“พระเจ้าแผ่นดินที่ร่างกายไม่แข็งแรงและโง่ก็ไม่เป็นสง่าสำหรับประเทศ” : ยุวกษัตริย์รัชกาลที่ 8

วันที่ 20 กันยายน 2568 เป็นวาระครบหนึ่งศตวรรษแห่งวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร จึงเป็นโอกาสอันควรน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น ผ่านเรื่องราวอันเป็นประวัติศาสตร์ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับพระจริยวัตรและประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะบทบาทของสมเด็จพระราชชนนีผู้ทรงอบรมอภิบาลยุวกษัตริย์เป็นอย่างดียิ่ง ผู้กล่าวกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศว่า

พระเจ้าแผ่นดินก็จำเป็นมากที่จะต้องปะปนกับคนอื่น จะได้รู้จักนิสัยคนทั่วไป จะเป็นประโยชน์สำหรับบ้านเมืองที่มีการปกครองอย่างประชาธิปไตย … พระเจ้าแผ่นดินที่ร่างกายไม่แข็งแรงและโง่ก็ไม่เป็นสง่าสำหรับประเทศ


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
(20 กันยายน 2468 – 9 มิถุนายน 2489)
ภาพจาก อัฐมราชานุสสรณ์ (2493)


ไม่อยากเป็นพระเจ้าแผ่นดิน


ต้นเดือนมีนาคม 2477 (ปฏิทินเก่า) เมื่อรัฐบาลคณะราษฎรทราบแน่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 สละราชสมบัติ พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอพระนาม ‘พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล’ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม 2475 ว่าสภาแห่งนี้จะรับหรือไม่รับท่านผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 1 ตามนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ในขณะนั้น

จากนั้น เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง ได้ตอบปัญหาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนายหนึ่งถามถึงอายุและคุณสมบัติของท่านพระองค์นั้นว่า “10 พรรษา คุณสมบัติก็เรียนอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เวลานี้ก็ 10 ขวบ ก็มีเท่าที่ทรงเล่าเรียนเท่านี้แหละ

ที่สำคัญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2477 นั้น หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2477 ได้เฝ้าพระองค์เจ้าอานันทมหิดลซึ่ง “ก็ไม่มีอะไรที่จะอภิปรายให้มากนัก เพราะเหตุว่าพระองค์อานันทฯ ยังมีพระชัณษา 10 ขวบ ซึ่งจะพูดอะไรกันยังไม่ได้เนื้อถ้อยกะทงความ เป็นแต่เยี่ยมอาการทุกข์สุขเท่าที่เป็นอยู่ เท่าที่สอบสวนดู ปรากฏว่าทรงสบายดี มีการผิดแปลกเล็กน้อย คือมีร่างกายเติบโตไม่ได้ขนาด แต่หาได้เป็นวัณณโรคหรือโรคอื่นไม่ คือมีหน้าอกแคบกว่ากำหนดเล็กน้อย แล้วก็รับสั่งตามภาษาของผู้ที่มีชัณษา 10 ขวบ

ที่สำคัญคือ หลวงธำรงฯ เปิดเผยว่า “ได้พูดกันถึงเรื่องการที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ท่านบอกว่า ท่านไม่อยากเป็น โดยมีเหตุ 6 หรือ 7 ประการ ที่ไม่อยากจะเป็น ซึ่งจะขอประทานไม่แถลงในที่นี้

ประเด็นนี้เอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างนายมังกร สามเสน ได้กล่าวขอให้หลวงธำรงฯ แถลง เขาจึงแถลงโดย “ขออย่าให้จดในรายงานการประชุม

เคราะห์ดีที่ในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงนำมาเล่าไว้ในหนังสือ ‘เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์’ ถึงเหตุผล 6 ประการ ที่พระองค์เจ้าอานันทมหิดลในขณะนั้นไม่อยากเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ผ่านจดหมายที่หม่อมสังวาลย์ในขณะนั้นมีไปกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ความตอนหนึ่งว่า

