ประชาคมอาเซียนในปี 2025

ปี 2025 จะเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญสำหรับประชาคมอาเซียน เพราะนอกจากจะเป็นวาระที่อาเซียนจะประกาศเริ่มต้นวิสัยทัศน์อาเซียน 2045 แล้ว อาเซียนยังต้องกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนประชาคมของประชากรมากกว่า 700 ล้านคนใน 10 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีก 20 ปีข้างหน้าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ขัดแย้ง ที่ห้ำหั่นกันด้วยเครื่องมือทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่รุนแรงและไม่แน่นอนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

ในบทความนี้ผู้เขียนจะสำรวจเส้นเวลา ณ ห้วงเวลาต่างๆ ตลอดทั้งปี 2025 ว่าประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนจะต้องคิด วิเคราะห์ และวางแผนกับเหตุการณ์ใดบ้าง

1 มกราคม 2025 มาเลเซียเริ่มต้นการเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ ธีมหลักของการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนภายใต้การเป็นเจ้าภาพของมาเลเซียคือ “Inclusivity and Sustainability” (รวมทุกกลุ่มคนและความยั่งยืน) โดยมีสัญลักษณ์ของการประชุมที่พัฒนาขึ้นจากดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซียและเป็นดอกไม้ที่พบได้ทั้งใน 10 ประเทศอาเซียน นั่นคือ ดอกชบา ที่มีกระเปาะเกสรตัวผู้ (อับละอองเรณู) 6 จุด อันแสดงถึงค่านิยมหลัก 6 ประการของสังคมอาเซียนอันได้แก่ ความยั่งยืน (Sustainability) การใส่ใจดูแลและความเห็นอกเห็นใจ (Care and Compassion) ความเคารพ (Respect) นวัตกรรม (Innovation) ความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity) และ ความไว้วางใจ (Trust) โดยทั้ง 5 กลีบของดอกชบาจะบิดตัวเข้าหากันเพื่อแสดงออกถึงรวมทุกกลุ่มคนเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง (Inclusivity) เพื่อให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ของประชาคมที่มีอาเซียนเป็นจุดศูนย์กลาง โดยมีสัญลักษณ์อาเซียนอยู่ในใจกลางของดอกชบา

18-19 มกราคม 2025 การประชุมอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอาเซียนจะเกิดขึ้นบนเกาะลังกาวี เพื่อกำหนดวาระสำคัญที่ประเทศสมาชิกจะต้องพิจารณาตลอดทั้งปี 2025 ซึ่งคาดการณ์ว่าเรื่องที่จะต้องถูกนำมาถกแถลงกันมากที่สุดในกลุ่มรัฐมนตรีก็คือ การรับประเทศติมอร์-เลสเต เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องกำหนดเส้นเวลาอย่างชัดเจน รวมทั้งการให้แต้มต่อกับประเด็นต่างๆ ที่ติมอร์ฯ ยังอาจจะไม่สามารถทำตามเงื่อนไขต่างๆ ทั้งหมดของการเป็นสมาชิกอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ ปัจจุบันมีข้อตกลงที่เกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ 220 ฉบับ แต่ติมอร์ฯ มีความพร้อมในการบังคับใช้หากเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ได้เพียงแค่ 66 ฉบับเท่านั้น ในขณะที่ข้อตกลงที่เหลือ ติมอร์ฯ แจ้งว่าอาจจะบังคับใช้ได้ในอีก 6-8 ปีข้างหน้า แต่อย่างไรเสีย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรของติมอร์ฯ ท่ามกลางความพยายามของการแทรกแซงกิจการภายในของติมอร์ฯ และอาเซียนในกระแสความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์จากมหาอำนาจภายนอก ประเด็นการนำติมอร์ฯ เข้าเป็นประเทศสมาชิกก็คงจะถูกถกแถลงต่อรองกันอย่างน่าสนใจและต้องติดตาม

22 มกราคม 2025 ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในประชาคมอาเซียนที่อนุญาตให้มีการสมรสในระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา นั่นคือในวันที่ 22 มกราคม 2025 นี่จะเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญที่แสดงว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างยิ่งในประเด็นสิทธิพลเมือง ความเท่าเทียมกัน และการยอมรับความแตกต่างในมิติเพศสภาวะและเพศวิถี ซึ่งนับว่ามีความก้าวล้ำอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน ที่ในหลายพื้นที่การมีเพศสภาวะและเพศวิถีที่แตกต่างจากเพศกำเนิดยังเป็นเรื่องที่ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกายและถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

