เราจัดการเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโควิดผิดตั้งแต่แรก เรื่องจึงเดินมาถึงจุดนี้ ถึงวันนี้เพิ่งจะมีดำริให้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการอยู่บ้าน
กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
คำพังเพยเป็นเรื่องที่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังเวลานี้
ที่ไม่ควรใช้เลยคือ จงพอใจสิ่งที่ตนมีอยู่ คำนี้คล้ายๆ พูดว่าวัคซีนที่ดีคือวัคซีนที่มี
อีกคำหนึ่ง น้ำขึ้นให้รีบตัก คำนี้คล้ายๆ จะบอกว่ามีวัคซีนอะไรก็ฉีดไปเถอะ ดีกว่าไม่มี
อีกคำหนึ่ง ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงาม คำนี้คล้ายๆ ปลอบโยนว่ารอหน่อย เดี๋ยวโมเดอร์นาและไฟเซอร์ก็จะมาในไตรมาสที่สี่ ปัญหาคือเราไม่มีพร้าสักเล่มในมือ ที่กำลังว่าจะมีก็ถูกเทไปเสียมาก
อีกคำหนึ่ง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน น่าจะเป็นคำต้องห้ามเวลานี้เลย ไม่ให้ขายของจะมีเงินได้อย่างไร ไม่มีเงินจะให้พึ่งตนเองได้อย่างไร ไม่มีวัคซีนจะให้เอาตัวรอดได้อีกกี่น้ำ และที่สำคัญคือถึงมีเงินแต่เราซื้อวัคซีนเองไม่ได้นี่หว่า
คำพังเพยที่พอจะใช้ได้ดีวันนี้ เช่น มือใครยาวสาวได้สาวเอา และ กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
ผมเคยแสดงทัศนะเรื่องการจัดกำลังของแพทย์พยาบาลไว้ที่นี่ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน คนสำคัญที่สุดคืออายุรแพทย์โรคปอดและอุปกรณ์การแพทย์ของพวกเขา ส่วนนี้จำเป็นต้องสงวนและจ่ายค่าเสี่ยงภัยแก่พวกเขาให้มาก ลดงานอื่นให้แก่พวกเขาทั้งหมด ให้พวกเขาทำงานเดียวคือรักษาผู้ป่วยโควิดที่อาการหนัก คนสำคัญรองลงมาคืออายุรแพทย์ทุกคน ซึ่งจะช่วยดูแลผู้ป่วยระดับกลางอย่างดีที่สุด ส่วนนี้จำเป็นต้องสงวนเอาไว้ จ่ายค่าเสี่ยงภัยแก่พวกเขา และลดงานอื่นให้แก่พวกเขาด้วยเช่นกัน
สำหรับแพทย์สาขาอื่นๆ และพยาบาลสาขาอื่นๆ มีหน้าที่ทำงานประจำวันด้วย new normal แต่มิใช่ลดงานบริการ ละทิ้งผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับการรักษาพยาบาล โรคมะเร็ง โรคหัวใจ การผ่าตัด โรคจิตเวช เหล่านี้มีความสำคัญไม่แพ้โควิด สำหรับผู้ติดเชื้อไม่มีอาการควรกักตัวที่บ้านตั้งแต่แรก เพื่อสงวนพื้นที่ของโรงพยาบาลไว้ทำงานด้านอื่น โรงพยาบาลสนามเป็นเตียงงอกของโรงพยาบาลจริงและมีศักยภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลจริง
ทั้งหมดนี้กำกับด้วยระเบียบการส่งต่อผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยที่ดีและชัดเจน มีความเท่าเทียม ไม่มีเส้นสาย
ที่เขียนมาทั้งหมดเราทำมิได้เพราะวัฒนธรรมราชการไม่อนุญาตให้ทำได้ จึงว่าวิกฤตครั้งนี้ควรช่วยให้ทุกคนตระหนักว่าถึงเวลารื้อวัฒนธรรมราชการ ความเสียหายวันนี้เกิดขึ้นเพราะเราทำงานแบบดั้งเดิม นั่นคือเกรงใจนายและมีเส้นสาย กับอ้างว่าผิดระเบียบ
ราชการเอาระเบียบเป็นศูนย์กลาง มิได้เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
