Amnesty Bill in Thailand 2568

สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้ (หรือลืมไปแล้ว) เกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรม

เป็นไปตามที่หลายคนคาดไว้ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมถูกเลื่อนออกจากวาระการประชุมสภาในวันที่ 9 เมษายน 2568 และจะไม่มีโอกาสกลับมาพิจารณาได้ในสมัยประชุมนี้อีกแล้ว

ข้อเสนอต่อการนิรโทษกรรมนี้ เพื่อยกเลิกคดีที่เกิดจากความเห็นต่างทางการเมืองนับตั้งแต่ช่วงรัฐประหารปี 2549 ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (เสื้อแดง) และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับมาตรา 112 ความหวังที่ว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตจึงถูกชะลอออกไปอีกครั้ง 

ทุกเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทยเดินคู่กับความขัดแย้งที่ทิ้งร่องรอยไว้กับทุกกลุ่มความคิด การใช้กฎหมายเพื่อจัดการผู้เห็นต่างกลายเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ ของทุกยุคทุกสมัย การนิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อเซ็ตซีโร่ความขัดแย้ง กลับกลายเป็นเงื่อนไขสำหรับการต่อรองทางการเมืองจนกระบวนการผลักดันถูกยื้อออกไปอีก แม้ว่าร่างกฎหมายจะยังมีโอกาสกลับเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมหน้า แต่คนที่แบกรับผลของความขัดแย้ง โดยเฉพาะคนธรรมดาที่ไม่มีต้นทุนทางการเมือง ยังคงเผชิญผลกระทบอยู่ทุกวินาที

วันโอวันชวนมองลึกลงไปในกระบวนการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ว่าเหตุใด สิ่งที่ควรเป็นเครื่องมือพาเราเดินหน้า จึงยังคงหยุดอยู่ที่เดิม

1. พรรคเพื่อไทยและคณะรัฐมนตรีไม่เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม

ข้อมูลถึงวันที่ 9 เมษายน 2568 ชี้ว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล ยังไม่เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของพรรคต่อสภาผู้แทนราษฎร

ช่วงปลายปี 2567 แกนนำพรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่า จะเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม โดยพรรคมีมติให้ยกร่าง และระบุว่าจะยื่นเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนธันวาคม 2567 ครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยยืนยันจุดยืนว่า ร่างกฎหมายของพรรคไม่ครอบคลุมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 (ความผิดต่อพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) มาตรา 112 (ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์) ตลอดจนคดีทุจริตและคดีอาญาร้ายแรง

ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของพรรค เปิดเผยว่าการยกร่างขั้นต้น ซึ่งเน้นการกำหนดนิยาม ได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่เมื่อถึงสมัยประชุมสภาฯ ปรากฏว่าในการพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 4 ฉบับที่เสนอโดยภาคประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ กลับไม่พบร่างของพรรคเพื่อไทย

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับที่มีอยู่ ครอบคลุมเนื้อหาที่จำเป็นเพียงพอแล้ว อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังแสดงจุดยืนว่าประเด็นนิรโทษกรรมควรเป็นเรื่องที่รัฐสภาเป็นผู้พิจารณา

การที่พรรคเพื่อไทยไม่เสนอร่างกฎหมาย อาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ความเห็นต่างภายในพรรค แรงกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องมาตรา 112 และบริบททางการเมืองหลังอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งการตัดสินใจนี้ทำให้พรรคเผชิญเสียงวิจารณ์ว่าขาดความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง 

2. ร่างกฎหมายของพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจเป็นฉบับที่ สส. ส่วนใหญ่สนับสนุน 

ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีแนวโน้มเป็นตัวเลือกหลักในการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมจาก 4 ฉบับที่เสนอต่อรัฐสภา

ร่างของ รทสช. หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว จึงมีแนวโน้มว่า สส. จำนวนมากจะสนับสนุน เพราะร่างนี้ระบุชัดเจนว่าไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไว้ในการนิรโทษกรรม ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านหลายพรรค เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ที่แสดงจุดยืนคัดค้านการนำมาตรา 112 มารวมไว้

ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นหนึ่งในร่างกฎหมายที่ผ่านการบรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาตั้งแต่ปลายปี 2567 ทำให้มีความพร้อมในการพิจารณาตามกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งจะนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ขัดแย้งและการชุมนุมทางการเมือง ย้อนหลังตั้งแต่ก่อนรัฐประหารปี 2549 แต่ไม่รวมคดีที่มีการกระทำต่อชีวิต

ขอบเขตของกฎหมายครอบคลุมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ได้แก่ พันธมิตรเสื้อเหลือง กลุ่มนปช.เสื้อแดง และ กปปส.

