เผาธงที่ไม่ใช่ชังชาติ เปลือยกายที่ไม่ใช่ลามกจกเปรต

การแสดงออกทางการเมืองมิใช่เพียงการใช้คำพูดหรือตัวหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร หากยังรวมไปถึงการกระทำอื่นอันหลากหลายรูปแบบ ในหลายสังคมและต่างจังหวะเวลา ผู้คนต่างเลือกใช้วิธีการแสดงออกในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยหัวใจสำคัญก็คือการมุ่งสื่อความหมายถึงความเห็น ทรรศนะ จุดยืนของตนให้แก่บุคคลที่ได้พบเห็นหรือได้รับฟัง แต่จะพบว่าการกระทำหลายอย่างถูกทำให้กลายเป็นเรื่องของการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือละเมิดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน  

บทความชิ้นนี้ชวนพิจารณาถึงการกระทำสองรูปแบบที่มักกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมากว่าจะจัดเป็นเสรีภาพในการแสดงออกหรือเป็นการกระทำที่ควรต้องได้รับโทษ สองประเด็นที่ว่านี้คือ การเผาธงชาติและการเปลือยกายในพื้นที่สาธารณะ

การเผาธงชาติของ Johnson

ในการประชุมของพรรครีพลับลิกันเมื่อ ค.ศ. 1984 ได้มีผู้มาชุมนุมเพื่อประท้วงต่อนโยบายของรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดี Ronald Reagan ผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน ได้เดินไปตามถนน Dallas มีการตะโกนคำขวัญ และการพ่นสีบนกำแพงของอาคาร โดย Gregory Lee Johnson เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเดินในกิจกรรมการชุมนุมครั้งนี้

เมื่อการชุมนุมได้มาถึงหอประชุมของเมือง Johnson คลี่ผืนธงชาติที่ได้รับมาจากผู้ชุมนุมและจุดไฟเผาธงชาติผืนดังกล่าว ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ ผู้ชุมนุมได้ร่วมกันตะโกนว่า “America, the red, white, and blue, we spit on you.” การชุมนุมยุติลงโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกาย พยานผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายให้การว่าพวกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากจากการเผาธงชาติ

Johnson เป็นเพียงบุคคลเดียวที่ถูกฟ้องเป็นคดีต่อศาลของ Texas ในข้อหาการดูหมิ่นต่อวัตถุอันเป็นที่เคารพตามกฎหมายอาญาของมลรัฐ (desecration of a venerated object) ในชั้นแรกศาลได้มีคำตัดสินให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ (Texas Court Criminal of Appeals) ได้กลับคำตัดสินโดยเห็นว่าหากพิจารณาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ (The First Amendment) แล้ว มลรัฐไม่มีอำนาจในการลงโทษต่อการกระทำในลักษณะดังกล่าว

ต่อมาคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลสูงสหรัฐฯ (Supreme Court) ซึ่งรู้จักกันในคดี Texas v. Johnson, United States Supreme Court, 1989[1] และกลายเป็นคดีหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการพิจารณาในประเด็นเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก (freedom of expression) ของประชาชน ในการตัดสินข้อพิพาทในคดีมีประเด็นสำคัญในการพิจารณาสองประเด็นสำคัญคือ หนึ่ง การกระทำดังกล่าวนี้ถือเป็นเสรีภาพในการแสดงความเห็น (freedom of speech) ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรองรับไว้หรือไม่[2] และสอง ข้อจำกัดต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยเฉพาะในกรณีการเผาธงชาติ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายพิเศษแตกต่างไปจากสิ่งของชนิดอื่น

ประเด็นแรก แม้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ จะใช้คำว่า speech แต่ก็ไม่ทำให้จำกัดไว้เฉพาะการแสดงออกที่เป็นถ้อยคำหรือตัวหนังสือ แต่ศาลสูงมีความเห็นว่าการกระทำในลักษณะใดที่เป็นการสื่อความและเป็นที่เข้าใจได้สำหรับผู้ที่พบเห็น เช่น การสวมปลอกแขนสีดำประท้วงกองทัพอเมริกันในสงครามเวียดนาม การนั่ง (sit-in) โดยคนดำในร้านที่รับเฉพาะคนขาว เป็นต้น ก็ล้วนถือเป็นการแสดงออกที่อยู่ภายในของเขตที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ

กรณีการเผาธงชาติในการประท้วงต่อนโยบายของรัฐบาลก็ย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกที่มุ่งสื่อความมุ่งหมายต่อสาธารณะ Johnson ให้คำอธิบายว่าเผาธงชาติเนื่องจาก Ronald Reagan ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง การแสดงออกที่ทรงพลังในเชิงสัญลักษณ์ (แบบอื่น) ไม่อาจกระทำได้ในขณะนั้น การเผาธงชาติจึงเป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นควบคู่กันไป

