fbpx
2020 ปีแห่งวิบากกรรมของแรงงานไทย

2020 ปีแห่งวิบากกรรมของแรงงานไทย

วิมุต วานิชเจริญธรรม เรื่อง

ภาพิมล หล่อตระกูล ภาพประกอบ

 

-1-

นับเป็นเวลาร่วมสองเดือนนับตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการประกาศสั่งปิดสถานศึกษาทั่วประเทศ ทั้งที่ภาคปลายของปีการศึกษา 2562 ยังไม่สิ้นสุดลง ดังนั้นการเรียนการสอนจึงต้องดำเนินต่อไป แต่ต้องปรับรูปแบบจากที่เคยถ่ายทอดวิชากันในห้องเรียน มาเป็นการเรียนทางไกลผ่านระบบออนไลน์

สำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สอนหนังสือในห้องเรียนมาตลอดชีวิตอย่างผม มีความเคยชินกับการประเมินความเข้าใจในเนื้อหาที่บรรยายแบบเรียลไทม์ผ่านการสังเกตสีหน้าและแววตาของนิสิตนักศึกษาในห้องเรียน เมื่อต้องมานั่งบรรยายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างเดียวดาย ก็คาดเดาไม่ได้เลยว่าที่พูดไปร่วมสามชั่วโมงนั้น คนฟังจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด

เพื่อนฝูงในสาขาอาชีพอื่นที่ต้องผันตัวเองมา work from home ต่างแชร์ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย แทบทุกคนแปลงโต๊ะที่บ้านให้เป็นออฟฟิศชั่วคราว ในยามเข้าประชุมงานผ่าน Zoom หรือแอปพลิเคชันสำหรับการประชุมทางไกลอื่นๆ

สำหรับเราๆ ท่านๆ ที่มีความพร้อมในการปรับการทำงานให้สอดรับกับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมของ ศบค. การทำงานที่บ้านไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ตรงกันข้าม กลับเป็นชีวิตตามวิถีปกติใหม่หรือ new normal ที่น่าอภิรมย์ด้วยซ้ำ

ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ คล้ายกับการพรีวิวชีวิตวัยหลังเกษียณของมนุษย์เงินเดือน เพราะตื่นเช้ามาไม่ต้องเครียดกับจราจรในเมืองกรุง เมื่อได้เวลาคุยงาน ก็นั่งประชุมทางไกลอยู่ที่บ้าน พอถึงเวลาเที่ยงก็สั่งของอร่อยผ่านแอปฯ บริการส่งอาหาร บางรายเข้าครัวฝึกทำเมนูใหม่ๆ ตกเย็นเล่นโยคะ วิ่งออกกำลัง… ชีวิตดี๊ดี

น่าเสียดายที่มีแรงงานจำนวนไม่มากนักที่สามารถเสพสุขกับชีวิตการทำงานในวิถีใหม่แบบนี้ได้

 

-2-

 

ผมลองหาข้อมูลจากชุดสำรวจภาวะการทำงานของประชากร (Labor Force Survey) ของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่จำแนกจำนวนแรงงานตามประเภทอุตสาหกรรม แล้วลองประเมินคร่าวๆ ว่าแรงงานในอุตสาหกรรมใดบ้างที่ต้องประสบความลำบากจากมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้ หลังจากวิเคราะห์แบบเร็วๆ ผมคิดว่ามีอุตสาหกรรม 8 ประเภทด้วยกันที่น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ 1) การผลิต 2) การขายส่งและขายปลีกฯ 3) การขนส่งฯ 4) ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 5) การศึกษา 6) กิจกรรมด้านสุขภาพฯ 7) ศิลปะความบันเทิงฯ และ 8) กิจกรรมบริการอื่นๆ

จากข้อมูลสำรวจจำนวนแรงงานที่มีงานทำในเดือนธันวาคม 2562 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิดนั้น 8 อุตสาหกรรมข้างต้นมีการจ้างแรงงานคิดเป็นร้อยละ 51 ของการจ้างงานทั้งหมดในเศรษฐกิจไทย หรือกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีงานทำทั้งหมด ตัวเลข ‘51%’ นี้บ่งบอกเพียงขนาดของกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบเท่านั้น ส่วนเรื่องความเดือดร้อนที่แรงงานแต่ละรายได้รับย่อมมีระดับของความรุนแรงที่แตกต่างกันไป บางรายอาจเพียงแค่เปลี่ยนจากการทำงานที่ออฟฟิศมาเป็นการทำงานที่บ้าน บางรายอาจจะต้องพักการทำงานไปชั่วคราว และบางรายอาจถึงขั้นถูกเลิกจ้างไปเลย

ในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมานั้น แรงงานที่ถูกเลิกจ้างมีเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และมาตรการที่รัฐประกาศเพื่อระงับวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ยิ่งจะทำให้มีจำนวนคนว่างงานมากยิ่งขึ้น

 

สัดส่วนการจ้างงานประเภทอุตสาหกรรม

 

-3-

 

แต่ไหนแต่ไรมา ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีอัตราการว่างงานไม่ถึงร้อยละ 1 อย่างไรก็ดีนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 เป็นต้นมา อัตราการว่างงานของไทยเริ่มปักหลักอยู่ในระดับร้อยละ 1 ติดต่อกันทุกเดือน และโมเมนตัมของอัตราว่างงานที่ร้อยละ 1 ยังยืนระยะต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกของปีนี้ (ซึ่งอัตราว่างงานในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ เท่ากับร้อยละ 1.1 ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ และเท่ากับร้อยละ 1 ในเดือนมีนาคม)

เมื่อพิจารณาถึงจำนวนผู้ว่างงาน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 พบว่า จำนวนคนว่างงานในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอย่างมากทีเดียว (ดูตารางที่ 2  ประกอบ) ตัวเลขที่ปรากฏนี้แสดงให้เห็นถึงภาวะปกติใหม่ในตลาดแรงงานไทย ที่จำนวนคนว่างงานเริ่มเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องหันมาเอาใจใส่ดูแลมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

 

 

นอกจากนี้ การสำรวจภาวะการทำงานในเดือนมีนาคม 2563 ยังพบว่า แรงงานที่ต้องว่างงานลงด้วยเหตุที่นายจ้างเลิกหรือหยุด/ปิดกิจการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 มีจำนวนสูงขึ้นกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าอีกด้วย ตัวเลขที่เพิ่มสูงติดต่อกันนี้น่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะสะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบทั้งฝ่ายของนายจ้างพร้อมๆ กันกับฝ่ายลูกจ้าง ที่สั่งสมมาตั้งแต่ก่อนเดือนมีนาคมแล้ว เมื่อมีการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มในช่วงปลายเดือนมีนาคม เชื่อได้ว่าจะทำให้สถานการณ์ในตลาดแรงงานยิ่งย่ำแย่ลงกว่าที่ปรากฏในรายงานภาวะการทำงานเดือนมีนาคมอีกเป็นแน่

 

จำนวนผู้ว่างงานตามสาเหตุการเลิกจ้าง

 

สิ่งที่ผมคาดเดาไว้นั้นยังไม่มีตัวเลขใดๆ มาสนับสนุน เพราะในขณะนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติยังไม่มีรายงานการสำรวจภาวะการทำงานในเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคมออกมา ดังนั้นจึงยังไม่มีข้อมูลของตลาดแรงงานเพื่อใช้ประเมินผลกระทบของมาตรการการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประกาศใช้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมได้

 

-4-

 

ในช่วงวันที่ 9-12 เมษายน 2563 คณะนักวิจัยใน ‘โครงการวิจัยคนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง’ ได้ทำการสำรวจผลกระทบต่อคนจนเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เชียงใหม่ สงขลา ชลบุรี ขอนแก่น และจังหวัดอื่นๆ รวม 18 จังหวัด และได้สรุปผลการสำรวจนี้ออกเป็นรายงานเผยแพร่ต่อสาธารณะ

รายงานการสำรวจนี้ช่วยให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากของแรงงานในระดับฐานล่างของการกระจายรายได้ ซึ่งผมจะขอหยิบยกข้อค้นพบบางส่วนมาถ่ายทอดต่อ ดังนี้

