‘สันติวิธี = ประท้วงอย่างถูกกฎหมายเท่านั้น?’ ความเข้าใจ(ผิด?)ของคนเมืองหลวง

สันติวิธี

เมื่อขบวนการทางการเมืองเริ่มเคลื่อนไหว คำว่า ‘ปฏิบัติการไร้ความรุนแรง’ หรือ ‘สันติวิธี’ มักจะเป็นคำที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้อยู่บ่อยครั้ง และกลายเป็นคำสำคัญอย่างมาก เพราะสันติวิธีเป็นเหมือนกรอบในการปกป้องขบวนการและสร้างความชอบธรรมให้แก่การเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ขบวนการเคลื่อนไหวถูกมองว่า ‘ข้ามเส้นสันติวิธี’ แล้ว ความชอบธรรมต่อขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็อาจลดลงตามไป มิหนำซ้ำหลายครั้งกลับกลายเป็นการยื่นความชอบธรรมให้แก่รัฐในการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมฝูงชน การใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง หรือรุมตีด้วยกระบอง ภายใต้คำอธิบายอย่าง ‘เพื่อความสงบสุขและความเรียบร้อย’ จนหลายครั้ง ‘สันติวิธี’ จึงเป็นเหมือนเกราะคุ้มกันขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ในวันที่สันติวิธีกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ คำถามที่ชวนให้ขบคิดคือ นิยามของแต่ละคนคืออะไร และขอบเขตไหนที่คนส่วนใหญ่มองว่าข้ามเส้น

รศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อุเชนทร์ เชียงเสน อาจารย์ประจำสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกันศึกษาความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘สันติวิธี’ ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 500 คน ภายใต้รายงานผลการสำรวจความคิดเห็น “การเคลื่อนไหวแนวทางไม่ใช้ความรุนแรงในทัศนะของชาวกรุงเทพมหานคร”

101 ชวนอ่านสรุปรายงานฉบับดังกล่าว เพื่อทำความเข้าใจตัวละครในการเมืองไทยที่สร้างผลกระเทือนต่อการเมืองไทยอยู่บ่อยครั้งอย่าง ‘คนเมือง’ ว่าพวกเขามอง ‘สันติวิธี’ อย่างไร และอะไรบ้างที่ไม่ใช่สันติวิธี ในวันที่การเมืองไทยดูราวกับ ‘สันติวิธี’ อาจจะไม่ใช่ทางออก

หมายเหตุ เรียบเรียงเนื้อหาจาก รายงานผลการสำรวจความคิดเห็น “การเคลื่อนไหวแนวทางไม่ใช้ความรุนแรงในทัศนะของชาวกรุงเทพมหานคร” โดยบุญเลิศ วิเศษปรีชา และ อุเชนทร์ เชียงเสน


‘สันติวิธี’ เท่ากับ ‘ถูกกฎหมาย’ เท่านั้น?

“ข้อถกเถียงในสังคมไทยไม่ใช่การถกเถียงว่า ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองควรจะใช้ความรุนแรงหรือไม่ แต่คือเราจะเคลื่อนไหวอย่างไรให้เป็นสันติวิธี ที่ผ่านมา การนิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองนิยามความหมายผ่านกรอบแบบหนึ่ง เจ้าหน้าที่มองอีกกรอบหนึ่ง สื่อมวลชนมองในอีกกรอบหนึ่ง ดังนั้นการเข้าใจความหมายที่แตกต่างกันย่อมนำไปสู่การปฏิบัติหรือการรับมือขบวนการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน” บุญเลิศกล่าว

ทั้ง รศ. ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา และ อุเชนทร์ เชียงเสน มองว่าบริบทของคนแต่ละช่วงเวลาในบริบทสังคมและการเมืองที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อความแตกต่างทางด้านทัศนคติต่อสันติวิธี  ดังนั้นการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครต่อ ‘สันติวิธี’ ครั้งนี้จึงอยู่ภายใต้สมมติฐานว่า ‘ช่วงวัย’ มีผลต่อความคิดและความเชื่อ