1 กุมภาพันธ์ 2025 การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (State of Emergency) ของคณะ State Administration Council (SAC) ที่ต่ออายุมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 จะครบกำหนด หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า Myint Swe ประธานาธิบดีในกำกับของพลเอกอาวุโส มิน อ่องหล่าย อาจจะไม่ลงนามในการต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือน เพราะตามรัฐธรรมนูญของเมียนมากำหนดเอาไว้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะต้องเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนหลังการสิ้นสุดของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนั่นหมายถึง เมียนมากำลังจะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เนี่องจากในช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา ทางการเมียนมาได้รับเงินสนับสนุนจากจีนเพื่อทำการสำรวจสำมะโนประชากรปูทางไปสู่การเลือกตั้ง แน่นอนว่ากฎกติกาการเลือกตั้งที่มีการแก้ไขไปก่อนหน้านี้จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเสมือนการหาทางลงให้กับผู้นำเผด็จการทหาร มิน อ่องหล่าย ผ่านการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม แต่อย่างน้อยเชื่อว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนหนึ่งที่อ่อนล้าจากภาวะสงครามก็จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งซึ่งจะยังคงเปิดช่องให้กองทัพยังมีอำนาจในการควบคุมการทำงานของรัฐบาล และรัฐสภาได้ในบางระดับต่อไป โดยคาดว่าจะมีการประกาศการเลือกตั้งในช่วงเดือนตุลาคม 2025

5-7 พฤษภาคม 2025 การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจะเกิดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยนอกจากประเด็นเรื่องติมอร์ฯ ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว สิ่งที่ต้องจับตามองมากที่สุดในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 46 คือ การประกาศวิสัยทัศน์อาเซียน 2045

“Resilient, Innovative, Dynamic and People-Centered ASEAN” (ประชาคมอาเซียนที่มีความยืดหยุ่นยั่งยืน สร้างสรรค์นวัตกรรม มีพลวัต และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง) คือธีมหลักของการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนตลอด 20 ปีจากปี 2025-2045 ซึ่งนี่ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่มีกรอบระยะเวลายาวนานที่สุดเท่าที่อาเซียนเคยประกาศมา (ที่ผ่านมากรอบวิสัยทัศน์จะครอบคลุมกรอบระยะเวลา 10 ปี) วิสัยทัศน์อาเซียน 2045 ถูกเริ่มต้นวางกรอบคิดบนโจทย์ที่ต้องการสร้างประชาคมอาเซียนที่พร้อมรับกับอนาคต มีความกระฉับกระเฉงและคล่องตัว (Nimble and Agile) ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในมิติภูมิรัฐศาสตร์จากระเบียบโลกขั้วเดียวไปสู่โลกที่มีความไร้ระเบียบจากมหาอำนาจหลายขั้ว โดยเน้นที่อาเซียนต้องมีความยั่งยืน เดินหน้าการบูรณาการทางเศรษฐกิจ การพัฒนาประชากรอาเซียนควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ

และนี่คือวิสัยทัศน์ที่จะไม่ได้ตามมาด้วยแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ที่กำหนดโครงการและสิ่งที่ต้องดำเนินการในแต่ละช่วงเวลา ดังที่เคยเป็นมา หากแต่ภายใต้วิสัยทัศน์อาเซียน 2045 จะประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนอาเซียนในมิติเป้าหมายต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (เศรษฐกิจมหาสมุทร) เศรษฐกิจสีเขียว (การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม) เศรษฐกิจดิจิทัล ฯลฯ ที่จะให้เสรีภาพและความยืดหยุ่นในการปรับตัวในการดำเนินแผนงานและโครงการต่างๆ มากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น

อีกประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกจับตาจากการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะเกิดขึ้น นั่นคือประเด็นเมียนมา ที่นับวันสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมาก็จะส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านอาเซียนมากยิ่งขึ้น ทั้งในมิติความมั่นคง การล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตย การลักลอบค้าอาวุธ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ผลกระทบในมิติเศรษฐกิจ และที่เลวร้ายที่สุดคือมิติสังคม ที่ประชาชนเมียนมาจำนวนมากกลายเป็นผู้พลัดถิ่นทั้งภายในและระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับที่การแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมาจากมหาอำนาจภายนอกอาเซียนก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