นันทได้บอกหลวงธำรงฯ ว่าไม่อยากเป็นคิง เพราะ:

1. เป็นเด็ก

2. ไม่รู้จักอะไร

3. ขี้เกียจ

4. พระเก้าอี้ (นันทเรียกว่าโทรน) สูงนัก แล้วนันทเป็นคนหลุกหลิก เดี๋ยวจะตกลงไป พระยาพหลฯ ก็จะดุเอา

5. เวลาไปไหนต้องกางร่ม ทำให้ไม่ได้แดด

6. จะเดินไปไหนก็มีคนเกะกะทั้งข้างหน้าข้างหลัง วิ่งไม่ได้

ข้อเหล่านี้นันทคิดขึ้นเองหมดทั้งนั้นเมื่อทราบว่า หลวงธำรงฯ จะมา

นอกจากนี้ หลวงธำรงฯ เปิดเผยต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าได้สนทนากับหม่อมสังวาลย์ว่าจะขัดข้องหรือไม่ หากพระองค์เจ้าอานันทมหิดลจะขึ้นครองราชย์ “หม่อมสังวาลย์ตอบว่า เรื่องนี้ย่อมสุดแล้วแต่พระพันวัสสาฯ สำหรับท่านไม่มีการขัดข้องหรือมีความเห็นอย่างไร


พระองค์เจ้าอานันทมหิดล พ.ศ.2477
ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


สภาผู้แทนราษฎรให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2477 นั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมของพระองค์เจ้าอานันทมหิดลที่จะขึ้นครองราชสมบัติ เช่น

ร้อยโท ทองดำ คล้ายโอภาส ผู้แทนราษฎรจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่อยากจะไหว้เด็กหรอก ข้าพเจ้าอยากจะไหว้คนที่มีอายุพรรษามากกว่าเด็ก เด็ก ราษฎรทั้งหลายเขาไม่ค่อยจะเคารพนับถือนัก เขาเคารพนับถือผู้ใหญ่มากกว่า

ทำนองเดียวกับที่นายไต๋ ปาณิกบุตร ผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร เห็นว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความเห็นว่าจะเลือกพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงพระเยาว์อยู่ ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ … ในขณะนี้ประเทศสยามยังไม่ควรมีพระมหากษัตริย์เป็นเด็ก

ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สนับสนุนให้เลือกพระองค์เจ้าอานันทมหิดลเป็นพระมหากษัตริย์ก็มีเหตุผลน่ารับฟัง เป็นต้นว่า

ร้อยตรี ถัด รัตนพันธุ์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง อภิปรายว่า “ตามที่มีรายนามสำหรับเลือกพระมหากษัตริย์นี้ เห็นว่าควรจะเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล เพราะรัฐธรรมนูญปรากฏชัดอยู่ว่า พระองค์เจ้าอานันทมหิดลนั้นเป็นผู้อยู่ต้นที่สุด ก็ควรจะเป็นพระมหากษัตริย์ ถึงแม้ว่าจะเด็กก็ตาม แต่ว่าเราอาจจะมีผู้รักษาราชการแผ่นดินแทนพระองค์ได้

นอกจากนี้ นายสรอย ณ ลำปาง ผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง สนับสนุนความเห็นข้างต้นว่า “พระองค์เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ต้น ควรจะต้องได้ครองราชย์สมบัติ เราจะไปเลือกผู้อื่น ต่อไปข้างหน้า พระองค์เจ้าอานันทมหิดลเติบโตเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว ท่านจะทรงเสียพระทัยเท่าไร ความจริงเป็นพระองค์เองที่สมควรจะสืบราชสมบัติ แล้วจะเปลี่ยนแปลงทีหลังไม่ได้ และอาจจะเกิดแตกร้าวระหว่างพระบรมวงศานุวงศ์ หรืออาจจะเป็นภัยแก่บ้านเมืองก็ได้ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า การเลือกข้ามไปข้ามมา ข้าพเจ้าเห็นไม่เหมาะ ที่ติดอยู่ที่เป็นผู้เยาว์เท่านั้น … ถึงแม้ว่าสยามของเราก็เคยมีเช่นพระพุทธเจ้าหลวง [หมายถึง รัชกาลที่ 5] ก็เป็นผู้เยาว์เหมือนกัน

