fbpx
จาก ‘บาซูก้า’ สู่ ‘สมาร์ตบอมบ์’ – ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสำหรับศึกโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ

จาก ‘บาซูก้า’ สู่ ‘สมาร์ตบอมบ์’ – ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสำหรับศึกโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ

 สันติธาร เสถียรไทย เรื่อง

 กฤตพร โทจันทร์ ภาพประกอบ

 

เราได้ผ่านช่วงปิดเมืองเต็มที่ไปแล้ว แต่ ‘สงคราม’ กับไวรัสโควิด-19 ยังไม่จบ และดูจะเป็นศึกที่ยืดเยื้อไปจนกว่าเราจะมีวัคซีนและยาที่รักษาโรคนี้ได้ 

เรากำลังอยู่ในภาวะไม่ปกติใหม่ (New Abnormal) ที่ต่างจากช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ใช่ภาวะปกติใหม่แบบโลกหลังมีวัคซีน

ในเฟสนี้ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอาจต้องเปลี่ยนจากการใช้ ‘บาซูก้า’ มาเป็น ‘สมาร์ตบอมบ์’

 

ทำไมต้องปรับยุทธศาสตร์? 

 

ผมเคยเขียนไว้ว่านโยบายการคลังและการเงินควรมี 5 “T”

ในช่วงล็อกดาวน์ นโยบายต้องเป็น ‘บาซูก้า‘ เน้นปริมาณใหญ่พอ (Titanic) ทันเวลา (Timely) และครอบคลุมคนที่ได้รับผลกระทบให้มากที่สุด

แม้ว่าความช่วยเหลืออาจจะหลุดให้ประโยชน์กับคนที่เดือดร้อนไม่มากไปบ้างก็พอเข้าใจได้ เพราะความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ การเล็งเป้า (Targeting) จึงเป็นเรื่องรอง แต่ที่สำคัญคือ ควรใช้แค่ชั่วคราว (Temporary) เท่านั้น และต้องมีความโปร่งใสในการใช้เงิน (Transparency)

แต่เมื่อเราเข้าสู่เฟสใหม่ น้ำหนักของแต่ละ “T” ก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย

วันนี้ ความสำคัญของ ‘การยิงให้เข้าเป้า ใช้ยาให้ตรงจุด’ (Targeting) สำคัญกว่าเฟสที่แล้วมาก 

หนึ่ง ตอนนี้ทุกคนไม่ต้องกลั้นหายใจกัน 100% แล้ว แต่ปัญหาคือหายใจกันได้ไม่ทั่วท้อง บางคนได้ออกซิเจนมากหน่อย บางคนยังขาดอากาศอยู่ (เช่น ท่องเที่ยวต่างประเทศ) 

สอง รัฐบาลไม่ได้มีกระสุนมากเท่าเดิม ยกตัวอย่างทางด้านการคลัง หลังจากใช้มาตรการกู้เงินต่างๆ ที่ผ่านมาในช่วงโควิด-19 หนี้สาธารณะอาจกระโดดจาก 41% ขึ้นไปใกล้ 60% ของ GDP

แม้ 60% นี้จะไม่ได้เป็นเส้นตายด้านการคลัง แต่ประเด็นคือเรื่องความยั่งยืนทางการคลังระยะยาว เมื่อศักยภาพการเติบโตของ GDP ในระยะยาวของไทยอาจชะลอลงไปอีกในอนาคต บวกกับภาระทางการคลังที่มาพร้อมกับสังคมสูงอายุ

สาม รัฐบาลต้องเริ่มคำนึงถึงผลข้างเคียงระยะยาวของมาตรการระยะสั้นต่างๆ มากขึ้น เช่น อาจตั้งคำถามว่าหากยืดมาตรการพักหนี้แบบครอบคลุมทุกคนนานเกินไป อาจเริ่มส่งผลกระทบต่อวินัยทางการเงินหรือไม่

 

ยุทธศาสตร์ ‘สมาร์ตบอมบ์’ 

 

ยุทธศาสตร์ ‘สมาร์ตบอมบ์’ คือระเบิดขนาดเล็กที่ใช้เฉพาะจุด เฉพาะเวลาอย่างแม่นยำ เพื่อประหยัดกระสุนและลดผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการ

หลักการนี้สามารถนำมาใช้กับเครื่องมือทางนโยบายเศรษฐกิจยุคโควิด-19 ที่มีอยู่สามชิ้นหลักคือ นโยบายเปิดเมือง นโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง

ชิ้นแรก นโยบายเปิดเมือง – จากปิด/เปิดเมืองแบบเดียวกันทั่วประเทศ มาเป็นนโยบายเฉพาะพื้นที่ (Area-based policy) 

ข้อนี้อาจดูเหมือนเป็นนโยบาย ‘สาธารณสุข’ มากกว่านโยบาย ‘เศรษฐกิจ’ แต่แท้จริงแล้ว ในยุคโควิด-19 การเปิด-ปิดเมืองเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญไม่แพ้นโยบายการเงินการคลังด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อเราคำนึงถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวในเศรษฐกิจไทย (18% ของ GDP กระทบคนงาน 20% ของทั้งประเทศ)

