ร่องรอยคนอาเจะห์ในปีนัง

ในภาคการศึกษานี้ ผู้เขียนเปิดรายวิชาใหม่ชื่อว่าประวัติศาสตร์อินโดนีเซียร่วมสมัย โดยปกติแล้ววิชาที่ผู้เขียนรับผิดชอบจะจัดทัศนศึกษาให้นักศึกษาได้เรียนรู้นอกห้องเรียนและเปิดประสบการณ์แปลกๆ ใหม่ๆ ภาคการศึกษานี้ผู้เขียนจึงพานักศึกษาเกือบ 30 ชีวิตไปทัศนศึกษาที่เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย อ่านถึงตรงนี้อาจจะมีผู้อ่านบางท่านเอ๊ะขึ้นมาว่าทำไมวิชาประวัติศาสตร์อินโดนีเซียถึงพานักศึกษาไปปีนังล่ะ บทความนี้ผู้เขียนมีคำตอบให้

ปีนังเป็นหนึ่งในรัฐของมาเลเซีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซียตามแนวช่องแคบมะกะกา รัฐปีนังมีสองส่วน กล่าวคือส่วนที่เป็นเกาะปีนังอันมีเมืองหลวงคือจอร์จทาวน์ และส่วนเซอเบอรัง เปอไร (Seberang Perai) บนคาบสมุทร ทั้งสองส่วนถูกเชื่อมด้วยกันด้วยสะพานสองแห่ง ทั้งนี้ ปีนังมีพรมแดนทางทิศเหนือและตะวันออกติดกับรัฐเคดะห์ ส่วนทางทิศใต้ติดกับรัฐเปรัค

ปีนังในภาษามลายูแปลว่าหมาก เอกสารของสยามเรียกปีนังว่าเกาะหมาก ผู้บุกเบิกเกาะปีนังคือกัปตันฟรานซิส ไลท์ (Francis Light) ของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ เขาขอเช่าเกาะปีนังจากสุลต่านรัฐเคดะห์ (เจ้าเมืองไทรบุรี) เมื่อปี 1786 และได้ตั้งชื่อเกาะใหม่ว่า เกาะพริ้นซ์ ออฟ เวลส์ (Prince of Wales Island) เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายแห่งเวลส์ของอังกฤษ ฟรานซิสพัฒนาเกาะปีนังจากเกาะร้างจนกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า โดยได้รับความร่วมมือจากพ่อค้ากลุ่มต่างๆ ทั้งพ่อค้าจีน พ่อค้าในคาบสมุทรมลายู และพ่อค้าจากสุมาตรา 

เมืองจอร์จทาวน์ตั้งตามชื่อของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 (King George III) เมืองนี้ถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2008 เนื่องจากมีภูมิสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมหลากหลาย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนจำนวนมากไปเยือน เกาะปีนังมีความหลากหลายของประชากร คนจีนฮกเกี้ยนเป็นประชากรส่วนใหญ่ และยังมีชาวมลายู จีนกลุ่มอื่น อินเดีย พม่า ไทย รวมถึงชาวอาเจะห์ 

อาเจะห์มีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์กับปีนังมายาวนานตั้งแต่ยุคอาณานิคม ระยะทางจากอาเจะห์ไปปีนังคือ 405 กิโลมเมตร หากนั่งเครื่องบินจะใช้เวลาราว 45 นาที หากนั่งเรือจะใช้เวลาราว 12-16 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพทะเลและชนิดของเรือ ด้วยระยะทางที่ใกล้และเดินทางสะดวกทำให้มีชาวอาเจะห์ไปปีนังจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตทางสังคมและการเมืองในอาเจะห์ เช่น ช่วงที่เกิดสงครามระหว่างฮอลันดากับอาเจะห์ (1873-1904) หรือช่วงที่เกิดการสู้รบระหว่างขบวนการอาเจะห์เอกราช (Gerakan Aceh Merdeka) กับกองทัพอินโดนีเซียตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1970 จนถึงช่วงต้นทศวรรษ 2000 การอพยพหนีภัยสงครามและความขัดแย้งจากอาเจะห์ไปปีนังมีเป็นระลอกๆ 

