fbpx

“มึงอย่าบ้าอย่างกูก็แล้วกัน”: จอมขมังเวทย์ ไสยศาสตร์ กับการกลายเป็น ‘ทางเลือก’ ของสังคมไทย?

ไม่ว่าสังคมไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัล (Digital Economy) ยุคเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) หรือเมืองไทย 4.0 แต่ข่าวจำพวกจอมขมังเวทย์ คนทรงผี คนทรงเจ้า และเรื่องราวลี้ลับประเภทไสยศาสตร์ ก็ยังปรากฏเป็นข่าวบนสื่อกระแสหลักของไทยอยู่สม่ำเสมอ ไม่นับว่ามีสื่อโทรทัศน์บางช่องมักนิยมเล่นข่าวประเภทนี้จนถึงขั้นลงทุนทำเป็นภาพแอนิเมชั่นเคลื่อนไหวอธิบายรายละเอียดเหตุการณ์อย่างละเอียดยิบ

ไม่เพียงแต่การปรากฏในรูปแบบของข่าว เรื่องราวประเภทจอมขมังเวทย์และไสยศาสตร์ยังปรากฏในรูปแบบของสื่อภาพยนตร์ไทยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็มักได้รับความนิยมด้วย ดังตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘จอมขมังเวทย์’ ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2548 ที่ผู้เขียนจะนำมาชวนคุยในบทความนี้

1

ภาพยนตร์เรื่อง ‘จอมขมังเวทย์’ (พ.ศ. 2548) เป็นเรื่องราวว่าด้วย อิทธิ (แสดงโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช) อดีตนายตำรวจมือปราบหน่วยพิเศษ ผู้มีอาคมแกร่งกล้าแต่ได้กลับกลายเป็นนักโทษขังลืมอยู่ในคุกมืด เพราะข้อหาวิสามัญคนร้าย ผ่านไป 10 ปี อิทธิได้หายไปจากคุกราวกับล่องหนได้ ทำให้ พันโท ทศพล (แสดงโดย ณัฐวุธ เอื้อมพรวนิช) และ พันโท ธีระศักดิ์ (แสดงโดย ทอม ดันดี) อดีตเพื่อนนายตำรวจของอิทธิ ต้องออกคำสั่งจับตายเพื่อนสนิททันที โดยมี ร้อยตรี สันติ (แสดงโดย อัครา อมาตยกุล) เป็นนายตำรวจผู้รับผิดชอบการไล่ล่านักโทษแหกคุกรายนี้ ทว่า ยิ่งนานวันนายตำรวจหนุ่มไฟแรงอย่างร้อยตรี สันติ กลับพบว่า นักโทษที่เขาตามล่าหาตัวอยู่ก็คือ อดีตนายตำรวจฝีมือดีที่กลายมาเป็น จอมขมังเวทย์ ไปเสียแล้ว

หลังการเข้าฉาย แม้รายได้ของภาพยนตร์เรื่อง ‘จอมขมังเวทย์’ จะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนภาพยนตร์ไทยหลายๆ คน และส่งผลให้นักแสดงนำอย่าง ฉัตรชัย เปล่งพานิช ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงาน รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2548 รวมทั้งยังปรากฏกระแสเรียกร้องให้มีการสร้างภาคต่อออกมาเป็นระยะๆ จนทำให้มีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘จอมขมังเวทย์ 2020’ ออกมาในปี พ.ศ. 2562

2

คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะประเมินเนื้อหาเรื่องราวในภาพยนตร์จอมขมังเวทย์ว่าเป็นความเชื่อที่ไร้สาระ งมงาย หากจะมองด้วยสายตาแบบวิทยาศาสตร์ตามแบบภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนทั่วไป กระนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในความเป็นจริงของสังคมไทย เรื่องคาถาอาคมและไสยศาสตร์ กลับดูจะเป็นเรื่องราวที่เข้าใจได้กันทั่วไปในสังคมไทย 

กล่าวโดยกระชับ ไสยศาสตร์ หมายถึง ระบบความเชื่อและการปฏิบัติ  วิธีการ วิธีคิด และความเชื่อในความสามารถของการควบคุมอำนาจความลึกลับหรือเหนือธรรมชาติได้ ซึ่งอำนาจดังกล่าวจะเป็นหนทางที่ทำให้ความมุ่งหมายของบุคคลผู้มีความเชื่อได้บรรลุผล และสำหรับสังคมไทยกล่าวได้ว่า ‘ไสยศาสตร์’ ได้ที่เข้าไปสัมพันธ์อยู่กับอนุชีวิตของคนในสังคมไทยเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ การเกิด การเจ็บป่วย การตาย การดลบันดาล การปกป้องคุ้มภัย ความรัก การสะเดาะเคราะห์ ฯลฯ 

