นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เรื่อง
ปัญหาไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่มีความรุนแรงและกินระยะเวลานานผิดปกติในปีนี้ ทั้งนี้ยังไม่นับข้อสังเกตว่าไฟไหม้ผิดที่ผิดทางไม่เหมือนทุกครั้ง ไฟที่เคยลุกไหม้ในป่ามองเห็นได้จากตัวเมืองเชียงใหม่ และปรากฏในภาพถ่ายมุมสูงมากมายก่อนที่จะถูกห้ามเผยแพร่ในเวลาต่อมา
ปัญหาไฟป่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ปีนี้พูดกันเรื่องไฟป่ามากจนกระทั่งไม่ได้พูดกันถึงสาเหตุอื่นที่ก่อให้เกิดฝุ่นควัน เช่น เกษตรกรรมพันธะสัญญา หรือนโยบายไม่ให้คนอยู่ร่วมกับป่า แต่ไม่เป็นไร เพราะเราก็พูดกันทุกปีจนชาชินและไม่ได้เกิดผลอะไรอยู่ก่อนแล้ว
ปัญหาฝุ่นควันมีสาเหตุมากกว่า 10 ข้อ แจกแจงแบบประชาชนผู้อ่านข่าวแต่ไม่มีความรู้ได้เป็นความคิดคำนึงกระท่อนกระแท่นได้ ดังนี้
ไฟป่า
ไฟป่าธรรมชาติในหน้าแล้ง
ไฟป่าในประเทศเพื่อนบ้าน
ห้ามเผาทำให้เกิดกองเชื้อเพลิงจำนวนมหาศาลในป่า
ห้ามชาวบ้านหรือชาวเขาอยู่ร่วมกับป่า
ความยากจนทำให้ชาวบ้านต้องเผาป่าเพื่อหากิน
รัฐราชการยึดที่ดินที่ชาวบ้านหรือชาวเขาเคยทำมาหากิน
เผาป่าเพื่อเอางบประมาณ
ไร่ข้าวโพด
ไร่ข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้าน
ไร่อ้อย
ไร่อ้อยในประเทศเพื่อนบ้าน
อุตสาหกรรมอาหารสัตว์
โรงงานอุตสาหกรรม
เครื่องยนต์ดีเซล
การก่อสร้าง
การจราจรในเขตเมือง
ชาวบ้านเผาใบไม้หน้าบ้าน
ร้านหมูกระทะ (โดนไปด้วย)
ปัญหาเหล่านี้มีหน่วยงานราชการหลายหน่วยดูแลอยู่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน นำมาซึ่งปัญหาข้าราชการทุกท่านที่ทำงานอยู่ในระบบควรรู้อยู่แก่ใจอีกหลายข้อ แจกแจงได้ดังนี้
อำนาจและการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ผู้บริหารระดับสูง
การแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมมิได้นำไปปฏิบัติ
ความคิดเห็นที่แสดงมิได้จริงใจ
ความคิดเห็นที่แสดงเพียงเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้ยินมากกว่าที่จะนำไปปฏิบัติการ เช่น ไม่ไหวบอกไหว
หน่วยงานปฏิบัติไม่ประสานงานกันทั้งที่มีแผนปฏิบัติการเป็นลายลักษณ์อักษรและมีคำพูดว่า “บูรณาการ” แล้ว
ชุมชนไม่มีส่วนร่วม โดยที่นั่งอยู่ในที่ประชุมทุกปี
เอ็นจีโอไม่มีส่วนร่วม โดยที่นั่งอยู่ในที่ประชุมทุกปี
นักวิชาการส่วนท้องถิ่นไม่มีส่วนร่วม โดยที่นั่งอยู่ในที่ประชุมทุกปี
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีส่วนร่วม เพราะไม่มีอำนาจและไม่มีอำนาจใช้งบประมาณ
ผู้บริหารระดับสูงมิได้ใส่ใจปัญหาโดยจริงใจ เพราะทุกท่านผ่านมาเพียงชั่วคราว
ไม่มีเป้าหมายร่วม
ไม่มีความสามารถทำงานเป็นทีม
อันที่จริงปัญหาทุกเรื่องทั้งในและนอกระบบราชการไม่เฉพาะเรื่องฝุ่นควันเรานำมาเขียนแจกแจงทำนองนี้ได้ทั้งหมด แต่วัฒนธรรมราชการดูจะหนักหนากว่า
วันนี้เราจะชวนคุยเฉพาะ 2 ประเด็นสุดท้าย
คือไม่มีเป้าหมายร่วม และไม่มีความสามารถทำงานเป็นทีม
ทั้งนี้โดยไม่กล่าวโทษผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ไม่กล่าวโทษชาวบ้าน ชาวเขา นายทุนเกษตรกรรม นายทุนอุตสาหกรรม หรือประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้ข้อเท็จจริงว่าทุกคนและทุกหน่วยงานมีผลประโยชน์ส่วนเฉพาะตัวด้วยกันหมดทั้งสิ้น
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ที่ไม่ปกติคือเรานั่งคุยกันดีๆ ไม่ได้ และถ้าคุยกันดีๆ ไม่ได้มานานเกินสิบปี ควรมีข้อสรุปว่าไม่มีความสามารถที่จะนั่งคุยกันดีๆ
โดยมีสมมติฐานว่าไม่มีใครได้รับการพัฒนามาเพื่อการนี้จริงๆ วันนี้เราจึงเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสามารถนั่งคุยกันดีๆ ยอมรับเสียดีๆ แล้วอย่าสร้างเด็กรุ่นใหม่เป็นเหมือนพวกเราอีก
นั่งคุยกันดีๆ หมายถึงนั่งเจรจาต่อรองผลประโยชน์จนกว่าจะลงตัวที่จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งจะทำได้ต้องก้าวข้ามคำพูดประเภทไม่ไหวบอกไหว ทำไม่ได้บอกทำได้ ทำได้ไม่มีปัญหาแต่ไม่ทำ แล้วจะว่าไปผู้บริหารระดับสูงหรือกฎหมายก็ไม่เอาผิดใครเมื่อไม่มีใครทำอะไร
อีกครั้งหนึ่ง ผลประโยชน์ขัดกันเป็นเรื่องปกติ การเจรจาต่อรองเป็นเรื่องปกติ
ความสามารถที่จะนั่งคุยกันดีๆ เพื่อเจรจาต่อรองผลประโยชน์เป็นความสามารถที่ไม่เกิดขึ้นเองในมนุษย์ เพราะพวกเราเป็นนักล่าโดยวิวัฒนาการอยู่ก่อนแล้ว แต่การล่าเป็นทีมเป็นเรื่องทำได้เมื่อทุกคนพบว่าทุกคนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องฝึกและต้องฝึกตั้งแต่อายุไม่มากนัก
ตามทฤษฎีคือประถมศึกษา
อย่าพูดว่าที่เขียนมาไม่จริงเพราะนั่นเท่ากับดูหมิ่นสติปัญญาของไมค์เป็นอันมาก