อาเจะห์เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชสมัยของสุลต่านอิสกันดาร์ มูดา (Sultan Iskandar Muda) ซึ่งครองราชย์เมื่อปี 1607-1636 ช่วงเวลานั้นอำนาจของอาเจะห์แผ่ขยายถึงชายฝั่งตะวันตกของมินังกาเบา ทางตะวันออกของสุมาตรา ไปจนถุงรัฐเปรัก บนคาบสมุทรมาเลเซีย บันทึกทางประวัติศาสตร์ของอาเจะห์ระบุว่าปีนังเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาเจะห์ แต่เนื่องจากสงครามระหว่างดัตช์กับอาเจะห์ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 รัฐสุลต่านอาเจะห์จำต้องยอมสละดินแดนในเมืองเกดะห์และเกาะปีนังให้แก่อังกฤษ

ขณะที่รัฐไทยมีมุมมองว่าเคดะห์หรือไทรบุรีเคยอยู่ใต้อำนาจของสยาม และเมื่อฟรานซิสขอเช่าเกาะปีนังจากสุลต่านเคดะห์ สยามจึงตอบโต้ด้วยการยกทัพไปตีเคดะห์ ต่อมาอังกฤษและสยามลงนามในสนธิสัญญาแองโกล-สยามปี 1909 ส่งผลให้รัฐเคดะห์อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษแบบเต็มตัว เรื่องนี้จึงกลายเป็นส่วนของวาทกรรมเสียดินแดน ’14 ครั้ง’ ของรัฐไทย โดยมีการระบุว่าการเสียปีนังหรือเกาะหมากในสมัยรัชกาลที่หนึ่งเป็นการเสียดินแดนครั้งแรกของไทย 


คนอาเจะห์นิยมไปหาหมอที่ปีนัง


“ถ้าป่วย ไปปีนัง” ประโยคนี้เป็นที่นิยมและได้ยินบ่อยครั้งในหมู่ชาวอาเจะห์ นับเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนอาเจะห์เลือกเกาะปีนังเป็นที่แรกสำหรับการรักษาพยาบาล

คนจากอินโดนีเซียที่รับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลในปีนังมีที่มาหลากหลาย ทั้งจากอาเจะห์ เมดาน กาลิมันตัน และเปอกันบารู ในจำนวนคนไข้จากอินโดนีเซียทั้งหมด ราว 30 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวอาเจะห์ เหตุผลที่ชาวอาเจะห์นิยมไปโรงพยาบาลในปีนังมีหลากหลาย ประการแรกคือความก้าวหน้าและทันสมัยด้านการรักษา ประการที่สองคือปีนังอยู่ใกล้กับอาเจะห์ มากกว่าระยะทางระหว่างอาเจะห์กับจาการ์ตาหรือสิงค์โปร์ ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลในปีนังถูกกว่าสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีเหตุผลทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก และความผูกพันทางประวัติศาสตร์

ต้นคริสต์ทศวรรษ 1900 มีการรวมตัวของพ่อค้าชาวอาเจะห์ภายใต้ชื่อ Atjeh Traders Association ที่ปีนัง สมาคมนี้บริจาคทองราว 8.2 กิโลกรัมเพื่อสร้างโรงพยาบาลลัมวะฮ์อี (Lam Wah Ee) บนเกาะปีนัง และบริจาคต่อเนื่องโดยตลอด จนได้รับการจารึกชื่อบนบอร์ดผู้บริจาคสร้างโรงพยาบาลในลำดับที่หนึ่ง โรงพยาบาลลัมวะฮ์อีก่อตั้งขึ้นในปี 1883 โดยตั้งอยู่ที่ถนนตันศรีเตะห์อวีลิม (Tan Sri The Ewe Lim) และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในปีนัง มีชื่อเสียงด้านการรักษาพยาบาล การให้บริการ และความเป็นมืออาชีพ

การบริจาคเงินของสมาคมพ่อค้าชาวอาเจะห์เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลแสดงให้เห็นว่าพ่อค้าชาวอาเจะห์ไม่เพียงประสบความสำเร็จด้านการค้าเท่านั้น หากยังมีความใส่ใจในด้านสังคม นอกจากนี้ยังสะท้อนว่าชาวอาเจะห์กับปีนังมีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม 


ร่องรอยคนอาเจะห์ในปีนัง


พ่อค้าจากอาเจะห์และสุมาตราเหนือติดต่อค้าขายกับคนปีนังตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1800 หรืออาจจะก่อนหน้านั้น ราวต้นคริสต์ทศวรรษ 1900 ชาวอาเจะห์จำนวนมากอพยพไปตั้งรกรากที่เกาะปีนัง สาเหตุหลักคือสงครามระหว่างฮอลันดากับอาเจะห์ เกิดการตั้งชุมชนอาเจะห์ที่ปีนัง ร่องรอยของชาวอาเจะห์ในปีนังจึงปรากฏหลักฐานมากมายจนถึงปัจจุบัน 