ประเด็นที่สอง มลรัฐ Texas ให้เหตุผลว่าการลงโทษต่อการเผาธงชาติก็เพื่อป้องกันความสงบสุขในสังคม (preventing breaches of the peace) เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจส่งให้เกิดความไม่พอใจต่อผู้พบเห็น แต่จากข้อเท็จจริงจะพบว่าในระหว่างการประท้วงที่เกิดขึ้นไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งในการเผาธงก็ไม่ได้มีการใช้ถ้อยคำก้าวร้าว (fighting words) ที่จะยั่วยุให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรง ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

แน่นอนว่าธงชาติเป็นสัญลักษณ์ที่ต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษต่างจากสิ่งของอื่นๆ และการรักษาสถานะพิเศษของธงชาติย่อมเป็นจุดประสงค์ที่ควรกระทำ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช้การลงโทษทางกฎหมายสำหรับผู้ที่เห็นต่างออกไป หากต้องเป็นการให้การศึกษา การถกเถียง ศาลสูงสหรัฐฯ เห็นว่าท่าทีในลักษณะเช่นนี้ต่างหากที่จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับความหมายของธงชาติ คำตัดสินนี้จะยืนยันถึงเสรีภาพและการหลอมรวมที่สะท้อนออกมาในธงชาติที่ดีที่สุด (the freedom and inclusiveness that the flag best reflects)

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลสูงสหรัฐฯ จึงได้ตัดสินว่าการเผาธงชาติในฐานะของการแสดงออกทางการเมืองถือว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

การเปลือยร่างกายของป้าเป้า

28 กันยายน 2564 บริเวณแยกนางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวเพื่อเตรียมเข้าสลายการชุมนุมเฉกเช่นเดียวกับหลายครั้งที่ได้ดำเนินมา แต่ในครั้งนี้กลับต้องเผชิญกับการแสดงออกที่แตกต่างออกไป ป้าเป้าเข้าไปขวางกั้นพร้อมกับการเปลือยกายโดยหันหน้าไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาพร้อมกับอาวุธและชุดป้องกันอย่างพร้อมสรรพ

การกระทำของป้าเป้าทำให้การเคลื่อนไหวของทางเจ้าหน้าที่ต้องหยุดชะงักไป ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้ในรูปแบบที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน จึงทำให้ไม่สามารถจะรับมือกับการเปลือยกายของผู้ประท้วงได้อย่างทันท่วงที

ภายหลังจากการชุมนุมยุติลงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งว่าจะมีการดำเนินคดีกับป้าเป้าในหลายข้อหา โดยข้อหาหนึ่งที่มีต่อป้าเป้าก็คือ กระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย[3]

แต่การเปลือยกายของป้าเป้า ไม่ใช่เพียงแค่การโชว์ของลับแก่เจ้าหน้าที่เท่านั้น หากเห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่มุ่งตอบโต้กับอำนาจรัฐ หรือสามารถกล่าวได้ว่าคือการแสดงออกซึ่งความเห็นแบบหนึ่ง และเสรีภาพในการแสดงความเห็นก็เป็นประเด็นที่รัฐธรรมนูญของไทยได้ให้การรับรองมาอย่างต่อเนื่อง รัฐธรรมนูญ 2560 ก็ได้บัญญัติรับรองเสรีภาพในการแสดงความเห็นไว้[4] การพิจารณาถึงความหมายในการเปลือยกายของป้าเป้าจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญได้ให้การรับรองไว้ควบคู่กันไป ทั้งนี้ มี 3 ประเด็นสำคัญชวนให้ต้องขบคิด ดังนี้

ประเด็นแรก รัฐธรรมนูญได้รับรองเสรีภาพในการแสดงความเห็นรวมถึงการสื่อความโดยวิธีอื่น เช่นเดียวกันกับความเข้าใจโดยทั่วไปว่าเสรีภาพในการแสดงความเห็นมิใช่เพียงแค่การพูดหรือการเขียนเท่านั้น หากตีความว่าการแสดงความเห็นจำกัดอยู่แค่เพียงการกระทำในลักษณะที่กล่าวมาแล้ว ก็ย่อมจะทำให้คนใบ้หรือคนไม่รู้หนังสือไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น อีกทั้งรัฐธรรมนูญไทยได้รับรองไว้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่าให้รวมถึง ‘การสื่อความหมายโดยวิธีการอื่น’ การแสดงออกผ่านเรือนร่างของตนเองก็ย่อมถือเป็นการแสดงความเห็นในลักษณะหนึ่งได้อย่างไม่อาจปฏิเสธ เฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่การใช้คำพูดและเหตุผลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเกิดความตระหนักขึ้นได้ 

ประเด็นที่สอง การเปลือยกายที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังใช้กำลังสลายการรวมตัวกันของประชาชน กรณีนี้ก็เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่าเป้าหมายสำคัญของการชุมนุมที่เกิดขึ้นก็เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งอันเป็นสิ่งที่เป็นความปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ต้องเผชิญกับการฉีดน้ำ การยิงด้วยกระสุนยาง การใช้แก๊สน้ำตา ฯลฯ

