“การตัดสินใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตีโต การ์นาเฟียน (Tito Karnavian) ประสบความสำเร็จในการทำให้ไฟในแกลบปะทุขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจนี้เหมือนกับการเชื่อมอาวุธของอาเจะห์ที่ถูกทำลายไปแล้ว” – อ็อตโต นูร์ อับดุลละห์ (Otto Nur Abdullah) อดีตประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, Tempo, 13 มิถุนายน 2025
ช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องไหนเป็นประเด็นร้อนในหน้าสื่ออินโดนีเซียเท่ากับเรื่องข้อพิพาท 4 เกาะระหว่างจังหวัดปกครองพิเศษอาเจะห์กับสุมาตราเหนือ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกำหนดให้ 4 เกาะที่อยู่ระหว่างเขตแดนจังหวัดอาเจะห์กับสุมาตราเหนือ อันได้แก่เกาะปันจัง (Panjang), เกาะลีปัน (Lipan), เกาะมังกีร์ เบอซาร์ (Mangkir Besar)[1], และเกาะมังกีร์ เกอจิล (Mangkir Kecil) หรือเกาะมังกีร์ เกอเต็ก (Mangkir Ketek) อยู่ภายใต้อำนาจการบริหารของอำเภอตาปานูลี เตองะห์ (Tapanuli Tengah) จังหวัดสุมาตราเหนือ
การกำหนดดังกล่าวระบุไว้ในกฤษฎีกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หมายเลข 300.2.2-2138 ปี 2025 ลงวันที่ 25 เมษายน 2025 ซึ่งการกำหนดนี้นำไปสู่การตอบโต้กันอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลอาเจะห์และรัฐบาลสุมาตราเหนือ โดยต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ 4 เกาะดังกล่าว
ที่มาของข้อพิพาท
ย้อนไปเมื่อต้นปี 2008 ทีมรังวัดที่ดินซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานราชการจำนวนหนึ่งทำการตรวจสอบหมู่เกาะในอินโดนีเซีย ซาฟรีซัล ซาการียา อาลี (Safrizal Zakaria Ali) อธิบดีกรมพัฒนาการบริหารส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย เผยว่าที่บันดาอาเจะห์ในปี 2008 ทีมรังวัดที่ดินได้ตรวจสอบและรับรองเกาะทั้งหมด 260 เกาะที่อาเจะห์ แต่ไม่มี 4 เกาะที่กำลังเป็นปัญหา
และเมื่อมีการรับรองผลการรังวัดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2009 ก็ได้รับการยืนยันจากผู้ว่าการอาเจะห์ในขณะนั้นว่าอาเจะห์มีทั้งหมด 260 เกาะ การยืนยันดังกล่าวมาพร้อมกับเอกสารแนบที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อและพิกัดของเกาะจำนวนหนึ่ง อันได้แก่ เกาะมังกีร์ เกอจิล ก่อนหน้านี้ชื่อเกาะรางิต เกอจิล (Rangit Kecil) และเกาะลีปัน เดิมชื่อ เกาะมาเลโล (Malelo) ในขณะที่จังหวัดสุมาตราเหนือได้รายงานเกาะในครอบครองทั้งหมด 213 เกาะซึ่งรวมถึง 4 เกาะดังกล่าว เกาะทั้ง 4 เชื่อมต่อกับชายหาดตาปานูลี เตองะห์ ของจังหวัดสุมาตราเหนือ ปี 2009 ทีมรังวัดที่ดินก็ยืนยันเกาะทั้ง 213 เกาะตามการอ้างของสุมาตราเหนือ