บนเกาะปีนังมีหมู่บ้านชายหาดอาเจะห์ (Kampung Pantai Acheh) ตั้งอยู่ที่ Pantai Acheh ซึ่งอยู่ทางตะวันตก ราว 15 กิโลเมตรจากศูนย์กลางเมืองจอร์จทาวน์ เป็นเขตที่คนมลายูเป็นประชากรส่วนใหญ่ราว 68 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือจีน อินเดีย และอื่นๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้มีถนนชื่อว่าถนนชายหาดอาเจะห์ (Jalan Pantai Acheh) เป็นถนนสายหลักของหมู่บ้าน

ชื่อหมู่บ้านสะท้อนว่าพื้นที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นชุมชนของชาวอาเจะห์ แต่ปัจจุบันชาวอาเจะห์ไม่ได้อาศัยที่หมู่บ้านแห่งนี้อีกแล้ว ส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่ทางฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย เนื่องจากภาษีในปีนังค่อนข้างสูง จึงเหลือเพียงป้ายชื่อหมู่บ้านและถนนที่ทิ้งร่องรอยไว้ว่าเคยมีชุมชนอาเจะห์อยู่ที่นี่ 

ป้ายยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านชายหาดอาเจะห์
ป้ายถนนชายหาดอาเจะห์ 

ในเมืองจอร์จทาวน์มีถนนชื่อว่าถนนดาโต๊ะเกอรามัต (Jalan Dato Keramat) มาจากชื่อดาโต๊ะ เกอรามัต ชาวอาเจะห์ที่เดินทางและพักอาศัยที่เกาะปีนัง เขาได้รับการเคารพยกย่องอย่างมากในฐานะผู้บุกเบิกการค้าบนเกาะปีนังคนแรกๆ ดาโต๊ะ เกอรามัต มีอีกชื่อว่าเติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิด (Tengku Sayyed Hussein Al-Adid) เขาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งจากอาเจะห์ มีเชื้อสายเยเมน และยังเป็นญาติกับราชวงศ์อาเจะห์ด้วย เขาเดินทางมาถึงปีนังเมื่อปี 1792 ซึ่งเป็นเวลาไม่นานหลังจากฟรานซิสเช่าเกาะปีนังเมื่อปี 1786 เขามีผู้ติดตามราว 2,000 คน ในขณะนั้นมีคนมลายูอยู่ที่ปีนังประมาณ 10,000 คน 

เติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิด สร้างหมู่บ้านชาวมุสลิมแห่งแรกบนเกาะปีนัง ตั้งอยู่ที่ถนนอาเจะห์ (Jalan Acheen ทั้งนี้ การสะกดคำว่า ‘อาเจะห์’ ในภาษามลายูและดัตช์มีความหลากหลายในตอนนั้น) ซึ่งอังกฤษให้อำนาจในการใช้กฎหมายชารีอะห์ (กฎหมายอิสลาม) ในหมู่บ้านมุสลิมด้วย โดยมีข้อแม้ว่าห้ามมีโทษประหารชีวิต

เติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดสร้างมัสยิดชื่อว่ามัสยิดมลายู (จาเม็ก) เลอบูฮ์ อาเจะห์ (Masjid Melayu [Jamek] Lebuh Aceh) ที่หมู่บ้านแห่งนี้เมื่อปี 1808 โดยหอคอยของมัสยิดมีลักษณะคล้ายกับหอคอยของมัสยิดรายาไบตูร์ระฮ์มาน (Masjid Raya Baiturrahman) ที่เมืองบันดาอาเจะห์ มัสยิดแห่งนี้สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมและไม่มีโดม แต่สร้างหลังคาทรงปิรามิดทดแทนโดมคล้ายกับมัสยิดเก่าอินดราปูรี (Indrapuri) ที่เขตอาเจะห์เบอซาร์ (Aceh Besar) นอกจากจะมีก๊อกน้ำสำหรับการชำระล้างร่างกายก่อนประกอบพิธีละหมาดเหมือนมัสยิดในอาเจะห์ มัสยิดแห่งนี้มีถังเก็บน้ำสำหรับการชำระล้างร่างกายด้วย ซึ่งทุกวันนี้ที่อาเจะห์ก็ยังมีถังเก็บน้ำเช่นนี้ทุกมัสยิด