ความน่าสนใจคือ แม้เรื่องไสยศาสตร์ที่เราเห็นกันอยู่อย่างการสักยันตร์หนังเหนียว การลงนะหน้าทองมหาเสน่ห์ การเลี้ยงกุมาร ควายธนู จะถูกประเมินว่าเป็นเรื่องไร้สาระโง่งมงายสำหรับคนทั่วไป แต่เหตุใดเรื่องเหล่านี้จึงอยู่ในมิติชีวิตของคนในสังคมไทยเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่า ภาพยนตร์เรื่องจอมขมังเวทย์ อาจเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำเราไปสู่การตั้งข้อสงสัย เริ่มตั้งแต่การสงสัยว่า ทำไมนายตำรวจฝีมือดีอย่าง อิทธิ จึงถึงกลายเป็นนายตำรวจจอมขมังเวทย์ไปได้ กล่าวคือ ทำไมเขาจึงไม่ใส่แว่นเท่ๆ แบบตำรวจสหรัฐฯ 

คิดแบบง่ายๆ เท่าที่เห็นทันทีคือ อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างชีวิตที่พวกนายตำรวจต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันเข้าแลกในปราบปราบต่อสู้กับผู้ร้าย และสิ่งหนึ่งที่จะจำกัดความเสี่ยงได้ก็คือ อาวุธ

แม้จะยังไม่มีข้อมูลมายืนยัน แต่คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า อาวุธปืนของตำรวจฝรั่งนั้นดีกว่าอาวุธปืนตำรวจไทยแน่ๆ ซึ่งยังไม่รวมไปยุทโธปกรณ์อื่นๆ อย่าง รถจักรยานยนต์ รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ ฯ ที่ก็คงเป็นไปในลักษณะแบบเดียวกัน

ไม่ยากที่จะจินตนาการว่า ในขณะที่บรรดาตำรวจนายสิบของไทยที่เพิ่งจบและบรรจุใหม่มักจะถ่ายรูปคู่กับรถจักรยานยนต์ Honda CBR 300R สีน้ำพะโล้อุ่นค้างคืน แต่รถจักรยานยนต์ Honda CBR ก็เป็นรถที่เราจะเห็นได้ว่า เป็นรถรุ่นเดียวกันและจะรุ่นเหนือกว่าที่พวกวัยรุ่นไทยชอบขี่กันเป็นแก๊งเพื่อไปเที่ยวน้ำตก ทะเล ภูเขา ซึ่งในแง่นี้ก็หมายความว่า อาวุธแบบวิทยาศาสตร์อย่าง ปืน รถ โจรไทยกับตำรวจไทย ต่างก็มีเท่าๆ กัน 

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่นายตำรวจอนาคตไกลและมีอุดมการณ์อย่าง อิทธิ จะต้องแสวงหาเครื่องมืออื่นๆ มาเป็นทางเลือกในการสู้กับโจรผู้ร้าย ซึ่งนั่นก็คือ ‘วิชาอาคม’ ดังที่เมื่อร้อยตรี สันติ ได้เผชิญหน้ากับอิทธิ ที่ได้กลายเป็นจอมขมังเวทย์ แล้วพบว่าไอ้ลูกกระสุนปืนที่เขาเชื่อมั่นมาตลอด ไม่สามารถยิงผู้ร้ายอย่างอิทธิได้ เขาจึงตะโกนใส่ไปว่า “มึงมันบ้า” 

ในฐานะอดีตนายตำรวจเก่า อิทธิจึงตอบกลับไปว่า “มึงอย่าบ้าอย่างกูก็แล้วกัน

3

หากใครชมภาพยนตร์เรื่องนี้จนจบก็จะพบว่า แม้ที่สุดสันติจะปราบอิทธิลงได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่สันติต้องใช้วิชาไสยศาสตร์เป็นเครื่องมือต่อสู้ และได้กลายเป็น ‘จอมขมังเวทย์’ เสียเอง ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างของการนำไสยศาสตร์มาใช้ในฐานะเครื่องมือของการทำงานปราบปรามของตำรวจไทย ในวันที่มีเพียงปืนพก กับรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนตร์คันเก่า

ถ้าเชื่อมโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับภาพยนตร์ ไสยศาสตร์ในเรื่องจอมขมังเวทย์ จึงอาจมิใช่การสะท้อนความเชื่ออันโง่งมงายไร้เหตุผลไปเสียทีเดียว แต่กลับกลายเป็นเหตุผลและภาพสะท้อนโครงสร้างและระบบรัฐไทยที่ไม่สามารถควบคุม ‘ความเสี่ยง’ มากพอให้กับเจ้าหน้าที่หรือกับประชาชนในสังคม