3. ทุกพรรคเคยหาเสียงเรื่องนิรโทษกรรมไว้ตั้งแต่ปี 2566

การนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดทางการเมืองเป็นประเด็นที่พรรคต่างๆ นำมาใช้หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 

พรรคเพื่อไทยหาเสียงโดยให้คำมั่นว่าจะผลักดันการนิรโทษกรรม รวมถึงเปิดกว้างพิจารณาความผิดตามมาตรา 112 แต่หลังจัดตั้งรัฐบาล พรรคปรับเปลี่ยนจุดยืน และประกาศว่าจะไม่รวมมาตรา 112 ในร่างกฎหมาย ซึ่งส่งผลต่อความไว้วางใจและคะแนนนิยมที่ผู้สนับสนุนมีให้พรรคในปัจจุบัน

พรรคประชาชนหรืออดีตพรรคก้าวไกล มีจุดยืนชัดเจนว่าจะผลักดันการนิรโทษกรรมผู้ที่เผชิญคดีทางการเมือง รวมถึงผู้ที่เผชิญข้อหาความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคมาตลอด แม้อยู่ในฐานะฝ่ายค้าน พรรคประชาชนยังคงยืนยันจุดยืนเดิม

ขณะที่พรรคอื่นๆ อย่างรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ ไม่ได้นำเสนอการนิรโทษกรรมเป็นนโยบายหลัก แต่ทั้งสองพรรคมีจุดยืนชัดเจนว่าจะคัดค้านการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ซึ่งเป็นอุดมการณ์และท่าทีทางการเมืองของทั้งสองพรรค

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 คล้ายกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ

4. นิรโทษกรรมกับเกมการเมือง จากฉบับ ‘สุดซอย’ สู่ร่างฉบับ ‘พ่วงคาสิโน’

การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมในประเทศไทยที่ผ่านมา เต็มไปด้วยอุปสรรคและความขัดแย้ง เหตุการณ์สำคัญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสะท้อนเรื่องนี้ได้ดี

บทเรียนจาก ’นิรโทษกรรมสุดซอย‘ เมื่อปี 2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฉายภาพชัดเจน เมื่อพรรคเพื่อไทยผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีขอบเขตกว้างขวาง ครอบคลุมถึงคดีทุจริตคอร์รัปชัน และนิรโทษกรรมผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม การเร่งผ่านร่างกฎหมายช่วงดึกนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ของกลุ่ม กปปส. และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดรัฐประหารในปี 2557

ปัจจุบัน สังคมกลับมาให้ความสนใจการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอีกครั้ง ในช่วงปลายสมัยประชุมสภาฯ เมื่อสภาวางลำดับการพิจารณาให้ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ อยู่ก่อนร่างนิรโทษกรรมในวันที่ 9-10 เมษายน 2568

ร่างนิรโทษกรรมทั้ง 4 ฉบับมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชาชน และภาคประชาชน (ผ่านการเข้าชื่อของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ) การที่สภานำร่างกฎหมายสำคัญสองฉบับมาพิจารณาพร้อมกันในเวลาจำกัดก่อนปิดสมัยประชุม ก่อให้เกิดข้อกังวลว่าอาจมีเจตนาแอบแฝง โดยเฉพาะการเสนอให้พิจารณาร่างกฎหมายสถานบันเทิงก่อน อาจจำกัดเวลาพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับคาสิโนถูกกฎหมายมีข้อถกเถียงและต้องใช้เวลาอภิปรายมาก

5. มาตรา 112 คือตัวกำหนดทิศทางสนับสนุนหรือคัดค้าน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดทิศทางการสนับสนุนหรือคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรม คือการรวมหรือไม่รวมความผิดตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเอาไว้ พรรคการเมืองต่างๆ ใช้ประเด็นนี้กำหนดจุดยืนและนโยบายเพื่อสื่อสารกับประชาชน

ความซับซ้อนของการเมืองไทยอาจทำให้หลายฝ่ายเข้าใจว่า คดีมาตรา 112 หาทางออกแบบตรงไปตรงมาได้ยาก แต่เมื่อติดตามกระบวนการใกล้ชิด อาจพอเห็นความพยายามของ สส. หลายพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่พยายามหาทางออกให้คดีมาตรา 112 อย่างถึงที่สุด ผ่านการทำรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร (ชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน) พยายามผลักดันให้รวมมาตรา 112 เข้าไปแบบ ‘มีเงื่อนไข’ เช่น กำหนดมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

ความเห็นที่แตกต่างเรื่องมาตรา 112 นี้เอง เป็นสาเหตุให้การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการฯ ล่าช้า เมื่อสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการที่เสนอแนวทางเกี่ยวกับมาตรา 112 จึงแสดงให้เห็นว่าเสียงข้างมากในสภาไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมมาตรานี้ นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่า สภาจะไม่รวมความผิดตามมาตรา 112 ในกฎหมายนิรโทษกรรม และประเด็นนี้ยังเป็นตัวกำหนดท่าทีทางการเมืองของแต่ละพรรคด้วย

MOST READ

Thai Politics

3 May 2023

แดง เหลือง ส้ม ฟ้า ชมพู: ว่าด้วยสีในงานออกแบบของพรรคการเมืองไทย  

คอลัมน์ ‘สารกันเบื่อ’ เดือนนี้ เอกศาสตร์ สรรพช่าง เขียนถึง การหยิบ ‘สี’ เข้ามาใช้สื่อสาร (หรืออาจจะไม่สื่อสาร?) ของพรรคการเมืองต่างๆ ในสนามการเมือง

เอกศาสตร์ สรรพช่าง

3 May 2023

Politics

24 Jul 2025

“ในสงคราม สิ่งแรกที่ถูกฆ่าตายคือความจริง” สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา เรารู้อะไรอย่างเป็น ‘ทางการ’ แล้วบ้าง?

วันโอวัน สรุปข้อมูลการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จากทางการทั้งสองฝ่าย พร้อมความเห็นจากนักวิชาการ ผู้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

กองบรรณาธิการ

24 Jul 2025

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save