บริเวณชุมชนมุสลิมอาเจะห์แห่งนี้ยังมีโรงเรียนสำหรับสอนศาสนาอิสลาม และกลายเป็นศูนย์กลางของการศึกษาอิสลามที่เกาะปีนัง ทั้งยังเป็นพื้นที่ให้ชาวมุสลิมจากไทย สุมาตรา และที่อื่นในคาบสมุทรมลายูมาเตรียมตัวก่อนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่เมกกะทางเรือ ช่วงทศวรรษ 1970 การเดินทางจากปีนังไปเมกกะหยุดไปเนื่องจากมีองค์กรจัดการด้านการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์และเปลี่ยนไปเดินทางด้วยเครื่องบินแทน  

หลังจากที่เติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดเสียชีวิตกลางศตวรรษที่ 19 ชุมชนมุสลิมที่เขาสร้างยังคงพัฒนาต่อและรุ่งเรืองจนถึงปลายศตวรรษที่ 19 ร่างของเติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดถูกฝังไว้ในสุสานบริเวณมัสยิด เคียงข้างกับหลุมศพภรรยาของเขา ขณะที่ญาติพี่น้องและผู้ติดตามที่เสียชีวิตก็ถูกฝังไว้ในสุสานบริเวณเดียวกัน 

มัสยิดมลายู (จาเม็ก) เลอบูฮ์ อาเจะห์

ปัจจุบันชุมชนมุสลิมในปีนังเล็กลงมาก ผู้ที่ไปละหมาดในมัสยิดก็น้อยลงและต้องแชร์การละหมาดวันศุกร์กับมัสยิดกาปิตัน เกอลิง (Kapitan Keling) ซึ่งเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะปีนัง ก่อตั้งโดยพ่อค้าชาวอินเดียเมื่อปี 1801 ชาวมุสลิมในเมืองจอร์จทาวน์จะละหมาดร่วมกันในวันศุกร์ หากวันศุกร์นี้ละหมาดที่มัสยิดจาเม็ก (เลอบูฮ์ อาเจะห์) ศุกร์ถัดไปก็จะละหมาดที่มัสยิดกาปิตัน เกอลิง

นอกจากเติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดที่ประสบความสำเร็จในปีนังแล้ว ยังมีชาวอาเจะห์รายอื่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น เตอกู ญัก ปูติฮ์ (Teuku Nyak Putih) บิดาของศิลปินในตำนานของมาเลเซีย ปูเตะฮ์ รามลี (Puteh Ramlee) หรือชื่อเต็มว่าเตอกู ซากาเรีย บิน เตอกู ญัก ปูติฮ์ (Teuku Zakaria bin Teuku Nyak Puteh) คนมักรู้จักเขาในชื่อ P. Ramlee มากกว่า เขาเป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ นักแสดง ผู้เขียนบท และนักร้อง ซึ่งในเมืองจอร์จทาวน์มีพิพิธภัณฑ์ P. Ramlee ด้วย นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองมาเลเซียเชื้อสายอาเจะห์นามว่าตัน ศรี ซานูซี จูนิด (Tan Sri Sanusi Junid) ที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐเกดะห์


ต่อต้านฮอลันดาจากปีนัง


แม้ว่าเติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดจะเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จในปีนัง แต่เขาไม่เคยลืมบ้านเกิดของเขาเลย ในขณะนั้นอาเจะห์กำลังเผชิญกับการโจมตีจากอาณานิคมฮอลันดา เติงกูไซเยด ฮุสเซน อัล-อาดิดไม่ได้นิ่งเฉย เขาส่งอาวุธไปให้กองกำลังอาเจะห์รบกับฮอลันดา เขาเคยถูกจับและคุมขังเพราะโดนจับได้ว่าเรือของเขาบรรทุกปืนใหญ่ส่งไปอาเจะห์ 

