก ชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนตกเป็นเป้าของการสังหารเพราะถูกเชื่อมโยงกับความเป็นคอมมิวนิสต์ เมื่อซูฮาร์โตขึ้นมามีอำนาจและดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ก็มีการดำเนินโยบายกดทับความเป็นจีน ทำให้อัตลักษณ์ต่างๆ ที่แสดงออกถึงความเป็นจีนถูกห้ามในยุคระเบียบใหม่

ทั้งสองประเทศกลับมาดีกันปลายทศวรรษ 1980 เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนเฉียนฉีเชิน (Qian Qichen) ได้พบกับประธานาธิบดีซูฮาร์โตเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1989 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือเรื่องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต และได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1990 

ปี 1996 จีนได้กลายเป็นประเทศคู่เจรจาของอาเซียนอย่างเป็นทางการ และหลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียนในปี 1997 อินโดนีเซียได้รับความช่วยเหลือจากจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ต่อมาในปี 1999 ประธานาธิบดีอับดูร์ระห์มาน วาฮิด (Abdurrahman Wahid) เดินทางไปเยือนจีน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เขาเดินทางไปเยือนหลังจากเข้ารับตำแหน่ง การเดินทางไปเยือนจีนครั้งดังกล่าวส่งผลให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศแนบแน่นขึ้น จีนให้ความช่วยเหลือทางการเงินและเงินกู้ รวมถึงความร่วมมือทางการเงิน การท่องเที่ยว และการค้าขายในภาคพลังงาน

ต่อมาในปี 2017 จีนส่งหมีแพนด้าหนึ่งคู่ให้อินโดนีเซียเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ การที่อินโดนีเซียและจีนรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต ประกอบกับพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จีนกลายเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย และเป็นตลาดส่งออกสินค้าอินโดนีเซียที่ใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน 

ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสองสมัย (2014-2024) โจโก วีโดโด (Joko Widodo) เดินทางไปเยือนจีนเพื่อพบปะผู้นำจีนถึง 8 ครั้ง และทั้งสองประเทศประสานแนวคิดเรื่องแกนการเดินเรือโลกของอินโดนีเซียกับเส้นทางสายไหมทางทะเลของจีน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จีนเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่อินโดนีเซีย 

ความโดดเด่นในความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียและจีนในปัจจุบันคือด้านการค้าและการลงทุน จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย และยังเป็นประเทศผู้ลงทุนที่สำคัญอีกด้วย จีนสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางหรือโครงการรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง อย่างไรก็ตาม การลงทุนจากจีนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่านำมาซึ่งปัญหาด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ทั้งสองประเทศยังมีประเด็นเรื่องทะเลจีนใต้ที่ทั้งจีนและอินโดนีเซียต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์พื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้


แนวโน้มทิศทางท่าทีของอินโดนีเซียภายใต้ประธานาธิบดีปราโบโวซูเบียนโต


ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม ปี 2024 ซึ่งมีความท้าทายรอคอยเขาอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือบทบาทของอินโดนีเซียในเวทีการเมืองระหว่างประเทศซึ่งรวมสงครามการค้าและการขยายอำนาจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน

ในปี 2019 ปราโบโวเคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและพ่ายแพ้ให้แก่โจโกวี ในการหาเสียงปีนั้น เขาวิพากษ์วิจารณ์โจโกวีเรื่องความสัมพันธ์กับจีน และโจมตีว่าแรงงานจากจีนทะลักและเข้ามาแย่งงานชาวอินโดนีเซีย แต่ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 ครั้งล่าสุดซึ่งเขาเป็นผู้กุมชัยชนะ เขากล่าวว่าอินโดนีเซียจะเป็นมิตรกับทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน 