  • แม้ว่าจะเป็นการลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างเร่งด่วน แต่คณะผู้วิจัยก็สามารถรวบรวมแบบสอบถามได้ถึง 507 ชุด
  • ร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสำรวจนี้ มีอาชีพรับจ้างรายเดือนแต่ไม่มีประกันสังคม ในขณะที่ร้อยละ 24  เป็นกลุ่มอาชีพรับจ้างรายวัน และส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มของ แม่ค้า หาบเร่ แผงลอยและอาชีพอิสระอื่นๆ
  • ผลการสำรวจพบว่าเมื่อรัฐบาลประกาศใช้มาตรการดังกล่าว แรงงานจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพและหารายได้ดังเช่นที่เคย บางรายนายจ้างให้หยุดงานโดยสิ้นเชิง บางรายต้องลดเวลาทำงานลงซึ่งส่งผลให้รายได้หดหายตามไปด้วย กลุ่มของผู้มีอาชีพค้าขาย หาบเร่ แผงลอย ประสบปัญหาขาดรายได้เพราะพื้นที่ที่เคยค้าขายประจำถูกปิดกั้น ไม่สามารถทำการค้าได้ตามปกติ
  • ผลกระทบดังกล่าวทำให้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 24 สูญรายได้ไปเกือบทั้งหมด ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 31.2 ระบุว่ามีรายได้ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยได้รับ
  • มีเพียงกลุ่มคนจนเมืองที่มีเงินเดือนประจำที่ยังคงมีรายได้เท่าเดิม ซึ่งกลุ่มตัวอย่างนี้มีเพียงร้อยละ 55 ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม
  • ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 79 ตอบว่าอาชีพของตนนั้นไม่สามารถปรับให้มาทำแทนที่บ้านได้
  • กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นคนจนเมืองมีค่าเฉลี่ยของรายได้ในช่วงก่อนการระบาดเท่ากับ 13,397 บาทต่อเดือน

 

-5-

 

การระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งนี้ได้สะท้อนปัญหาของความเหลื่อมล้ำของรายได้และโอกาสในสังคมให้ปรากฏเด่นชัดมากยิ่งขึ้น มนุษย์เงินเดือนที่มีอาชีพการงานมั่นคง มีความพร้อมทั้งด้านความรู้และทรัพยากรที่จะปรับตัวเข้าสู่วิถีปกติใหม่ สามารถใช้ชีวิตในช่วงวิกฤตโควิดได้อย่างไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก แม้ว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะทำให้บางกิจกรรมหรือบางธุรกิจต้องหยุดลงยาวนานเพียงใด รายได้ของคนกลุ่มนี้ก็แทบไม่ได้รับผลกระทบเลย ตรงกันข้ามกับผู้มีรายได้น้อยและด้อยโอกาสในสังคมซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ประสบกับความยากลำบากขั้นรุนแรงในการรักษามาตรความเป็นอยู่ช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ดังนั้นยิ่งเลื่อนเวลาคลายล็อคออกไปนานเท่าไหร่ ความเดือดร้อนของคนกลุ่มนี้ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องรายได้ที่หดหายหรือเรื่องการถูกปลดจากงาน

เราได้เห็นจากข้อมูลสำรวจภาวะการทำงาน ว่าแนวโน้มของการปิดกิจการและการเลิกจ้างนั้นเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี หากรัฐบาลยังไม่สามารถนำภาวการณ์ปกติกลับสู่เศรษฐกิจไทยได้ในเร็ววัน รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งผันเงินสู่กระเป๋าของแรงงานที่ได้รับผลกระทบเป็นการเร่งด่วน เพราะสถานการณ์ในตลาดแรงงานขณะนี้ ชี้ชัดว่าแรงงานที่ว่างงานอยู่นั้นต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหางานใหม่ที่ให้รายได้เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูครอบครัวได้

MOST READ

Economy

15 Mar 2018

การท่องเที่ยวกับเศรษฐกิจไทย

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ตั้งคำถาม ใครได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูม และเราจะบริหารจัดการผลประโยชน์และสร้างความยั่งยืนให้กับรายได้จากการท่องเที่ยวได้อย่างไร

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย

15 Mar 2018

Economy

23 Nov 2023

ไม่มี ‘วิกฤต’ ในคัมภีร์ธุรกิจของ ‘สิงห์’ : สันติ – ภูริต ภิรมย์ภักดี

หากไม่เข้าถ้ำสิงห์ ไหนเลยจะรู้จักสิงห์ 101 คุยกับ สันติ- ภูริต ภิรมย์ภักดี ถึงภูมิปัญญาการบริหารคน องค์กร และการตลาดเบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจสิงห์

กองบรรณาธิการ

23 Nov 2023

Economy

19 Mar 2018

ทางออกอยู่ที่ทุนนิยม

ในยามหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ผู้คนสิ้นหวังกับปัจจุบัน หวาดหวั่นต่ออนาคต และสั่นคลอนกับอดีตของตนเอง
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เสนอทุนนิยมให้เป็น ‘grand strategy’ ใหม่ของประเทศไทย

วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร

19 Mar 2018

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save