ด้วยเหตุนี้ ไสยศาสตร์จึงกลายเป็น ‘ทางเลือก’ สำหรับคนในสังคมไทยอยู่เสมอ และการที่สังคมไทยจะมีนายตำรวจจอมขมังเวทย์อย่าง อิทธิ สันติ หรือบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ อย่าง ขุนพันธ์ฯ ก็คงจะเป็นเรื่องปกติ ที่เข้าใจได้สำหรับสังคมไทย เพราะคนทั่วไปในสังคมต่างก็อยู่กับโลกทัศน์แบบนี้ ไม่นับถึงในบางสภาวะที่ พุทธะ กับ ไสย เข้ามาแนบชิดกัน ดังเช่นความเชื่อในเรื่องเวทย์มนต์อาคมไปจนถึงมนต์ดำ การเชื่อในเรื่องภูตผี หรือ ‘แม่ย่า’ ที่สถิตอยู่ในรถประเทศญี่ปุ่น หรือการจุดธูปบูชาเครื่องจักรยนต์ขนาดเขื่องที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมันเมื่อวานซืนให้สามารถเดินเครื่องทำงานได้อย่างปกติสุข

แม้จะมีความพยายามในการแยก พุทธะ กับ ไสย เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ทั้ง พุทธะ และ ไสย ต่างก็เป็นเครื่องมือสำคัญของคนในสังคมไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงความพิเศษของสภาวะสังคมไทยในการแสวงหาที่พึ่งเพราะไม่มั่นใจในระบบกฎหมายและเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อคนไทยจำนวนมากออกรถยนต์ไม่ว่าจะสัญชาติญี่ปุ่นหรืออเมริกัน ก็จักต้องนำรถยนต์ไปให้พระหรือจอมขมังเวทย์เจิมลงอักษรอักขระ เนื่องจากรู้ดีว่าบนท้องถนนไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น ผ่าไฟแดง เมาแล้วขับ หลับใน วัยรุ่นซิ่งมอไซค์ปาดหน้า ฯลฯ 

ในขณะที่ตามร้านค้าชาวบ้านทั่วไปก็จะพบเห็น นางกวัก ผ้ายันต์จระเข้ เพราะพ่อค้าแม่ค้าต่างก็รู้ดีว่าเศรษฐกิจไทยไม่เคยมั่นคงหรือเชื่อใจได้จริงๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากพ่อค้าแม่ค้าเชื่อมั่นในความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ และเชื่อว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้พวกเขามั่นคง ขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า มีคนออกมาซื้อจับจ่ายใช้สอย อย่าว่าแต่ผ้ายันต์จระเข้ ต่อให้ ผ้ายันก็อตซิลล่า ก็คงไม่จำเป็น

ในวันที่สังคมไทยเต็มไปด้วยความเสี่ยง ความไม่แน่นอน จิตใจของบางคนจึงสั่นคลอนและไม่แน่ใจได้ว่า ตนเองจะเชื่ออะไรหรือมั่นใจใครได้มากกว่ากันระหว่าง คนทรงเจ้า จอมขมังเวทย์ หรือ รัฐบาล

ในโลกภาพยนตร์แล้ว มันจึงไม่แปลกอะไรที่ภาพยนต์หรือการ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวนอย่าง ‘Sherlock Holmes’ หรือ ‘โคนัน’ จะไม่เคยเป็นภาพยนตร์กระแสหลักของไทย หรือจะเป็นเรื่องราวว่าด้วยการหักเหลี่ยมเฉียบคมของคนในองค์กรรัฐแนว Cop Drama อย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘L.A. Confidential’ ‘Heat’ หรือ ‘สองคนสองคม’ จะแทบไม่เคยอยู่ในหัวใจหรือความทรงจำของผู้ชมคนไทย ซึ่งนั่นมิไม่ใช่ว่าคนไทยดูหนังไม่เป็น หรือไม่มีรสนิยมหรืออารมณ์สุนทรียะ หากแต่ภาพยนตร์อย่าง จอมขมังเวทย์ มหาอุตม์ เสือคาบดาบ หนุมานคลุกฝุ่น ขุนพันธ์ฯ อะไรแบบนี้ต่างหากที่ดูจะตอบสนองความเข้าใจจริง ๆ ของคน โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง

แม้จะไม่ใช้ทุกคน แต่สำหรับบางคน ความมั่นใจในโครงสร้าง ระบบการดูแล ระบบการบริหารจัดการของสังคมไทยจึงไม่ใช่ทางเลือกที่อุ่นใจมากพอในการจัดการความเสี่ยงหรือแก้ไขปัญหา ไสยศาสตร์จึงกลายเป็น “ทางเลือก” คนของจำนวนมากในสังคมไทย ดังที่ อิทธิจอมขมังเวทย์ พูดกับ สันติ ในวันที่เขาถูกนายตำรวจหนุ่มไล่ล่าด้วยกฎหมายและลูกปืนว่า “ทางเดินมันมีไม่เยอะมาก มีแค่สองทาง แต่อย่าเป็นแบบฉันก็แล้วกัน”

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save