สำหรับอินโดนีเซีย ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจีนจะเป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุด ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็เป็นที่พึ่งพาด้านการทหารและความมั่นคง แต่หากอินโดนีเซียถูกบีบให้จำเป็นต้องเลือกข้าง มีความเป็นไปได้ว่าอินโดนีเซียจะเลือกเอนเอียงไปทางจีนมากกว่าสหรัฐอเมริกา แม้ว่าความรู้สึกต่อต้านชาวจีนในกลุ่มคนพื้นเมืองอินโดนีเซียบางส่วนยังคงรุนแรงอยู่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอยากจะเชื่อว่าว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 8 ของอินโดนีเซียจะสืบทอดนโยบายต่างประเทศเสรีและกระตือรือร้น รวมถึงดำรงความเป็นกลางเฉกเช่นที่อินโดนีเซียกล่าวอ้างว่ายึดถือมาตลอดตั้งแต่เป็นเอกราช แต่ความจริงแล้ว ทั้งในยุคซูการ์โนและซูฮาร์โต อินโดนีเซียก็เลือกข้างอย่างชัดเจนแม้จะพยายามยืนยันว่าจุดยืนเป็นกลาง เพิ่งจะหลังยุคระเบียบใหม่และหลังสงครามเย็นที่อินโดนีเซียพยายามคงความเป็นกลางและถ่วงดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ การแข่งขันกันของสองมหาอำนาจจะทวีความรุนแรงจนผลักให้อินโดนีเซียต้องเลือกข้าง หรือจะมีทางเลือกที่สามหรือสี่ เช่น ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น

หรืออินโดนีเซียจะผลักดันให้อาเซียนลุกขึ้นมาเข้มแข็งเพื่อคานอำนาจและต่อรองกับประเทศมหาอำนาจในฐานะองค์กรของภูมิภาค เราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป 


ข้อมูลประกอบการเขียน


Azimy, Ahmad Azhar. “Posisi Indonesia dalam Pertarungan Amerika Serikat vs Cina.” Retizen, 22 November 2021, https://retizen.republika.co.id/posts/16803/posisi-indonesia-dalam-pertarungan-amerika-serikat-vs-cina 

Mirati T. V, Benedikta. “Sejarah Panjang Hubungan Diplomatik Indonesia dan AS.” Liputan6, 7 November 2019, https://www.liputan6.com/global/read/4105469/sejarah-panjang-hubungan-diplomatik-indonesia-dan-as?page=2 

Prasetyo, Andreas (ed.). “Hanya Soeharto Satu-satunya Presiden Indonesia yang Berani Putuskan Hubungan Diplomatik dengan China.” TribunJambi, 10 June 2020, https://jambi.tribunnews.com/2020/06/10/hanya-soeharto-satu-satunya-presiden-indonesia-yang-berani-putuskan-hubungan-diplomatik-dengan-china 

Sembiring, Lidya Julita. “Meneropong Hubungan Ekonomi Indonesia-China Jika Prabowo Jadi RI-1.” CNN Indonesia, 4 April 2024, https://www.cnnindonesia.com/ekonomi/20240404072219-532-1082607/meneropong-hubungan-ekonomi-indonesia-china-jika-prabowo-jadi-ri-1 

Tuyen, Tran Thi Mong. “France offers SE Asia an often forgotten third way choice.” Asia Times, 9 September 2024, https://asiatimes.com/2024/09/france-offers-se-asia-an-often-forgotten-third-way-choice/?fbclid=IwY2xjawFNO_ZleHRuA2FlbQIxMQABHY7nqk7GHDeB6ShHahiDzya0eqb8G9PmOJVXhO09Vp2NUsz2vREyvaybRQ_aem_HbUYjLbu1N8A_DJ9gEvTyQ 

Utama, Virdika Rizky. “Peran Indonesia di Tengah Persaingan AS-China di Asia-Pasifik.” Kompas, 5 June 2023, https://www.kompas.com/global/read/2023/06/05/161137670/peran-indonesia-di-tengah-persaingan-as-china-di-asia-pasifik?page=all 

Utami, Rini. “Hubungan Indonesia-Tiongkok: dari Soekarno hingga Jokowi.” Antaranews, 13 April 2015, https://www.antaranews.com/berita/490460/hubungan-indonesia-tiongkok-dari-soekarno-hingga-jokowi 

MOST READ

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

17 Jul 2020

ร่วมรากแต่ขัดแย้ง ความบาดหมางระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

อรอนงค์ ทิพย์พิมล เขียนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ทั้งสองประเทศมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกันหลายอย่าง จนนำไปสู่ความขัดแย้งในการช่วงชิงความเป็นเจ้าของภาษาและวัฒนธรรมมลายู

อรอนงค์ ทิพย์พิมล

17 Jul 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save