ช่วงสงครามฮอลันดา-อาเจะห์ ทศวรรษ 1870 มัสยิดจาเม็กเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการต่อต้านฮอลันดา ใกล้เคียงกับมัสยิดจาเม็ก บริเวณถนนอาร์เมเนียน (Armenian Street) มีบ้านสีเขียวของไซเยด โมฮาเม็ด อลาตัส (Syed Mohamed Alatas) จากอาเจะห์เช่นกัน รู้จักกันในชื่อ Syed Atatas Mansion สร้างขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์อิสลามปีนัง (Penang Islamic Museum) โดยไซเยด โมฮาเม็ด อลาตัสได้ก่อตั้ง Red Flag Secret Society เพื่อต่อต้านฮอลันดา เขาจัดหาอาวุธส่งไปอาเจะห์ บ้านของเขาเป็นศูนย์กลางของชาวอาเจะห์ผู้ต่อต้านฮอลันดา

Syed Atatas Mansion

หากมองจากแว่นของนักชาตินิยมสยาม ปีนังซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเคดะห์นั้น ในอดีตเคยอยู่ภายใต้อำนาจของสยาม แต่หากมองในบริบทที่กว้างออกไป จะเห็นว่าปีนังมีพลวัตของตัวเอง เป็นจุดเชื่อมโยงโลกมลายูทั้งจากด้านเหนือและด้านใต้เข้าด้วยกัน กลายเป็นเมืองของความหลากหลายทั้งกลุ่มคน ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ยันอาหาร และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1780 จวบจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นเมืองที่ทั้งน่าอยู่อาศัยและน่าท่องเที่ยว


ข้อมูลประกอบการเขียน

Bakri, (editor). “Teobosan Diaspora Aceh di Pulau Penang.” Serambinews, 4 April 2017, https://aceh.tribunnews.com/2017/04/04/terobosan-diaspora-aceh-di-pulau-penang 

Indri, (editor). “Kenapa Orang Aceh Selalu Pilih Penang untuk Berobat, Ini Jawabanya.” Dialeksis, 1 January 2025, https://dialeksis.com/aceh/kenapa-orang-aceh-selalu-pilih-penang-untuk-berobat-ini-jawabannya/ 

Mufti, (editor). “Berobat ke Penang Bukan Sekadar Aspek Psikologis bagi Orang Aceh.” Serambinews, 26 February 2025, https://aceh.tribunnews.com/2025/02/26/berobat-ke-penang-bukan-sekadar-aspek-psikologis-bagi-orang-aceh

Novandi, Iranda. “Jejak Wakaf Orang Aceh di Penang.” Analisadaily, 22 March 2018, https://analisadaily.com/berita/arsip/2018/3/23/526409/jejak-wakaf-orang-aceh-di-penang/ 

Setaiwan, Agus. “Orang Aceh bermigrasi ke Penang sejak awal 1900.” Antara, 6 December 2021, https://www.antaranews.com/berita/2566817/orang-aceh-bermigrasi-ke-penang-sejak-awal-1900 

MOST READ

World

9 Sep 2022

46 ปีแห่งการจากไปของเหมาเจ๋อตง: ทำไมเหมาเจ๋อตง(โหด)ร้ายแค่ไหน คนจีนก็ยังรัก

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์ เขียนถึงการสร้าง ‘เหมาเจ๋อตง’ ให้เป็นวีรบุรุษของจีนมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้คนจำนวนมหาศาลในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

9 Sep 2022

World

16 Oct 2023

ฉากทัศน์ต่อไปของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งที่สั่นสะเทือนระเบียบโลกใหม่: ศราวุฒิ อารีย์

7 ตุลาคม กลุ่มฮามาสเปิดฉากขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกใส่อิสราเอล จุดชนวนความขัดแย้งซึ่งเดิมทีก็ไม่เคยดับหายไปอยู่แล้วให้ปะทุกว่าที่เคย จนอาจนับได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ

จนถึงนาทีนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังดำเนินต่อไปโดยปราศจากทีท่าของความสงบหรือยุติลง 101 สนทนากับ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงเงื่อนไขและตัวแปรของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและรัฐอาหรับ, อนาคตของปาเลสไตน์ ตลอดจนระเบียบโลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นมาหลังยุคสงครามเย็น

พิมพ์ชนก พุกสุข

16 Oct 2023

World

17 Jul 2020

ร่วมรากแต่ขัดแย้ง ความบาดหมางระหว่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

อรอนงค์ ทิพย์พิมล เขียนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่ทั้งสองประเทศมีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกันหลายอย่าง จนนำไปสู่ความขัดแย้งในการช่วงชิงความเป็นเจ้าของภาษาและวัฒนธรรมมลายู

อรอนงค์ ทิพย์พิมล

17 Jul 2020

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save