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยข้อมูลอีกด้านว่าเมื่อวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2008 ทีมรังวัดประชุมกับสุมาตราเหนือที่เมืองเมดาน ในการประชุมดังกล่าวทีมสุมาตราเหนือได้ระบุว่าเกาะทั้ง 4 อยู่ในขอบเขตของสุมาตราเหนือ หลังจากนั้นทีมรังวัดที่ดินมีประชุมกับอาเจะห์ วันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2008 ทีมรังวัดไม่อนุญาตให้อาเจะห์ระบุเกาะทั้ง 4 ว่าเป็นของอาเจะห์เพราะสุมาตราเหนืออ้างสิทธิไปแล้ว ซึ่งฝ่ายอาเจะห์ร้องเรียนเรื่องนี้และอยู่ในบันทึกการประชุมด้วย นอกจากนี้ ยังมีข้อผิดพลาดในการระบุพิกัดของเกาะทั้ง 4 ในการสร้างแผนที่ใหม่ปี 2008 ด้วย ในการให้การรับรองผลการรังวัดปี 2009 อาเจะห์ได้แก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว แต่ไม่เป็นผลต่อการยืนยันสิทธิเหนือเกาะทั้ง 4 ของอาเจะห์
ต่อมาปี 2017 กระทรวงมหาดไทยระบุว่าเกาะทั้ง 4 เป็นส่วนหนึ่งของสุมาตราเหนือ หลังจากที่ได้ดำเนินการวิเคราะห์พื้นที่ทั้ง 4 เกาะแบบพิเศษ จากนั้นรัฐบาลอาเจะห์ได้ออกจดหมายแก้ไขพิกัดของเกาะทั้ง 4 ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขตตำบลซิงกิล อูตารา (Singkil Utrara) ในปี 2020 การประชุมร่วมระดับกระทรวงได้กำหนดว่าเกาะทั้ง 4 เป็นส่วนหนึ่งของสุมาตราเหนือ ถัดมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รัฐบาลของอาเจะห์และสุมาตราเหนือประชุมหารือร่วมกันเกี่ยวกับเกาะทั้ง 4 แต่ไม่ได้ข้อสรุปใดๆ หลังจากนั้นกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฤษฎีกาหมายเลข 050-145 ใจความว่าเกาะทั้ง 4 เป็นส่วนหนึ่งของสุมาตราเหนือ แต่หลังจากกฤษฎีกานี้ออกมา ผู้ว่าการอาเจะห์ประท้วงไม่เห็นด้วย รัฐบาลกลางจึงสำรวจภาคสนามช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2022
อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทดำเนินต่อไปจนกระทั่งรัฐบาลกลางประกาศให้เกาะทั้ง 4 เป็นส่วนหนึ่งของสุมาตราเหนือในกฤษฎีกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หมายเลข 300.2.2-2138 ปี 2025 ลงวันที่ 25 เมษายน 2025 โดยอาศัยหลักฐานการยืนยันจากอาเจะห์และสุมาตราเหนือ รวมถึงรายงานของสหประชาชาติ
อาเจะห์ก็ประท้วง สุมาตราเหนือก็จะเอา
เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในประชาชนอาเจะห์ ตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น ผู้ใหญ่ นักวิชาการ นักกิจกรรม พนักงานเอกชน ข้าราชการ ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ตามร้านกาแฟที่เปรียบเสมือนสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารก็มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้ มูซากีร์ มานัฟ (Muzakir Manaf) หรือ มัวเลิม (Mualem) ผู้ว่าการอาเจะห์ ปฏิเสธกฤษฎีกาของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ส่วนซูวาดี ซูลัยมาน (Suadi Sulaiman) รองหัวหน้าพรรคอาเจะห์ (Partai Aceh) กล่าวว่ารัฐบาลอินโดนีเซียต้องเคารพขอบเขตพื้นที่ของอาเจะห์ตามที่ระบุไว้ในสัญญาสันติภาพเฮลซิงกิ เพื่อหลักการของสันติภาพที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งขอบเขตพื้นที่ของอาเจะห์ที่ระบุในสัญญาสันติภาพเฮลซิงกิยึดตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียกับขบวนการดารุล อิสลาม (Darul Islam) ที่อาเจะห์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1956