กุมารแพทย์แบ่งเป็นสองกลุ่มเช่นกัน กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญโรคปอดสูงสุด ใช้อุปกรณ์ได้ดีที่สุด และกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญรองลงมา จัดลำดับค่าเสี่ยงภัยและสวัสดิการการพักไปตามความสำคัญในแต่ละช่วงขณะ ข้อเสนอนี้ทำมิได้อีกเช่นกันในวัฒนธรรมราชการ
วัฒนธรรมราชการคือทุกคนทำเท่ากัน ทุกคนได้เท่ากัน แต่เราพบเสมอว่าคนฉลาดหลบงานได้ดีกว่าด้วยค่าตอบแทนเท่าเดิม
กุมารแพทย์พิเศษกว่าอายุรแพทย์ที่ความสามารถในการดูแลพัฒนาการเด็ก เหตุเพราะพัฒนาการเด็กเป็นเรื่องสำคัญ รอคอยมิได้ และมีเวลาวิกฤต ทุกความเจ็บป่วยและการพลัดพรากสร้างการถดถอยได้เสมอ การถดถอยสร้างพัฒนาการล้าหลังสะสมแล้วจะก่อปัญหาเป็นลูกโซ่ในอนาคตเสมอ ปรากฏการณ์เหล่านี้มีแต่กุมารแพทย์ที่ควรดูออก
ถึงวันนี้ภาพรวมของงานสาธารณสุขเป็นฝ่ายตั้งรับ คลัสเตอร์ที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย มีเด็กๆ ติดเชื้อจำนวนมากถูกพรากจากบ้านไปกักตัว ส่วนคลัสเตอร์ที่โรงพยาบาลใดๆ มีแพทย์และพยาบาลถูกกักตัวจำนวนมาก จำนวนเด็กๆ ที่พลัดพรากจากพ่อแม่มีมากขึ้นทุกวัน
ต่อไปนี้คือคำแนะนำ
1. เฟซไทม์หาลูกเป็นเวลา ดีกว่าไม่เป็นเวลา วันละกี่ครั้งก็ได้ ความตรงเวลาทำให้ลูกรอ ขอเพียงรอพ่อแม่ก็มีอยู่จริง
2. แต่ละครั้งไม่นานเกินไปจนกระทั่งลูกหมดความสนใจ (อย่าทำเหมือนเรียนออนไลน์) อาจจะแค่ 5-10 นาที หรือนานกว่านั้นได้
3. นอกจากเอาหน้าของเราไปให้เขาดูและคุย ทำกิจกรรมที่เคยทำได้ต่อไปคืออ่านนิทาน ‘เสียง’ อาจจะมีความสำคัญมากกว่า ‘หน้า’ ในขั้นตอนนี้ ถ้าพ่อแม่ถูกกักตัวให้ประสานญาติเอานิทานที่เขาชอบมาให้คุณสะสมไว้ใช้ ถ้าลูกถูกกักตัวให้อ่านนิทานก่อนนอนตามปกติผ่านเครื่องมือไอที
4. ที่สำคัญคือรอยยิ้ม และดวงตามองที่กล้อง ลูกจึงเห็นคุณมองที่เขา อย่าเผลอมองที่ลูกบ่อยเกิน เพราะถ้าเป็นไอแพดระยะห่างนี้จะยาวพอสมควร กล้องของไอแพดจะอยู่ด้านบน
5. ถ้าเล่นเกมออนไลน์กับเด็กโตได้ให้เล่นเลย อย่ามัวแต่กลัวความเสียหาย บัดนี้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว เราเอาสายสัมพันธ์ (attachment) และความไว้วางใจพ่อแม่และโลก (trust) คืนมาก่อน การเล่นเกมสนุกกว่าและสร้างความมีส่วนร่วมได้ดีกว่าการนั่งพูดคุยกันเฉยๆ
6. เวลา 14 วันถือว่านานมาก มิใช่แป๊บเดียว บอกลูกอย่างชัดเจน เอานิ้วชี้ปฏิทิน วันที่เท่านี้พ่อแม่จะมารับหรือพ่อแม่จะกลับบ้าน เขาจะรอ – รอคือมี
7. ร้องเพลงให้ลูกฟัง หรือเต้นด้วยกันถ้าทำได้ แต่ควรทำด้วยรอยยิ้ม ไม่น้ำตาตกให้ลูกๆ เห็น แต่งตัวให้สวย ทำผมให้เรียบร้อย แต่งหน้าให้ดีแล้วเปิดการแสดง
8. ถ้าเป็นเด็กเล็ก มอบดินน้ำมัน 1 ชุด หรือสมุดระบายสีและสี 1 กล่องให้เขา บอกเขาว่าเราอยากเห็นอะไร พรุ่งนี้ขอดูนะ แล้วชมเว่อร์
9. ถ้าเป็นเด็กโต เอาหนังสือใส่กระเป๋าเขาไปด้วย หนังสือการ์ตูนก็ได้ เอารูปพ่อแม่ทำเป็นที่คั่นหนังสือใส่ไป บอกเขาว่าอ่านแล้วสนุกเล่าให้พ่อแม่ฟังพรุ่งนี้นะ
คนส่วนมากคิดแต่เรื่องเด็กๆ อยู่กินอย่างไร
เราควรคิดเรื่องจะรักษา ‘ปฏิสัมพันธ์’ อย่างไรด้วย