ในประเด็นนี้ ขุนเสนาสัสดี ผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด แย้งว่า “บางท่านอ้างเหตุผลว่า รัชชกาลที่ 5 ก็ไม่บรรลุนิติภาวะเหมือนกัน แต่รัชชกาลที่ 5 นั้นข้าพเจ้าทราบว่า ท่านมีพระชันษาถึง 16 แล้ว นี่เพิ่ง 10 ชันษา จะเป็นพระมหากษัตริย์อย่างไร ข้าพเจ้าสงสัยว่าราษฎรทั้งชาติ เขาจะนับถือด้วยประการทั้งปวงแล้วหรือ ข้าพเจ้าข้องใจเป็นอันมาก


แถวหน้า คือพระองค์เจ้าทั้งสาม เมื่อ พ.ศ.2477
ชายด้านหลังจากซ้าย คือ หลวงสิริราชไมตรี และ ดร.ตั้ว ลพานุกรม สองสมาชิกคณะราษฎรตั้งแต่แรกก่อการที่ปารีส
ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


อีกความเห็นหนึ่งที่น่าสนใจ มาจาก พระพินิจธนากร ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ ที่เล่าว่า “ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักกับพระบิดา คือกรมหลวงสงขลาฯ ท่านพระองค์นี้เป็นผู้ที่รักประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ในวันหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปกินน้ำชาที่วังท่านในงานแต่งงานของเพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเห็นท่านพูดกับคนใช้ก็ดี หรืออะไรก็ดี ไม่มีการใช้คลานกันหรืออะไรกัน และข้าพเจ้าได้ไปพูดกับท่านเอง 2 ต่อ 2 เช่นนี้ ถ้าจะได้ลูกของท่านซึ่งเหมือนกับพระราชบิดาแล้ว ข้าพเจ้าคนหนึ่งจะยินดีอย่างยิ่งทีเดียว

จากนั้นจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของพระมหากษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญได้อย่างน่าสนใจว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดข้องว่า เราจำเป็นต้องมีคนที่สามารถหรืออะไร เรามีรัฐธรรมนูญ เราปกครองตามแบบ แล้วเราทำไปโดยสภาฯ ทั้งนั้น แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทำผิดไม่ได้เลย คือ เดอะคิงแคนดูโนรอง (The King can do no wrong) เมื่อโนรอง (no wrong) แล้วจะทำผิดอะไรก็ไม่แปลกเลย เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญ

ท้ายที่สุด การประชุมซึ่งล่วงเข้าวันใหม่ของวันที่ 7 มีนาคม 2477 (ปฏิทินเก่า) สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เป็นพระมหากษัตริย์ จำนวน 127 นาย และไม่เห็นชอบ 2 นาย


ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


การอบรมอภิบาลยุวกษัตริย์


เมื่อพระวรวงศ์เธอพระองค์นั้นเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว หม่อมสังวาลย์ซึ่งเป็นพระราชชนนีจึงเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในการอบรมอภิบาลยุวกษัตริย์ ดังที่ ศุภลักษณ์ เลิศพาณิชย์กุล นักประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ได้อย่างกระชับว่า “หลังจากพระสวามีสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระบรมราชชนนีซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 29 พรรษา ต้องทรงเป็นทั้งพ่อและแม่ของเจ้านายเล็ก ๆ ทั้ง 3 พระองค์ ทรงเอาใจใส่อภิบาลพระโอรสธิดาได้ดียิ่ง … เมื่อเวลาผ่านไปก็ประจักษ์ชัดจดจารในประวัติศาสตร์ไทยว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ดีเลิศ