ชาวอาเจะห์จำนวนมากมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง บางส่วนโกรธรัฐบาลอาเจะห์ที่ไม่สามารถ ‘รักษาอธิปไตย’ ของพื้นที่อาเจะห์เอาไว้ได้ บางส่วนโกรธรัฐบาลสุมาตราเหนือที่เป็น ‘หัวขโมย’ ทั้งนี้ คนอาเจะห์มองว่านี่คือการ ‘เสียดินแดน’ และเป็นกระบวนการทำลายสันติภาพที่กำลังดำเนินไปด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้นยังมองว่านี่ถือการดูถูกศักดิ์ศรีและเขตปกครองพิเศษของชาวอาเจะห์ ทั้งเป็นการซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลอินโดนีเซียเคยหักหลังคนอาเจะห์
เรื่องนี้ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของอาเจะห์ ช่วงต้นของการประกาศเอกราชของอินโดนีเซีย หลังอินโดนีเซียได้รับการรับรองเอกราชโดยเจ้าอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ในปี 1949 รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดให้อาเจะห์เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสุมาตราเหนือ เรื่องนี้ทำให้ผู้นำและชาวอาเจะห์โกรธแค้นมาก รู้สึกเหมือนถูกรัฐบาลอินโดนีเซียหักหลัง เพราะในช่วงสงครามต่อสู้เพื่อเอกราชของอินโดนีเซีย อาเจะห์ได้ทุ่มเททรัพยากรและร่วมต่อสู้กับอินโดนีเซียอย่างเต็มกำลัง การถูกผนวกให้เป็นส่วนหนึ่งของสุมาตราเหนือคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อาเจะห์เข้าร่วมกับขบวนการดารุล อิสลามในปี 1953
ขบวนการนี้มีจุดกำเนิดที่เกาะชวา (ตั้งแต่ปี 1949) และได้แนวร่วมในหลายพื้นที่ มีเป้าหมายเพื่อสร้างอินโดนีเซียที่เป็นรัฐอิสลามโดยใช้วิธีสู้รบแบบสงครามจรยุทธ์ ในที่สุดขบวนการดารุล อิสลามที่อาเจะห์กับรัฐบาลอินโดนีเซียบรรลุข้อตกลงสัญญาระหว่างกันในปี 1956 แต่ความขัดแย้งก็ไม่ได้สิ้นสุดแค่นั้น หลายทศวรรษจากนั้นเกิดขบวนการอาเจะห์เอกราช (Gerakan Aceh Merdeka) หรือ GAM ตั้งแต่ปี 1976-2005 ต่อสู้กับรัฐบาลกลางด้วยอาวุธ โดยต้องการแยกตัวออกไปเป็นรัฐเอกราช จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงสันติภาพในปี 2005
รัฐบาลอาเจะห์อ้างหลักฐานหลายชิ้นเพื่อยืนยันว่าเกาะทั้ง 4 เป็นของอาเจะห์ เช่น เอกสารการเป็นเจ้าของท่าเรือและใบรับรองที่ดินในปี 1965 เหนือเกาะทั้ง 4 และอนุสาวรีย์ของอำเภออาเจะห์ซิงกิลที่สร้างในปี 2008 รวมถึงจารึกมังกีร์เกอเต็กที่สร้างในปี 2018 บนเกาะดังกล่าว อันระบุข้อความว่า “ยินดีต้อนรับสู่อำเภออาเจะห์ซิงกิล จังหวัดอาเจะห์” ตลอดจนเอกสารข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายในปี 1992 ลงนามโดยผู้ว่าการของสองจังหวัดที่ระบุว่าเกาะทั้ง 4 เป็นของอาเจะห์ โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นพยาน นอกจากนี้ ฝ่ายอาเจะห์กล่าวว่าข้อผิดพลาดในการประสานงานที่จังหวัดอาเจะห์รายงานต่อรัฐบาลกลางในปี 2009 อาเจะห์ก็ได้ชี้แจงรายงานเรื่องขอแก้ไขแล้ว