จุดมุ่งหมายสำคัญในการเปิดเผยร่างกายต่อเจ้าหน้าที่ก็คือ การพยายามหยุดยั้งการใช้กำลังในการสลายการชุมนุมดังเช่นที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และเห็นได้ว่าการกระทำเช่นว่าก็มีผลให้เจ้าหน้าที่ต้องชะงักในการทำหน้าที่ของตน ภายหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ตามไปแก้ผ้าให้เจ้าหน้าที่ดูอีกแต่อย่างใด การเปลือยจึงมีเป้าหมายต่อเจ้าหน้าที่ในการใช้กำลังปราบปรามประชาชนอย่างชัดเจน

ประเด็นที่สาม วัตถุประสงค์ของกฎหมายอาญาประการหนึ่งก็คือ การควบคุมการกระทำที่ส่งผลให้เกิดภยันตรายต่อบุคคลอื่น หรือเป็นการกระทำที่ทำให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นจากการกระทำอันนั้น สำหรับความผิดในเรื่องกระทำการอันควรขายหน้าหรือกระทำการลามกที่ผ่านมาก็มักจะได้แก่ บุคคลที่ตั้งใจโชว์ของลับในที่สาธารณะ บุคคลที่สำเร็จความใคร่ให้ผู้อื่นเห็น เป็นต้น

แต่สำหรับการเปลือยกายในที่สาธารณะเพื่อเป้าหมายทางการเมืองเกิดขึ้นในประเด็นอันหลากหลาย นับตั้งแต่การร่วมกันถ่ายภาพเปลือยในทะเลสาบเดดซีเพื่อกระตุ้นสำนึกของสาธารณะต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม, การเปลือยกายเพื่อบอยคอตสินค้าจากสัตว์, การเรียกร้องสิทธิในที่ดิน, การต่อต้านสงคราม และอีกนานัปการ

การกระทำเหล่านี้ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายที่ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว หากต้องการการปรับเปลี่ยนทั้งในระดับปรากฏการณ์หรือนโยบาย จะเรียกว่าเป็นกิจกรรม ‘อันควรขายหน้า’ ได้กระนั้นหรือ ตรงกันข้าม สังคมควรให้ความสำคัญต่อการเปลือยกายของบุคคลในลักษณะเช่นนี้มากกว่า

การตัดสินอันควรขายหน้า

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ด้วยความหวังว่าจะทำให้สามารถแยกแยะระหว่างการกระทำความผิดที่เรียกว่า ‘อันควรขายหน้า’ กับ ‘เสรีภาพในการแสดงความเห็น’ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถเข้าใจและเกิดดวงตาเห็นธรรมจนตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออก กระทั่งทำให้เกิดการตัดสินใหม่ที่กลายเป็นบรรทัดฐานในแง่มุมที่แตกต่างออกไป การคาดหวังเช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นก็กับบรรดาผู้เดียงสาต่อกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างมาก

เพราะเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่สายตาของสาธารณชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังได้มีการตัดสินอันควรขายหน้าเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีความหมายต่อสิทธิเสรีภาพของผู้คนมากเพียงใดก็พร้อมจะถูกจำกัดลงได้ด้วยเหตุผลอันตื้นเขินว่า “เป็นการกระทำความผิดที่มีโทษสูง จึงไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง”


[1] TEXAS, Petitioner v. Gregory Lee JOHNSON.

[2] The first amendment of USA Constitution

“Congress shall make no law respecting an establishment of religion, or prohibiting the free exercise thereof: or abridging the freedom of speech, or of the press; or the right of the people peaceably to assemble and to petition the government for a redress of grievances.”

[3] ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388

“ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท”

[4] รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 34

“บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน”

MOST READ

Politics

16 Dec 2021

สิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับและถูกควบคุมตัว (ตอนที่ 1) : เหตุใดจึงต้องพบศาล และต้องพบศาลเมื่อใด

ปกป้อง ศรีสนิท อธิบายถึงวิธีคิดของสิทธิที่จะพบศาลภายหลังถูกจับกุมและควบคุมตัว และบทบาทของศาลในการพิทักษ์เสรีภาพปัจเจกชน

ปกป้อง ศรีสนิท

16 Dec 2021

Politics

25 Jan 2024

ผู้พิพากษาอาวุโสมีไว้มากมาย… ทำไม

‘ใบตองแห้ง’ ชวนสำรวจเงินเดือนของเหล่าผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี และชวนตั้งคำถามว่า บทบาทหน้าที่ของผู้พิพากษาอาวุโสเหล่านี้คืออะไร สร้างประโยชน์ใดให้แก่กระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง

อธึกกิต แสวงสุข

25 Jan 2024

Politics

23 Feb 2023

จากสู้บนถนน สู่คนในสภา: 4 ปีชีวิตนักการเมืองของอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

101 ชวนอมรัตน์สนทนาว่าด้วยข้อเรียกร้องจากนอกสภาฯ ถึงการถกเถียงในสภาฯ โจทย์การเมืองของก้าวไกลในการเลือกตั้ง บทเรียนในการทำงานการเมืองกว่า 4 ปี คอขวดของการพัฒนาสังคมไทย และบทบาทในอนาคตของเธอในการเมืองไทย

ภัคจิรา มาตาพิทักษ์

23 Feb 2023

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save