เราจึงควรมองนโยบายนี้เป็น ‘ลูกครึ่ง’ ที่เป็นทั้งเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการควบคุมโรค

ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้วิธีการเปิด-ปิดเมืองแบบครอบคลุมทั้งประเทศ ปิดทีทั้งประเทศ เปิดเมืองมา 6 รอบก็เป็นรายกิจกรรม/กิจการที่ใช้กฎเดียวกันทั้งประเทศ แม้วิธีการเช่นนี้ได้ผลอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อกิจกรรมที่เปิดมีความเสี่ยงสูงขึ้น ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการติดเชื้อเลย 

แทนที่เราจะปิดเมืองทั้งประเทศเมื่อพบการติดเชื้อ เราสามารถใช้นโยบายเฉพาะพื้นที่ คือปิดบางกิจกรรมในบางพื้นที่เช่น อาจจะเลือกปิดบางกิจกรรมชั่วคราวที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อที่สุด (อย่างเช่น สถานที่ในร่มที่มีคนแออัด มีการตะโกนใช้เสียงมาก คุมระยะห่างยาก) ตามด้วยการดึงทรัพยากรกำลังคนทางการแพทย์ลงมาช่วยตรวจและแกะรอยคนติดเชื้อ รวมทั้งแยกตัวกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่นั้นอย่างเข้มข้น (Test, Trace and Isolate)

 

Travel Bubble แบบเฉพาะพื้นที่

 

ในทำนองเดียวกัน การเปิดการท่องเที่ยวต่างประเทศก็อาจใช้วิธีแบบ Area-based ได้เช่นกัน เพราะแต่ละจังหวัดมีการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เท่ากัน บางจังหวัดอาจต้องการให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาบ้าง ในขณะที่บางจังหวัดอาจบอกว่าไม่จำเป็นและกลัวไวรัสมากกว่า

การทำนโยบายแบบสมาร์ตบอมบ์ คือการเริ่มทดลองเปิดท่องเที่ยวแบบ Travel Bubble กับประเทศที่คุมโรคได้ดีให้เข้ามาได้ในจังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวมากๆ และมีความพร้อมก่อน โดยต้องมีระบบติดตามที่ให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นอยู่ในจังหวัดที่ขออนุญาตไว้เท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น อาจเริ่มให้นักท่องเที่ยวสาย long stay (มาครั้งหนึ่งแล้วอยู่นานๆ) จากประเทศที่กำหนดเดินทางมาที่ภูเก็ตหรือสมุย ทำแคมเปญ Work from Thailand มากึ่งพักกึ่งทำงานที่โรงแรมในภูเก็ต เปลี่ยนบรรยากาศแทนที่จะติดอยู่บ้านในประเทศตน 

หากเกิดโชคร้ายมีคนติดเชื้อเข้ามา เราก็น่าจะ ‘สกัดไฟ’ ไม่ให้ลามได้ง่ายกว่าที่อื่น เพราะไม่มีการเดินทางด้วยรถยนต์ข้ามไปจังหวัดอื่นๆ

 

นโยบายการเงิน-การคลังแบบเฉพาะจุด

 

ชิ้นที่ 2 คือ นโยบายการเงิน – เปลี่ยนจากมาตรการที่มีผลบังคับใช้กับทุกคนถ้วนหน้า เช่นนโยบายลดดอกเบี้ย มาเป็นนโยบายที่เน้นเฉพาะกลุ่ม เช่น ผลักดันให้สถาบันการเงินช่วยเหลือ SMEs และกลุ่มคนที่อาจเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคาร (underbanked) ดังที่ผมได้เขียนไว้

ชิ้นที่ 3 คือ นโยบายการคลัง – ปรับจากการกระจายการเยียวยาเป็นวงกว้างมาเป็นนโยบายอัดฉีดเฉพาะจุด โดยแบ่งได้เป็นสองประเภท 

หนึ่ง มาตรการทางการคลังเพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มที่เดือดร้อน เช่น ภาคการท่องเที่ยว โดยนอกจากการสนับสนุนในรูปแบบเดิมๆ แล้ว (อย่างการลดภาษี หรือช่วยเเหลือผ่านประกันสังคม) รัฐอาจพิจารณาเครื่องมือทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ เช่น ตั้งกองทุนรัฐร่วมกับเอกชน ลงทุนในหุ้นของกิจการโรงแรมที่คุณภาพดีแต่โดนพิษโควิด-19 หลายแห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งคล้ายกับนโยบายในยุโรป ยิ่งไปกว่าว่าอาจใช้งบน้อยกว่าแล้ว ยังมีความเป็นได้ว่าในอนาคตอาจได้เงินคืนเมื่อโรงแรมหลายแห่งฟื้นตัวกลับมามีกำไร

สอง มาตรการทางการคลังที่ไม่ใช่แค่กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่เชื่อมโยงไปสู่แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวด้วย

ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งรวมถึง 5G หรือระบบคลาวด์ เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจสังคมที่เข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้นหลังโควิด-19 อย่างที่เป็นธีมใหญ่ในแผนฟื้นเศรษฐกิจของทั้งประเทศจีนและเกาหลีใต้ 

 

3 หลักการสำคัญของยุทธศาสตร์สมาร์ตบอมบ์

 

แต่ไม่ว่าจะใช้นโยบายใดก็ตาม ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแบบสมาร์ตบอมบ์นี้ต้องยืนอยู่บน 3 หลักการสำคัญ

หนึ่ง ต้องมีข้อมูลเป็นตัวนำ (Data-driven) อยู่บนฐานข้อมูลที่แน่นทั้งด้านทางเศรษฐกิจและสาธารณสุข 

เราคงทำอะไร ‘สมาร์ต’ ไม่ได้หากขาดข้อมูล จะ ‘สกัดไฟ’ ป้องกันไม่ให้ไวรัสระบาดวงกว้างเมื่อพบการติดเชื้อก็ทำได้ยากหากเราไม่สามารถแกะรอย (Trace) ได้อย่างรวดเร็วว่าผู้ติดเชื้อไปไหนมาบ้าง 

จะออกมาตรการช่วยภาคท่องเที่ยวและ SMEs ก็คงลำบากหากไม่มีข้อมูลธุรกิจเหล่านี้โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจจำนวนมากอาจ ‘อยู่นอกระบบ’ 

หากรัฐบาลขาดข้อมูลบางครั้ง ก็ควรประสานงานกับภาคประชาสังคมที่อาจมีข้อมูลและความเข้าใจในแต่ละพื้นที่ดีกว่า

สอง ต้อง Well-coordinated คือมีการประสานกันทั้งสามเครื่องมือเศรษฐกิจทั้งเปิดเมือง-การคลัง-การเงิน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ 

หากเราต้องปิดบางประเภทกิจการที่เสี่ยงในพื้นที่หนึ่งเพราะเกิดการระบาด นโยบายการคลังควรหันมาช่วยเยียวยากิจการที่ได้รับผลกระทบหนักๆ ในพื้นที่นั้น ฝั่งธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องเข้ามาช่วยเร่งสถาบันการเงินให้ช่วยปรับโครงสร้างหนี้กับธุรกิจในพื้นที่นั้นๆ ที่อาจกลับมาอยู่ในสภาพกลั้นหายใจอีกครั้ง

สาม ต้องมี Continuous assessment หรือการติดตามประเมินผลใกล้ชิด เพราะเรากำลังอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จักอย่างแท้จริง 

การคิดนอกกรอบและทดลองไอเดียใหม่เป็นสิ่งจำเป็น แต่แน่นอนว่าทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวย่อมเกิดขึ้นได้ โจทย์คือจะทำอย่างไรให้เรารู้ตัวเร็วว่านโยบายไหนไม่เวิร์คและสามารถปรับปรุงได้ทัน 

นอกจากนี้ ยิ่งมีการเก็บข้อมูลประเมินผลมาก ฐานข้อมูลก็ยิ่งได้รับการพัฒนาและช่วยเสริมหลักการข้อแรกอีกด้วย เช่น หลังจากการทำนโยบาย ‘เราไม่ทิ้งกัน’ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสุดท้ายมีคนเข้าร่วมประมาณ 15 ล้านคนที่ เราก็ควรจะมีข้อมูลคนงานนอกประกันสังคมที่ดีขึ้นนำไปใช้ในการทำ Targeting ในอนาคตได้แม่นยำขึ้น

สุดท้าย คงต้องขอออกตัวว่าส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้ชอบการเปรียบเทียบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจกับ ‘อาวุธ’ สักเท่าไร แต่ในกรณีนี้อาจช่วยให้เห็นภาพว่าเรากำลังต่อสู้ ‘สงคราม’ ที่ยิ่งใหญ่และยืดเยื้อกับโควิด-19 อยู่จริงๆ

 

เอาใจช่วยให้ประเทศไทย ‘ชนะ’ ศึกนี้ได้ครับ

MOST READ

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

Economy

23 Nov 2023

ไม่มี ‘วิกฤต’ ในคัมภีร์ธุรกิจของ ‘สิงห์’ : สันติ – ภูริต ภิรมย์ภักดี

หากไม่เข้าถ้ำสิงห์ ไหนเลยจะรู้จักสิงห์ 101 คุยกับ สันติ- ภูริต ภิรมย์ภักดี ถึงภูมิปัญญาการบริหารคน องค์กร และการตลาดเบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจสิงห์

กองบรรณาธิการ

23 Nov 2023

Economy

19 Mar 2018

ทางออกอยู่ที่ทุนนิยม

ในยามหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ผู้คนสิ้นหวังกับปัจจุบัน หวาดหวั่นต่ออนาคต และสั่นคลอนกับอดีตของตนเอง
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เสนอทุนนิยมให้เป็น ‘grand strategy’ ใหม่ของประเทศไทย

วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร

19 Mar 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save