กลุ่มตัวอย่างคือประชาชนในกรุงเทพมหานครผู้เคยมีประสบการณ์เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองนับแต่ปี 2548-ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นขบวนการเยาวชนคนรุ่นใหม่ในปี 2563-2564, แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.), กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนอื่นๆ

ทั้งนี้รายงานฉบับดังกล่าวได้แบ่งประเด็นคำถามออกมาทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย นิยามความหมายและขอบเขตของสันติวิธี, รูปแบบวิธีการประท้วงที่ยอมรับได้ และความเชื่อมั่นต่อแนวทางสันติวิธีในการคลี่คลายความขัดแย้ง

'สันติวิธี' เท่ากับ 'ประท้วงอย่างถูกกฎหมาย'
‘สันติวิธี’ เท่ากับ ‘ประท้วงอย่างถูกกฎหมาย’

ส่วนของการนิยามความหมายและขอบเขต ผลการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างมากถึงร้อยละ 91 เคยได้ยินคำดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่รับรู้อย่างทั่วถึงในสังคมไทย แต่เมื่อเจาะลึกถึงความหมายของคำดังกล่าว เกือบครึ่งของกลุ่มตัวอย่าง (ร้อยละ 44.2) มองว่าคือการประท้วงที่ไม่ผิดกฎหมาย 

สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่เหลือนิยาม ว่าเป็นการประท้วงที่อาจผิดกฎหมาย แต่ไม่กระทบสิทธิผู้อื่น (ร้อยละ 28.4), การประท้วงที่อาจผิดกฎหมาย กระทบสิทธิของผู้อื่น แต่ไม่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต (ร้อยละ 20.2) และการไม่ทำอะไรเลย (ร้อยละ 7.2) ตามลำดับ

ในทางวิชาการถือว่ามุมมองนิยามดังกล่าวนับเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการนิยามในความหมายที่จำกัดกรอบไว้แค่การกระทำอัน ‘ถูกกฎหมาย’ เท่านั้น จะทำให้การกระทำอื่นๆ ที่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบ ‘อารยะขัดขืน (civil disobedience)’ ซึ่งตั้งใจละเมิดกฎหมาย เพื่อสะท้อนความไม่พอใจของพวกเขาและแสดงให้สังคมเห็นว่านโยบายหรือกฎหมายนั้นไม่เป็นธรรม

อีกทั้งในภาวะที่การบังคับใช้กฎหมายของสังคมไทยยังขาดหลักนิติรัฐ หลายครั้งเจ้าหน้าที่มักจะอ้างกฎหมายมาดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 หรือกฎหมายเรื่องการรักษาความสะอาด เพื่อเข้ามา ‘ควบคุม’ การชุมนุมและการประท้วงมากกว่า‘การคุ้มครอง’ สิทธิของประชาชน

การเคลื่อนไหวบางครั้งอาจไม่ถูกนับรวมว่าเป็นสันติวิธี

เคลื่อนไหวแบบไหนนับว่าเป็นสันติวิธี?

คณะผู้วิจัยได้แบ่งรูปแบบหรือวิธีการเคลื่อนไหวออกเป็น 16 วิธี และจัดเป็น 3 กลุ่มของการกระทำ โดยกลุ่มที่ 1 (ลำดับที่ 1-3) เป็นการแสดงออกที่แทบไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น กลุ่มที่ 2 (ลำดับที่ 4-10) เป็นวิธีการที่อาจมีผลกระทบต่อผู้อื่น แต่ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายหรือทำลายทรัพย์สิน และกลุ่มที่ 3 (ลำดับที่ 11-16) เป็นการแสดงออกที่สร้างข้อถกเถียงในสังคมไทย พบว่าการแสดงออกแบบกลุ่มที่ 1 ได้รับการยอมรับมากที่สุดถึงร้อยละ 70 