ทำนองเดียวกับที่ บุญเตือน ศรีวรพจน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ร้อยกรองว่า

อนันตคุณครบถ้วน                         เทียมสุธี

ผลเพราะพระชนนี                         นาถเลี้ยง

อัชฌาอุชุคามภีร์                         เสาวภาพ

ปรีชญาณพระเพี้ยง                    ปราชญ์เบื้องบูรพา

ในจดหมายกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2477 (ปฏิทินเก่า) หม่อมสังวาลย์บันทึกว่า “เรื่องนันท์ต้องรับเป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อไป หม่อมฉันเองก็ไม่ชอบเลย แต่เมื่อหนีไม่พ้นก็ต้องพยายามปฏิบัติไปตามเรื่อง” และกล่าวถึงดูแลยุวกษัตริย์ว่าได้กล่าวกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ผู้แทนของรัฐบาลที่ไปเฝ้าว่า “จะขออยู่อย่างอินคอกนิโต ให้ได้โอกาศเป็นเด็กธรรมดามากที่สุดที่จะมากได้ … ถ้าจะมาบังคับให้อยู่หรูหรากันอย่างคิงเต็มที่ซึ่งจะไม่ดีเลยสำหรับเด็ก จะทำให้ลำบากและเด็กไม่เป็นศุขแล้ว เห็นจะต้องเป็นคิงไม่ได้ เพราะจะอยู่อย่างไม่หรูหรา แต่อย่างเรียบร้อย

ต่อมาในวันที่ 10 เมษายน 2478 หม่อมสังวาลย์มีจดหมายไปกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาอีกฉบับหนึ่งถึงเรื่องการศึกษาของยุวกษัตริย์ว่า “ทีแรก เจ้าพระยาศรีฯ เห็นว่า นันทไม่ควรไปโรงเรียน ให้มีครูมาสอนที่บ้าน หม่อมฉันก็ตอบไปทันทีว่า หม่อมฉันเห็นตรงกันข้าม เพราะการเรียนคนเดียวจะทำให้เด็กไม่อยากเรียน เพราะไม่มีคนแข่ง และไม่สนุกเลยที่ไม่ได้มีเพื่อน จะทำให้นันทไม่มีความศุขที่ต้องแบกยศพระเจ้าแผ่นดินจนไม่มีเวลาจะเป็นเด็ก เพราะพระเจ้าแผ่นดินก็จำเป็นมากที่จะต้องปะปนกับคนอื่น จะได้รู้จักนิสัยคนทั่วไป จะเป็นประโยชน์สำหรับบ้านเมืองที่มีการปกครองอย่างประชาธิปไตย เจ้าพระยาศรีฯ ก็เห็นด้วย” (เน้นโดยผู้อ้าง)

และได้กล่าวถึงความสำคัญของสุขภาพและการศึกษาสำหรับยุวกษัตริย์ว่า “เมื่อเจ้าพระยาศรีฯ จะไปจากโลซานน์ หม่อมฉันก็ได้บอกให้เป็นที่เข้าใจอีกว่า ทั้งลูกและหม่อมฉันไม่มีความต้องการยศและลาภเลย แต่การที่นันทต้องรับเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็เพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ต่อบ้านเมือง … สำหรับร่างกายและการศึกษาแล้วขอให้ได้เต็มที่ เวลานี้เป็นเด็กก็ขอให้เป็นเด็ก พระเจ้าแผ่นดินที่ร่างกายไม่แข็งแรงและโง่ก็ไม่เป็นสง่าสำหรับประเทศ” (เน้นโดยผู้อ้าง)