12 พฤษภาคม 2025 เลือกตั้งกลางเทอมของประเทศฟิลิปปินส์ ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างประธานาธิบดี Ferdinand “Bongbong” Marcos Jr. และรองประธานาธิบดี Sara Duterte ที่ถึงขนาดกล่าวหาว่าอีกฝ่ายวางแผนลอบสังหารซึ่งกันและกัน ประชาชนฟิลิปปินส์กลับกลายเป็นผู้รับเคราะห์กรรมที่น่าสงสารมากที่สุด เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ผลได้จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับไม่ได้กระจายตัวไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ เพราะเศรษฐกิจและการเมืองฟิลิปปินส์คือสภาวะของความผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์เอาไว้เพียงกับบุคคลจากไม่กี่ครอบครัว ประชาชนฟิลิปปินส์ยังคงมีชีวิตที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ผู้คนในเมืองใหญ่จำนวนหนึ่งมีชีวิตรอดจากอาหารที่ค้นหาเอาจากกองขยะ ใช้ชีวิตในสลัมที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง ไม่มีระบบสาธารณสุขและไม่มีสวัสดิการ สภาวะแวดล้อมเสื่อมโทรม และค่าครองชีพก็แพงมหาศาล โดยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอและขาดการบำรุงรักษา ประชาชนที่มีศักยภาพสูงจำนวนมากต้องการออกไปทำงานและอาศัยอยู่ในต่างประเทศ และไม่ต้องการกลับมาที่บ้านเกิดของตนเองอีกต่อไป ประเทศไทยเองก็คงต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ความล้มเหลวของฟิลิปปินส์

23 พฤศจิกายน 2025 หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง วันนี้จะเป็นกำหนดวันสุดท้ายตามรัฐธรรมนูญสิงคโปร์ที่จะต้องประกาศให้ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง ตรงกันข้ามกับฟิลิปปินส์ แม้การเมืองสิงคโปร์จะถูกผูกขาดโดยพรรคเดียว แต่ด้วยระบบธรรมาภิบาล การบริหารจัดการรัฐที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ กฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ และการปราบปรามคอร์รัปชันที่จริงจัง สิงคโปร์คือประเทศที่อาจจะมีการเมืองค่อนไปทางอำนาจนิยม แต่กลับเป็นที่ยอมรับจากระดับนานาชาติ เศรษฐกิจที่อาจจะอิ่มตัวไม่ได้มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงเหมือนประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แต่กลับสามารถกระจายผลประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับไม่สูงมากนี้ไปสู่ประชาชนทุกกลุ่มให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือทางสองแพร่งที่ประเทศไทยต้องจับตาในสถานการณ์ที่ไทยต้องการการปฏิรูปทางการเมืองอย่างที่สุด

พฤศจิกายน 2025 แม้จะยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่อย่างชัดเจน แต่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 47 และการประชุมสำคัญ ๆ กับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน การประชุมสุดยอดอาเซียน +3 และ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ก็จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ผู้นำมือเก๋าอย่างนายกรัฐมนตรี Anwar Ibrahim ซึ่งอยู่ในวงการการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 น่าจะแสดงบทบาทได้อย่างน่าสนใจในเกมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน สงครามในตะวันออกกลางที่มาเลเซียสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์และต่อต้านความรุนแรงที่กระทำโดยรัฐอิสราเอล​ รวมทั้งอีกหนึ่งกรอบการประชุมใหม่ที่นายกรัฐมนตรี Anwar ได้ประกาศเอาไว้ นั่นคือการประชุมสุดยอดระหว่างอาเซียน-จีน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือ Gulf Cooperation Council (GCC) ซึ่งประกอบไปด้วยซาอุดิอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน เพราะนี่คือความพยายามของมาเลเซียในการเป็นสะพานให้เกิดความร่วมมือกรอบใหม่ระหว่างประเทศในกลุ่ม Global South ที่จะเชื่อมโลกมุสลิมเข้ากับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีจีนเป็นอีกหนึ่งพันธมิตร

MOST READ

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

17 Jul 2020

ร่วมรากแต่ขัดแย้ง ความบาดหมางระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

อรอนงค์ ทิพย์พิมล เขียนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ทั้งสองประเทศมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกันหลายอย่าง จนนำไปสู่ความขัดแย้งในการช่วงชิงความเป็นเจ้าของภาษาและวัฒนธรรมมลายู

อรอนงค์ ทิพย์พิมล

17 Jul 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save