วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เรื่อง
ชื่อต้นฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือ เศรษฐศาสตร์ [ฉบับทางเลือก] คือ Economics: The User’s Guide ซึ่งถ้าแปลตรงตัวก็น่าจะเป็น “คู่มือแนะนำการใช้เศรษฐศาสตร์” เพราะ ฮาจุน ชาง ตั้งใจเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้ผู้อ่านมีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอที่จะกลายเป็น “พลเมืองเศรษฐกิจที่แข็งขัน” (active economic citizen)
เรื่องแปลกอย่างหนึ่งในยุคข้อมูลข่าวสารทุกวันนี้ก็คือ คนส่วนใหญ่พร้อมจะแสดงความเห็นต่อ(แทบ)ทุกประเด็นสาธารณะทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของจีนที่สูงขึ้น กฎหมายการแต่งงานเพศเดียวกัน พุทธแท้พุทธเทียม หรือการบ้านการเมือง แม้ว่าจะไม่ได้ร่ำเรียนมาด้านรัฐศาสตร์หรือสังคมศาสตร์โดยตรงก็ตาม เพราะหลายคนคิดในใจว่า ก็แน่ละ นี่มันเรื่องที่มีผลกระทบกับชีวิตเรานี่นา ทำไมเราจะแสดงความเห็นไม่ได้
แต่พอจอโทรทัศน์ตัดภาพมาเป็นข่าวเศรษฐกิจ เช่น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเข้าอุ้มธนาคารที่ล้มละลาย โรงงานผลิตมือถือซัมซุงย้ายฐานจากไทยไปเวียดนาม หรือดีเบตว่ารัฐบาลกำลัง “ถังแตก” หรือไม่ หลายคนกลับส่ายหน้าเบาๆ พลางคิดในใจว่า แน่ละ เศรษฐกิจเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ นโยบายอะไรต่อมิอะไรที่ใช้กันก็คงไตร่ตรองมาดีแล้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย เราไม่ได้เรียนมาทางเศรษฐศาสตร์ด้วย อยู่เฉยๆ เป็นผู้ฟังดีกว่า – ความตื่นตัวต่อประเด็นสาธารณะหายไปในบัดดล
ชางเห็นว่าผู้คนหวาดกลัวการแสดงความเห็นเรื่องเศรษฐกิจก็เพราะ(หลง)เชื่อว่าวิชาเศรษฐศาสตร์นั้นมีความเป็น “วิทยาศาสตร์” ไม่ต่างอะไรกับฟิสิกส์หรือเคมี ที่ทุกปัญหาล้วนมีคำตอบที่ถูกต้องตายตัวเพียงหนี่งเดียว
แต่หนังสือ เศรษฐศาสตร์ [ฉบับทางเลือก] ต้องการเปิดโลกทัศน์ให้ผู้อ่านเห็นว่าเศรษฐศาสตร์ไม่มีทางที่จะเป็นวิทยาศาสตร์ได้ในแบบเดียวกับฟิสิกส์หรือเคมี ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์นั้นมีมากมายไม่ต่ำกว่าเก้าสำนัก แต่ละสำนักมองโลกความเป็นจริงด้วย “แว่นตา” ที่ต่างกัน (เช่น บางสำนักใช้ “ปัจเจก” เป็นหน่วยมองโลก บางสำนักใช้ “ชนชั้น”) มีจุดเน้นคนละจุด (เช่น บางสำนักเน้นเศรษฐกิจมหภาค บางสำนักเน้นบทบาทของเทคโนโลยี) ยึดถือคุณค่ากันคนละแบบ (เช่น บางสำนักยึดประสิทธิภาพการแข่งขัน บางสำนักยึดความเท่าเทียมในสังคม) วิธีคิดของแต่ละสำนักจึงเหมาะกับสถานการณ์คนละแบบ
พอทำความรู้จักแก่นพื้นฐานแล้ว ชางก็จะพาเราออกเดินทางไปสำรวจ “จักรวาลเศรษฐศาสตร์” ด้วยมุมมองใหม่ๆ ที่อาจทลายความเชื่อเรื่องเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ของคุณไปโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น
- ถ้าคุณคิดว่าทุนนิยมมีขึ้นมีลงเป็นอนิจจัง ชางจะบอกให้คุณรู้ว่ากลไกและนโยบายอะไรที่นำทุนนิยมไปสู่ความรุ่งโรจน์และร่วงโรย
- ถ้าคุณคิดว่า “เสรีนิยม” มีความหมายเดียว ชางจะเล่าให้ฟังว่าความหมายของคำนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนจากจุดเริ่มต้น และเสรีนิยมในสหรัฐอเมริกาต่างจากเสรีนิยมในยุโรปอย่างไร
- ถ้าคุณคิดว่าเศรษฐกิจเป็นเรื่องของกลไกตลาดและปัจเจกบุคคล ชางจะอธิบายให้คุณเห็นว่าเหตุใดองค์กรธุรกิจต่างหากที่เป็น “พระเอกที่แท้จริง” ของระบบเศรษฐกิจ
- ถ้าคุณคิดว่าประเทศอย่างกรีซหรือเม็กซิโกไม่เจริญเพราะมีแต่คนขี้เกียจ ชางจะแสดงข้อมูลให้คุณเห็นว่า ที่จริงแล้วคนเนเธอร์แลนด์ต่างหากที่ “ขี้เกียจ” ที่สุดในโลก แต่ก็ยังเจริญได้ เพราะอะไร
ก็เพราะเศรษฐกิจมีผลกับเราทุกคน เศรษฐกิจจึงมีความสำคัญมาก – มากจนไม่ควรถูกทิ้งให้อยู่แต่ในมือของ “ผู้เชี่ยวชาญ” ครับ
วิกฤตต้มยำกุ้งของไทยกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์รอบล่าสุดน่าจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดีของการทิ้งให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการเศรษฐกิจ เราทุกคนควรมีบทบาทแข็งขันในการแสดงความเห็นต่อนโยบายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ไม่ต่างจากที่เรามีความเห็นต่อเรื่องอื่นๆ ในสังคม แต่จะทำอย่างนั้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความรู้ทางเศรษฐกิจเพียงพอที่จะวิจารณ์ได้ว่าข้อเสนอทางเศรษฐกิจที่ได้ยินได้ฟังทางสาธารณะนั้น ข้อเสนอไหนที่ฟังดู “เข้าท่าเข้าทาง” มากที่สุด
การอ่าน เศรษฐศาสตร์ [ฉบับทางเลือก] ก็เหมือนการพกเครื่องไม้เครื่องมืออย่าง “มีดพับสวิส” สารพัดประโยชน์ติดตัวไว้ท่องโลกเศรษฐกิจ
มาลองกันสักตั้งดีไหมครับ
……….
จากผู้เขียน: ขอเชิญร่วมงานเปิดตัวหนังสือ เศรษฐศาสตร์[ฉบับทางเลือก] และเสวนาในหัวข้อ “เศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยไทยไม่ได้สอน” โดย วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ปกป้อง จันวิทย์ และกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2560 เวลา 14.00-16.00 น. ณ ร้านหนังสือ B2S สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล จัดโดย B2S และสำนักพิมพ์ openworlds
……….