ท้ายจดหมายฉบับนี้ หม่อมสังวาลย์ได้แสดงถึงความรักของแม่ออกมาอย่างเต็มที่ ดังถ้อยคำที่ว่า “หม่อมฉันวิตกอยู่ก็ถึงเรื่องที่นันทจะไม่ได้มีความศุขอย่างเด็กมาก และกลัวการศึกษาจะได้ไม่เต็มที่” (เน้นโดยผู้อ้าง)


หม่อมสังวาลย์กับพระองค์เจ้าทั้งสาม ราว พ.ศ.2476
ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


ความสามารถเช่นนี้เองที่ทำให้สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีลายพระหัตถ์อยู่ในซองจดหมายจากหม่อมสังวาลย์ลงวันที่ 3 เมษายน 2478 ว่า

ฉันต้องชมเชยสังวาลย์อีกครั้งหนึ่ง ฉลาดเป็นอัศจรรย์ ใจเย็น พูดโต้ตอบงดงามอย่างน่าพิศวงกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ บุญของฉันมาได้ลูกสะใภ้เช่นนี้ บุญของหลานที่มีแม่ที่เลิศ ไม่มีใครจะมาดูถูกได้ว่าเลวทราม ฉันพูดนี้ปลื้มใจด้วย เศร้าใจด้วยจนน้ำตาไหล” (เน้นโดยผู้อ้าง)


จากซ้าย นายดิเรก ชัยนาม, หลวงสิริราชไมตรี, เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ
ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


ความทรงจำของพระอนุชา


26 มีนาคม 2530 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กราบทูลถามสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่าทรงมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อพระโสทรเชษฐาเสด็จขึ้นครองราชย์ “รับสั่งว่า ไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ ทรงจำได้ว่า สององค์พี่น้องทรงเห็นว่า ตลกดีที่ผู้มาเฝ้าวางท่าสง่าผ่าเผยอย่างทางการเหลือเกิน (pompous)


พระองค์เจ้าอานันทมหิดลที่โรงเรียนเทพศิรินทร์
ภาพจาก เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์ (2560)


โอวาทธรรมจากสมเด็จฯ


ในปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั้น พระองค์เจ้าอานันทมหิดลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์อยู่ 1 ปี และได้มีโอกาสไปนมัสการสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เพื่อให้สมเด็จฯ อบรมธรรม โดยท่านได้สอนข้อธรรมง่ายๆ ที่ปฏิบัติได้ เช่น “เมื่อมียุงมาเกาะ อย่าไปตบ ให้เอามือลูบเสีย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอพระองค์นั้นทรงบันทึกไว้ว่า “วันหนึ่งแม่ลงมาดูลูกชายสองคนซึ่งกำลังนั่งเล่นละลายเทียนไขในกระทะเล็กที่วางบนอั้งโล่ แม่เห็นคางคกอยู่ในกระทะนั้นตัวหนึ่ง แม่ก็เอะอะใหญ่และถามพระองค์ชาย [หมายถึง รัชกาลที่ 8] สมเด็จฯ เคยสอนเรื่องยุง ทำไมจึงมาทำอย่างนี้ พระองค์ชายตอบว่า สมเด็จไม่ได้สอนเรื่องคางคก

และทรงสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ความว่า “ข้าพเจ้าไปสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อเดือนธันวาคม 2529 ได้ทูลถามว่าทรงจำเรื่องคางคกนั่นได้ไหม รับสั่งว่าทรงจำได้ และคางคกนั้นไม่ได้ไปจับมา มันกระโดดลงไปในกระทะเองโดยบังเอิญ


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2488
ภาพจาก อัฐมราชานุสสรณ์ (2493)