ขณะที่บ็อบบี้ นาซูตียน (Bobby Nasution) ผู้ว่าการสุมาตราเหนือ ผู้เป็นบุตรเขยของอดีตประธานาธิบดีโจโก วีโดโด (Joko Widodo) ก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน เขากล่าวว่าการจัดการเรื่องเกาะทั้ง 4 นั้นเป็นอำนาจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ของทั้งจังหวัดอาเจะห์หรือสุมาตราเหนือ ซึ่งอาเจะห์จะไปยึดเกาะก็ไม่ได้ รัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจจำกัด และละเมิดคำสั่งรัฐบาลกลางไม่ได้ นอกจากนี้ ประธานสภาผู้แทนประชาชนท้องถิ่นของสุมาตราเหนือก็แสดงท่าทีเช่นเดียวกับผู้ว่าการ คือเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย และเรียกร้องให้อาเจะห์โต้แย้งด้วยช่องทางฎหมาย กล่าวคือยื่นฟ้องร้องผ่านศาลปกครอง ไม่ใช้ความรุนแรง
นอกจากนี้ มีการอ้างว่าหากพิจารณาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ เกาะทั้ง 4 อยู่ใกล้กับอำเภอตาปานูลี เตองะห์ของสุมาตราเหนือมากกว่าอำเภออาเจะห์ซิงกิล โดยฝ่ายสุมาตราเหนือกล่าวด้วยว่าถ้าเกาะทั้ง 4 เป็นของสุมาตราเหนือ ก็จะชักชวนอาเจะห์ให้ช่วยกันจัดการเกาะทั้ง 4 ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ผู้ว่าการสุมาตราเหนือได้พบกับผู้ว่าการอาเจะห์ที่จวนผู้ว่าการอาเจะห์ แต่เป็นการพบกันเพียงครู่เดียวเท่านั้น โดยผู้ว่าการอาเจะห์อ้างว่าติดธุระ
ส่วนมุมมองจากฝ่ายที่สาม อ็อตโต นูร์ อับดุลละห์มองว่าการตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยนั้นดูเหมือนเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายผู้ว่าการสุมาตราเหนือเพื่อที่จะได้เข้าใกล้อดีตประธานาธิบดีโจโก วีโดโด และเตือนว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหาทางออกด้วยการเจรจา ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งนี้อาจขยายไปสู่ดินแดนอื่นๆ เช่น ที่ปาปัวและมาลูกูซึ่งไม่พอใจการพัฒนาในยุคโจโกวีที่ส่งผลถึงปัจจุบัน
จูซุฟ คัลลา (Jusuf Kalla) อดีตรองประธานาธิบดีและหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสันติภาพอาเจะห์ แสดงความคิดเห็นว่า ในสัญญาสันติภาพระหว่างขบวนการอาเจะห์เอกราชกับรัฐบาลกลางอินโดนีเซียที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า MOU เฮลเซิงกิระบุว่าจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตของอาเจะห์ด้วยการตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และยังกล่าวว่า 4 เกาะที่กำลังมีปัญหาแย่งชิงกันเป็นของอาเจะห์ ไม่ว่าจะมองจากมุมมองทางประวัติศาสตร์หรือโครงสร้างการบริหารราชการ ทั้งนี้ เขากล่าวด้วยว่าเรื่องข้อพิพาท 4 เกาะนี้ สำหรับชาวอาเจะห์แล้วไม่ใช่เรื่องโครงสร้างการบริหารประเทศ แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรี
เรื่องนี้ต้องถึงประธานาธิบดี
รองประธานสภาผู้แทนประชาชน ซุฟมี ดัสโก อะห์หมัด (Sufmi Dasco Ahmad) เผยว่าสภาผู้แทนประชาชนได้สื่อสารกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) เกี่ยวกับกรณีพิพาทดังกล่าว ปราโบโวตัดสินใจที่จะเข้ามาจัดการปัญหานี้เอง ซึ่งซุฟมี ดัสโกคาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน
อาเจะห์เป็นพื้นที่ที่เคยมีความขัดแย้งรุนแรงระหว่างขบวนการ GAM กับรัฐบาลอินโดนีเซีย เกิดความสูญเสียมากมายทั้งชีวิตและทรัพย์สินในช่วงเวลาความขัดแย้งที่ดำเนินหลายสิบปี จนทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงสันติภาพเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2005 หลังเกิดภัยพิบัติสึนามิที่อาเจะห์ในเดือนธันวาคม 2004
ข้อตกลงในสัญญาสันติภาพคืออาเจะห์ต้องมีสถานะเป็นเขตปกครองพิเศษ การนิรโทษกรรมสมาชิก GAM และการถอนกองกำลังทหารและตำรวจออกจากอาเจะห์ ตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียพยายามดำเนินการตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาสันติภาพ แต่มาสะดุดด้วยกฤษฎีกาของกระทรวงมหาดไทยเรื่องเกาะทั้ง 4
หากรัฐบาลอินโดนีเซียรับมือกับเรื่องนี้ไม่ดีพอ อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ก็ได้ เพราะสำหรับชาวอาเจะห์แล้ว เรื่องเกาะทั้ง 4 นี้ไม่ใช่แค่เรื่องพื้นที่หรือตำแหน่งเกาะบนแผนที่อย่างเดียว แต่อาจเป็นการเปิดประวัติศาสตร์บาดแผลในอดีตของชาวอาเจะห์ขึ้นมา
ข้อมูลประกอบการเขียน
Dirgantara, Adhyasta and Carina, Jessi. “Lokasi Empat Pulau Aceh Lebih Dekat ke Sumut, Yusril: Faktor Geografis Bukan Satu-satunya Penentu.” Kompas, 16 June 2025, https://nasional.kompas.com/read/2025/06/16/05412841/lokasi-empat-pulau-aceh-lebih-dekat-ke-sumut-yusril-faktor-geografis-bukan
“Duduk Perkara Sengketa 4 Pulau Aceh-Sumut.” CNN Indonesia, 12 June 2025, https://www.cnnindonesia.com/nasional/20250612100046-20-1238887/duduk-perkara-sengketa-4-pulau-aceh-sumut/1
Kurniawan, Mukhamad, Sinaga, Nikson, Fajriansyah, Adrian and Tambunan, Irma. “Kenapa Aceh dan Sumut Rebutan Empat Pulau?,” Kompas, 14 June 2025, https://www.kompas.id/artikel/kenapa-aceh-dan-sumut-rebutan-empat-pulau
“Memori Lama di Balik Sengketa Empat Pulau Aceh.” Tempo, 13 June 2025, https://www.tempo.co/politik/kronologi-sengketa-4-pulau-aceh-sumut-1682935
“Tito Karnavian Dikecam Soal Sengketa 4 Pulau Aceh dan Sumatera Utara.” Tempo, 13 June 2025, https://www.tempo.co/politik/tito-karnavian-dikecam-soal-sengketa-4-pulau-aceh-dan-sumatera-utara-1685957
Wiryono, Singgih and Carina, Jessi. “Polemik 4 Pulau: Aceh Menentang, Sumut Bertahan, Prabowo Turun Tangan.” Kompas, 15 June 2025, https://nasional.kompas.com/read/2025/06/15/08091651/polemik-4-pulau-aceh-menentang-sumut-bertahan-prabowo-turun-tangan
Yocerizal. (ed.). “Sengketa Empat Pulau, Syech Fadhil: Lawan! Tak Ada Kilafah Lagi.” Serambinews, 14 June 2025, https://aceh.tribunnews.com/2025/06/14/sengketa-empat-pulau-syech-fadhil-lawan-tak-ada-kilafiah-lagi
Yuyun. “Sengketa Empat Pulau Sumatra – ‘Ini Seperti Adu Domba Aceh dan Sumatra Utara’.” BBC News Indonesia, 13 June 2025, https://www.bbc.com/indonesia/articles/cpqeg4113r3o
↑1 | หรือบางทีเรียกกันว่าเกาะมังกีร์ กาดัง (Mangkir Gadang) |
---|