ทั้งนี้กลุ่มที่ 2 และ 3 นั้น มีกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย เช่น การปักหลักใช้พื้นถนนเป็นพื้นที่ชุมนุมต่อเนื่อง การปิดล้อมรัฐสภา การสาดสีใส่ป้ายของหน่วยงานของรัฐหรือท้องถนน เป็นต้น โดยวิธีการประท้วงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสันติวิธีในสายตาของคนเมืองน้อยที่สุด คือการพกอาวุธ หรือสิ่งเทียมอาวุธเข้ามาในที่ชุมนุมเพื่อป้องกันตัว

ดังนั้น กลุ่มผู้วิจัยวิเคราะห์ว่า กลุ่มตัวอย่างพิจารณาว่าการกระทำใดจะถูกนับเป็นสันติวิธีหรือไม่ มีเกณฑ์ 2 ข้อ ประกอบด้วย ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อคนอื่น/สังคม และการทำให้ทรัพย์สินเสียหายและบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ วิธีการที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นน้อยจะได้รับการยอมรับมากกว่าวิธีการที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นมาก และวิธีการที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหายหรือผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ก็จะไม่ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยการกระทำต่อร่างกายจัดว่ามีความร้ายแรงมากกว่าความเสียหายต่อทรัพย์สิน

เมื่อประเด็นและข้อเรียกร้องมีผลต่อการยอมรับว่าเป็น สันติวิธี

ประเด็นและข้อเรียกร้องมีผลต่อการยอมรับว่าเป็น ‘สันติวิธี’

เมื่อกลุ่มคณะผู้วิจัยสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ พบว่านอกจากรูปแบบวิธีการแสดงออกที่มีผลต่อการพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสันติวิธีหรือไม่นั้น ประเด็นข้อเรียกร้องก็มีผลต่อการพิจารณาเช่นกัน ซึ่งประเด็นอย่างปัญหาชาวบ้าน เศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาสิ่งแวดล้อม และประเด็นสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ ได้รับการยอมรับมากที่สุดว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ รองลงมาคือประเด็นการเรียกร้องปฏิรูปการเมือง การแก้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ การต่อต้านรัฐบาล และการปฏิรูปกองทัพ

ประเด็นที่ได้รับการยอมรับน้อยที่สุดว่าเป็นสิทธิที่ประชาชนทำได้ คือการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ (เพียงร้อยละ 48.8) ซึ่งการยอมรับของประชากรในกรุงเทพมหานครต่อประเด็นการเรียกร้องทางการเมืองนั้นมีความสัมพันธ์กับช่วงอายุของประชากร สำหรับเจนฯ Z ยอมรับว่าประชาชนสามารถเรียกร้องในประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อย่างสันติได้ มากถึงร้อยละ 88.2 ขณะที่เจนฯ Y มีร้อยละ 51.5 กับ เจนฯ X และเจนฯ Baby Boomer เหลือเพียงร้อยละ 36.9 และ 36.8 ตามลำดับ

จากผลสำรวจดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ปัญหาเรื่องปากท้องหรือเศรษฐกิจจะได้รับการยอมรับมากกว่าประเด็นเรียกร้องทางการเมืองโดยตรง และประเด็นอ่อนไหวอย่างการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จะมีกลุ่มตัวอย่างยอมรับได้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ยอมรับ ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยมองว่าสังคมไทยเริ่มเปิดกว้างสำหรับการถกเถียงในประเด็นดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ความเข้าใจต่อสันติวิธีของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครยังคงจำกัด ทั้งด้านของความเข้าใจและวิธีการที่ถูกนับว่าเป็นสันติวิธี แต่ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 61.8) ยังเชื่อมั่นว่าแนวทางสันติวิธีสามารถใช้คลี่คลายความขัดแย้งในสังคมไทยได้ มีเพียงร้อยละ 27 ที่ไม่แน่ใจ และร้อยละ 11.2 เท่านั้นที่ไม่เชื่อว่าจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งลงได้

MOST READ

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save