การประชุมรัฐสภาครั้งสุดท้ายในรัชกาล


วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2489 เมื่อพระอัฐมรามาธิบดินทรพระองค์นั้นสวรรคตอย่างเป็นปริศนา ได้มีการประชุมรัฐสภาในเวลา 21.10 น. นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งการสวรรคตต่อรัฐสภา อันประกอบด้วยพฤฒสภาและสภาผู้แทนราษฎร หลังจากได้มีการสอบถามถึงสาเหตุการสวรรคตพอประมาณแล้ว นายทวี บุณยเกตุ ผู้สั่งราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ยกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ขึ้น แล้วกล่าวว่า “รัฐบาลจึงเห็นว่าผู้ที่สมควรจะสืบราชสันตติวงศ์ควรได้แก่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช

ปรากฏว่า สมาชิกรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ โดยปราศจากการอภิปรายเช่นเมื่อคราวรัชกาลที่ 8 เสวยราชย์แต่อย่างใด

จากนั้น นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้สวรรคตแล้ว และบัดนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ได้สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนชาวไทยแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้สภาถวายพระพรชัย ขอให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญ” ซึ่งที่ประชุมได้ยืนขึ้นและกล่าวไชโย 3 ครั้ง


นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2489
ภาพจาก มหาอานันทานุสรณ์ (2493)



บรรณานุกรม

  • พระอัฐมรามาธิบดินทร. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2558.
  • กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. แนวพระราชดำริเก้ารัชกาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2527.
  • บุญเตือน ศรีวรพจน์. ทิพย์วจีวลีวลัย อัญชลิต ร้อยกรองราชสดุดี. กรุงเทพฯ: กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, 2568.
  • ศุภลักษณ์ เลิศพาณิชย์กุล. ศรีนครินทร์ไผทสยาม. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์, 2552.
  • สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. เจ้านายเล็ก ๆ – ยุวกษัตริย์. กรุงเทพฯ: สำนักพระราชวัง กรมราชเลขานุการในพระองค์, 2560.
  • รายงานการประชุมรัฐสภา ครั้งที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2489.
  • รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 33 วันที่ 6-7 มีนาคม 2477.

.

MOST READ

Life & Culture

14 Jul 2022

“ความตายคือการเดินทางของทั้งคนตายและคนที่ยังอยู่” นิติ ภวัครพันธุ์

คุยกับนิติ ภวัครพันธุ์ ว่าด้วยเรื่องพิธีกรรมการส่งคนตายในมุมนักมานุษยวิทยา พิธีกรรมของความตายมีความหมายแค่ไหน คุณค่าของการตายและการมีชีวิตอยู่ต่างกันอย่างไร

ปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย

14 Jul 2022

Thai Politics

6 Jun 2025

101 SUPPORT — ร่วมซัพพอร์ต ร่วมส่งพลัง ร่วมสร้างสรรค์สื่อ

ร่วมซัพพอร์ตให้ ‘วันโอวัน’ ทำงานสื่อความรู้สร้างสรรค์แบบมืออาชีพ เปิดเบื้องหลังเบื้องหลังของปรากฏการณ์รอบตัวอย่างตรงไปตรงมา ชวนสังคมตั้งคำถามที่ ‘ใช่’ ในเรื่องสำคัญต่อชีวิต และเป็นตลาดวิชาคุณภาพให้สังคมไทย

กองบรรณาธิการ

6 Jun 2025

Life & Culture

27 Jul 2023

วิตเทเกอร์ ครอบครัวที่ ‘เลือดชิด’ ที่สุดในอเมริกา

เสียงเห่าขรม เพิงเล็กๆ ริมถนนคดเคี้ยว และคนในครอบครัวที่ถูกเรียกว่า ‘เลือดชิด’ ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวของบ้านวิตเทเกอร์ถูกเผยแพร่ครั้งแรกทางยูทูบเมื่อปี 2020 โดยช่างภาพที่ไปพบพวกเขาโดยบังเอิญระหว่างเดินทาง ซึ่งด้านหนึ่งนำสายตาจากคนทั้งเมืองมาสู่ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้

พิมพ์ชนก พุกสุข

27 Jul 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save